ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 1)

highlights:

  • นั่งรถเมล์ไปสนามบินดอนเมือง
  • นอนที่สนามบิน
  • บรรยากาศบนเครื่องบินเที่ยวแรกในชีวิต

---------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่เราลองวางแผนเที่ยวเองทริปแรกในชีวิตไป [เที่ยวในกรุงเทพแบบไม่มีรถ Explore Bangkok by BTS]  เราก็ติดใจกับการวางแผนเที่ยวเองมากๆ จนวันนึงแชทเพื่อนใน Facebook ก็เด้งขึ้นมาแบบไม่มีหัวไม่มีท้ายใดใด "ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ดานัง 2,700฿" *0* อยากไปปปปป ราคาเอื้อมถึงมากๆ แล้วก็ไปเปิดดูเงินในบัญชีตอนนั้นมีเงินอยู่ 9,000 บาทไทย เราก็คิดในใจว่าค่าตั๋วสองพันเจ็ดเองเรามีตั้งเก้าพัน จองเล๊ยยยยย ไม่ได้มีสติคิดหน้าคิดหลังอะไรใดใดทั้งสิ้น 5555555 

พอตกลงกันว่าจะจองก็กดเข้าไปดูในเพจที่เพื่อนส่งมา แค่ชื่อเพจก็กลัวโดนหลอกและ 555 แต่เพื่อนบอกว่าเพื่อนรู้จัก โอเคเราก็ไว้ใจเพื่อนในระดับนึงเพราะเพื่อนเป็นคนเที่ยวเก่งมากกกกก จะต้องน่าเชื่อถือกว่าตัวเราเองที่ไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยแน่นอน แต่เราก็ยังไม่วางใจเราก็เลยเอาชื่อเพจไปเสริซดู ปรากฏว่ามีคนซื้อตั๋วกับนางจริงแล้วไม่โดนเท น่าจะไม่โดนหลอกแหละม้างงงง (ช่วงนั้นข่าวเรื่องโดนทัวร์ต่างประเทศเทดังมาก เลยจิตตก 55555)  

ก่อนจะตัดสินใจจองตั๋วเราไม่รู้อะไรนอกจากคำว่า "ดานัง" ที่เพื่อนส่งมาเลย รู้แค่ว่าอยู่เวียดนาม เราก็เลยดูรีวิวแบบไม่หลับไม่นอน 3 วัน 3 คืนติด 55555555 แล้วบอกเพื่อนว่า โอเค พร้อมแล้ว จะจองแล้วนะ ก็เลยทักเข้าไปถามในเพจ ปรากฏว่าได้ 


ไฟลท์ขาไป วันที่ 24 กรกฎา 07.25-09.05 

ไฟลท์ขากลับ วันที่ 27 กรกฎา 18.10-19.55 


ซึ่งเป็นไฟลท์ที่ดีที่สุดของวัน ไปเช้าสุดกลับค่ำสุด แอดมินเพจบอกกับเราแบบนั้น แต่ในใจตอนนั้นคือ ต่อให้เราจะขึ้นรถเที่ยวแรกจากบางแสนไปก็ไม่มีทางทันแน่นอน เอายังไงดี ลองพยายามหาวันอื่นนู้นนี่มากมาย แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง มันทำให้ไฟลท์นี้เป็นไฟลท์ที่ดีที่สุดแล้ว เราก็เลยมาเคาะกันว่า "เราต้องไปนอนสนามบินกันนะ" โอ้แมรรรร่ ลำบากตั้งแต่ยังไม่เปิดทริปเลย 55555

แล้วด้วยความไปต่างประเทศครั้งแรก เราตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวยังไง เลือกเสื้อผ้าแบบไหน เอาอะไรไปบ้าง และอ่านรีวิว ดูรีวิวเยอะมาก มาก มากแบบที่ทุกคนคาดไม่ถึงเลยแหละ 55555 เราก็เลยไปซื้อของเตรียมๆ ไว้ เน้นหนักไปที่แผ่นแปะแก้ปวด เพราะคิดว่าน่าจะต้องเดินเยอะ พอส่งรูปนี้ไปให้เพื่อนดู เพื่อนถามว่า "_ึงจะไปตายที่นู้นหรอ" 55555555 แต่สุดท้ายแผ่นแปะแก้ปวดก็ช่วยชีวิตเราสองคนไว้อยู่ดี ดังนั้นเผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาดดีกว่านะจ๊ะ

พอถึงวันจริงคืนวันที่ 23 ที่เราต้องไปนอนสนามบินกันและเป็นการไปเหยียบสนามบินดอนเมืองครั้งแรกในชีวิตของเราด้วย เราไปถึงกรุงเทพตอนสามทุ่มกว่าเกือบสี่ทุ่ม เราก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องไปดอนเมืองยังไงอะ แต่เพื่อนบอกว่ามันมีรถเมล์จาก BTS จตุจักร ไปถึงข้างในสนามบินเลย เราก็ไปยืนด้อมๆ มองๆ ตรงป้ายรถเมล์ เห็นมีสาย A1 เข้าสนามบินดอนเมือง เราก็เลยลองขึ้นกัน ราคา 30 บาทตลอดสาย เราก็ถามกระเป๋ารถเมล์ว่าปกติรถหมดกี่โมง เขาก็บอกว่าหมดเที่ยงคืน นั่งประมาณครึ่งชั่วโมงมาถึงข้างในสนามบินเลย สะดวกสุดๆ 

