KIA ORA ค๊าาาา ทุกคน
กลับมาอีกแล้วตามคำเรียกร้อง เดี๋ยวนะ! ใครเรียกร้อง พูดซิ
คำเตือน :: บทความนี้เป็นการเล่าเรื่องราวและสถานที่สวยๆที่ผู้เขียนไปประสบพบเจอมา ไม่มีบอกถึงราคาหรือวิธีการเดินทางใดๆ
คำแนะนำ :: ควรย้อนไปดู Part 1 ก่อน เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง
เปิดวาร์ป Part 1 :: https://th.readme.me/p/32030
มาถึงเราก็ต้องโชว์แผนการเดินทางของเรากันก่อนนะคะ เผื่อคนที่มาอ่านที่หลังจะได้เห็นภาพตาม
แต่ก็บอกให้ไปอ่าน Part1 ก่อนยังไงเล่าาา พูดก็ไม่เชื่อคนเราเนี่ย
วันที่ห้าของการเดินทาง 3 มิถุนายน 2562 มุ่งหน้าสู่ Wanaka วานาก่า
โอเค ไปอ่านมากันแล้วใช่ไหมคะ ต่อไปเราจะเดินทางออกจาก Lake Tekapo กันแล้วนะคะ แต่มีที่ที่นึงที่มีพี่คนนึงเขาแนะนำมา ว่าสวยๆ ให้ลองขับรถไปดู เป็นเหมือนหอดูดาว ชื่อว่า Observatory desk โอเคเราก็เชื่อคนง่าย ก้ขับรถออกตอนเช้าก็ไปเลยจ้า เราก็เสิร์ทเอาจากอากู๋ ก็จะประมาณนี้ คงจะได้ภาพมุมสูงของ Lake Tekapo ละเนอะ
แต่คุณคะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละ โชคดีเจอสิ่งสวยงามมาหลายวัน พลังงานคนบาปก็เริ่มทำงาน ไปค่ะเรามาได้ไกลเพียงเท่านี้...
..
.
มันปิดค่ะคุณผู้ชม คุณผู้ฟัง คุณผู้อ่าน เนื่องจากมีหิมะเยอะเกินไป OMG!! เออนั่นไงลืมบอกจริงแล้วช่วงเวลาที่เรามาเนี่ยปกติมันจะยังไม่มีหิมะนะคะ แต่ปีนี้อยู่ๆพายุหิมะก็มาเร็ว เป็น First Snow ของปีเลย ในวันนั้นแอบมีข่าวครอบครัวนึงไปเดินเขาแล้วจู่ๆมีพายุหิมะ สูญหายสุดท้ายพบว่าเสียชีวิตเนื่องจากเขาไม่ได้เตรียมตัวมาเจอความหนาวด้วยนะคะ ฮึ่ยยยย
เจอแบบนี้เลี้ยวรถกลับไม่ทันเลยจ้าาาา
แต่ไม่เป็นไรวิวข้างทางสวย (เอ๊ะยังไงนี่คือทริปวิวข้างทางหลอ)
จากการผิดหวังแบบเบาๆ เราก็ได้เดินทางกันไปต่อที่ Mount Cook เรียกได้ว่าเป็น King of the mountain of New Zealand เลยทีเดียว แต่ก่อนไปถึงระหว่างทาง(อีกแล้ว) เราก็ได้แวะ Lake Pukaki กันก่อน จากขาวๆมาเมื่อตะกี้ ขับมาไม่นานมาก ตู้มมมมมม กลายเป็นโกโก้ครั้นไปแล้วจ้ะ สีสวยเชียวแหละเธอ
เห็นไหมล่ะฉันบอกเธอแล้วว่าสวย โอเคเดินทางต่อ จริงๆเราทิงนองนอยกันมาก แวะไปเรื่อยแวะอีกแล้วจ้า ไม่ถึงซักที Mount Cook จอดรถแวะถ่ายรูปกับถนนและมีภูเขาไม่รู้ Mr.Cook รึเปล่าก้อนแหลมๆนั้น เราว่าใช่แหละเชื่อเราเถอะเนอะ ก็นะจะให้ยืนถ่ายกลางถนนแบบนี้ที่ไทยก็ไม่ได้อ่ะเนอะ รถชนตายพอดี
