ย า ก เ ย็ น แ ค่ ไ ห น ก ว่ า จ ะ ต า ม ล่ า เ จ อ หิ มะ
สวัสดีนักเดินทางและนักอ่านทุกคนนะครับ :) #วิดีโออยู่ล่างสุดนะ
กลับมาอีกครั้งกับบันทึกการเดินทางของ "ล่ามติดเที่ยว" อยากเปลี่ยนชื่อนามปากกาแล้ว เพราะไม่ได้ทำงานล่ามอีกต่อไปแล้ว แต่งานที่ทำอยู่ปัจจุบันก็มีล่ามควบคู่ไปด้วยอยู่นะ งั้นไม่เปลี่ยนละกัน เอาชื่อเดิมนี่ล่ะเนอะ เปลี่ยนละเดี๋ยวจะสับสน ฮ่ะๆๆ เอ้าาาา นอกเรื่องตั้งแต่เริ่มเลยนะเนียะ ก็เป็นซะอย่างเงียะ 555+
วันหยุดยาวที่ญี่ปุ่นวนกลับมาอีกครั้ง ให้อยู่ห้องยาวๆเบื่อๆคงลงแดงตายซะก่อน จริงๆทริปนี้ออกเดินทางตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2019 แล้วล่ะ ถือซะว่าเป็นทริป ส่งท้ายปีเก่า 2019 ต้อนรับปีใหม่ 2020 เลยละกัน ความตั้งใจของทริปนี้ก็คือ ตามล่าหาหิมะ ใช่ ออกทริปเพื่อเที่ยวชมความสวยงามของหิมะเลย ไม่ได้ไปเพื่อสิ่งอื่นใด แต่กว่าจะตัดสินใจออกทริปนี้ได้ก็ใช้เวลานานจนวินาทีสุดท้ายเลยก็ว่าได้ เส้นทางที่ออกเดินทางก็ตามแผนที่ด้านล่างนี้เลย
สิ้นปีเป็นช่วงหยุดยาว ซึ่งหยุดตั้งแต่ 28 Dec 2019 - 5 Jan 2020 ทั้งหมดก็ 10 วันเต็มๆ จนถึงวันที่ 28 ธันวาก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะไปที่ไหนยังไง ตั๋วสิ้นปีก็แพงด้วย ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ไปไหนแล้ว จะพักผ่อน กิน นอน ดูหนัง อยู่บ้านยาวๆเลย วันนั้นก็เลยตื่นแบบสายๆ สายมาก เที่ยวกว่าๆ อาบน้ำ กินข้าว แล้วมานั่งเล่นคอม หาข้อมูลดูว่าช่วงนี้ตั๋วราคาเป็นไงบ้าง เพราะจริงๆแล้วสิ้นปีมันก็จะแพงมากเป็นปกติอยู่แล้วนะ ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังอะไรว่ามันจะถูกลง แค่ลองเช็คๆไปงั้นแหละ
พอเช็คๆดูคือมีตกใจ เพราะตั๋วราคาไปกลับคือถูกมากกกกกก ตั๋วที่เช็คคือ Kagawa - Tokyo แบบไปกลับ ราคาสนองอยู่ที่ 12,370 เยน หรือประมาณ 3,600 บาทนั่นเอง โอ้โหหหหหห ไม่น่าเชื่อ พอเห็นราคานี้ปุ๊บ ทีนี้ล่ะเปลี่ยนใจที่จะไปเที่ยวทันทีเลย ก็ไลน์บอกเพื่อนขอยืมบัตรเดบิตหน่อย จะโอนเงินเข้าแล้วขอยืมซื้อตั๋วเครื่อง จนในที่สุดประมาณบ่าย3ของวันนั้นก็จัดการซื้อตั๋วเรียบร้อย แล้วซื้อตั๋วเดินทางวันไหน ก็เดินทางช่วง 1 ทุ่ม ของวันนั้นเลย จากนั้นก็ไลน์บอกเพื่อนที่โตเกียวว่าจะเดินทางไปเย็นวันนี้ ขอไปพักด้วย ฮ่ะๆๆ
จากนั้นก็หยิบกระเป๋าออกมาจัดของเตรียมตัวเดินทาง ประเด็นคือต้องไปขึ้นรถบัสไปสนามบินที่สถานีรถไฟ Sakaide ปั่นจักรยานจากบ้านไปก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาที เตรียมของไปมา ดูเวลาอีกที เห้ยยยย ต้องเร่งแล้วละนะ จริงๆก็ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะแหละ แต่กันตกรถบัส เพราะรอบ 5 โมงคือเที่ยวสุดท้ายของวันแล้ว ดังนั้นจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
จากนั้นก็ไปขึ้นรถบัสแล้วเดินทางไปสนามบิน พอถึงเวลาก็บินขึ้นไปโตเกียว อธิบายมาตั้งยาว ช่วงเดินทางนี่สั้นจริงๆ ฮ่ะๆๆ พอเดินทางไปถึงสนามบินนาริตะ ก็นั่งรถไฟดิ่งตรงไปยังบ้านเพื่อนที่อยู่แถว Kawasaki, Kanagawa ไม่ได้อยู่ในเขตโตเกียว แต่ก็เหมือนอยู่ในโตเกียวนะ ใกล้มากจากนั้นก็ออกไปกินข้าวแล้วเข้าที่พัก เพื่อนเช่าห้องอยู่ที่แชร์เฮ้าส์ จริงๆเขาห้ามคนนอกเข้าพักนะ แต่นี่ไปบ่อยละ แอบเข้าไป ฮ่ะๆๆ
