หลายๆคนอาจจะเคยไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในฤดูยอดนิยมต่างๆไม่ว่าจะเป็น ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูหนาว เเต่วันนี้ "ต้องไปSightseeing" จะพาทุกท่านไปชม เกียวโตในวันฝนพรำ อีกเเง่มุมหนึ่ง ของเกียวโตที่เราอยากให้คุณได้สัมผัส
เกียวโต ( Kyoto ) เมืองที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แห่งเอโดะมาโดยตลอด เสน่ห์ของเมืองนี้ เชื่อว่า
ใครที่เคยมาสัมผัสกับบรรยากาศที่ชวนให้หลงไหลอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ผสมผสานระหว่างความเจริญ
และความเก่าแก่ของที่นี่ จะต้องอยากกลับไปอีกครั้งเป็นแน่เลยล่ะ
การเดินทางไปเกียวโต ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มจากลงเครื่องที่สนามบินคันไซ แล้วนั่งรถไฟเข้าเมืองเกียวโต
หรือนั่งรถบัสก็ได้
ป้ายต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ เมื่อเห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกได้จริงๆว่า มาถึงคันไซแล้วน้าาาา
หลังจากผ่าน ตม. ออกมาที่อาคารหลัก จะมี Information , จุดขายซิมโทรศัพท์ จุดให้บริการต่างๆครบครัน
วันนี้เราเลือกที่จะใช้บริการเข้าเมืองด้วยรถไฟ ก็ต้องไปที่ชั้น 2 ค่ะ ขึ้นมาก็จะเจอโถงยาวแบบนี้ ให้เดินออกประตูขวามือตามป้ายสัญลักษณ์รูปรถไฟได้เลยค่า
เมื่อเดินออออกมาจะเป็นทางเชื่อมกับ เทอร์มินัล 2 นะคะ
ระหว่างเดินข้าม ด้านล่างจะเป็นจุดจอดรถบัสเข้าเมืองนะคะ ใครที่ไปรถบัสก็ไม่ต้องขึ้นมาชั้น 2 ค่ะ
เมื่อเดินข้ามาถึงเทอร์มินัล 2 จะเห็นทางเข้าสถานี Nankai ขวามือค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายอีกด้านจะเป็นของ JR ค่ะ
คราวนี้ได้มีโอกาสใช้บริการรถไฟชินคันเซนขบวน LIMITED EXPRESS HARUKA ด้วยโปรฯ บัตร ICOCA + HARUKA ซึ่งเป็นโปรฯคุ้มค่าทีเดียวสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบายในการเดินทางเข้า
เมืองค่ะ แถมบัตร IC ICOCA ยังสามารถใช้แตะแทนการพกเงินสดที่ญี่ปุ่นได้ทั่วประเทศ
ใครที่สนใจก็มาซื้อได้ที่เค้าน์เตอร์ JR ได้เลยค่ะ
เค้าน์เตอร์อยู่ที่นี่ สังเกตุง่ายๆว่าอยู่ตรงข้ามกับสายรถไฟของ NANKAI แต่ตอนที่ไปถึงเค้าน์เตอร์ยัง
ไม่เปิดเลย
หน้าตาตั๋วขาไปเป็นแบบนี้ค่ะ ICOCA+Haruka one-way trip ราคา 3,030 เยน และเราจะได้บัตร ICOCA โดยมีเงินที่เราใช้ได้คือ 1,500 เยน และอีก 500 เยนเป็นค่ามัดจำบัตร และได้บัตรนั่ง Haruka ตกเที่ยวละ 1,030 เยนเองนะ ปกติตั๋ว Haruka ราคาจากสนามบินคันไซไปเกียวโต ราคาอยู่ที่ 3,370 เยนค่ะ