ไปต่อกันเถอะแกรร จะไม่ถึงเอานะ Mount Cook โอเคไปก็ไป
พอถึงที่ Mount Cook เนี่ยมันก็จะต้องเป็นการเดินเท้าเข้าไปนะคะ ใช้เวลาไปกลับโดยประมาณคือ 3 ชม. ใช่ค่ะ คุณอ่านไม่ผิด 3 ชม.ในบรรยากาศแบบนี้ ดูดีใช่ไหมหล่าาาาา แต่โคตรทรมานเลนคุณขาาาา เย็นจนนิ้วจะหลุดแม่เจ้า แต่ก็สวยแหละ ก็คิดว่าทนได้แหละ อ่ะไปชมภาพบรรยากาศกันเลยจ้าทู้กคนนนนนน
พอเดินเล่นจนทรมาน จนสาแก่ใจแล้วก็ไปเถอะเดินทางต่อ เรายังมีบางสิ่งรอเราอยู่นั้นก็คือออออ Wanaka Tree หรือที่เราเรียกว่า Lonely Tree นั่นเอง แต่ก็นะเดี๋ยวจะเสียชื่อทริปข้างทางพอขับรถออกมาจาก Mr.Cook หันหลังย้อนกลับไป โห น้องยังอาลัยอาวรเราอยู่เลยอ่ะ สยอ่ะ สวยแบบ ทำไมถึงได้สวยอะไรขนาดนี้ ห่ะ!!!
ไปเหอะไปต่อ และแล้วเราก็มาถึง Wanaka Hahaha อันหลังนี่เติมให้เองนะ เมืองนี้มีอะไรงั้นเรอะก็มี Lake อ่ะแหละ แต่มันมี Point นะแก ไม่ใช่ Lake ไก่กา นี่จ้าต้นไม้แห่งความเดียวดาย ผ่านมากี่ฤดูก็ไม่ตาย จริงๆเห็นคนที่เขารณรงค์กันนะ Save Wanaka ไรงี้ แบบคนมาเยอะแล้วถ่ายรูปเยอะกลัวว่าจะทำลายความสมบูรณ์ของธรรมชาติมั้ง น่าจะใช่แหละ ถ้าน้องพูดได้นี่อยากจะถามน้องมากว่ารู้สึกยังไงอ่ะที่ดังขนาดนี้ แบบทุกมาที่นี้เพื่อน้องเลยนะเว้ย นี่เห็นก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ว่านี้ฉันมาดูต้นไม้หลอว่ะ เอาเถอะ Landmark อ่ะเนอะ
มันมี่แค่นี้จริงๆเว้ยแก เราไม่ได้โกหก วันนี้เราก็เดินทางกันมาเรื่อยๆเดินทางมาไกลเหลือเกิน แต่เราไม่ได้นอนที่นี้นะจ่ะ เราเพียงแค่แวะมาหาต้นไม้และมาหาอาหารไทยกินเท่านั้น เพราะ Roadtrip เนี่ยพูดเลย มีไรให้กินก็กินเถอะ ไม่มีมาแวะร้านอาหารข้างทางนะ มันไม่มีให้แกอ่ะ แกต้องหุงข้าวด้วยไมโครเวฟของที่พัก ทอดหมู ต้มไข่ จากที่พักในคืนนั้นๆ เป็นเสบียงไว้กินในรถ นี่แหละชีวิต Roadtrip แสนคูลของฉัน
บ่นมายืดยาว วันนี้เราขับรถออกไปนอกเมืองไป Lake ใกล้ไปหาที่นอน ชื่อว่า Lake Hawea โอเค ไปนอนแหละ
วันที่หกของการเดินทาง 4 มิถุนายน 2562 วันชิลๆเดินทางยาวๆ
ก็เห็นเดินทางยาวทุกวันทำเป็นพูด วันนี้จุดหมายคือไปให้ถึงที่พักก่อนจะมืดแค่นั้นเลยจริงๆเพราะพรุ่งนี้เราจะต้องตื่นเช้าไปเดินธารน้ำแข็งวันนี้จึงเป็นวันที่เรียกว่าขับไปเรื่อยๆก็ว่าได้ ก็ได้เวลาออกจากที่พัก เมื่อวานเย็นตอนเข้ามาก็คิดแหละว่าที่นี้ (Lake Hawea) มันสงบดีน่าพักผ่อนคงไม่มีอะไรมาก แต่พอเก็บของออกมาจ้า โอ้โหนี่คือสวรรค์รึเปล่า สุดยอดอ่ะคุณ ดูเอาเองเลยล่ะกัน
