จากสถานการณ์ covid-19 แบบนี้เชื่อว่าหลายคนคง cancel ทริปต่างๆทั้งในและต่างประเทศออกไป บางคนอาจกลัวจนเครียดได้รวมถึงตัวเราเอง วันนี้ กานต์•เดิน•ทางเลยจะขออาสาพาไปเที่ยวเกาะกูด อันดามันตะวันออก ที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เกาะกูด มันกู๊ดมากกนั้น ในสถานการณ์ covid-19 แบบนี้จะยังกู๊ดอยู่มั้ย
โดยทริปนี้เราขับรถมาจากจันทบุรี เพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าเรือแหลมศอก ระหว่างทางหลังจากหาข้อมูลร้านเด็ดเราจึงเลือกมาทานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปู สุขุมวิท ขอบอกว่าเด็ดสมคำร่ำลือแถมราคาไม่แพงอีกด้วย
เมนูเด็ดที่เราสั่งมาทานคือ ข้าวผัดพริกเกลือกั้ง กับเส้นปลาทะเลน้ำใส อร่อยทั้งคู่ ทะเลมาเน้นๆเลยค่ะ
ทานข้าวเสร็จเราก็เตรียมตัวไปขึ้นเรือกันต่อ โดยเราเลือกเดินทางด้วยเรือของ SuperJet Ferry ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น จากแหลมศอก-เกาะกูด
มีบริการฝากรถยนต์คิดคืนละ 50 บาท ส่วนอัตราค่าโดยสาร แหลมศอก-เกาะกูด เที่ยวละ 500 บาทหรือไป-กลับ 1,000 นั่นเองรวมรถ รับ-ส่ง ท่าเรือถึงรีสอร์ทเลยค่ะ
ส่วนตารางเรือ SuperJet จะมีวันละ 1 รอบ คือ ท่าเรือแหลมศอก - เกาะกูด รอบ 12.45 - 13.30 น. เกาะกูด - ท่าเรือแหลมศอก รอบ 11.00 - 11.45 น.
วันนี้เรือออกช้าไปครึ่งชั่วโมง ทำให้เรามาถึงเกาะกูดตอนช่วงบ่ายสอง พอมาถึงก็จะมีรถสองแถวรอรับเราไปส่งถึงรีสอร์ทเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่พักของเรา Cham's house resort แล้ว
บริเวณ check-in จะเป็นที่เดียวกับทาน breakfast ตัวอาคารเปิดโล่ง open-air มี welcome drink เป็นน้ำอัญชันมะนาว
สำหรับห้องพักเราเป็นแบบ room type : Tropical Pool villa ห้องเบอร์ 106 บรรยากาศดีมากๆๆ เสียดายที่ต้นไม้บังเยอะไปหน่อยเลยเอาโดรนขึ้นเก็บบรรยากาศไม่ได้
ภายในห้องจะออกแบบเป็นทรงแปดเหลี่ยม มีกระจกโดยรอบ 180 องศา
ส่วนห้องน้ำจะโล่งๆ โปร่ง แต่เสียดายที่เครื่องทำน้าอุ่นไม่ร้อนเลยค่ะ เราเลยได้อาบน้ำเย็นทั้ง 2 คืน น้ำไหลเบาแย่งน้ำกันเองระหว่างฝักบัวกับก๊อกล้างมือ แต่ไม่ซีเรียส
สิ่งที่ชอบอีกจุดหนึ่งคือ ประตูหลังห้อง เปิดออกไปจะเจอกับอ่างแช่ตัวแบบ out door ด้วย
หลังจากเก็บของเสร็จ เดินสำรวจเก็บภาพทั่วห้องแล้ว เราก็ต้มมาม่าร้อนๆซดให้หายอยาก 555 จะบอกว่า Minibar และ snack ในห้องคือสามารถกินได้ฟรีทั้งหมดเลยค่ะ แล้ว พนง.จะคอยเอามาเติมให้คือดีมากๆๆ
มองนาฬิกาประมาณห้าโมงเย็นแล้วเราเลยเดินไปหน้าฟร้อนเพื่อเช่ามอเตอร์ไซค์ของโรงแรมไปแว้นๆกัน ราคาอยู่ที่ 300 บาท/วัน แปลว่าเราคืนรถได้ห้าโมงเย็นของวันพรุ่งนี้ จริงๆด้านนอกถูกกว่านะคะ บ างร้าน 200 บางร้าน 250 บาท/วัน แต่คือต้องเดินออกไปค่อนข้างไกล เราเลยซื้อความสะดวกสบาย จากนั้นเราก็แว้นไปถ่ายรูปกับเปลตาข่ายที่โรงแรม Rest sea resort กันนน
