สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวกับเส้นทางในฝัน กับ เส้นทางยอดนิยมยุโรปตะวันออก 3 ประเทศ 6 เมือง โดยประเทศและเส้นทางของพวกเราจะมีดังนี้ Austria - Czech Republic - Hungary และเมืองต่างๆ ที่เราจะไปกันก็คือ Vienna - Hallstatt - Cesky Krumlov - Salzburg - Prague - Budapest ตามลำดับเลย



ก่อนจะไปชมรีวิวกันสำหรับใครที่สนใจ หรืออยากจะติดตาม เรื่องราวการเดินทางของพวกเราก็สามารถกดเข้าร่วมเพจกับพวกเราได้เลยนะครับ



Twin Traveller : Travel and Lifestyle.

Fan Page : https://www.facebook.com/TwinTraveller
Personal Website : https://twintravellerblog.com

โดยแพลนการเดินทางของเราะเป็นแบบไม่เร่งรีบ และทริปนี้ตั้งใจจะไปถ่ายรุปด้วยตามจุดต่างๆที่เราตั้งไว้ เลยเผือเวลาพักตามเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้นเผือวันใดวันนึงอากาศไม่เป็นใจ เราก็จะสามารถแก้ตัวในวันต่อไปได้ ดังนั้นพวกเมืองใหญ่ๆ เราจะอยู่ถึง 3 คืนเลยครับ



แผนการเดินทาง



14 April : เดินทางมาถึงสนามบิน Vienna International Airport (VIE) เวลา 11:25 AM

เดินทางเข้าที่พักในเมือง ย่าน Erlachgasse 86 Apartment Nähe Reumannplatz THB 13,589 1 ห้อง 3 คืน (ุ6 ท่าน) เดินเที่ยวในเมือง เวียนนาครึ่งวันช่วงเย็น



15 April : เดินเที่ยวในเมือง เวียนนาเต็มวัน



16 April : เดินเที่ยวในเมือง เวียนนาเต็มวัน



17 April : Check out ที่พัก Apartment Nähe Reumannplatz เวียนนา และเดินทางไปยังเมือง Hallstatt เดินทางเข้าที่พักในเมือง Cafe Restaurant zum Mühlbach THB 13,189 3 ห้อง 1 คืน (ุ6ท่าน) เดินเที่ยวเต็มวันในเมือง



18 April : Check out ที่พัก Cafe Restaurant zum Mühlbach แล้วเดินทาง ไปยังเมือง Salzburg เข้าที่พัก ACHAT Plaza Zum Hirschen THB 15,539 3 ห้อง พัก 2 คืน เดินเที่ยวทั้งวันในเมือง



19 April : เดินเที่ยวในเมือง ซาลซ์บูร์กเต็มวัน

20 April : Check out ที่พัก ACHAT Plaza Zum Hirschen แล้วเดินทาง ไปยังเมือง เชสกี ครุมลอฟ สาธารณรัฐเช็ก เข้าพักที่ Pension Meandr THB 4,396 จำนวน 2 ห้อง พักได้ห้องละ 3 ท่าน พัก 1 คืน เดินเที่ยวในเมืองเชสกี ครุมลอฟเต็มวัน



21 April : Check out ที่พัก Pension Meandr แล้วเดินทางไปยังเมืองปราก เข้าพักที่ ABC Suites THB 15,267 1 ห้อง เข้าพักได้ 6 ท่าน อยู่ 3 คืน เดินเที่ยวในเมืองปรากเต็มวัน

22 April : เดินเที่ยวในเมืองปรากเต็มวัน

23 April : เดินเที่ยวในเมืองปรากเต็มวัน

24 April : Check out ที่พัก ABC Suites แล้วเดินทางไปยังเมือง บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เข้าที่พัก Piano Castle Hill Apartments THB 10,791 จำนวน 1 ห้อง อยู่ได้ 6 ท่าน อยู่ 3 คืน เดินเทียวในเมืองบูดาเปสต์เต็มวัน

25 April : เดินเjavascript:void(0);ทียวในเมืองบูดาเปสต์เต็มวัน

26 April : เดินเทียวในเมืองบูดาเปสต์เต็มวัน

27 April : เตรียมตัวเดินทางไปยังสนามบิน Budapest Ferenc Liszt International Airport เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยการเดินทาง



การเดินทางครั้งนี้ในการไปทวีปยุโรปได้ใช้บริการของ Qatar Airways ซึ่งเราตั๋วในราคาโปรโมชั่น เพียงแค่ 13,500 บาทต่อคนเท่านั้นเอง ในชั้น Economy ถือว่าถูกมากๆ กับสายการบินระดับ 5 ดาวระดับนี้ คุ้มเกินค่ามากครับ แต่ด้วยที่ต้องขึ้นจากสนามบิน Kuala Lumpur International Airport (KUL) เราจึงต้องจองตั๋วเครื่องบินตรงจากสนามบิน สุวรรณภูมิ ในราคาประมาณ 1,500 บาท ของสายการบิน Lion Air



เวลาถือว่าใช้ได้ ออกจากสนามบิน Kuala Lumpur International Airport (KUL) ตี 2 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7:30 ชั่วโมง เพื่อไปยังสนามบิน Hamad International Airport เพื่อต่อเครื่อง โดยใช้เวลาแค่เพียง 2:20 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าเป็นเวลาที่ดีมากๆ รอไม่นานเกินไปครับ สนามบินสวย เดินทางสะดวกไม่หลงเลยครับ ถือว่าประทับใจมากๆเลย

DAY 1 - 2 - 3 Vienna ( Austria )



เรามาเริ่มเมืองแรกของทริปเลยดีกว่านะครับ เวียนนาเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในออสเตรีย เป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจและการปกครอง มีประชากรหนาแน่น สถานที่เที่ยวในเมืองแห่งนี้ก็จะมีหลากหลายนะครับ สวยงามแตกต่างกันไป ถือว่าน่าสนใจมากๆเลยสำหรับเมืองใหญ่แบบนี้ ผมเลยตั้งใจจะพักที่นี้ 3 คืนเลย เพื่อให้ดื่มด่ำแต่ละสถานที่ เพราะไม่อยากชะโงกแต่ละสถานที่ อยากเดินเที่ยวเรือยๆ มากกว่าครับ ส่วนการเดินทางในเมืองแห่งนี้ก็สามารถเดินทางได้โดย รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถแทรมไฟฟ้า และก็รถบัสครับ สถานที่เที่ยวในเมืองนี้มีที่ไหนน่าสนใจบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า



1. St Stephen's Cathedral



ถือว่าสภานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้เลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่กลางใจเมือง ลักษณะเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ทรงสูง เห็นครั้งแรกด้านหน้าของโบสถ์มองขึ้นยังบนยอด แทบจะหน้ามืดเพราะมันสูงมากๆ เลย ด้านบนของโบสถ์จะเป็นยอดปลายแหลมๆ หลายยอด เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามมาก



ด้านในตกแต่งสวยงาม มีความใหญ่โต อลังกาลมากๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่า สถาปัตยกรรมแบบโกธิคจะงดงามขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแบบนี้ในแบบของโกธิค โบสถ์แห่งนี้มีความผูกพันกับชาวเวียนนามากๆ ทุกๆปีก่อนขึ้นวันปีใหม่ จะมีการตีระฆังขนาดใหญ่ของโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกดังขึ้น เพื่อให้คนทั้งประเทศพากันเฉลิมฉลองกันในวันขึ้นปีใหม่



2. The Belvedere ( Museum - Art gallery & World Heritage Site )



พระราชวังฤดูร้อน หรืออีกชื่อนึงว่าพระราชวังเบลเวเดียร์ (Belvedere palace) ของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย Prince Eugene of Savoy ผู้นำกองทัพแห่งราชวงศ์ฮับส์บวร์กที่ทำสงครามจนได้รับชัยชนะพวกเติร์กที่เข้ามารุกราน การเดินทางเข้ามาชมยังสถานที่แห่งนี้ สามารถเลือกว่าจะเข้าทางด้านประตู Upper Belvedere หรือ Lower Belvedere ได้ ค่าเข้าชมบริเวณสวนฟรีครับ แต่ถ้าอยากเข้าไปยังด้านในต้องเสียตังชื้อตั๋วเพิ่ม



ส่วนนี้เป็นส่วนของ Lower Belvedere หรือ ปราสาทเบลเวเดียร์ล่าง โดยมีสวนขนาดใหญ่เชื่อมระหว่างสองอาคาร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ควรมาเดินเที่ยวช่วงเย็น เพราะบริเวณสวนนั้นสวยงามมาก สามารถมองเห็นใจกลางเมือง ของกรุงเวียนนาได้เลย จากจุดๆนี้สามารถมองเห็นยอดของ St Stephen's Cathedral ที่ตั้งอยู่ได้อย่างชัดเจนเลย