ส่วนใครไม่อยากไปซื้อด้านหน้าเค้าน์เตอร์ ก็จองผ่านหน้าเว็บก่อนได้ค่ะ ซื้อล่วงหน้าได้ 2 - 27 วัน สามารถเข้าไปจองได้ที่ link นี้ค่ะ
http://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/icoca-haruka/
บรรยากาศที่สนามบิน KIX ( Kansai International Airport )
คราวที่แล้วได้มาแวะอาบน้ำที่นี่ด้วย แต่วันนี้ไม่ได้แวะมาใช้บริการเลยไม่ได้ถ่ายด้านในมาให้ดูค่ะ ถ่าย
มาแต่ด้านหน้า ใครมาถึงสนามบินแล้ว ได้มีโอกาสก็ลองแวะมาใช้บริการได้นะคะ ด้านในมีตู้ล้อคเกอร์ให้ด้วย
ตู้ละลายทรัพย์
รถไฟชินคันเซนขบวน LIMITED EXPRESS HARUKA สวยสมชื่อ
ในกรณีที่เราซื้อตั๋วแบบ Non-Reserved ก็ให้ขึ้นตู้โดยสารที่ 4-6 เท่านั้นนะคะ สังเกตุตู้โดยสารได้ที่พื้นจะเขียนใว้ค่ะ
ชานมร้อนๆจากตู้ก่อนเข้าเมืองค่ะ
เมื่อรถเคลื่อนออกจากสนามบิน จะมีคุณลุงมาตรวจตั๋วด้วยค่ะ
JR Haruka จะวิ่งไป-กลับระหว่างสนามบินคันไซ - เกียวโต โดยแวะจอดระหว่างทางแค่ 2 สถานี คือที่โอซาก้า สถานี Tennoji และ Shin-Osaka เท่านั้น และไปสุดสายที่สถานี Kyoto (ให้ดูที่เส้นสีน้ำเงินนะ)
(ภาพจาก : www.westjr.co.jp)
ระหว่างทางฝนตกบ้างหยุดบ้าง
นั่งสุดสายมาลงสถานีเกียวโตกันเลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางเพียง 75 นาทีเท่านั้นเอง
สถานีเกียวโตเป็นสถานีหลัก เป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางสายต่างๆ พอออกมาด้านหน้าฝนก็เริ่มหยุด
บรรยากาศเย็นๆ สบายๆ
ถนนด้านหน้าสถานีค่ะ
จากนั้นก็เริ่มไปเที่ยวที่แรกกันดีกว่าค่ะ ไม่ไกลจากสถานีเกียวโตเลยก็ต้องที่นี่ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
จากสถานีเกียวโต นั่ง JR มาลงที่สถานี Inari ( อินาริ )
ที่นี่ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเช่นเคย ชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วโลกเรื่องของความสวยงาม
และความเก่าแก่ ที่เด่นสุดก็คือเสาโทริอิที่มีจำนวนมากมายจากความสามัคคีของชาวเมืองที่บริจาค
แวะเติมพลังกันสักนิด
ช่วงบ่ายไปต่อกันที่ วัดทอง หรือวัดคินคะคุจิกันค่ะ วัดนี้ก็เป็นอีกสถานที่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น
มรดกโลกที่มีอายุเก่าแก่ ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมาเยอะกว่าคราวก่อนที่ยูมาอีกค่ะ ครั้งนี้ได้กลับมาอีกครั้ง
ก็สมใจล่ะค่ะ เพราะว่าที่นี่ สวยไม่สร่างจริงๆ
