เพลิน...เพลิน โอโซนแลนด์
ย่างเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเป็นทางการ ใครต่อใครต่างก็โพสภาพน้ำทะเลใสๆ ท้องฟ้าสีครามสด หรือท่ากระโดดแม่น้ำกันตูมตาม จนสะเทือนต่อม [ อยาก ] เดินทางของเราเข้าให้ แต่ถ้าไม่ใช่ทะเล...จะไปไหนดีล่ะ? วันนี้จะพาไปหาคำตอบ ด้วยแพลนเดินทาง Road Tripฉบับกระเป๋า เอ้ย! ภูเขา :)
MIND Journey ขอชวนคุณไปเที่ยว เพลิน..เพลิน ตะลุย วังน้ำเขียว ดินแดนแห่งโอโซน ไปคืนความสุขให้ตัวเองด้วยกันค่ะ
: : อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ดินแดนทางตอนใต้ของจังหวัดนครราชสีมา อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 230 กิโลเมตรเศษๆ เป็นอำเภอที่มีอาณาเขตติดต่อจังหวัดนครนายก และจังหวัดปราจีนบุรีด้วยนะ วังน้ำเขียว ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหนาวที่เต็มไปด้วยภูเขา น้ำตก พื้นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ฟาร์มและผลไม้หลากหลายพันธุ์ มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เหมาะแก่การพักผ่อนตากอากาศ และเด็ดสุดตรงที่...เป็นแหล่งที่มีโอโซนสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก!
เมื่ออยากคืนความสุข [ ให้ตัวเอง ] ให้ชุ่มปอด ก็ต้องมาที่นี่เลยล่ะ "วังน้ำเขียว สวิสเซอร์แลนด์ แดนอีสาน"
: : การเดินทาง กรุงเทพฯ - อำเภอวังน้ำเขียว ใช้ถนนมิตรภาพแล้วเข้าสู่ถนนธนรัชต์ [ เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ ] เลี้ยวซ้าย เพื่อเดินทางต่อไปอำเภอวังน้ำเขียวประมาณ 80 กิโลเมตร
ปล. นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นทางอื่นได้อีกหลายทาง หรือโดยสารรถตู้ (ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง) ก็ได้นะ
เพียงชั่วโมงเศษๆ เราก็ขับมาถึง เขาใหญ่ กันแล้ว แต่ก่อนจะถึงที่หมาย เดาว่าอีกร่วมๆ ชั่วโมงก็เลยแวะกินมื้อเที่ยงกันก่อน มื้อนี้แวะที่นี่ค่ะ
: : ครัวเขาใหญ่ (Krua Khao Yai) เป็นร้านอาหารพื้นบ้านเก่าแก่ ที่ต้องชิมก็คือ แฮมชนิดต่างๆ วันนี้เราสั่ง 'แฮมสันนอก' เสิร์ฟมาแบบชิ้นใหญ่ และ 'แฮมซี่โครง' ชิ้นนี้เป็นแบบติดกระดูก ทั้งสองจานเนื้อนุ่ม รสชาติดี หอมกลิ่นรมควัน จิ้มกับซอสที่ร้านจัดให้ลงตัวดี ส่วนเมนูอื่นที่สั่งอย่างแกงเนื้อ แกงจืด ผัดผักบลอกเคอรี่ นี่รสชาติกลางๆ
ปล. ร้านตั้งอยู่ริมถนนธนรัชต์ ฝั่งขาเข้าเขาใหญ่นี่เอง เป็นร้านค่อนข้างใหญ่แบบ Open Air มีที่จอดรถด้านหน้า ใครอยากลองอาหารแบบโฮมเมดก็แวะชิมกันได้ค่ะ
: : ครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางไป วังน้ำเขียว ครั้งแรกของเรา ออกจากกรุงเทพฯ เช้าหน่อย เพื่อจะใช้เส้นทางนี้ซึ่งไกลกว่าเส้นทางอื่น ถึงที่หมายช้าไปบ้าง แต่ 'ส่วนต่าง' ที่ได้รับนี่สิ เราว่า 'คุ้ม' นะ
