จุดเริ่มต้นของเรื่องราวใดใด คือ เราไม่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่หรือพูดอีกอย่างนึงก็คือเราไม่เคยออกไปเที่ยวต่างจังหวัดที่ไหนเลยต่างหาก ดังนั้นแล้วเชียงใหม่ก็อาจกล่าวได้ว่านี่คือการเที่ยวไทยอย่างจริงจังครั้งแรกในชีวิตของเรา
แต่หลังจากที่เราวางแผนตะลุยเที่ยวมา ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม, สิงคโปร์, หรือมาเลเซียที่เป็นทริปสุดท้ายก่อนที่ COVID-19 จะระบาดอย่างหนักหน่วง ถึงเราจะไม่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่ก็ไม่น่าจะใช่สิ่งที่เป็นกังวล เพราะนี่คือประเทศไทยยย พูดภาษาไทยยยย ถึงหลงทางมั่วซั่วยังไงก็สื่อสารกันได้ 555555
เราเริ่มต้นทริปกันด้วยการที่เราไปเช่ามอเตอร์ไซด์มาแง๊นแง๊นกันในเมืองราคา 250 บาทต่อวัน ซึ่งเชียงใหม่เป็นสถานที่ที่มีร้านเช่าเยอะมากกกก ดังนั้นชอบร้านไหน รุ่นไหนก็ไปเลือกกันตามชอบเลยจ้าาา
แพลนในวันนี้ของเราจะมีทั้งหมด 10 สถานที่และ 1 โฮลเทล ก็คือ
1. ประตูท่าแพ
2. ร้านโกเหน่ง ปาท่องโก๋
3. ร้านก๋วยจั๊บน้ำข้น ข้างอนุสาวรีย์สามกษัริย์
4. ร้านขนมจีบ วิกุลพานิช
5. ร้าน No.39 Cafe
6. ร้านอาหารเหนือ เฮือนม่วนใจ๋
7. ร้าน Tomato cafe' Cnx
8. อ่างแก้ว มช.
9. ร้านมนต์ นมสด
10. ขัวแขก สะพานจันทร์สมอนุสรณ์
11. HAB40 Hostel
ดูจากรายชื่อด้านบนมันไม่ใช่ทริปเที่ยวชมเมืองแล้ววว นี่มันคือทริปตะลุยกินที่เชียงใหม่ต่างหาก 55555
เริ่มต้นกันด้วยที่แรกก็คือ "ประตูท่าแพ" โดยประตูนี้เป็นประตูเมืองที่สร้างไว้เพื่อล้อมรอบตัวเมืองเชียงใหม่ในสมัยอาณาจักรล้านนา ปัจจุบันก็ได้กลายมาเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันนน ซึ่งเราก็เองเป็นหนึ่งในนั้น 55555
ถ้าจะมาถ่ายรูปที่นี้ เราแนะนำว่าให้มาถ่ายตอนช่วงเช้า เพราะแดดไม่ร้อนมากแล้วก็ไม่ย้อนแสง เวลาถ่ายรูปออกมาจะได้ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าาาาาา สวยมากจริงๆ ^^
แล้วก็ที่นี้มีนกมากมายมาเป็นพร็อบให้เราถ่ายรูปด้วย
สถานที่ถัดไปก็คือ "ร้านโกเหน่ง ปาท่องโก๋" โดยร้านนี้จะอยู่แถวๆ กาดหลวง หรือตลาดวโรรสนั่นเอง ซึ่งร้านนี้เป็นร้านอาหารเช้าชิวๆ ที่ขายพวกปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ นมสด แต่ที่แตกต่างจากที่อื่นก็คือ ปาท่องโก๋ของเขาเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ที่แปลกตามากๆ
จากประตูท่าแพเมื่อกี้จะไปที่ร้านโกเหน่งมันมีประเด็นอยู่ว่า เพื่อนเราเป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์แล้วตัวเราเป็นคนดูแผนที่ ด้วยความงงๆ ของเรา ที่ไม่ได้ศึกษาเส้นทางมาก่อน อารมณ์แบบเปิดแผนที่ไปดูทางไป
แล้วเราอะ กะระยะทางในแผนที่กับระยะทางจริงผิด คือถ้าเลี้ยงออกมาจากถนนคชสารแล้วเลี้ยวเข้าถนนท่าแพ จะต้องตรงแค่ 32 เมตรเท่านั้นนนนแล้วค่อยเลี้ยว 32 เมตรคือมันสั้นม๊ากกกกกกกกก เพื่อไปถนนช้างม่อยเก่า