จุดโยนเหรียญขอพร ว่ากันว่า ถ้าอธิษฐานแล้วโยนลงก็จะสมปรารถนาค่ะ
ร้านขนมครั้งก่อนที่เคยมา เป็นเซ็ตขนมกับชาเขียวชงเข้มข้นพร้อมกับนั่งในสวนที่จัดใว้ค่ะ
ครั้งนี้ก็ยังคงอร่อยเหมือนเดิม
ช่วงเย็นเรากลับลงมาเที่ยวที่วัดน้ำใส หรือ วัด Kiyomizu หนึ่งในมรดกโลกกันค่ะ
มาถึงก็เกือบมืดเลย ช่วงที่ไป ทางวัดเองก็กำลังบูรณะตัววัดออยู่ค่ะ กว่าจะเสร็จก็คงก่อนโอลิมปิคเลยค่ะ คราวก่อนโชคดี มาตอนที่ยังไม่ปิดซ่อม
แต่บรรยากาศชวนให้คิดถึงวันเก่าๆจริงๆค่ะ สวยเหมือนเดิม มากี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อ
ช่วงค่ำคืนกับบรรยากาศของผู้คนหลังเลิกงานกันที่ย่าน GION ค่ะ ร้านต่างๆที่เปิดในบริเวณซอย Pontocho ยังคงครึกครื้นไม่เปลี่ยนแปลง กลิ่นอายร้านที่ตกแต่งในแบบญี่ปุ่นเก่าก็คงอยู่เช่นเดิม
เดินมาเรื่อยๆ ก็สามารถลัดมาทางถนน คิตะคุระมายะ ได้ค่ะ
วันแรกในเกียวโตก็จบไปแล้วนะคะ ฝากรูปบรรยากาศเกียวโตยามค่ำคืนด้วยภาพเหล่านี้
ตื่นแต่เช้า เตรียมตัวอออกเดินทางสู่สถานที่ที่ได้รับการขนานนามว่า สวยงามอีกแห่งหนึ่งในเกียวโต
ที่นั่นคือ อาราชิยามะ ค่ะ
สำหรับอาราชิยามะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเกียวโตมากๆ ตลอดทั้งปี จะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ด้วยบรรยากาศและความสวยงามของที่แห่งนี้ ใครที่ได้ไปเยือน แน่นอนว่าจะต้องหลงรักชัวร์ค่ะ
วันฝนพรำที่หน้าสถานี Randen Arashiyama Station
ขบวนรถไฟหวานเย็น Randen Arashiyama
ภายในขบวนรถไฟ ที่วิ่งผ่านตัวเมืองแบบสไตล์หวานเย็น โรแมนติคสุดๆเลยล่ะ
จุดชมวิวที่ห้ามพลาด สะพาน Togetsu-Kyo
สิ่งที่คุณจะพบได้ทุกครั้งที่มาที่นี่ บริการรถลากนำเที่ยวของหนุ่มหล่ออาราชิยามะ และสาวสวยในชุดกิโมโน
ความสวยงามที่ยังคงตราตึงในใจตลอดมา ภูเขาอาราชิยามะและแม่น้ำคัทซุระ และร้านอาหารเด็ด อร่อย นั่งทานไปชมวิวไปร้านนี้เลยค่ะ
จากร้านนี้นะคะ จะมีทางขึ้นบันได้ข้างๆ จะผ่านสวนสวยๆไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง จะได้พบกับบรรยากาศที่ธรรมชาติ สวยงามของช่วงหน้าฝนของเกียวโตมากเลยค่ะ
เดินมาเรื่อยๆจะสามารถมาทะลุที่ป่าไผ่ได้ค่ะ วันนี้ฝนตกใบไม้เขียวดีมากๆเลยล่ะ
บรรยากาศถนนยามฝนพรำที่อาราชิยามะ กับเหล่าผู้คนที่มาเดินในวันนี้
ร้านขนมอีกร้านที่อร่ออยและไม่แพงเลย
ร้านให้เช่าชุดกิโมโนราคาไม่แพง
ช่วงบ่าย ยูออกเดินทางออกจากอาราชิยามะ มาที่สถานีเกียวโต เพื่อต่อขบวนรถไฟไปที่ เขตโอสึ ซึ่งอยู่