พอเข้ามาในสนามบินเราก็เดินๆ ตามเพื่อนเข้ามา เราต้องไปเล็งไว้ก่อนว่าเคาน์เตอร์เช็คอินอยู่ตรงไหน แล้วเราถึงไปหาที่เหมาะๆ นอนกัน จำไม่ได้แล้วว่าเราไปนอนตรงส่วนไหนของสนามบิน จำได้แต่ว่าข้างๆ เป็นร้านสตาร์บัค มีปลั๊กไฟ มีเน็ตให้เล่น และแอร์หนาวมากกกกกกกกกกกกกกกก หนาวจนนอนไม่หลับบบบบบบบ หนาวแบบต้องเอาผ้าเช็ดตัวขึ้นมาห่ม คือไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้เลยไม่ได้ถือเสื้อกันหนาวไป TT^TT

พอใกล้ๆ เช้า เราก็ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน กินกาแฟรอ รวมถึงไปแลกตังมาด้วย เพราะเมื่อคืนเรามาถึงดึกร้านแลกตังก็ปิดไปหมดแล้ว เราเลยต้องมาแลกในสนามบิน ด้วยความเป็นทริปแรกในการออกนอกประเทศไทยแบบจริงจัง ก็ไม่เคยคิดเลยกว่าการแลกเงินในสนามบินเป็นอะไรที่โหดร้ายม๊ากกกกกกกกกกกกกก TT^TT เราก็เลยแลกเงินเวียดนามไปสองพันบาท (เรท 1 ดอง = 0.0017 บาท) แล้วก็เงินดอลลาร์อีกพันนึง (เรท 1$ = 31.24 บาท) แล้วก็มีเงินไทยติดกระเป๋าไปอีกพันนึง

พอเราแลกเงินเสร็จก็ไป Check in ที่ตู้ Check in ตอนนั้นในใจยังกลัวว่าจะไม่ได้ไปอยู่เลย จน Boarding pass ของเราถูกปริ๊นออกมาเรียบร้อยแล้ว เราถึงมั่นใจว่าไม่โดนเทแน่ๆ 5555 ใน Boarding pass เราได้นั่งที่ Zone 2 ที่นั่ง 25A เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ส่วนไหนของเครื่องบินน่ะ 

เราเดินผ่าน ตม. ไปตอนไหนไม่รู้ เดินไปเรื่อยๆ จนถึง gate โอ้โหวววววว แม่เจ้าคนเยอะกว่าหมอชิตช่วงปีใหม่อี๊กกกกกกก เราก็เลยไปนั่งที่พื้นใกล้ๆ เคาเตอร์

ด้วยความดูละครเยอะ เราก็คาดหวังว่าจะได้เดินขึ้นเครื่องบินผ่านงวงช้างสวยๆ ไม่เลยจ้ะ ความจริงคือพนักงานจะเรียกให้เราไปขึ้นรถชัทเทิลบัสไปลงสักที่ในสนามบิน แล้วก็ค่อยๆ เดินขึ้นเครื่องไปอย่างงี้แหละจ้ะ 5555

แล้วมัวแต่ถ่ายรูปเพราะไม่เคยเห็นเครื่องบินใกล้ขนาดนี้มาก่อน เราก็เลยได้ขึ้นไปคนสุดท้าย ช่องใส่ของตรงที่นั่งเต็มไปแล้วจ้าาาาาาา เลยต้องมองหาช่องใหม่ แล้วกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง 7 กิโลอะแกรร สภาพก็อนาถอยู่ พี่คนนี้เขาใจดีก็เลยช่วยยกขึ้นให้ น่ารักมากๆ ขอบคุณค่าาา >////< แล้วที่นั่ง 25A มันคือริมหน้าต่าง ริมหน้าต่างงงงงงงง หวีดดดดดดดดดด ดีงามพระรามแปดม๊ากกกกกกกกกกก

ตอนเครื่องบินกำลังจะขึ้นเป็นอะไรที่น่ากลัวมากกกก คือเรานั่งข้างหน้าต่างใช่ไหม เราก็จะเห็นความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน พร้อมกับเครื่องบินที่กำลังทะยานขึ้น อื้อหืออออ กลัวก็กลัว วิวครั้งแรกเราก็อยากเห็นกับตาว่าจะเป็นยังไง มันคุ้มค่ามากกกกกกนะ คือการเห็นด้วยตาของเราเองเป็นอะไรที่ดีมาก เราไม่เคยเห็นกรุงเทพมุมนี้มาก่อนเลย สวยมากกกก

การได้นั่งข้างหน้าต่างคือดีมากกก ได้เห็นวิวที่เราไม่เคยเห็น วิวสวยตลอดไฟล์ทเลย

ตอนที่เราไปเป็นช่วงหน้าฝนเราก็กลัวมากๆ ที่ฝนจะตกแล้วถ่ายรูปไม่สวย แต่เพราะมันเป็นหน้าฝนนี่แหละ เลยได้รูปเมฆที่สวยขนาดนี้มา

พอใกล้ๆ จะถึงเวียดนาม วิวข้างทางก็จะเต็มไปด้วยธรรมชาติ สวยมากกกกก 

แล้วเราก็ถึงเวียดนามกันแล้ววว เย้! มาถึงตอน 09.15 ดีเลย์ไปนิดหน่อย ทำเวลาได้ดีเลยหละ

แล้วด้วยความที่เราแพลนทริปแบบโลกสวยไม่เผื่อเครื่องดีเลย์อะไรทั้งสิ้น ทำให้ต่อจากนี้เป็นไรที่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ส่วนจะตื่นเต้นยังไง ติดตามตอนต่อไปที่ [ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 2)] หรือติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ เพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน

ความคิดเห็น