29 Dec 2019
สวัสดีเช้าวันใหม่ อยากไปที่ที่มีหิมะตกหนักๆ ไปไหนดี ยังคิดไม่ออก หาไปเรื่อยๆ อาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านเพื่อน เพราะเพื่อนต้องไปทำงาน จริงๆเพื่อนบอกให้อยู่โตเกียวต่อ แต่เบื่อโตเกียวละก็เลยบอกเพื่อนว่าไม่ละนะ จะออกไปตะลอนเที่ยวละ ไว้จะมาพักใหม่ จากนั้นเราก็นั่งรถไฟออกไปพร้อมกัน เพื่อนลงแถวๆชิบูย่า ส่วนนี่ยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ยังตัดสินใจไม่ได้ จนนั่งรถไฟไปถึงสถานีรถไฟโตเกียว
ตอนนั้นก็เลยวางรูทเดินทางละ คือยังไงก็ต้องหาที่ไปให้ได้ ก็เลยตัดสินใจเลือกไปจังหวัดยามากาตะ (YAMAGATA) ละกัน ที่นั่นคงมีหิมะตกแล้วแน่ๆ ก็เลยตรงไปซื้อตั๋วรถไฟชิงคันเซ็นดิ่งตรงจากโตเกียวสู่ยามากาตะ
ราคาตั๋วเที่ยวเดียวก็ 10,640 เยน แอบแพงนะ แต่ไม่ซีเรียสเรื่องเงิน เพราะตั้งใจมาเพื่อเที่ยวอยู่แล้ว ไม่ให้เสียเงินได้ไง พอถึงเวลารถไฟก็มาจอดรับผู้โดยสารที่ชานชลา เริ่มออกเดินทาง 10:40
นั่งรถไฟชมวิวด้านนอกไปเรื่อยๆ นอนบ้าง กินบ้าง ฟังเพลงบ้าง พอเริ่มเข้าเขตจังหวัด Fukushima ก็เริ่มเห็นหิมะขาวที่ปกคลุมผิวพื้น แต่ยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็เป็นสัยญาณที่ดีที่เริ่มเห็นหิมะแล้ว
อย่างที่บอกว่าเพิ่งจะรู้ว่าจะไปไหนก็วันนี้ ดังนั้นก็เท่ากับว่ายังไม่ได้จองที่พักแน่นอน ดังนั้นระหว่างเดินทางก็หาที่พัก จนได้ที่พักค่อนข้างดีเลย นั่นก็คือ Yamagata Kokusai Hotel โรงแรมนี้มีภาษาไทยกำกับบนบัตรเข้าที่พักด้วยนะ แสดงว่าคนไทยคงมาพักกันบ่อยแน่ๆ ส่วนราคาสำหรับพัก 2 คืนก็ 9,396 เยน หรือ 2,585 บาท ไม่แพงนะ ราคานี้รับได้ แลกกับที่พักดี ที่นอนดี เหมาะแก่การพักผ่อน คุ้มอยู่นะ
พอเวลาผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง รถไฟชิงคันเซ็นก็ได้พามาถึงปลายทางที่สถานีรถไฟยามากาตะ เดินออกจากสถานีมาก็จะเห็นก็จะเห็นตึกสูงสูงงงงงงงงงเลย แต่ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าๆเอง ยังไปเช็คอินไม่ได้ งั้นไปไหนดีล่ะ เดินวนอยู่แถวนั้นแหละ
พอถึงเวลาก็ไปเช็คอินเข้าที่พัก ห้องพักก็จะประมาณนี้ ขนาดห้องก็เล็กกำลังดี
วิวด้านนอกก็คือโคตรแจ่มเลย มองเห็นภูเขาหิมะไกลๆ มันน่าไปซะตอนนี้เลยจริงๆ สรุปวันนี้เช็คอินแล้วก็ไม่ได้ออกไปไหน นอนอยู่ห้องยาวๆไป ฮ่ะๆๆ เพราะไม่รู้จริงๆว่าจังหวัดนี้มีอะไรบ้าง นอนละดีกว่า แฮร่
30 Dec 2019
สวัสดีเช้าวันใหม่กับคำถามเดิมๆคือ วันนี้ไปไหนดี? 555+ เอ่อ ไปไหนดี หาข้อมูลแป๊บ เมื่อวาน เมื่อคืนมีเวลาทำไมไม่หากันนะ มัวแต่นอนกดมือถือจนลืมไปเลย พอเช็คข้อมูลดูก็มีที่ที่น่าไปอยู่นะ ที่แรกจะไปที่วัดบนเขาหรือ Yamadera ก่อน ดูจากรูปแล้วน่าจะสวยน่าดู งั้นออกเดินทางกันเลย
วิธีเดินทางไป Yamadera ก็ตามเส้นทางนี้เลยครับ Yamagata St. > Yamadera St.