จาก เขาใหญ่ สามารถไป วังน้ำเขียว ได้โดยเลี้ยวไปทางซ้ายก่อนถึงด่านเก็บเงินทางขึ้นเขาใหญ่ จากนั้นขับไปประมาณ 80 กิโลเมตร ผ่านด่านเก็บน้ำลำพระเพลิง ที่มีรูปปั้นวัวกระทิงตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ เป็นจุดพักรถและชมวิว ผ่านวิวทิวทัศน์ภูเขา ไร่องุ่น โดยเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นเนินเขาเตี้ยๆ เป็นลูกคลื่น สลับกับพื้นที่ราบสูงไปเรื่อยๆ
เป็นถนนที่ขับกันยาวๆ โดยมีวิวทิวทัศน์สองข้างทางเป็นเพื่อน ตอนนี้...ไม่มีอะไรจะ 'เพลิน' ไปกว่านี้แล้วล่ะ :)
เขาเล่าว่า...วังน้ำเขียวเป็นแหล่งโอโซนติดอันดับ 7 ของโลก จากการวิจัยพบเฟิร์นชนิดหนึ่งที่ขึ้นเฉพาะพื้นที่ที่มีโอโซนระดับสูง โดยสถานีวิจัยเขาสะแกราช ทำให้วังน้ำเขียวกลายเป็นโอเอซิสของคนเมืองอย่างเราๆ แอบคาดหวังว่าจะเจออากาศสบายๆ ได้สูดอากาศสะอาดๆ และคืนความสุข (ให้ร่างกาย) ตัวเอง
ทำตัว Slow Life กว่า 48 ชั่วโมง...ให้หนำใจ :)
: : บุหงาส่าหรี รีสอร์ท (Bu-ngasari Resort) ตั้งอยู่ในเขาแผงม้า หมู่ 4 แวดล้อมไปด้วยแมกไม้ใหญ่และดอกไม้หลายพันธุ์ ทั้งให้ความร่มรื่นและสวยงาม ส่วนของที่พักเป็นบ้านเป็นหลังๆ มีความเป็นสัดส่วน ตั้งไล่ระดับไปตามเนินเขาจนถึงพื้นราบด้านล่าง พื้นที่ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งเมื่อไปถึง...
บ้านส่าหรี หลังที่เราเข้าพัก เป็นบ้านหลังสีเหลืองครีมๆ แบบ Oriental Style ยกสูงจากพื้นขึ้นมาเล็กน้อย มีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น พร้อมโซฟายาว มีระเบียงไม้ส่วนตัวพร้อมจุดชมวิว ส่วนของห้องน้ำเป็นแบบ Open Roof แยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งไว้คนละระดับ ถือว่ากว้างขวางเลยล่ะ เหมาะแก่การพักแบบครอบครัว ส่วนของสภาพบ้านกับเฟอร์นิเจอร์ปานกลางนะ ไม่ถึงกับใหม่
ที่นี่อากาศไม่ถึงกับร้อน มีลมพัดแรงตลอดทั้งวัน ตกกลางคืนจะเย็นลงและอากาศในตอนเช้ากำลังสบายๆ, ราคาไม่แรง (ช่วงโปร 2,800 บ.) พักได้ 3-4 คน ราคาเหมาะสมกับที่พัก และบรรยากาศดีๆ แบบนี้
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอวังน้ำเขียว แบ่งเป็นสองเส้นทาง คือ ฝั่งเขาแผงม้า (เส้นทางสาย 3052) และ ฝั่งตำบลไทยสามัคคี (ทางหลวงหมายเลข 304) วันนี้จะเริ่มต้นจากฝั่งเขาแผงม้าก่อนนะ
ใครไปใครมา... ถึง เขาแผงม้า ก็คงต้องแวะเวียนไปที่ ร้าน A Cup of Love เป็นจุดท่องเที่ยว จุดถ่ายรูป ร้านกาแฟและของที่ระลึก แถมที่นี่ยังมีที่พักไว้ให้บริการอีกด้วย
แค่ออกจากที่พัก แล้วขับย้อนออกมาทางเดิมไม่ไกลเท่าไรเลย (เส้นเขาแผงม้า) สั่งน้ำผลไม้กับเค้กนมสด รสชาติใช้ได้และถ่ายรูปจากฝั่งร้านกาแฟ ถ้าอยากให้อาหารฝูงแกะ เข้าไปดูแบบใกล้ๆ มีค่าเข้าเพื่อข้ามสะพานไปยังด้านใน
ปล. ราคาขนม เครื่องดื่มสูงอยู่เหมือนกันนะ