ปรากฎว่าไปช่วงเย็น รึเพราะข้างขึ้นข้างแรมไม่แน่ใจนะคะ แต่น้ำแห้งมากกกเลยได้ภาพกับหาดทรายมาแทน
ถ่ายรูปจนหนำใจ ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดประมาณหกโมงเย็น เราก็แว้นมอไซค์ต่อเพื่อไปกินข้าวเย็นที่ร้าน Noochy Seafood ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
บรรยากาศดีมาก จะบอกว่าเราไปวันอาทิตย์คือนักท่องเที่ยวเริ่มน้อย ไม่ต้องรอคิวนาน ไม่แน่ใจว่าเพราะ Covid-19 ด้วยรึป่าว ทำให้เกาะกูดดูเงียบๆไป แต่บรรยากาศและรสชาติ รวมทั้งคุณภาพอาหาร สดมากๆ ยำปูม้าคือสดๆ แกงคั่วกุ้งก็ใช้กุ้งลายเสือตัวใหญ่ ข้าวผัดไซส์เล็ก 100 บาทแต่กิน 2 คนยังไม่หมดเลย
ข้อเสียของร้านนี้น่าจะเป็นเพราะไกลจากที่พักค่ะ เราเช็คบิลตอนทุ่มกว่าๆแต่คือ มืดหมดแล้ว การขี่มอเตอร์ไซค์บนเกาะตอนกลางคืนไม่อันตรายนะคะ เพราะมีไฟเกือบตลอดทาง มีบางจุดที่มืดสนิทแต่ก็ใช้ไฟหน้ารถมอเตอร์ไซค์ช่วยได้ แต่ถ้าขับรถไม่แข็งก็ไม่แนะนำให้ขี่ตอนกลางคืนดีกว่า สำหรับวันแรกก็หมดลงไปแล้วขอตัวไปนอนเก็บแรงก่อนน้าาา
อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 บนเกาะกูดจ้า วันนี้เราตั้งใจจะชิลๆแว้นไปเที่ยวตามหาดต่างๆและเที่ยวน้ำตก อาหารเช้าที่จามส์ เฮาส์ จะมีเป็นข้าวและกับข้าวแบบไทยๆพวกผัดผัก ต้มจืด และก็มีสลัดผัก omelet ไข่ดาว ขนมปัง ผลไม้ ไม่เยอะ ไม่น้อย รสชาติสำหรับเราถือว่ายังกลางๆ อันนี้แล้วแต่คนชอบเนอะ หลังจากกินเสร็จเราก็ออกแว้นกันค่ะ จุดหมายแรกวันนี้คือหาดคลองเจ้าซึ่งมีต้นมะพร้าวสองต้นยื่นไปในทะเล
หาดทรายขาวมาก น้ำคือใสจริงๆ และเงียบสงบ ส่วนตัวชอบหาดนี้ที่สุดเพราะดูไม่วุ่นวาย น้ำสีฟ้าตัดกับทรายสีขาวคือดีมากๆ แถมวันนี้วันจันทร์ยิ่งไม่มีคนเข้าไปใหญ่ เหมือนทั้งหาดเป็นของเรา
จากหาดคลองเจ้าเราขี่มอไซค์ขค้นไปต่อกันที่น้ำตกคลองเจ้าค่ะ แต่เนื่องจากไม่ใช่หน้าฝนก็ต้องลุ้นกันว่าจะเจอน้ำตกมั้ย
แท่น แท๊นน และแล้วก็ไม่มีน้ำตกเลยค่ะ T_T สงสัยมาผิดฤดู แถมวันนี้แดดแรงจนเราสู้ไม่ไหว เลยขอหนีไปหามื้อกลางวันกินดีกว่า โดยเพื่อนที่เคยมาเกาะกูดแนะนำว่า ร้านส้มตำป้าแปวเด็ดมาก เป็นเจ้าเดียวในเกาะกูดที่ใช้ปูหนุมาน ไม่รอช้าเราไปตามหาร้านกันค่ะ search GPS หาก็ไม่เจอต้องถามชาวบ้านเอา 555
ร้านมีลักษณะเป็นเพิงๆ จากน้ำตกคลองเจ้าขับไปอีกไกลพอสมควร ขับตามถนนไปเรื่อยๆจนสุดทาง แล้วเลี้ยวขวามาทางแยกคลองมาส หรือ search หาว่า somtam kiosk ร้านเดียวกันค่ะ เราเพิ่งมารู้ทีหลัง
ส่วยตัวรู้สึกเฉยๆนะคะ อาจเพราะอยู่กรุงเทพฯ เรามีโอกาสได้กินส้มตำหลายที่ ถ้าใครไม่ใช่สายส้มตำขนาดนั้นแนะนำให้ข้ามร้านนี้ไปได้เลย เพราะจากน้ำตกคลองเจ้ามาค่อนข้างไกล ส่วนปูหนุมานรสชาติเค็มๆแต่ไม่มากเท่าปูนา ไม่เหม็นคาว ชอบสุดน่าจะเป็นไก่ย่างเพราะมีการหมักมานุ่มดี พอทานคาวเสร็จก็ต้องไปต่อของหวาน เราเลือกไปกันที่ร้าน นมข้น สเตชั่นค่ะ