ไม่นานก็เดินทางไปถึง Yamadera แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะหิมะไม่ตกเลยยยยยย มีแต่หิมะที่ตกแล้วยังไม่ละลาย อดเห็นภาพสวยๆจากบนเขาเลย ไหนๆก็มาถึงแล้วขึ้นชมวิวจากด้านบนหน่อยละกัน จะบอกว่าที่นี่ก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเหมือนกันนะ ส่วนใหญ่เห็นมากันเป็นครอบครัว อีกอย่างเสียงดังมากนะ
เนื่องจากไม่มีไรมากก็เลยตัดสินใจโบกมือลาที่แห่งนี้ละ เปลี่ยนที่อื่นดีกว่า ที่ต่อไปของวันนี้คือ Zao Onsen ละกัน เห็นว่าที่นี่เป็นสถานที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเลยล่ะ โดยเฉพาะ Zao Monster อยากเห็นมากๆ งั้นไปกันเลย
ที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องของสกีด้วย จากนั้นไม่นานก็เดินทางไปถึง Zao Onsen และก็ต้องผิดหวังอีกเช่นเคย เพราะหิมะไม่ตกเลยยยยยยย หิมะหายไปไหนหมดดดดดดดด มีแต่หิมะที่ตกแล้ว รอการละลายยยยยยย ตอนแรกก็กะว่าจะไปเล่นสกีด้วย แต่คนญี่ปุ่นบอกว่า ปีนี้หิมะตกน้อย เล่นไม่สนุกเลย ถ่ายรูปก็ไม่สวยด้วย เอ้า ซะงั้นไป ก้เลยเปลี่ยนใจไม่เล่นแล้ว เดินเล่นแถวนี้ก็พอละ
ลำธารที่นี่เหมือนจะเป็นน้ำร้อนจากน้ำพุด้วยนะ เห็นมีควันขึ้นด้วย ไม่มีหิมะก็ไม่มีไรน่าสนมจเลย เห้ออออ มาได้แป๊บๆก็เดินทางกลับที่พักละ วันนี้พอแค่นี้ละกัน กลับที่พัก กินข้าว นอนเล่นในห้องยาวไป
31 Dec 2019
โอฮาโยเช้าวันใหม่ วันนี้ไม่ถามตัวเองละว่าจะไปไหน เพราะเมื่อวานหาข้อมูลเรียบร้อยแล้ว วันนี้จะเดินทางไปจังหวัดข้างๆคือ Niigata งั้นก็อาบน้ำ เช็คเอ้าท์แล้วไปสถานีรถไฟยามากาตะกันเลย
ดูจากแผนที่แล้วกว่าจะไปถึง Niigata นั้นต้องต่อรถไฟถึง 2 สถานีเลยนะ ไม่มีแบบดิ่งตรงไงเนียะ
เส้นทางก็คือ Yamagata St. > Yonezawa St. > Murakami St. > Niigata St. ยาวไปๆ
นั่งรถไฟจาก Yamagata St. ตอน 9 โมง > Yonezawa St. ประมาณ 10 โมงกว่าๆ มาถึงปกติ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหาของวันนี้คือรถไฟ Yonezawa St. > Murakami St. นั้นเกิดล่าช้า เนื่องจากพายุหิมะและลมพัดแรง จนทำให้รถไฟล่าช้าไปด้วย ซึ่งก็คิดว่า เอาวะ คงไม่นานหรอก รอแป๊บๆก็คงมา
แต่ยืนรอรถไฟรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววจะมาสักที เจ้าหน้าที่ก็ประกาศเรื่อยๆทุก 10 นาทีว่า "ขออภัยผู้โดยสารทุกท่าน รถไฟเที่ยว........ เกิดการล่าช้าเนื่องจากพายุหิมะและลมพัดแรง" ประกาศวนไป รอจน 11:30 ก็คือรถไฟเพิ่งโผล่ออกมา เท่ากับว่าดีเลย์ไปชั่วโมงกว่าๆเลยนะ แต่สาเหตุของการล่าช้าก็ชัดเจนนะ ยืนรอจนหนาวไปหมด
พอรถไฟมาถึงก้ออกเดินทางกันต่อ ดูแล้ววันนี้น่าจะหมดไปกับการเดินทางนะ ฮ่ะๆๆ จากนั้นรถไฟก้เดินทางถึง Murakami St. รอไม่นานรถไฟก็มาถึง จากนั้นก็เปลี่ยนรถไฟแล้วดิ่งตรงไป Niigata เลย กว่าจะมาถึงก็ปาเข้าไป 14:40 กว่าแล้วนะ
แต่ก่อนจะไปเช็คอินที่พัก ขอเติมพลังหน่อย วันนี้ยังไม่ได้กินไรเลย เอาแบบกินง่ายๆก็นี่เลย Sukiya
ที่พักก็จองระหว่างเดินทางเรียบร้อยแล้ว พักที่โรงแรม Court Hotel Niigata
จากนั้นก็ไปเช็คอินเข้าที่พัก ตอนเช็คอินอยู่ก็เจอกับคนไทย 2 คน เช็คอินพร้อมกัน เป็นคนเชียงใหม่ทั้ง 2 คนเลย (อีกคนมาเรียนที่เชียงใหม่) คุยทักทายกันแล้วเราก็นัดกันไปกินข้าวเย็นเลย ฮ่ะๆๆ จากนั้นก็เข้าห้องพัก พักผ่อนเก็บแรงก่อน