ปล. บริเวณร้านกาแฟและส่วนที่นั่งเป็นแบบ Indoor & Open Air สามารถนั่งจิบกาแฟ ชมวิวริมน้ำก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ :)
บ่ายแก่ๆ แล้ว กางแผนที่กันอีกรอบ คราวนี้ตกลงใจออกจากฝั่งเขาแผงม้า ไปสำรวจฝั่งตำบลไทยสามัคคีบ้าง (ทางหลวงหมายเลข 304) ถนนสายนี้ใช้เดินทางไปอำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมาได้ การเดินทางใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงปากทาง จากนั้นค่อยตั้งต้นดูแผนที่อีกทีค่ะ
: : ผาเก็บตะวัน ณ อุทยานทับลาน (Pha Keb Tawan) ตั้งอยู่ที่ ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นจุดวิวทิวทัศน์และพระอาทิตย์ตกยามเย็น
เส้นทางขึ้นเขาไม่ชันมากนัก แป๊บเดียวก็ถึง เมื่อขึ้นไปถึงจะมองเห็นลานจอดโล่งๆ กว้างๆ เป็นอย่างแรก ร้านค้าเล็กๆ บ้านต้นไม้และจุดชมวิวแบบพาโนราม่าที่เราตามหา ยอมรับว่าบนผาเก็บตะวันแห่งนี้ อากาศปลอดโปร่ง บรรยากาศดี และมีวิวที่สวยงาม ตามราวไม้กั้นกันตกที่วางเป็นแนวยาว จะมีหนังสติ๊กยึดติดไว้ ใช้ยิงเมล็ดพันธุ์พืชให้ไปตกในป่าข้างล่าง เป็นกิจกรรมดีๆ ที่มาแล้ว ช่วยกันคนละไม้ละมือ 'ปลูกป่า' ด้วยกันค่ะ :)
ปล. การเดินทางไปผาเก็บตะวัน จากทางหลวงหมายเลข 304 ให้ยูเทิร์น แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปวิ่งถนนสายใน (ป้ายทางเข้าเล็กมาก ต้องสังเกตดีๆ นะ) เส้นนี้มีป้ายรีสอร์ทตั้งเป็นกระจุก ลมแรง อากาศเย็นกว่าฝั่งเขาแผงม้าเพราะอยู่ใกล้อุทยานฯ มากกว่า เหมาะแก่การมาพักผ่อนเหมือนกันนะ
: : หลังลงจาก ผาเก็บตะวัน ตอนหกโมงกว่าๆ ตามรีวิวชิมอาหารมาที่ร้านนี้ ร้านตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ (ขาออก) เป็นร้านอาหารพื้นบ้านชื่อ"ครัวต้นไทร" ค่ะ
มาถึงวังน้ำเขียวก็ต้องสั่งเมนูเห็ดสดๆ นำมาผัดน้ำมันหอย หรือจะเป็นเจียวกับไข่จนเหลืองฟู ผัดหมี่โคราช เส้นเหนียวนุ่มและต้มยำปลาเข้มข้น ทุกเมนูรสชาติดีเลย ราคาก็ไม่แพง (จานใหญ่มาก) มาเที่ยวแถวนี้ อย่าลืมแวะมาชิมกันนะ :)
ปล. ก่อนกลับแวะซื้อของฝากราคาย่อมเยาว์ มีทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ด น้ำองุ่นสด เนื้อองุ่นและไวน์ที่นี่ได้เลย
เช้านี้กับอากาศกำลังสบาย สายลมเย็นๆ พัดวูบเป็นระยะ ยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาพนักงานก็นำอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงห้องพัก นั่งกินกันตรงระเบียงกับชมวิวยามเช้าส่วนตัวไปด้วย แหม 'เพลิน' อย่าบอกใครเชียว :)
ฝั่งเขาแผงม้า ใกล้ๆ ที่พักมีไร่องุ่นให้ซื้อหากลับไปด้วย หลังจากจบมื้อเช้าก็พร้อมตะลุยเที่ยวในวังน้ำเขียวกันต่อ " บ้านไร่คุณนาย" ซึ่งบริการบ้านพักด้วย เราแวะเข้าไปซื้อองุ่น ตัดองุ่นสดๆ จากต้นแล้วนำมาชั่งตามน้ำหนัก พันธุ์องุ่นที่นี่เป็นองุ่นดำไร้เมล็ด พันธุ์แบลคโอปอลล์ รสชาติหวานอร่อย (กิโลกรัมละ 200 บ.)
