สวัสดีครับ ผมป๋าเกียรติ วันนี้จะพาเพื่อนไปเที่ยวเชียงคาน จ.เลย กันครับ โดยรถยนต์ส่วนตัว เป็นการเดินทางในช่วงวันหยุดพักผ่อน จึงออกเดินทางตามแต่สะดวก ผมออกเดินทางเวลาประมาณ 12.00 น. จาก จ.สุโขทัย ใช้เส้นทาง สุโขทัย - วังทอง - นครไทย - ด่านซ้าย -ภูเรือ - เชียงคาน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.ระยะทางประมาณ 321 กม. ผมขับรถไม่รีบ ชมวิวไปเรื่อย และเส้นทางเป็นเนินเขา ผมจองห้องพักไว้แล้ว กับ "เดอะรอยัลเชียงคาน บูติคโฮเต็ล "
ห้องนอนก็สะอาดดีครับ ห้องผมจะอยู่ชั้นล่างติดถนนคนเดิน ห้องไม่เล็กและก็ไม่ใหญ่จนเกินไป ที่นอน 5 ฟุต ครับ ในราคา 1,500 บาท พร้อมอาหารเช้า
จากนั้นผมก็ออกไปสำรวจถนนคนเดินเชียงคาน แม่ค้าเริ่มทยอยเปิดร้านกันไป เวลาประมาณ 17.30 น.
ของกินขึ้นชื่อของที่นี่ ใครมาต้องลองชิมครับ กุ้งแม่น้ำย่าง,ปูแม่น้ำย่าง และ หอยแม่น้ำย่าง รสชาติอร่อยมากครับ ไม้ละ 20 บาท
ข้าวจี่ย่าง ผมเห็นนักท่องเที่ยวหลายๆคน ซื้อทานกันเยอะ แต่ผมไม่ได้ทาน ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่รู้ว่าเป็นของที่ใครๆหลายคนแนะนำครับ
ตลอดระยะทางถนนคนเดิน ทั้งสองฝั่งจะมีร้านค้า,ที่พัก ติดกันไปเป็นทางยาว เดินชมไปไม่เห็นเหนื่อยครับ
เช้ารุ่งขึ้น เราตื่นขึ้นมา 06.00 น. เพื่อมารอทำบุญ ซึ่งมีพระมาบิณฑบาตร บรรยากาศอากาศเย็นสบาย ซึ่งทางที่พักได้เตรียมชุดทำบุญไว้ ราคา ชุดละ 60 บาท
จากนั้น เราได้รับประทานอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดให้ ที่ร้านแม่งาม อยู่ตรงข้ามเยื้องๆกับที่พัก
บรรยากาศตอนเช้าตรู่ริมแม่น้ำโขง เย็นสบายดีครับ
อาหารเช้า มีเมนูให้เลือกหลายอย่าง ผมเลือกโจ๊กหมู(ขวา) ส่วนแฟนผมเลือก ข้าวเปียก(ซ้าย)
จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปหาร้านกาแฟนั่งชิวๆ
ร้านนี้เลยครับ "With a View " ได้ทั้งวิวดี และ รสชาติกาแฟอร่อย สมชื่อเลยครับ เพราะทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ จะแวะทานกาแฟที่นี่
ผมสั่ง อเมริกาโน่ ไม่ใส่นำตาล และ ชีทเค๊กน้ำฝึ้ง หอมหวานน้ำผึ้งมากครับ
เก็บภาพบรรยาการในร้านมาฝากครับ
จากนั้นเราก็มาทานอาหารมื้อกลางวัน ที่ร้าน "เฮือนหลวงพระบาง"เป็นร้านอาหารริมฝั่งโขง มองเห็นเห็นวิวที่ประเทศลาวครับ
เมนูที่ผมสั่งคือ ส้มตำหลวงพระบาง,ต้มยำปลากดคลัง,ทอดมันปลากลาย,ผัดกระหล่ำปลี รสชาติจัดจ้านดีครับ โดยเฉพาะส้มตำหลวงพระบาง
ที่นี่ มีตู้เอทีเอ็ม ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ใครเงินหมดก็ไม่ต้องกลัวครับ
ที่พักติดริมโขงแต่ละหลัง อาทิเช่น บ้านสุขนที
บ้านสุเนต์ตา
หลังจากเช็คเอาท์จากที่พักแล้ว ผมและแฟนเดินทางไปแก่งคุดคู้ ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 4 กิโลเมตร บนถนนเชียงคาน-ปากชม จากตลาดสดเทศบาลตำบลเชียงคาน ใช้ทางหลวงหมายเลข 211 ประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางอีก 2 กิโลเมตร สุดทางที่ “แก่งคุดคู้” พอดี ซึ่งเปรียบได้กับสถานที่ตากอากาศของคนเชียงคาน
จากนั้นผมตกลงกับแฟนว่าจะไปเที่ยวต่อที่ พิพิธภัณฑ์ไทยดำ ชมรมไทยดำ (หล้า-ลอง) ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักไปประมาณ 13 กิโลเมตร ชื่อว่า “บ้านนาป่าหนาด” หมู่ที่ 4 ต.เขาแก้ว ที่เป็นหมู่บ้านของชาว “ไทดำ”