คืนนั้นเป็นคืนสิ้นปีพอดี มีเพื่อนเคาน์ดาวน์แล้วเว้ย แต่ไปที่ไหนดีล่ะ เดินวนไปมา หาร้านจนเหนื่อย คืนนี้เราไปกินกัน 2 ร้านมั้ง กิน คุย สนุกจนดึก นัดกันว่าพรุ่งนี้ไปเล่นสกีที่ Gala Yuzawa กัน
1 Jan 2019
สวัสดีเช้าวันปีใหม่ 2020 เช้าที่ตื่นไม่เช้า เช้าที่ตื่นเกือบเที่ยง เช้าที่ตื่นแบบสะลึมสะลือ เช้าที่ตื่นมาอีกทีก็ต้องตาตื่น เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลานัดไปแล้ว หลับไม่รู้เรื่องเลย เป็นการต้อนรับวันใหม่ได้ดีจริงๆ ฮ่ะๆๆ เพื่อนบอกว่าเมื่อเช้าไปเคาะประตู โทรไลน์ แชทหาก็แล้วแล้ว แต่เงียบกริบก็เลยออกเดินทางกันก่อน ขอโทษย้อนหลังอีกที ตั้งแต่คืนนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เจอกันอีกทีก็บนโซเชี่ยลเท่านั้น
กว่าจะลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาไปเที่ยงกว่าๆแล้ว ก่อนว่า Niigata ตั้งใจไว้ว่าจะไปสถานที่ที่ชื่อว่า 美人林 びじんばやし Bi Jin Bayashi หรือจะแปลไทยว่า ป่าคนสวย ละไอ่ป่านี่มันเป็นยังไงล่ะถึงได้ชื่อนี้มา อันนี้ก็ไม่รู้นะ ไว้จะพาไปเที่ยวละกัน วันนี้หิมะตกมาเล็กน้อย
แต่ดูเวลาแล้ววันนี้น่าจะไปไม่ทันแล้ว ไปทันก็อาจจะกลับมาถึงดึก ดังนั้นก็เลยพับแผนนี้เก็บไว้ก่อน แล้วไปที่ใหม่ ไปยืนดูแผนที่เที่ยวในเมือง ดูในไอจี จนตัดสินใจได้ว่าจะไปที่ไหน นั่นก็คือ ทะเลสาบหงส์ขาว หรือ Hyokosuikin Park นั่นเอง ลองหาข้อมูลดูแล้วคือสวยมาก ยิ่งถ้าหิมะตะนะมันจะสวยขึ้นแบบโคตรๆเลย งั้นไปที่นี่ละกัน
วิธีเดินทางไปทะเลสาบหงส์ขาว ค่ารถไฟประมาณ 500 เยน
Niigata St. > Shibata St. > Suibara St. จากนั้นก็เดินไปประมาณ 20 นาที ไม่ไกลๆ ที่ใช้เวลานานเพราะตอนนั้นหิมะตกหนัก ทำให้พื้นเปียกน้ำไหลเป็นแม่น้ำเลยต้องเดินช้าๆ หรือ ไปแท็กซี่ก็ได้นะ
พอเดินทางไปถึง Suibara St. หิมะก็ตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย ตกหนักมาก ละจะไปยังไงต่อล่ะทีนี้ ไปแท็กซี่ไหม ไม่อ่ะ อยากเดินดูรอบๆ เพราะมีเวลาเหลือเยอะ จากนั้นก็นั่งรอดูสถานการร์หิมะไปเรื่อยๆ ไม่นานหิมะก็หยุดตก จากนั้นจึ้งได้เดินไปทะเลสาบหงส์ขาว ทางคือเปียกน้ำตลอดทางเลย ทำให้เดินเร่งสปีดไม่ได้
เดินไปได้ไม่นานก็มาถึงที่หมาย ทะเลสาบหงส์ขาว พอถึงก็ต้องตกใจกับวิวที่ได้เห็นหลังจากเดินมาไกล ตกใจกับวิวอะไร วิวที่ไร้ซึ่งหิมะปกคลุม วิวที่หงส์ขาวลอยอยู่ในน้ำไม่กี่ตัว ฮ่ะๆๆๆ โอ้ยยยยยย ทำไมมันต่างกับภาพที่เห็นแล้วสิ่งที่จินตนาการไว้ก่อนจะมาถึงขนาดนี้ หงส์คือน้อยแท้ ไปไหนหมดดดดดดด นอกนั้นคือนกอะไรไม่รู้นะ ไม่รู้จักเลย แต่เยอะมาก จะว่าไปมันก็สวยไปอีกแบบนี้ ไม่ได้อีกแบบก็ ได้เห็นอีกแบบ
ไปเดินดูรอบๆทะเลสาบได้ไม่นานก็ต้องโบกมือลาซะแล้ว เพราะไม่รู้จะดูไรแล้วไง ภาพหงส์กลางหิมะขาวๆนั้นได้หลุดลอยออกไปจากหัวทันทีเลย เพราะรอบนี้อดเห็นแล้ว ไว้โอกาสหน้ามาใหม่ละกันนะ
จากนั้นก็เดินทางกลับที่พัก เย็นแล้ว ไม่รู้จะไปไหนแล้ว กลับไปนอนเก็บแรงดีกว่า พรุ่งจะออกเดินทางกันแต่เช้า แพลนพรุ่งนี้คือจะไป Bi Jin Bayashi ให้ได้ จากนั้นไปไหนต่อ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที นอนละ
2 Jan 2020
สวัสดีตอนเช้าตรู่ เช้านี้ตื่นตอนตี 5:30 น. ก็คือตื่นเช้ามาก ต่างกับเมื่อวานที่ตื่นโคตรสาย ตื่นมาก้เก็บกระเป๋า อาบน้ำ เตรียมตัว แล้วเช็ตเอ้าท์เพื่อไปขึ้นรถไฟให้ทันรอบ 06:46 น. พร้อมออกเดินทางละ
เส้นทางรถไฟ: Niigata St. > Nagaoka St. > Muikamachi St. > Matsudai St.