เดินทางกันได้แล้ว เส้นทางวันนี้ที่เราจะไปคือเส้นทาง West Coast ที่เขาบอกว่าเป็นที่สวยติดระดับโลกกันทีเดียว เราเดินทางไปจนถึงจุดพักรถที่เขาเรียกว่า South West Coast เรียกเป็นภาษาเมาลีว่า Te Wahipounamu อ่านไม่ออกล่ะเซ่ ก็บอกแล้วว่าอย่าไปพยายาม ฮ่าๆๆๆ
เดินทางต่อไปเรื่อยแต่ถ้าใครจะมาถนนเส้นนี้นะ สิ่งที่แนะนำได้เลย คือ 1. อย่ามาคนเดียว คลื่นโทรศัพท์มันไม่มีเว้ยแก เดี๋ยวเป็นบ้าไปก่อนไม่มีเพื่อนคุย 2. เตรียมอาหารแบบพร้อมทานมาให้เยอะๆ มันไม่มีอะไรให้แกกินเว่ยตรงนี้ เราเตือนแล้วนะทุกคน
ขับไปกินข้าวบนรถไปก็แวะตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง
และแล้วเธออออออ ก็มาถึงสถานที่ที่ผู้เขียนชอบที่สุดในทริปนี้เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ คือ Lake Matheson ทะเลสาบที่น้ำเงาใสเหมือนกระจกมากว่า Mirror Lake ซะอีก ทางเดินไปเนี่ยก็จะมีระยะทางที่แตกต่างกัน ที่พวกเราไปใช้เวลาไปเกือบๆ 1 ชม. ได้ ระหว่างทางเราก็เบื่ออ่ะเนอะก็เลนเดินคุยโน่นคุยนี่กันไป แล้วน้องพะแพงผู้ร่วมทริปก็เล่าเรื่องนาคีให้ฟัง เล่าจนจบภาค2อ่ะแก คิดดูนานขนาดไหน แล้วคือเราก็ไม่เคยดูหลอกเนอะเรื่องนี้ แต่พอกลับมาจากทริปนั้นก็ไปหาดูมาจนได้นะ พวกเราเลยเรียกเล่นๆกันว่า Lake Nakee เป็นไงทุกที่มีเรื่องราวไหมล่ะ
เราก็นั่งคุย นั่งมองความงามของธรรมชาติกันพักนึงเลยทีเดียวจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยัง Franz Josef Glacier ที่พักของเราในคืนนี้และวันนี้ก็ปิดฉากไปด้วยวิวจากที่พัก ที่รายล้อมไปด้วยภูเขา On Top ด้วยน้ำแข็งจ้า
วันที่เจ็ดของการเดินทาง 5 มิถุนายน 2562 วันนี้ฉันจะกินแพนเค้ก
วันนี้ปลายทางของเราจะไปหยุดอยู่ที่เมือง Punakaiki ที่ตั้งแห่งก้อนหินทรงแพนเค้กนั่นเอง ที่นั่นจะมีร้านแพนเค้กอยู่ตรงหน้าทางเข้าที่ใครไปก็ต้องกิน ใช่ไหมไม่รู้แต่ฉันจะต้องกินให้ได้ ฮึ๊บบบบ
จากที่ศึกษาข้อมูลมาแล้วจาก Hosing ของ Motel ที่เราไปพัก (แกรรรร Receptionist ที่นี้คือดี แต่ไม่มีหลักฐานนะ ตอนนั้นต้องทำตัวคูลๆไม่บ้าผู้ชาย) ทำให้เรารู้ว่าอาจจะต้องในช่วงเช้าๆ เพื่อเดินเท้าเข้าไปเจอธารน้ำแข็ง จริงๆชาวบ้านเข้านั่งฮอไปเพื่อชมกันนะ แต่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมา ข้ามไป โอเคเราขับรถไปทางเข้าธารน้ำแข็งกันเลย พอไปถึงก็พบว่า............