สวนมีขนาดใหญ่ สวยทีเดียวเป็นสวนสไตล์ฝรั่งเศส มีน้ำพุที่มีรูปปั้นอ่อนช้อยงดงาม เหมาะแก่การมาเดินเล่นชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี้มากๆเลยครับ

3. Hofburg Imperial Palace



สถานที่แห่งนี้ เป็นพระราชวังที่ครั้งนึงเคยเป็นที่พักอาศัยของราชวงศ์ออสเตรียฮังการี ซึ่งในปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นที่พักของประธานาธิบดีของออสเตรีย บริเวณแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย



และก็มีรถม้าให้นั่งชมวิว อยู่ด้านหน้าหวังด้วย ซึ่งใครอยากจะนั่งรถม้าเล่นชมเมือง แนะนำให้มาขึ้นที่จุดนี้ได้เลยนะครับ แต่ราคาถือว่าแพงพอสมควรเลยทีเดียว ในเวลานั่งชมเมืองไม่ถึงชั่วโมง



เดินเข้ามาในประตูก็จะพบเจออนุสาวรีย์จักรพรรดิฟรานซ์โยเซฟที่ 1 มีรูปปั้นสวยงาม ตั้งอยู่กลางลางในพระราชวัง



เดินต่อมาอีกนิดจะเจอกับพระราชวังใหม่ Neue Burg Museums ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ มีพระบรมรูปทรงม้าเจ้าชายออยเกินแห่งซาวอยตั้งสง่าผ่าเผยอยู่ด้านหน้า สวยงามมากๆเลยนะครับ



เดินหันหลังกลับมา ฝั่งตรงข้ามพระราชวังใหม่ Neue Burg Museums ก็เป็นจตุรัสกว้างๆครับ และข้างๆก็จะมีสวนให้ชาวเมือง หรือนักท่องเที่ยวให้นั่งหรือนอน และทำกิจกรรมอาบแดดกัน4. Marian and Holy Trinity Column



มากันที่ถนน Garben ดีกว่านะครับ ถนนแห่งนี้เป็นถนนช้อปปิ้งซึ่งจะมีร้านค้า แบรนเนมต่างๆเยอะแยะมากมายเลยทีเดียว คนเดินกันเยอะแยะมากมาย มีร้านอาหารให้บริการอยู่หลายๆร้าน ให้ได้ลิ้มลองกัน หรือจะนั่งดื่มเบียร์ก็ชิลไปอีกแบบนะครับ



5. St. Peter's Church ( Peterskirche )



บนถนนเส้นนี้มีโบสถ์ที่สวยมากแห่งหนึ่งชื่อว่า Peterkirche หากไม่มองดีๆจะเดินผ่านไปอย่างง่ายๆเลยนะครับ ดังนั้นต้องกังเกตุดีๆ เลยนะครับ โบสถ์แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในซอกตึก ด้านในสามารถเดินเข้าไปชมได้ ไม่เสียค่าเข้าชมเลยนะครับ



6. St. Charles's Church ( Karlskirche )



สถานที่สุดท้ายของการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเวียนนา ก็คือ โบสถ์ St. Charles's Church นั้นเองครับในภาษาอังกฤษ เป็นสถานที่ที่สวยงามมากๆ ด้านหน้าของโบสถ์จะเป็นสระน้ำใหญ่ ซึ่งเมื่อเดินมาถึงตรงสระน้ำแล้ว จะเห็นเงาสะท่อนของโบสถ์แห่งนี้สวยงามมากๆเลยนะครับ



ณ มุมๆนึงในเมืองเวียนนา ช่วงพระอาทิตย์จะตกลับขอบฟ้าไป กลับทิ้งแสงที่สวยงาม ที่ฉายส่องให้มองเห็นชีวิตคนเมืองในเวียนนา ตึกรามบ้านช่อง กับ รถรางที่สุดจะคลาสสิกช่างเข้ากับบรรยากาศตอนนี้จริงๆ ครับ

DAY 4 Hallstatt ( Austria )



เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบ ที่สวยที่สุดในโลก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทสออสเตรีย (Austria) อีกด้วย ซึ่งถ้าหากใครได้มาเที่ยวประเทศออสเตรียแล้ว ไม่มาเมืองนี้ถือว่าพลาดมากๆ แน่นอน เพราะเป็นเมืองผ่าน ไปยัง Salzburg ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องได้มาสัมผัสแน่นอน เมืองริมทะเลสาปแห่งนี้ มีสถานที่เที่ยวที่หลากหลาย จะมาเดินเที่ยว ครึ่งวันก็ได้ หรือจะนอนพักสักคืนก็ได้ จะได้มีเวลาเดินเที่ยวแบบเจาะลึก และได้มีโอกาสเข้าเหมืองเกลือบราณที่มีอายุมากกว่า 7,000 ปี โดยการขึ้นกระเช้า



วันแรกที่ไปถึงวันนั้นฟ้าเปิดอากาศดีมากๆ ระหว่างทางการเดินทางไป Hallstatt แต่พอมาถึงเมือง นั่งเรือข้ามไปยังเมืองนั้นแล้ว ฟ้ามีเมฆมาก แต่ถือว่ามีแสงแดดลอดออกมาอยู่ ก็ถือว่าเยื่ยมแล้วครับ ต้องเข้าใจว่า เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขา



เส้นทางเดินริมทะเลสาปอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลกว่าๆ ดังนั้นถ้าจัดทริปเมืองนี้ ครึ่งวันก็ถือว่าเดินทั่วแล้ว เดินเรือยๆ ข้างทางมีร้านขายของที่ละลึกเยอะแยะมากมาย ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ คาเฟ่ มีให้เลือกนั่งชิลๆ หลายร้านเลยครับ



ตลอด 2 ข้างทาง อีกข้างเป็นทะเลสาป อีกข้างเป็นภูเขาติกกับทะเลสาป เมื่อมองขึ้นไป ก็จะพบเจอบ้านเรือนตั้งอยู่บนหุบเขา ต่อๆกันหลายๆหลัง สวยงามมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นโรงแรม ที่พักด้วยมั้ย แต่ถ้าใช่ก็คงจะเป็นห้องพักที่มีวิวสวยสุดยอดมากแน่ๆ



ถ้าหากอยากขึ้นมาดูวิวมุมสูงของเมืองนี้และทะเลสาป แนะนำให้ขึ้นไปชมตรง Pfarre Hallstatt เป็นจุดชมวิวที่ไม่สูงมาก มองเห็นอะไรชัดเจนมากเลยครับ หากอยากได้มุมสูงอีก ก็คงต้องขึ้นกระเช้าไปชมวิวด้านบนเขา ที่เป็นทางไปเหมืองโบราณ



พวกเราได้จองโรงแรมพักที่นี้ 1 คืน ซึ่งราคาโรงแรมที่พักบริเวณนี้ถือว่าแพงมากๆ เลยครับ แต้ก็ยอมกัดฟันจองเพราะอยากได้วิวยามค่ำคืนของเมือง Hallstatt เลยตกลงจอง 1 คืนเพื่อรอถ่ายภาพกลางคืน



มุมมหาชนยามค่ำคืนได้ถ่ายสมใจอยากแล้วครับ ตอนกลางคืนนั้นสวยงามมากๆ มีบรรยากาศโรแมนติกมากกว่าตอนกลางวันอีกครับ เพราะคนเยอะ 555 ใครมากับแฟนแล้วอยากสวีทกันสองต่อสอง แนะนำเลยครับ

DAY 5 - 6 - 7 Salzburg ( Austria )



เป็นอีกหนึ่งเมืองในฝันที่อยากเดินทางไปเห็นด้วยสายตาตัวเองมากๆ เมือง ซาลซ์บูร์ก เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 4 ในประเทศออสเตรีย เมืองเก่าของซาลทซ์บูกร์กและมีสถาปัตยกรรมแบบบาโรกเป็นหนึ่งในใจกลางเมืองที่ถูกดูแลรักษาอย่างดีที่สุด ในส่วนของ Old Town และยังได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกอีกด้วย อีกทั้งเมืองนี้ เป็นบ้านเกิดของโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท ซึ่งเป็น เป็นนักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกชาวออสเตรียที่มีชื่อเสียงก้องโลก อีกด้วย