ไม่ไกลจากเกียวโตมาก ใช้เวลาเดินทางราวๆ 55 นาที ไปที่สถานี Omi-Takashima ค่ะ
วิวระหว่างเดินทาง ด้วยรถไฟ JR สาย Kosei Line
บรรยากาศที่สถานี Omi-Takashima วิวนี้ประทับใจสุดๆค่ะ ฝนตก อากาศเย็นจับใจ
ด้านหน้าสถานี มีสถาปัตยกรรมให้ได้มาถ่ายรูปเช็คอินกันด้วยนะ
จุดหมายของยูในวันนี้คือ ศาลเจ้าชิระฮิเงะ ค่ะ การเดินทาง สำหรับคนที่จะมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้นะคะ
ยูเดินแนะนำเป็นแท๊กซี่ค่ะ เพราะถ้าเดินแบบยู จะค่อนข้างไกลหน่อยและไปคนเดียวไม่ค่อยแนะนำค่ะ
จริงๆที่นี่ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่ระหว่างทางเดินติดถนนกับป่า ค่อนข้างเปลี่ยวนิดนึง
รหว่างทางไป มีอะไรให้ดูเยอะแยะเลย ดีจัง
ด้านหน้าวัด Saisho-Ji ค่ะ ดูการตกแต่งที่สวยงามและเงียบสงบดีมากๆ
ใกล้ๆกันจะมีศาลเจ้าเก่าแก่ฮิโยชิ ให้เรามาสักการะขอพรเรื่องสุขภาพด้วยค่ะ
ถึงแล้วค่ะ ศาลเจ้า ชิระฮิเงะ
นี่ล่ะค่ะ ความสวยงามและอลังการของเสาโทริอิกลางทะเลสาบของศาลเจ้าชิระฮิเงะ สวยงามคุ้มค่ากับ
ความเหนื่อยของการเดินทางมาค่ะ
ปล. การจะข้ามถนนมาถ่ายรูปเสาโทริอินี้ ต้องระมัดระวังตอนข้ามด้วยนะคะ รถที่วิ่งมา เป็นทางโค้ง
และวิ่งกันเร็วทีเดียวค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับมาที่สถานีเกียวโตก่อนที่จะไปย่านการค้าเทระมาชิ กันค่ะ
บนขบวนรถไฟขาเข้าเกียวโต โล่งเชียว นั่งสบายสุดๆ
ถึงสถานีเกียวโตตอนมืด ที่นี่ก็สามารถถ่ายรูปเล่นได้นะคะ มีจุดถ่ายรูปที่สถานีนี้เพียบเลยค่ะ
รูปนี้ถ่ายที่ชั้นบนค่ะ
บันไดขึ้นไปจุดชมวิวที่สถานีเกียวโต
ทางเดินที่จุดชมวิวด้านบนค่ะ บนนี้จะมีคู่รักมาชมวิวกันเป็นคู่ๆด้วย
ที่ย่านการค้า เทระมาชิ เป็นย่านการค้าที่มีนักท่องเที่ยวมากันเป็นจำนวนมากค่ะ เพราะเดินจากกิออน
มาต่อที่นี่ได้เลย ทำให้มีคนมาช้อปปิ้งที่ย่านนี้แทบจะทั้งวัน
สินค้าที่นี้จะมีหลากหลายมากค่ะ ทั้งสินค้าแบรนด์เนม สินค้าลดราคา ร้านอาหารอร่อย และอีกเยอะแยะมากมาย เอาเป็นว่า ย่านนี้ใครมาแบบงบจำกัด ก็ต้องพยายามออดใจไม่ให้ควักเงินซื้อนู้นนี่กันให้ได้นะคะ
ร้านจับตุ้กตาก็มีค่ะ ฟิกเกอร์น่ารักๆเพียบเลย
ร้านนี้เสื้อผ้าน่ารักมากๆค่ะ
ร้านขนมของฝากอร่อยๆน่าทานจริงๆ
ร้านนี้คือแลนด์มาร์กเลยนะ 5555
ร้านนี้ คุณหมีมานอนรอต้อนรับด้วย อร่อยและไม่แพงค่ะ นั่งชิลที่นี่ได้พักขาด้วย
สำหรับวันนี้ก็หมดไปอีกวันแล้วค่ะ พรุ่งนี้ยูจะพาไปที่แห่งหนึ่งที่เริ่มมีคนรู้จักและแวะไปที่นั่นมากขึ้น
แต่คืนนี้คงต้องนอนเอาแรงก่อน