ชื่อของบ้านนาป่าหนาด ได้มาจากการที่หมู่บ้านนี้ มีต้นหนาด ที่เชื่อกันว่า มีสรรพคุณไล่ผี ขึ้นอยู่มากมายแต่ที่น่าสนใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องของต้นหนาด หากแต่เป็นเรื่องของ วิถีชีวิต-วิถีชุมชน-วิถีวัฒนธรรม อันสืบเนื่องมาจากหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นชุมชนของ “ชาวไทดำ” ที่พวกเขาเรียกตัวเองกันว่า “ไต”
ภายในประกอบไปด้วยเรือนหลังใหญ่ 3 หลัง ยุ้งข้าว 3 หลัง อาคารทั้งหมดสร้างแบบหลังคารูปโค้งแบบลาดหลังเต่าและแบบคาลาดตูบ
การบริหารจัดการ
-ไม่เก็บค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ นอกจากนั้นทางพิพิธภัณฑ์ยังจัดน้ำดื่ม กาแฟ ชา กล้วย ไว้บริการ จัดตู้รับบริจากให้ผู้มาเยี่ยมชมได้บริจาคตามความประสงค์ เพื่อสร้างฝันให้ไทยดำคงอยู่
มีร้านค้าจำหน่ายสิ่งของเครื่องใช้ภูมิปัญญาของไทยดำ เช่น ตุ้มนกตุ้มหนู ดอกไม้ไทดำ ที่ใช้ประดับต้นปางเพื่อขอบคุณ ผีบรรพบุรุษ หรือ ผีฟ้า หรือแม้แต่ตัวอักษรไทดำ ก็เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น ที่น่าเรียนรู้ด้วยความตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน
มีการละเล่นเก่าแก่ เป็นบ่องบ้อ หรือ แจ่งแจะ(เดินม้าโยก) หรือ ที่บ้านผมเรียกว่าม้าเขย่ง
การละเล่นมะกอน ลอดบ่วง การโยนลูกผ้าลักษณะสามเหลี่ยมมีหาง ภายในยัดด้วยฝ้าย ให้ลอดห่วง เพื่อเสี่ยงทาย หรือเลือกคู่
จากนั้นเราก็เดินทางไป ชมพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนวัดโพนชัย
ที่อยู่เลขที่ 85 หมู่ที่ 3 ถนนแก้วอาสา บ้านเดิ่น ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย 42120 เบอร์ติดต่อ042-891697,081-9549966 Facebookhttps://www.facebook.com/phitakhonmuseum/
จากนั้น เราเดินทางไปไหว้พระ วัดเนรมิตวิปัสสนา ตั้งอยู่ในอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย วัดตั้งอยู่สูงเด่นอยู่บนเนินเขา พระอุโบสถและเจดีย์ภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง และมีพระอุโบสถขนาดใหญ่ตกแต่ง อย่างวิจิตรงดงามตามศิลปะภาคกลาง มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เกิดจากจินตนาการสร้างสรรค์ออกแบบ โดยพระและเณร มีภาพจิตรกรรมที่สวยงามประดับ อยู่โดยรอบมีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน และมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อพระมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดและ ได้มรณภาพแล้ว บริเวณพื้นที่โดยรอบมี การจัดแต่งสวนและต้นไม้ร่มรื่นสวยงามและมีต้นไม้ที่ สำคัญทางพุทธศาสนาคือ " ต้นสาละ" เป็นต้นไม้ที่ พระพุทธเจ้าทรงประสูติ เป็นสถานที่ที่ใครเดินทางมาถึงด่านซ้ายไม่ลืมแวะไปนมัสการและเที่ยวชม
จบทริปนี้ ถือว่าคุ้มค่าได้ทั้งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และ ไว้พระทำบุญเลยครับ ไว้คราวหน้าจะพาไปท่องเที่ยวกันต่อครับ ติดตามกันต่อไปนะครับ
Somkiet Yonthipweach
วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 14.48 น.