มันปิดอีกแล้วหลอ อะไรจะทริปคนบาปขนาดนั้น ความจริงนี่คือรูปเมื่อวาน ฮ่าๆๆๆ หลอกแหละ แบร่ เมื่อวานเราลองมาวนดูทางเข้า ก็เวลามันเหลืออ่ะ แต่ปรากฏว่าเขาปิดเร็วเพราะช่วงนี้ต้องบูรณาการถนน อ่ะๆๆมาถึงความจริงวันนี้ Tracking ในวันนี้เราต้องใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ ปรัมาณชั่วโมงครึ่ง เพื่อจะไปเจอธารน้ำแข็ง ตอนแรกก็คิดว่าคงทรมานแหละมาเดินในที่หนาวๆแต่พอเดินไปก็เริ่มรู้สึกถึงพลังงานแสงอาทิตย์และเหงื่อภายในเสื้อโค้ทของเรา
โอเคเจอสิ่งที่พึงพอใจละเดินกลับกันต่อเพราะวันนี้เราต้องไปต่อกันอีกไกล เราขับรถเลียบชายหาด West Coast มาเรื่อยๆ (แวะให้ข้อมูลนิสสสนึงเผื่อใครยังไม่ทราบ นิวซีแลนด์จะมีฝั่ง West Coast(ทรายสีดำ) และ East Coast(ทรายสีขาว) ส่วนตัวแล้วเราชอบฝั่ง West มากกว่า ต้องคลุมโทน Woman in Black อ่ะเนอะ) จนไปถึงหาด Hokitika หาดที่มีแค่กิ่งงไม้ที่ถูประดิษฐ์ขึ้นเป็นชื่อหาด เท่านั้นแหละจ้ะพี่จ๋าาาาาา สอบถามจากคนรู้จักว่าอยู่ที่ Hokitika Beach มีที่ไหนให้ไปอีกไหม คำตอบคือไม่มีจ้าาาา โอเคถ่สยรูปนิสสสแวะกินข้าว อ๋อออออ สิ่งที่เราค้นพบคือริมหาดจะมี Food truck อยู่เพียง 1 ร้านเท่านั้นและมันคือร้านอาหารไทยแหละพวกเธอออออ
เมื่อท้องอิ่มเราจึงเดินทางกันต่อ เพราะฉันจะไปกินแพนเค้ก และนั่งชม Sunset ที่ Pancake Rocks (นี่เป็นอีกหนึ่งที่ที่เราชอบเป็นพิเศษของทริป) ฉันว่ามันสวยแหละแกสีของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาขอบฟ้ากับก้อนหินเรียงราย โรแมนติกสุดๆ
ถึงแล้วจ้าาาาาาาาา เราถึงกันเกือบๆห้าโมงเย็นจึงตัดสินใจจะเข้าไปดู Sunset ให้ทันก่อนที่จะตกในตอน 5 โมงครึ่ง แล้วค่อยออกมากินแพนเค้กกันเพราะเช็คในเน็ตแล้วว่ามันปิด 1 ทุ่ม พอเดินเข้าไปโอ้โห สวยอ่ะ สวยมากก สวยแบบร้องขอชีวิต
แล้วเธอดูแสงของพระอาทิตย์ข้างหลังเราสิ สีสวยมากกกก ออกตัวก่อนเลยว่าผู้เขียนคือ Sunset Lover ใช้เวลาถ่ายรูปไม่นานแต่เรานั่งดื่มด่ำกับยรรยากาศและสีของพระอาทิตย์ไปสักพักจนล่วงเลยเวลาจนถึง 6 โมงนิดๆ เราจึงตัดสินใจออกไปกินแพนเค้กก่อนที่ไปที่พัก
แต่พอออกมา ทุกคนเดาซิว่าเกิดอะไรขึ้น ใช่ค่ะทุกคนเดาไม่ผิด ร้านแพนเค้กมันปิดแล้วแก คือล็อคประตูต่อหน้าต่อตาฉันทำไมแกรรรร ทำไมเป็นแบบเน้ พลังงานบาปลอยขึ้นมาอีกแล้ววววววววว ไว้รอบหน้ามาฉันจะสะสมคุณงามความดีเยอะกว่านี้นะ แต่ไม่เป็นไรมาถึงนี้ยังไงฉันต้องได้กิน พรุ่งนี้เช้าก่อนออกจากเมืองเราค่อยแวะมากินอีกซักรอบแล้วกัน