แต่ด้วยความงงของคนดูแผนที่อย่างอิชั้น ผลก็คือให้เพื่อขี่มอเตอร์ไซด์เข้าถนนท่าแพตรงไปเรื่อยเลยจ้ะ โดยที่ไม่รู้ว่าถนนเส้นนี้คือถนน One way และด้วยความที่มันเช้ามากกก ก็เลยไม่ค่อยมีรถสวนมา ถนนโล่งมากกกกกก็ยิ่งพากันตรงไปเรื่อยๆ
จนเลยจุดเลี้ยวมาประมาณ 200 เมตร ก็มีคุณตำรวจขี่มอเตอร์ไซด์สวนมาประกบถามว่า "จะไปไหนกันครับ" ณ จุดนั้นก็คือช็อคกันอยู่ริมถนน ว่าเราทำอะไรกันผิดหรอ 5555 แต่คุณตำหนวดก็ยังใจดีบอกทางกับเราว่า "นี่เป็นถนน One way นะ ไปต่อไม่ได้แล้ว" ขอบคุณคุณตำหนวดมากๆ เลยค่าา ^^
ในที่สุดเราก็มีชีวิตรอดมาจนถึงร้านโกเหน่งจนได้ 5555 หลังจากเป็นงงกับถนนเมืองเชียงใหม่ไปบวกกับยังไม่ได้กินกาแฟ เราก็เลยสั่งน้องมังกร 1 ตัว กับกาแฟเย็น 1 แก้ว
นั่งรอสักแป๊ปยังไม่ทันทายงงน้องมังกรก็มาถึง ตอนที่มาเสริฟน้องมังกรมาพร้อมกับน้องช้างน้อยของเพื่อนเรา เราก็เอ๊ะทำไมน้องไม่เห็นเหมือนในรูป แต่เราก็ไม่ได้อะไรกินเข้าไปคำนึง แล้วถึงเห็นว่า น้องก็เหมือนในรูปแหละแกรรรรร แค่ผิดด้าน 555555 เลยอดเห็นน้องตอนสวยๆ เลย เรากัดแหว่งไปแล้วคำนึงแล้วค่อยจะมาเห็น 555555
ซึ่งเราว่าพอเอาปาท่องโก๋ธรรมดามาสร้างสรรค์ให้มันเป็นรูปต่างๆ คือมันกินได้สนุกขึ้นแล้วก็อร่อยมากขึ้นด้วย ^^
จากนั้นเราก็มาหาข้าวเช้ากินกันจริงจังที่ "ร้านก๋วยจั๊บน้ำข้นสามกษัตย์" ที่อยู่อีกฝากนึงของร้านโกเหน่ง ถ้าใครคิดจะแว๊นในตัวเมืองเราว่าวางแผนไปก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องขี่มอเตอร์ไซด์อ้อมไปอ้อมมา 555
ร้านนี้ก็จะขายพวกเกาเหลา ก๋วยจั๊บ ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบต่างๆ แต่ที่เราชอบมากก็คือร้านนี้จะมีน้ำชาผสมใบเตยให้กินด้วย หอมอร่อยม๊ากกกกก
กินเสร็จข้าวยังไม่ทันย่อยเรียงเม็ดอะไรใดใดทั้งสิ้น เราก็มากินกันต่อที่ "ร้านขนมจีบวิกุลพาณิช" ร้านนี้เห็นคนแถวนั้นเขาว่ากันว่าเป็นร้านขนมจีบขึ้นชื่อ
ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะจริง เพราะเห็นมีคนมาต่อแถวรอซื้อกันเยอะมากกกกกกกก แล้วก็ไม่ได้มีแต่ขนมจีบให้เลือกนะ มีหลายอย่างเลยแหละใครแวะมาเชียงใหม่ต้องมาลอง
หลังจากตะลอนออนทัวร์กันตั้งนานเราก็ยังไม่ได้กินกาแฟให้มันดีๆ ชีวิตก็เหมือนรถที่ไม่ได้เติมน้ำมัน ดังนั้นจุดต่อไปของเราก็คือ "ร้าน No.39 Cafe" ที่อยู่แถวๆ วัดอุโมงค์
จุดเด่นของร้านนี้คือกาแฟอร่อย และเป็นคาเฟ่ที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ หลายมุม ที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ มานั่งจิบกาแฟเช้าๆ พร้อมกับเสพบรรยากาศไปด้วยคือที่สุด มันดีจริงๆ ต้องลองๆ
จุดถัดมาก็คือ "ร้านอาหารเหนือเฮือนม่วนใจ๋" มาเชียงใหม่ก็ต้องมาชิมอาหารเหนือสิเนอะ
นี่คือครั้งแรกเลยที่เราได้มาชิมอาหารเหนือ เพราะส่วนใหญ่เราจะคุ้นเคยกับความเป็นอาหารอีสานมากกว่า ก็เลยสั่งชุดออเดิฟอาหารเหนือมาลองชิม และเพื่อนๆ ที่รู้ว่าเราจะมาเชียงใหม่ก็พากันแนะนำว่าให้มาลองชิมเห็ดถอบอร่อยมาก เพื่อว่ามางั้น ก็จัดเลยจ้าาาา