ออกจากไร่องุ่นไปต่อที่ฝั่งตำบลไทยสามัคคี ที่ ฟาร์มเห็ดที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ใช้เส้นทางเดียวกับทางขึ้นผาเก็บตะวันแต่จะถึงก่อนเล็กน้อย มีป้ายบอก หาไม่ยากค่ะ
: : วังน้ำเขียวฟาร์ม (Mister Mushroom) ศูนย์เพาะเห็ดเมืองหนาว มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ด อาหารสุขภาพ ยา เห็ดสดอย่าง เห็ดหอม เห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดหัวลิง และยังมีการพาชมโรงงานเพาะเห็ด Organic ด้วย ด้านนอกเป็นร้านกาแฟ ส่วนนั่งพักผ่อนและศาลาหมอยา ยาเก่า โปสเตอร์โฆษณาที่เคยผ่านตาในอดีต บางอันก็คุ้นๆ นะ
ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็ก ไปเที่ยวชิวล์ชิวล์ ที่ ฟาร์มแกะ ขับรถไปบนทางหลวงหมายเลข 304 ให้ยูเทิร์นกลับมา ขับเลยทางขึ้นผาเก็บตะวันเล็กน้อย ทางเข้าจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงปั้มปตท. ตรงเข้าไปไม่ไกลก็ถึงลานจอดโล่งๆ ค่ะ ตรงกันข้ามเป็นจุดหมายของเรา
: : มอนทาน่า ฟาร์ม (Montana Farm) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่พักและจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวจะแวะเวียนมากัน ก่อนอื่นก็ต้องเสียค่าเข้าชมก่อนนะ คนละ 50 บ. โดยใช้บัตรเข้าเป็นคูปองส่วนลดแทนเงินสด กรณีใช้ซื้อเครื่องดื่ม 10 บ. ร้านสเต๊ก 20 บ. และลดเข้าชมอัลปาก้าแลนด์ ได้ 30 บ. (เป็นสิทธิ์ต่อบัตร 1 ใบ)
ภายในมอนทาน่า ฟาร์ม เป็นลานกว้าง Out Door ที่มีกิจกรรมต่างๆ เช่น เกมโซน บ้านแกะ และมุมถ่ายภาพหลายมุม แปลงดอกไม้ น้ำพุ เรียกว่า...ถ่ายรูปกัน 'เพลิน' เลย เราใช้เวลาที่นี่นานทีเดียว พอร้อนและหิวก็แวะเข้าร้านกาแฟกับร้านสเต๊กได้เลย
ไป! ไปถ่ายรูปให้สนุกข้างในกันดีกว่าค่ะ :)
: : มื้อเย็นวันนี้ ฝากท้องที่ "ครัวมิ่งไม้" ร้านอาหารไทย ตั้งอยู่ตรงข้ามที่พักพอดิบพอดีแบบเดินถึง เป็นเรือนไทยสองชั้นท่ามกลางธรรมชาติและต้นไม้
มีเมนูอาหารไทยให้สั่งหลากหลายดี เราสั่งเห็ดหอมอบซีอิ๊ว (อย่าลืมบีบมะนาวด้วย รับรองอร่อย) ปลาเนื้ออ่อนราดพริก แกงเลียงเห็ดร้อนๆ และหลนปู แต่งหน้าด้วยกุ้งตัวโต แกล้มกับผักสดๆ กรอบๆ โดยรวมรสชาติดีเลยค่ะ ราคาก็เป็นมิตรมากๆ ไปครั้งหน้าก็ต้องแวะอีกแน่นอน :)
ยามเย็น...
ช่วงเวลาแสน 'เพลิน' ของการได้เดินชมวิวกินลม ยิ่งในเวลาแดดร่มลมตกที่มีสายลมเย็นๆ ปะทะใบหน้า ดอกไม้ใบไม้เขียวๆ พริ้วไหวตามแรงลม เหมือนกำลังกวักมือไหวๆ ชวนให้เราเดินไปเรื่อยๆ สูดโอโซนให้ชุ่มปอด จดจำภาพบรรยากาศดีๆ เก็บออมความสุขระหว่างวันของช่วงเวลาเดินช้า ที่จะทำให้เรานึกถึงและกลับมาเยือน วังน้ำเขียว
...อีกครั้ง
ขอบคุณเพื่อนๆ สำหรับการติดตามจนจบทริป Wang Nam Khiao | เพลิน...เพลิน โอโซนแลนด์
วันนี้ลากันด้วยภาพพระอาทิตย์ตกยามเย็น และฟ้าสวยๆ จากระเบียงห้องพัก บายค่ะ :)
: : ย้อนอ่าน 'บันทึกเดินทาง' ของเราได้ที่นี่เล้ย (คลิกๆ) : :
ทริปใกล้กรุง | ชมวิว ฟินกุ้ง ดูอาร์ท | Ayutthaya and Singburi Trip
Coffee Tripper | 'หนีร้อน' ไปพัก...WOOD Cafe'
เหนือสิบแสน สู่แดน...ภูลังกา ตอนจบ | ทริปเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน
เหนือสิบแสน สู่แดน...ภูลังกา ตอน 1 | ทริปเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน
Chanthaburi Trip | เมื่อฉันเผลอใจไป 'จันท์'
Stay Alive!! เกาะติด...ชีวิตติด 'เกาะ' | ท่องทะเลอันดามัน กินลม ชมชิวล์ ภูเก็ต - กระบี่
ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ตอน 1 | Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa EP#1
ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ตอน 2 | Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa EP#2
ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ตอน 3 | Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa EP#3
: : ถ้าเราเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนๆ กัน แวะพูดคุย แบ่งปันและแชร์เรื่องเที่ยวด้วยกันได้ ที่เพจ MINDJourney นะคะ : :
HAPPY SUN SET | MIND JOURNEY
GO OUT THERE
วันพฤหัสที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.29 น.