วันที่แปดของการเดินทาง 6 มิถุนายน 2562 ข้ามไปนอนฝั่ง East
วันนี้เรามีนัดกับน้องอุ๋งอุ๋ง(แมวน้ำ) ที่เมือง Kaikoura เมืองแห่งน้อนนนนนนน เป็นอีกวันที่ต้องเดินทางยาวไกล ก็เห็นแกไกลทุกวัน เอ้าก็นี่มัน Road Trip อ่ะแก ก็ขับชื่นชมความงามของธรรมชาติไปเรื่อย หลักจากผ่านทริปมาสักพักดูเหมือนพลังงานความดีของเราจะอยู่ระดับโอเคเลย อากาศสดใสถ่ายรูปสวยมาตลอดยกเว้นวันแรก แต่วันนี้ฉันเจออีกแล้วเธอ เราแวะกันที่จุดชมวิวที่ Otira Viaduct Lookout
แต่สิ่งที่ฉันได้น้านนนนนน ฟ้า ฝน เมฆ ครึ้มมาเลยต่ะคุณผู้ชม เพื่อนร่วมทริปถามว่าทำไมเราต้องมาดูสะพานข้ามนี่ด้วยอ่ะ ฉันก็ตอบไม่ได้แก
โอเคฝนตกเราไปกันต่อเถอะ สถานที่ที่เราจะไปคือ ก้อนหินเรียงราย นามว่า Castle Hillระหว่างทางไปก็ดูเหมือนอากาศจะสดใสขึ้นมาบ้างแล้วคงถ่ายรูปสวยแน่ๆ
แต่ปรากฏพอมาถึง โอ้โหขาวโพลนอีกแล้วอ่ะ จริงไม่ใช่ว่าไม่ชอบหิมะนะ แต่เรา Prefer มูจิ มากกว่าเอลซ่าอ่ะนะ แถมพอลงรถเดินไปได้แปปนึงฝนตกจ้า พื้นก็เป็นหิมะ ลื่นแล้วลื่นอีก หนาวก็หนาว กล้องก็กลัวจะตก คลิปก็ต้องถ่าย ผลสรุปเราเลยไม่มีรูปสวยๆคู่กับ Castle Hill
ขับรถต่อยาวๆไปจ้า พอใกล้ถึงเมือง Kaikoura อากาศก็เริ่มดีขึ้นสรุปวันนี้ฉันเจอมากี่ฤดูเนี่ย Road Trip ต้องอดทนนะ ในที่สุดเราก็ถึงแล้ว และก็เหมือนเช่นเคยวันนี้เราก็ต้องหาจุดชมพระอาทิตย์ตกดินเพื่อไม่ให้เสียชื่อ Sunset Lover เราไปกันที่ Point Kean Viewpoint และในที่สุดเราก็เจอน้อนนนนนน เนื้อคู่ของเรา ฮ่าๆๆๆ
แล้วเธอดูสีของท้องฟ้าที่นี้ ใครมาระบายสีเอาไว้อีกแล้ว พอเจอภาพนี้ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่กลับไทยแล้วได้ขออยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆได้ไหม อยู่ประเทศนี้มาเกือบปี แต่พรุ่งนี้จะต้องกลับแล้วหลอ แต่อีกใจก็คือคิดถึงทุกคนที่ไทยมากๆ เราต้องกลับไปเจอความจริง สู้ (นอกเรื่องไปยาวมากกก)
เรื่องเล่าความประทับใจจากเมืองนี้:: โมเทลที่เราไปพักน่ารักมากๆ ด้วยความที่เราเป็นพวกสาวโก๊ะ เงอะงะ ขี้ลืม เราได้ลืมหูฟังไว้จ้าาาา แล้วเธอเข้าใจป่ะว่าหูฟังกว่าจะเจอสิ่งที่มันเข้ากับหูมันหายากนะ แต่ดันนึกขึ้นได้ตอนออกจากที่พักมาแล้วไกลมา จะถึง Christchurch แล้ว แต่เราก็อยากจะลองดู เราโทรหาที่พักและแจ้งรายละเอียดของเราและห้องที่เราพัก พร้อมบอกว่าเราลืมหูฟังไว้ ปรากฏว่านางส่งคืนให้จ้า คือที่นิวเนี่ยเราจะต้องซื้อซองที่ชำระค่าส่งคืนให้เสร็จและสามารถส่งไปให้คนปลายทางเพื่อส่งของหรือจดหมายหาเราได้ งงม่ะ ฮ่าๆๆ ไว้วันหลังจะมารีวิวชีวิตที่นิวนะ นางส่งคืนมาให้ที่หอเราที่โอ๊คแลนด์ สุดยอดดดดด ประทับจายยยยยมาก
