ประเทศตุรกี..มีฉายาหลายอย่าง เช่น "แดนไก่งวง" หรือ "ดินแดน2ทวีป" มีการ ผสมผสาน ระหว่าง 2ทวีป และ 2 ศาสนาซึ่งเข้ากันได้อย่างดี แบบไม่บอกถูก ซึ่งถือเป็นประเทศที่น่าสนใจและมีสถาปัตยกรรมหลายแบบเลยหละ ทีนี้จะพาไปดูในมุมมองบางส่วนที่ไม่ค่อยได้เจอกันนะครับบบบ
วันแรกที่ไปถึงก็เจอดีเลยจ้าาา มีประท้วงกลางเมือง อิสตันบลู ทำให้รถบัสคณะเราไม่สามารถเข้าไปในเมืองได้ ต้องอาศัยรถรางแบบ งงๆ กันเลยทีนี้
มัสยิดฮาเจียโซเฟีย
หรือ โบสถ์เซนต์โซเฟีย (St.Sophia Church | Hagia Sophia)
ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โบสถ์ศิลปะแบบไบเซนไทม์
ได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ซึ่งเดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์ แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครอง จึงได้เปลี่ยนโบสถ์ดังกล่าวมาเป็นมัสยิด แต่ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัย "เคมาล อะตาเติร์ก" และในปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามและความยิ่งใหญ่
มัสยิดสุลต่านอาห์เมต
(Sultan Ahmet Mosque, Sultan Ahmet Camii) หรือ สุเหร่าสีน้ำเงิน
มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เป็นมัสยิดที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อยู่ในนครอีสตันบูล ประเทศตุรกี มัสยิดถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1609 โดย Sedefkar Mehmed Agha ตามคำสั่งของสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan Ahmed I) ผู้ซึ่งตัดสินใจที่จะสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ เพื่อยืนยันอำนาจของอาณาจักรออตโตมัน ระหว่างที่ไปปิดซ่อมแซมภายในพอดี เข้าได้เฉพาะผู้ที่จะทำพิธีทางศาสนาเท่านั้นน เซงเยยยย
เมืองทรอย (Troy) เมืองในตํานานกรีกโบราณ ได้มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตกว่า เมืองทรอยตั้งอยู่บริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของชองแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) หรือชองแคบดาร์ดาแนลล์ในปัจจุบัน บริเวณเมืองทรอยมีการจัดห้องแสดงแบบจําลองเมือง และเรื่องราวการค้นพบโดยนักโบราณคดี พร้อมทั้งภาพแผนผังเมืองทรอยที่สร้างซ้อนทับกันถึง 9 ชั้น มีซากเมืองเก่า กําแพง ประตู และม้าไม้จําลองแห่งทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ
ม้าไม้จําลองแห่งทรอย
Turkish Delight หรืออีกชื่อ โลคุม (Lokum) คือ ขนมหวานที่มีรสหวานของประเทศตุรกี นิยมกินกับชา กาแฟ ทำจากแป้งคุกด้วยน้ำตาลไอซิ่ง ครีมทาร์ทาร์ มะพร้าว รสชาติอร่อยดี
เมืองเอเฟซุส (Ephesus City) เป็นเมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุดเมืองหนึ่ง ในอดีตเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในเเถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และรุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้งภายใต้การปกครองของโรมันสิ่งก่อสร้างที่คงเหลือให้ได้ชมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีอายุนับแต่สมัยจักรพรรดิออกุสตุส ราวศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมา และล้วนเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติก ที่มีความอ่อนหวาน และฝีมือประณีต ภายในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ที่สำคัญ อาทิ โรงอาบน้ำ และโรงละครโบราณที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 25,000 คน
"เมืองปามุกคาเล"
"ปามุกคาเล" แปลว่า "ปราสาทปุยฝ้าย" ในภาษาตุรกี
ตั้งอยู่ที่เมืองปามุคคาเล ประเทศตุรกี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง
ที่มีลักษณะเป็นแอ่งและมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่ลดหลั่นกัน กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ก่อนไหลลงจากผาสูง สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากคือ หน้าผาที่ขาวที่กว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ
อาหารพื้นเมืองส่วนใหญ่เป็นเนื้อสัตว์ต่างๆ รอบนี้เราได้กินพวกไก่ย่าง ข้าวมัน และ แกงกระหรี่ แบบสไตล์ตุรกี ยังไม่เจอไก่งวงเลยยยยย
ไฮไลท์สำคัญของวันนี้คือ
ชมวิวสุดโรแมนติกกับบอลลูนยักษ์
Ton_Takeshi
วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.10 น.