นมข้น สเตชั่น เป็นร้านเครื่องดื่มและขนมหวานเล็กๆ ที่มีมุมตกแต่งเก๋ๆ น่ารักดูอบอุ่น และวันนี้ที่เราไปเหมือนเหมาร้านอีกแล้วค่ะ ไม่มีลูกค้าเลย หามุมถ่ายรูปได้ตามใจฉันมาก
สำหรับเครื่องดื่มที่เราสั่งคือกาแฟปั่น และขนมเป็นแพนเค้กมะม่วงกับไอศกรีมกะทิ คืออร่อยๆๆอะ ร้อนๆมาเจอขนมหวานกับกาแฟเย็นเข้มๆ แบบนี้ คือดีมาก
แถมเจ้าของร้านน่ารัก เป็นกันเอง ก่อนออกจากร้านยังแนะนำให้เราไปซื้อหน้ากากธงฟ้า ที่ร้านเกาะกูดฟาร์มาซี ไปอี๊ก โอ้ยยย เลิฟมาก ไปเกาะกูดจะไปอุดหนุนอีกแน่นอนค่ะ 555
เอาล่ะค่ะ กินอิ่มแล้ว เราก็ไปลุยถ่ายรูปกันต่อกับอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเกาะกูด ที่เป็นสะพานไม้ทอดยาวลงไปในทะเล นั่นก็คือที่ Koh Kood resort หาดบางเบ้านั่นเอง
ขอบอกว่าแดดช่วงบ่ายสองนี่คือทรมานผิวมากๆ ทั้งแสบทั้งดำจริงๆ แต่ต้องยอมเพื่อแลกกับรูปสวยๆ
ใกล้ๆกันกับ Koh Kood resort คือ To the sea resort ซึ่งสามารถเดินหากันได้ จะมีชิงช้าในน้ำที่คนนิยมมาอย่างมาก มาถึงขนาดนี้แล้วมีเหรอที่เราจะยอมพลาด เดินลุยน้ำทะเลเพื่อไปถ่ายรูปสวยๆกันค่ะ 55 ไม่มีคนมาถ่ายเลย คือโล่งมากกกก เที่ยววันธรรมดาดีแบบนี้นี่เอง รึเพราะโควิด อันนี้ก็ยังสงสัย -.,-'
เนื่องจากเราไปช่วงบ่าย รูปที่ได้เลยเป็นรูปย้อนแสง และดูจากเวลาจะบ่ายสามแล้ว เราเลยเลือกไปหาดสุดท้ายชื่อว่าหาดคลองหิน ซึ่งอยู่ทางเดียวกับจามเฮาส์ รีสอร์ทเลยค่ะ
และนี่คือเบื้องหลังว่าทำไมถึงถ่ายภาพมุมสูงที่ห้องพักได้ โดยไม่ใช้โดรน 555
จะบ่ายสี่แล้ว เราเลยเลือกกลับรีสอร์ทไปคืนรถมอเตอร์ไซค์แล้วไปเก็บภาพบรรยากาศในรีสอร์ทและหน้าหาดแทน ก่อนจะดินเนอร์ที่โรงแรมคืนนี้ค่ะ
จริงๆที่หน้าหาดของโรงแรมก็สวยไปอีกแบบ เพราะมีโขดหินเยอะ และคลื่นที่หน้าหาดจะแรงกว่าหาดอื่นที่วันนี้ไปเที่ยวมา
หลังจากถ่ายรูปเล่นจนหนำใจ เราก็มาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวไป Dinner ที่ห้องอาหาร bombyx beach bar ของทาง Cham's house resort กันค่ะ จริงๆทุกวันช่วง 17.00 - 18.00 น. จะมี happy hour ให้เราสามารถเลือกเครื่องดื่มได้ฟรี แต่เราไม่ได้มาใช้บริการเลยค่ะเพราะมัวห่วงเที่ยว 555
สำหรับ dinner มื้อนี้ที่รีสอร์ท โดยรวมชอบค่ะ บรรยากาศดี,รสชาติ pizza อร่อยแต่สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาแอบหวานไปนิดนึง ขอน้ำปลามาเติมคืออร่อยเลย เราโชคดีมากที่วันนี้ตอนแว้นไม่เจอฝนเลยแต่พอตกกลางคืนฝนตกหนักมากค่ะ ทำให้วันกลับเปียกนิดหน่อย แต่โดยรวมชอบทริปนี้มากๆ เราตื่นมากิน breakfast ก่อนเอากระเป๋ามาวางหน้าห้องช่วง 09.20 จากนั้นจะมี พนง.มาช่วยยกกระเป๋าไปไว้ในรถให้ คือบริการดีมากค่ะ ส่วนรถจะมารับเราตอน 10.00 เพื่อพาไปขึ้นเรือกลับ เป็นอันจบทริปเกาะกูด แบบฟิลกู๊ดมากๆๆๆ
ถ้าชอบการรีวิวของเรา ฝากกดติดตามเพจ : กานต์•เดิน•ทาง เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ
กานต์เดินทาง
วันพฤหัสที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 21.16 น.