วันที่เก้าของการเดินทาง 7 มิถุนายน 2562 บอกลาเพื่อนร่วมทริป
วันนี้เป็นวันที่พวกเราทั้งสามคนมุ่งหน้าไปสู่ Christchurch เมืองที่ถือว่าเป็นเมืองหลวงของเกาะใต้ก็ว่าได้ และต้องไปส่งพี่แอมป์ Driver ของเราขึ้นเครื่องในรอบสายๆ เพื่อเดินทางกลับไปยังโอ๊คแลนด์ เตรียมตัวไปบอกลาและเดินทางกลับไทยในวันพรุ่งนี้ อันยองงงงเจอกันที่ไทยนะพี่แอมป์
และเหลือเราสองสาวที่มีเป้าหมายจะเดินทางไปเมือง Akaroa เมืองเล็กๆหน้าตาน่ารัก ดูจาก Map แล้วไม่ไกลจาก Christchurch มากก็เลยว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่นั้น จึงเดินเตร็ดเตร่ในเมืองไปก่อน โอ้โหเชื่อไหมเข้าป่ามาเกือบ 10 วันพอเข้าเมืองทีไม่ชินเลย ตื่นผู้คนไปหมด คนจะเยอะอะไรขนาดนี้ (ถ้าที่นี้แกว่าเยอะแล้วที่กรุงเทพเรียกว่าอะไรห่ะ!) ก็ได้ฤกษ์ออกจากเมืองประมาณ 3 โมง ขับรถมุ่งหน้าไปยัง Akaroa แต่เธออออออ ทางคือแบบดอยเชียงใหม่ยังแพ้อ่ะ ไม่มีรูปบรรยากาศนะ มือไม่ว่างหาที่จับอยู่กลัวล่วงเขามากค่าาาาคุณผู้ชม ทางเลี้ยวเป็นเนินสูงแบบแทบจะเป็นเส้นตรงแถบเลี้ยวหักศอกอีก อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัส แต่พอไปถึงโอ้โห สวย สวยเหมือนเมืองเจ้าหญิงนี่เสียดายมากไม่งั้นจะแต่งตัวเป็นนางซฺนไปถ่ายรูปเลยล่ะ อ่ะเดี๋ยวหาว่าโม้ไปดู
แต่น่าเสียดายเรามีเวลาชื่นชมและถ่ายรูปได้แปปเดียว เราจึงต้องชื่นชมผ่านรูปและจำความรู้สึกเอาไว้เท่านั้น เพราะอะไรนะหรือ ทางที่เราต้องกลับไปนะซฺ อย่างที่บอกเราต้องแข่งกับแสงของพระอาทิตย์ภาพพระอาทิตย์ตกดินลืมไปก่อน เพราะทางกลับที่ดอยเชียงใหม่ยังยอมแพ้มันไม่มีไฟทางค่าคุณผู้อ่านนนน รั้วกั้นทางยังไม่มีเลยเธอออ ป่ะๆๆรีบกลับกันเถอะกลับไปนอน พรุ่งนี้ต้องกลับ Auckland แล้ว
วันที่สิบของการเดินทาง 8 มิถุนายน 2562
.....จบทริป.....
มีเริ่มก็ต้องมีจบนะทุกคน ขอบคุณมากที่เสียเวลานั่งอ่านมาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นรีวิวที่ไม่มีอะไรเลยแต่ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่อยากให้ทุกคนได้ลอง ปิดอินเตอร์เนต(มีไว้บ้างก็ดีนะเผื่อหลง ฮ่าๆๆ) และออกเดินทางดู หวังว่าทุกคนจะเจอประสบการณ์ที่ทั้งชีวิตจะไม่มีวันลืมแบบเรานะ แล้วไว้มาแบ่งปันเรื่องราวดีๆด้วยกันนะ ขออภัยหากไร้สาระมากเกินไป ฮ่าๆๆๆๆๆ
https://www.facebook.com/somewhereweknown/
a.ae
วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.03 น.