พอนั่งรถไฟเข้าเขตภูเขาก็เริ่มเห็นหิมะขาวๆปกคลุมไปทั่วพื้นที่ด้านนอกรถไฟ ขาววววววไปหมดเลย นั่งรถไฟเรื่อยๆ เปลี่ยนสถานีไปมา ประมาณ 11 โมงก็เดินทางมามาถึงสถานี Matsudai จากสถานีก็ต้องนั่งรถบัสต่ออีกที แต่ดูป้ายรถบัสแล้วยังมีเวลาเหลืออยู่เยอะ
พอเดินออกไปตรงหิมะดู เอ้าเห้ยยยยย ส้นรองเท้าพังงงงงงงงงแล้วววววว ฉิบหายแล้วไงทีนี้ ทำไงดีล่ะ มาพังไรตอนนี้ล่ะน้อออออ ก็เลยเข้าไปซื้อกาวติดรองเท้า อย่างน้อยก็พอช่วยได้นิดนึง แต่เอ๊ะ ทำไมมันเอาไม่อยู่เลยวะ ติดได้แป๊บๆก็หลุดอีกละ ไม่ได้การละอีกไม่นานรถบัสก็จะมาละ ถ้าไปทั้งยังงี้ล่ะก็มีหวังลำบากตอนเข้าไปเดินในป่าแน่ๆ
ตอนนั้นก็เหลือไปเห็นป้าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่ก้เลยถามแกว่า "ไม่ทราบว่าแถวนี้มีรองเท้าบูทแบบป้าขายไหม" ป้าก็ตอบมาว่า "มีร้านขายของอุปกรณ์ เครื่องใช้อยู่ทางนั้นเลย ลองไปดูนะ" จากนั้นก็วางกระเป๋าไว้แล้วเดินไปซื้อรองเท้าบูทที่ร้านเลย นี่ไงได้มาแล้วววว สบายเลยทีนี้
ระหว่างรอรถบัสก็ลองรองเท้าบูทกันสักหน่อยว่ามันจะเดินสะดวก เดินดีจริงๆไหม อิอิ ตอนนั้นมีบลุงป้าชาวไต้หวัน 2 คน กำลังดูตารางรถบัสอยู่ ลุงเลยเดินทาถามว่าจะไป Bi JIn bayashi ต้องไปรถบัสเที่ยวไหน ก็เลยบอกว่าผมก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน รถบัสรอบนี้ๆนะ งั้นก็ขึ้นรถพร้อมกันเลย
จากนั้นก็ไปซื้อข้าวกล่อง ไว้กินตอนหิวละกัน พอนั่งรอได้สักพักรถบัสก็มาจอดตรงป้ายรถเมล์ จากนั้นก็แบกกระเป๋าขึ้นรถบัสจับจองที่นั่ง จริงๆไม่ต้องจองหรอก เพราะคนน้อยอยู่แล้ว เอ้า แล้วข้าวกล่องกูมีไหนนนนนนนน โอ้ยยยยยลืมไว้ตรงที่นั่งรอรถบัส อดกินเลยไแไหมล่ะ ฮ่ะๆๆ สะเพร่าจริงๆ
เมืองที่มาอยู่ตอนนี้คืออยู่กลางหุบเขานะ ดังนั้นหิมะจะปกคลุมหนักมากๆ มองไปทางไหนก็หิมะๆๆๆๆเต้มไปหมดเลย วันนี้ได้เป็นสันแรกที่ได้เจอหิมะแบบเน้นๆ เยอะๆ ต่างกับหลายวันที่ผ่านมามากๆ ฮ่ะๆๆ
พอนั่งรถบัสมาได้เกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงปลายทาง ลุงคนขับรถบอกว่ารถบัสไม่สามารถเข้าไปถึงข้างในได้เนื่องจากหิมะตกหนัก ดังนั้นถ้าจะไป Bi Jin Bayashi ก็ต้องเดินเท้าเข้าไปทางที่นี่นะ โอเค งั้นก็จัดไป จากนั้นก็ลงจากรถบัสกัน 3 คน คนอื่นก็นั่งต่อไปไหนไม่รู้ ฮ่ะๆๆ ลงรถปุ๊บคือ ยืนอึ้งในความว่างเปล่า ฮ่ะๆๆ
คือเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เล็กมาๆ แทบไม่เห็นผู้คนเลย รถก็น้อยมากๆ ไหนๆก็มาถึงที่แล้วงั้นไปกันเลย มันจะมีป้ายชี้ทางเข้าป่าอยู่นะ ตอนแรกก็เดินไปพร้อมกับลุงป้านะ แต่เนื่องจากกระเป๋าหนักมาก ก็เลยบอกลุงป้าเดินไปล่วงหน้าเลยนะ ผมขอเอากระเป๋าไปเก็บที่ไหนสักที่ก่อน แบกเดินไปแบบนี้คงไม่ไหวแน่ๆ
แต่หาที่ที่เหมาะแก่การฝากกระเป๋าแล้วไม่มีเลย งั้นก็แบกมันไปทั้งอย่างงี้ล่ะวะ หนักหน่อยก็ทนเอา ตอนนั้นหิมะเริ่มตกลงมาเยอะขึ้นอีก มีร่ม มีรองเท้าบูทก็ไม่มีน่าห่วงละ งั้นก็เดินทางกันต่อเลยยยยยย
มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยหิมะขาวๆที่ตกลงมาทับถมกันหนาขึ้นๆเรื่อยๆ ต้นไม้ก็ถูกหิมะปกคลุมไปทั่ว ทำให้เห็นความสวยงามของธรรมชาติอีกแบบ เปิดเพลงฟังแล้วเดินไปท่ามกลางหิมะคือโคตรฟิลกู๊ด
เดินทางไปเรื่อยๆก็จะเห็นสระน้ำไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำแข็งยัง แต่น่าจะยังนะ ไม่แน่ใจว่าใช่สระน้ำหรือเปล่า เพราะเห็นมีกันหลายบ่อมากๆ ดูๆไปก็เหมือนทุ่งนาที่มีน้ำขังอยู่ยังไงอย่างงั้น