ตื่นแต่เช้ามา วันนี้ ยูจะพาทุกคนไปเที่ยว Uji กันค่ะ สถานที่แห่งนี้ แต่ก่ออนยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวรู้จัก
มากนัก แต่ปัจจุบัน เริ่มมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น แถวๆนั้นจะมีบรรยากาศแบบไหน อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะ ตามยูมาเลยค่ะ เราจะนั่งรถไฟ JR สาย NARA Line ด้วยรถไฟขบวนนี้เลย
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ Uji ด้านหน้าสถานีจะเป็นแบบนี้ค่ะ
ฝาท่อระบายน้ำที่นี่ช่างดีไซน์จริงๆ
สะพานอุจิบาชิ ที่ผู้คนใช้สัญจรกันทุกๆวัน
บ้านเรือนที่มองยังไงก็เป็นญี่ปุ่นแท้ๆ
ตรงนี้จะมีศาลเจ้าชินโต Sanshuden ให้เราเข้าไปขอพรด้วยค่ะ ถ้ามาช่วงซากุระออกดอก จะเห็นต้น
ซากุระด้านขวาของเสาโทริอิด้วยนะคะ สวยมากๆ
ก่อนเข้าก็ชำระล้างให้เรียบร้อยซะก่อน
ติดกันจะมีสะพานแดง ให้เราได้เดินข้ามไปอีกฝั่งค่ะ
วิวแม่น้ำอุจิที่ไหลมาจากภูเขา สวยใช่ไหมล่ะ
หลังจากที่เราเดินข้ามสะพานแดงมาแล้ว จะเลือกเดินไปที่ศุนย์นักท่องเที่ยวทางซ้ายมือ เพื่อเข้าไปที่
วัดเบียวโดก็ได้ค่ะ หรือจะมาทางขวาก็จะมีถนนสายเล็กๆเลียบแม่น้ำตัดเข้ามาที่ถนนเบียวโดอิน
โอโมเตะซันโด จะมีย่านร้านค้าเล็กๆเปิดเรียงรายตลอดสองข้างทางให้ได้เลือกซื้อหาของฝากกันด้วยค่ะ
ร้านมัตซุดะ ครั้งที่แล้วมาร้านนี้ โดนซอฟต์ครีมมัชฉะเข้าไปติดใจค่ะ คราวนี้มาก็จัดอีกรอบ
ร้านนี้เปิดมาหลายอายุคนเเล้วค่ะ สืบทอดกันมาเรื่อยๆรุ่นต่อรุ่น เรื่องอาหารและขนมในร้านรสชาติอร่อย
มากๆ ใครได้มาก็อย่าลืมแวะมาทานนะคะ
คุณป้าเจ้าของร้าน รูปคุณป้าและลูกสาวที่รับหน้าที่ต่อจากรุ่นก่อนค่ะ
ยังไงก็หวังว่า เพื่อนๆทุกคนที่มีโอกาสได้ไปเยือนเกียวโตจะได้ลองไปเช็คอิน และได้มีความสุขกับ
บรรยากาศที่ยังคงมีกลิ่นอายของยุคเอโดะอยู่ ณ. ที่แห่งนี้ และได้เก็บเกี่ยวความทรงจำที่ดีกับเมืองที่ยังคงเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งนะคะ
วันนี้ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ด้วยค่ะ คราวหน้ายูจะนำเรื่องราวรีวิวทริปที่ต่างๆ
มาฝากทุกคนอีกครั้งนะคะ ยังไงฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
สำหรับใครที่อยากติดตามรีวิวที่เที่ยวต่างๆในเเบบคลิปวิดีโอ สามารถติดตามพวกเราได้ในรายการ ต้องไปSightseeing ทางเเชนอล Youtube :https://www.youtube.com/channel/UCwEpx_odna5qP-HSlNHzyXg
World Sightseeing
วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 19.48 น.