จากที่ชิมๆ มาทั้งหมดอร่อยทุกอย่างจริงๆ แต่ที่เราชอบมากกกกกกกกกกกกที่สุดคือ "คั่วเห็ดถอบ" คืออร่อยม๊ากกกกก อร่อยสมคำร่ำรือ อร่อยแบบไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย คือต้องมาลองเองจริงๆ จ้าาา >///<
หลังจากไปร้านคาเฟ่ยาเช้าแล้ว ก็ต้องมีคาเฟ่ยามบ่าย เลยมาต่อกันที่ "ร้าน Tomato cafe' Cnx"
เป็นร้านที่เหมาะแก่การถ่ายรูปมากกกกกกกกกกกกกกก คือตอนแรกเราก็เฉยๆ แต่พอเดินเข้าร้านมาเท่านั้นแหละ อื้อหื้อออออมุมถ่ายรูปเยอะมากกกก เดินถ่ายไปทุกมุมทั้งชั้นบนและชั้นล่างจริงๆ แถมชาเขียวที่นี่อร่อยมากด้วย >///<
แหละจุดที่ทุกคนไม่ควรพลาดในการพักผ่อนยามเย็นช่วงแดดร่มลมตกก็คือ "อ่างแก้ว มช." นั่นเองจ้าาาา
ภาพแรกในหัวของเราก็คือ แค่บ่อน้ำในมอมันก็คงจะเหมือนๆ กันแหละมั้ง มีน้ำแล้วก็มีต้นไม้นิดหน่อย แต่ภาพที่เห็นมาล้มล้างความคิดในหัวเราไปหมดเลย มันต่างจากบ่อน้ำในมอที่เราคิดไปเยอะมากกก เพราะที่นี่มีภูเขาสูงใหญ่มาเป็น black ground อันอลังการให้กับเราาา >///<
แต่เสียดายตรงที่เรามากันช่วงเย็นๆ ภาพภูเขาเลยกลายเป็นภูเขามืดๆ ย้อนแสง ถ้ามาตอนเช้าอาจจะสวยกว่านี้แล้วก็น่าจะมีหมอกด้วยยยย
เราคิดว่าที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่วิวสวยๆ มาก สวนนึงเลยแหละ
สวยจนถ่ายรูปเพลินมากกก เพลินถึงขนาดที่ว่าเดินครบรอบอ่างแก้วเลย ระยะทางก็น่าจะประมาณกิโลครึ่ง แต่เป็นกิโลดอยนะแมรรร่ อย่าเผลอคิดว่าเป็นกิโลครึ่งทางตรงเชียว เดี๋ยวจะตายโดยไม่รู้ตัว 5555
ไหนๆ ก็ตะลุยกินกันมาทั้งวัน จะกินต่ออีกสักที่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร 5555 ก็เลยมาต่อกันที่ "ร้านมนต์นมสด" ร้านชื่อดังของเชียงใหม่นั่นเองจ้าาา
ดูเผินๆ เราว่าการตกแต่งร้านไม่เหมือนร้านนมสักนิดแต่เหมือนร้านอาหารฟาสต์ฟูดมากกว่า ถ้าเพื่อนไม่พามาเราก็คงยังไม่รู้ต่อไป 555 ชาไทยกับขนมปังอร่อยมากกก
ปิดท้ายกันที่เมืองเชียงใหม่ในค่ำคืนนี้ก็คือการไปเดินชมวิวรับลมกันที่ "ขัวแขก" เป็นสะพานคนเดินที่บรรยากาศดีม๊ากกก ชมวิวแม่น้ำปิงบามค่ำคืน ตรงหัวสะพานมีกราฟฟิตี้ให้ถ่ายรูปได้ด้วย
และที่สุดท้ายก็คือ "HAB40 Hostel" ที่เป็นที่นอนของเราในคืนนี้
เราประทับใจที่นี่มาก เพราะต่างจากโฮลเทลที่อื่นที่เราเคยไปนอนมา เป็นลักษณะของบ้านเก่าที่เอามาตกแต่งให้เป็นโฮลเทล มีกลิ่นอายของบ้านเก่าที่ยังมีความเป็นบันไดไม้ๆ ที่เราชอบม๊ากกกกกก แล้วราคาก็น่ารักมากๆ ด้วย >//<
และนี่คือทั้งหมดของเมืองเชียงใหม่ที่เราได้ไปสัมผัสมา ^^ แล้วเจอกันบทความต่อไปจ้าาาา และสามารถติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ [https://th.readme.me/id/JKtrytotry] หรือพูดคุยกันได้ในเพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน
ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ❤
Try to Try ก็แค่ออกไปลอง
Try to try ก็แค่ออกไปลอง
วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 12.15 น.