พอเดินไปเรื่อยๆก็ถึงปลายทาง 美人林 (Bi Jin Bayashi) ภาพที่เห็นคือสวยมากจริงๆ สวยแบบสวยมากๆเลย ถึงแม้จะเป็นวันที่ท้องฟ้าไม่เปิดก็ยังเห็นความสวยงามของธรรมชาติ เดินเข้าไปกันเลย ต้นไม้อะไรไม่รู้นะ แต่ลำต้นไม่ใหญ่มาก ตั้งตรง ไร้ซึ่งใบไม้เกาะติดบนต้นไม้ แต่เป็นหิมะที่เกาะแทนใบไม้ ไม่ตชค่อยมีนักท่องเที่ยวด้วย เห็นไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำไป
ตอนนั้นลุงป้ามาถึงได้ไม่นานก็บอกว่าจะกลับแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันรถบัสรอบบ่ายโมง คือลุงป้ารีบมากนะ แต่ผมนี่ไม่รีบ รอกลับรถบัสรอบบ่าย 3 ละกัน ค่อยๆเที่ยวไป
ระหว่างที่ถ่ายรูปเล่นอยู่ก้ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งอุทานขึ้นมาว่า "เหี้ยยย!!" ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนชาติไหน ก็คนไทยบ้านเดียวกันนี่แหละ ฮ่ะๆๆ เสียงอุทานนี้อยู่ไหนก็รู้ว่าเป็นคนไทย สักพักถึงเห็น 2 สาวไทยกางร่มเดินพูดคุยกันมา เห็นบ่นๆว่ากล้องตกกลางกองหิมะนะ แต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร เพราะต่างคนก็ต่างมาเที่ยวเหมือนกัน
เดินวนถ่ายรูปรอบๆ เพราะยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ มีอยู่ช่วงจังหวะหนึ่งที่หิมะบนต้นไม้ตกลงมาใส่ร่มที่กางอยู่ แรงตกลงมาก็น่าจะแรงพอสมควรอยู่นะ เพราะร่มเสียหายเล็กน้อย เหล็กงอกันเลยทีเดียว ฮ่ะๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ถ่ายรูปเล่นวนไป คนเดียวก้ถ่ายรูปได้นะ สบายๆ
พอบ่าย 2 กว่าๆก็เดินทางกลับไปยังอีกหมุ่บ้าน เพื่อไปรอขึ้นรถบัสกลับไป Matsudai พอเดินทางถึงป้ายรถเมล์แล้วดูตารางรถบัสก้ต้องตกใจสิ เพราะบนตารางรถบัสไป Matsudai Ekimae คือมีแค่วันละ 2 เที่ยว เที่ยวสุดท้ายคือเที่ยวที่ลุงป้ากลับไปนั่นเอง เอ้าาาฉิบหายอีกแล้วววววว ทำไงล่ะทีนี้ ลองยืนรอดูไหม
ณ ตอนนั้นก็คือเริ่มกังวลละว่าถ้าไม่มีรถบัสจริงๆจะทำไงดี ต้องขอติดรถคนอื่นไปเหรอ งั้นก็รอดูก่อนละกัน รอแล้วรอเล่า รอจนเริ่มรู้สึกหนาว เพราะหิมะตกหนักเหมือนฝน ลมพัดเบาๆกระทบใบหน้า ก็คือหนาวมากๆ ก็เลยเข้าไปหลบหิมะรอที่ปั๊มน้ำมันใกล้ๆ แต่นั่งไม่ติดเพราะกงัวลเรื่องเดินทางกลับ รอจนบ่าย 3 กว่าๆแล้วก็ยังไม่มีวี่แววรถบัสผ่านมาสักคัน จนเริ่มท้อ แต่ก็ทำไรไม่ได้ เวลารถแล่นผ่านก็ได้แค่มองแล้วทำหน้าน่าสงสาร เผื่อมีคนเห็นแล้วจะจอดเข้ามาถามไถ่ คาดหวังอะไรล้มๆแล้งๆแบบนี้กับประเทศนี้ได้ไงนะ ฮ่ะๆๆ
แต่ก็ยังคงรอรถบัสด้วยความหวัง จนเวลาใกล้จะ 4 โมงเย็นก็มีรถบัสแล่นผ่านมาจอดตรงป้ายรถบัสพอดี ก็เลยรีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งตรงไปที่รถบัส แล้วถามนคขับว่า "รถบัสคันนี้ผ่าน Matsudai Eki ไหม" คนขับตอบกลับมาว่า "ไม่ผ่านนะ รถบัสไป Matsudai Eki หมดแล้วนะ จะกลับ Matsudai Eki เหรอ" "ใช่ครับ" "งั้นขึ้นมาเลย เดี๋ยวจะแวะเข้าไปส่งให้" พอได้ยินแบบนี้ตอนนั้นคือน้ำตาแทบไหล "ขอบคุณลุงแบบติ้นตันใจมากๆ" กูจะได้กลับแล้ววววววววววววว ดีใจจจจจจจจจจจจจ
พอนั่งรถไปด้วยไม่นานก็มาถึงปลายทาง จ่ายค่ารถแล้วก็ลงรถบัสเพื่อไปต่อรถไฟแล้วเดินทางไปที่เมือง Shiozawa ที่พักที่จองไว้คือ Futago Cabin เป็น Guest house ที่มีลานหิมะอยู่ด้านหลังเลย เห็นราคาไม่แพงด้วยก็เลยจัดเลย นั่งรถไฟจาก Matsudai St. > Mukaimachi St. > Shiozawa St.