เมืองนี้เป็นเมืองที่ผมชอบมากๆ ระหว่าง Old Town และ New Town จะมีแม่น้ำแบ่งกลาง ซึ่งสองข้างทางของสายน้ำ จะมีถนน เพื่อให้คนเดินเล่นริมน้ำ และมีเลนของจักรยานแบ่งอย่างชัดเจน มีคนวิ่งออกกำลังกายเยอะแยะมากมาย แถมมีวิวของเมืองตั้งอยู่ตรงหน้าอีกด้วย



ถึงจะเป็นเมืองใหญ่แต่ก็ดูเป็นเมืองสงบๆไงไม่รู้ ไม่มีเสียงรถวิ่งเสียงดัง ทุกคนในเมืองต่างใช้ชีวิตกันอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ สีสันในเมืองนั้นสวยงามมากๆ เลยทีเดียว ช่วงที่เราไป ในเมืองจะมีดอกไม้บานสีสันสวยงาม เต็มไปหมดเห็นแล้วเข้ากันดี กับบรรยากาศหนาวๆ และ โรแมนติกแบบนี้



ที่จริงในส่วนของ Old Twon นั้นมีอะไรให้เดินชมเยอะมาก บ้านเรือนสวยงาม มีร้านค้าขายขนมอร่อยๆ และยังมีโบสถ์ที่สวยงาม อย่าง Salzburg Cathedral ที่ไม่ควรพลาดชมเลย ยิ่งใหญ่มากๆ



เกิดข้อผิดพลาดในกาจัดการรูป เราเผลอกดลบรูปผิดการ์ดเลยทำให้รายละเอียดบางส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองหายไป ช่างน่าเสียดายจริงๆ ตอนนี้เลยเหลือแต่จุดชมวิวยามเย็น ถึงตอนกลางคืนของ เมือง Salzburg ซึ่งหากใครมีเวลา และอยากเดินขึ้นเขาเรือยๆ ไม่ยากมาก แนะนำเลยสถานีที่แห่งนี้จะทำให้เราได้เห็นความสวยงามของเมืองแห่งนี้ยามค่ำคืนที่สวยงามสุดๆเลย นั้นก็คือ เขา Mönchsberg นั้นเองครับ



ถ้าเดินขึ้นเขาไปสูงอีกก็จะได้มุม Panorama ที่สุดจะสวยงามจริงๆเลยครับ



DAY 8 Cesky Krumlov ( Czech Republic )



จากออสเตรียตอนนี้เดินทางข้ามประเทศมาถึง เชสกีกรุมลอฟ แล้ว เมืองเล็กๆ ในภูมิภาคโบฮีเมียใต้ของสาธารณรัฐเช็ก มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรม แลแน่นอน เมื่อมาถึงแล้วต้องเห็น้บานหลังคาสีสัมๆ เยอะแยะมากมาย ถ้าไม่เห็นแปลว่ายังมาไม่ถึง เชสกีกรุมลอฟ วันที่เราไปถึงอากาศดีมากกกก พยากรณ์อากาศบอกเราว่า วันนี้ฟ้าจะดีทั้งวัน และพรุ่งนี้ ซึ่งเราได้จองที่นี้แค่วันเดียวเท่านั้น ถือว่าวัดใจกันไปเลย เพราะทริปนี้เราตั้งใจมาถ่ายรูปกันจริงๆจังๆ และโอกาสก็เข้าข้างพวกเรา !!



มาเที่ยวเมืองนี้สถานที่ท่องเที่ยวก็คงจะไม่พ้น Český Krumlov Castle ครับ ด้านในวังนั้นสวยงามมากๆ มีอะไรให้เดินดูเยอะแยะเลยครับ และก็มีมุมเด็ดๆ ให้ถ่ายรูปเมืองเยอะดีครับ เพราะปราสาทตั้งอยู่บนเขาสูง เมื่อเราอยู่บนปราสาท จะสามารถมองเห็นวิวของเมืองเป็น Panorama เลย

หากยังไม่จุใจ ก็สามารถขึ้นไปยัง Tower ได้โดยเสียค่าใช้จ่ายนิดหน่อยไม่แพงมากครับ ขึ้นไปถ่ายรูปชิลๆได้เลย ในวันที่ฟ้าอากาศดีๆ หันกลับมาถ่ายตัวปราสาท Český Krumlov Castle ดีกว่าใหญ่โตจริงๆ