จากนั้นไม่นานก็มาถึงปลายทาง ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว หิมะกำลังตกลงมา เปิดแผนที่ดูทางไปที่พัก คืออยู่บนเขา ถ้าหิมะไม่ตกก็คงเดินไปได้แหละ แต่ตอนนี้ไปไม่ได้ หิมะตก ดังนั้นก็เลยให้แท็กซี่ไปส่ง โดนไป 1600 เยน พอไปถึงที่พักก็เห็นลุงป้ากำลังตักหิมะหน้าทางเข้าที่พักอยู่ เดินตรงเข้าไปแล้วทักทาย บอกไปว่า "มาเช็คอินที่พักครับ" ลุงก็ทำหน้าตกใจ "ห๊ะ อะไรนะ ที่พักเต็มแล้วนะ ไม่มีห้องว่างแล้ว" ทีนี้ล่ะงานเข้ากูแล้วไง "แต่ผมจองที่พัก และทาง Booking.com เองก็ยืนยันการจองเรียบร้อยแล้วนะครับ" ลุงบอกอีกว่า "แต่ทางที่พักได้ตอบข้อความกลับไปแล้วนะว่าไม่มีห้องว่าแล้ว" เลยถามไปอีกว่า "ส่งมาทางไหนครับ ทำไมไม่เห็นข้อความอะไรเลย" ทีนี้ก็เลยลองเช็คในแอพอีกที เอ่อเขาส่งข้อความมาจริงๆด้วย
เอาไงดีล่ะทีนี้ ก็เลยลองโทรติดต่อ Booking.com ให้จัดการปัญหานี้ เพราะงานนี้ทาง Booking.com ผิดเต็มๆและต้องรับผิดชอบ โทรไปไม่ได้โวยวายไรนะ ก็อธิบายปัญหาและเขาก็บอกว่างั้นรอสักครู่ทางเราจะจัดหาที่พักให้ใหม่ แล้วจะติดต่อกลับโดยด่วน ระหว่างนั้นก็ทำไรไม่ได้นอกจากรอ
ก็เลยขอให้ลุงพาไปส่งที่สถานีรถไฟ ตอนนั้นก็เกือบๆ 6 โมงเย็นแล้วนะ ลุงก็บอกว่า "ขอโทษนะ แต่ห้องเต็มแล้วจริงๆ คือลุงได้แจ้งให้ทาง booking.com ปิดการจองแล้ว แต่เขาไม่ยอมปิด" ก็ได้แต่บอกลุงว่าไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ พอไปถึงสถานีรถไฟยื่นเงินจ่ายค่ารถให้ลุง แต่ลุงบอกไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้ามาพักใหม่นะ ก็ขอบคุณลุงแล้วลุงก็ขับรถกลับบ้านไป ทีนี้ล่ะทำไงต่อดี รออีกหน่อย
รอไปประมาณเกือบชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววติดต่อกลับมา ที่พักแถวนี้ก็เหลือน้อย ที่เหลือๆอยู่ก็ที่พักราคาโคตรโหด ก็เลยแชทหาเพื่อนว่าคืนนี้จะกลับเข้าโตเกียวขอไปพักด้วยนะ จากนั้นก็ไม่รอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาแล้ว ซื้อตั๋วรถไฟแล้วนั่งรถไฟไปต่อที่ Yuzawa St. เพื่อไปขึ้นชิงคันเซ็นไปโตเกียว กว่าจะติดต่อกลับมาอีกทีก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ตอนนั้นคือไม่รับสายแล้ว เพราะโทรมาระหว่างที่เดินทางกลับโตเกียวอยู่ โทรมาก็ไม่มีประโยชน์ละ
พอขึ้นชิงคันเซ็นก็ตกใจกับจำนวนผู้โดยสารที่แน่นเอียดเข้าไปอีก ที่นั่งคืนเต็มเลย จริงๆได้ที่นั่งแล้วล่ะ ละก็มีที่ว่างข้างๆด้วย แต่มี 2 สาวกำลังเดินทาแล้วอีกคนก็นั่งลงข้างๆ ในขณะที่เพื่อนอีกคนก็ยืนข้างๆ เห็นอะไรแบบนี้ไม่ได้ก็เลยสละที่นั่งให้กับสาวอีกคน แล้วผมก็ไปยืนตรงทางเข้ารถไฟ นั่งที่พื้นตรงนั้นยาวๆกลับไปถึงโตเกียวเลย นี่แหละนะสีสันของการเดินทาง นัดเจอเพื่อนที่สถานีรถไฟใกล้บ้าน แล้วไปหาข้าวกิน จากนั้นก็กลับห้องเพื่อน อาบน้ำ นอนพักกกกกกก
3 Jan 2020
สวัสดีเช้าวันใหม่ วันนี้ตื่นสายๆหน่อย เพราะเพื่อนเข้างานเที่ยง วันนี้ไปไหนดี หรือพักอยู่โตเกียวรอวันเดินทางกลับ Kagawa วันที่ 5 เลย ก็เลยตัดสินใจจองที่พักในโตเกียว เพราะไม่อยากรบกวนเพื่อนหลายคืน ก็เลยจองโรงแรม APA Hotel TKP Nippori Ekimae ราคาที่พัก 2 คืน 2,193 บาทถือว่าถูกมากนะ
จริงๆวันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนหรอก เดินเล่นอยู่ในโตเกียวนี่แหละ พอถึงเวลาก็เช็คอินเข้าที่พัก นอนพักผ่อนอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน รอเวลานัดเจอเพื่อนไปกินข้าวเย็นแค่นั้นเอง พอกินเสร็จก็แยกย้ายกลับ นอนนนน
4 Jan 2020
สวัสดีเช้าวันใหม่ ไม่ได้รีบตื่นเพราะยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี หาข้อมูลวนไป ก้เลยคิดว่าขอกลับไปดูฟูจิอีกครั้งดีกว่า ตั้งใจว่าจะไป Chureito Pagoda ที่จังหวัด Yamanashi ก็เลยเตรียมตัวออกเดินทางไป
ก่อนออกจากโตเกียวฟ้าก็เปิด แจ่มใสนะ แต่พอนั่งรถไฟใกล้ถึงปลายทางฟ้าก็เริ่มมืด เหมือนฝนจะตก เอ้า ซะงั้นไป ทีนี้ฟูจิก็คงไม่ได้เห็นแล้วล่ะ งั้นจะไปเพื่ออะไรล่ะ อีกไม่กี่สถานีก้จะถึงแล้ว แต่เปลี่ยนใจไม่ไปให้เสียเวลาละ ย้อนกลับโตเกียวเลยดีกว่า ฮ่ะๆๆ เอ่อ นั่งรถไฟเล่นละกันเนอะ
พอกลับเข้าโตเกียวก็ไปหาเพื่อนอีกคนที่พักอยู่แถว Odaiba ไปกินข้าว ไปเดินเล่นแล้วก็กลับที่พัก พรุ่งนี้เช้าต้องตื่นเช้าตรู่เลย บินเวลา 07:55 น. เช้าไหมล่ะ นอนพักผ่อนต่อไป
5 Jan 2020
สวัสดีเช้าตรู่ของวัน น่าจะตื่นตอน 4:30 นะ เพราะต้องไปขึ้นรถไฟรอบ 05:45 ตรงไปสนามบินนาริตะ เกผ้บกระเป่า เตรียมตัวเดินทางไปสนามบินเลย ช่วงเช้าตรู่แบบนี้คนก็จะไม่ค่อยเยอะ ที่นั่งว่างเยอะ
เดินทางถึงสนามบินแล้วนั่งชัตเติ้ลบัสไปอีกที จากนั้นก็เช็คอิน แล้วเตรียมไปรอขึ้นเครื่องที่เกทขึ้นเครื่องบิน พอถึงเวลาก็ขึ้นเครื่อง ตอนนั้นพระอาทิตย์กำลังขึ้นเลย ลาแล้วโตเกียว ไว้มาเที่ยวใหม่อีกนะ
ระหว่างเดินทางแอร์ก็ประกาศให้ผุ้โดยสารที่นั่งฝั่งซ้ายเปิดม่านหน้าต่างเพื่อชมวิวด้านนอก คือโชคดีจริงๆได้เห็นยอดฟูจิซังด้วย ไม่มีหมอกปกคลุมน้องเลย สวยงามมากๆ
ประมาณชั่วโมงกว่าๆก้เดินทางมาถึงปลายทางสนามบิน Takamatsu, Kagawa แล้วก็เดินออกไปขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่ด้สนหน้าสนามบิน ทริปนี้ก็จบลงไปแบบ งงๆนิดๆ ฮ่ะๆๆ แต่ก็สนุกมากๆนะ
ประสบการณ์ซ้ำซ้อนจากทริปหยุดยาวโกลเด้นวีคญี่ปุ่นที่ผ่านมาก็มีอยู่แล้วคือเรื่องไม่จองที่พักล่วงหน้าก่อนเดินทาง แต่ก็อย่างที่บอกไปคือ ไม่มีแพลนว่าจะไปไหน ดังนั้นก็ยากที่จะจองที่พักไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว นอกเสียจากไปลุ้นเอาดาบหน้าอีกที ดังนั้นการเดินทางแบบนี้ก็น่าตื่นเต้น น่าลุ้นไปอีกแบบเนอะ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านบันการเดินทางฉบับนี้ อ่านแล้วอาจจะไม่เหมาะแก่การตามรอยทริปหรอกนะ เพราะไม่ได้ลงข้อมูลไรมากมาย แต่ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนชอบการเดินทางด้วยนะครับ
เชิญรับชมวิดีโอของทริปนี้ได้เลยครับ :)
あ り が と う :)
ล่ามติดเที่ยว
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 14.36 น.