เดินออกจากเมืองหน่อย ไปแถบๆนอกเมือง จะมองเห็น Tower ในมุมที่แตกต่างออกไป สวยงามมากๆ โซนนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะครับ เดินเล่นสบายๆ แถวๆ ( GPS : 48.810755, 14.319693 ) ช่วงพระอาทิตย์ตกสวยไปอีกแบบ และได้บรรยากาศที่โรแมนติกมากๆๆ



ถ่ายรูปบ้านเรือนธรรมดาๆ ยังสวยงามเลยครับ อะไรมันจะขนาดนั้น !! 555 เป็น 1 วันที่เดินเที่ยวชมในเมืองแห่งนี้โดยที่ไม่รู้จักเหนือยเลยครับ หากใครมาเมืองแห่งนี้แนะนำเลยครับ พัก 1 คืน ที่พักไม่แพงมาก มีให้เลือกหลากหลายเลยทีเดียว



DAY 9 - 10 - 11 Prague ( Czech Republic )



และแล้วก็มาถึงเมืองที่เป็นจุดหมายหลักของทริปเรานะครับ นั้นก็คือเมืองปรากนั้นเอง เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก และยังได้รับการประกาศให้ปรากเป็นเมืองมรดกโลกด้วย โหห แปลว่าเมืองแห่งนี้ต้องมีอะไรดีแน่นอนเลยทีเดียว หากพูดถึงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่งดงาม สิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่โดดเด่น ถนนสายคดเคี้ยว รวมทั้งพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ และบรรยากาศโดยรอบแล้วถือว่า ปรากได้คะแนนไปเยอะพอสมควรเลยทีเดียว มาดูกันดีกว่านะครับ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวนั้นมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง



1. Charles Bridge (Karluv Most)



เป็นสะพานที่เก่าแก่ของเมืองปรากเลยทีเดียว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนเช้าที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ดีและเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ผ่อนคลายต้อนรับวันใหม่ที่สดใส เลยอยากจะแนะนำให้ตื่นเช้ากันครับ ประมาณ ตี 5:30 กำลังดี มาชมแสงแรกของวันกัน



1.1 Lesser Town Bridge Tower



สะพาน Charles Bridge ทั้งสองฝั่งจะมีหอคอย คนละฝั่งครับ ซึ่งสวยกันแตกต่างกันออกไป สามารถขึ้นไปชมวิวได้ ทั้ง 2 ฝั่งเลย เป็นหอคอยโบราณที่ดูสมบูรณ์มากๆเลยครับ



2. Old Town Square



"จัตุรัสเมืองเก่า" (Old Town Square) โดยจัตุรัสแห่งนี้ได้มีนโยบายให้เป็นศูนย์กลางสาธารณะที่สำคัญของกรุงปรากตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 และได้เป็นตลาด หลักตั้งแต่ศัตวรรษที่ 20 ตอนต้น ในยามค่ำคืนจะมีร้านอาหารเปิดเยอะแยะมากมาย เป็นสถานที่พักผ่อนและนั่งชิลเพลินๆ ยามเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หากใครเดินชมเมืองทั้งวันแล้ว อ่อนล้า ก็สามารถมานั่งพักผ่อน ทานอาหาร และนั่งชิล จิบไวน์หรือเบียร์รสชาติเยื่ยมได้เลยครับ

3. Stronomical Clock (Prague Orloj) & Old Town Square



นาฬิกาดาราศาตร์ (The Astronomical Clock) ตั้งอยู่ตรงมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจตุรัส และนักท่องเที่ยวจะได้ชมรูปปั้นตุ๊กตาสาวกของพระเยซูคริสต์ทั้งสิบสองคนปรากฎโฉมออกมาให้เห็นทุกๆชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09:00 จนถึง 21:00 น. เป็นอีก 1 จุดที่ไม่ว่าใครมาเที่ยวแล้ว ต้องถ่ายรูปคู่เป็นที่ละลึกกับนาฬิกาโบราณเรือนนี้ครับ



4. St. Vitus Cathedral



เป็นวิหารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดของพระราชวังปราก และเป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่โบราณกาลนับพันปี ตั้งอยู่กลางลานพระราชวัง ตัววังมีขนาดใหญ่โต จึงมองเห็นได้จากทุกทิศทุกทางจากในเมือง ยิ่งใหญ่จริงๆ สถานที่แห่งนี้เข้าชมด้านในฟรีครับ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ



5. Charles Bridge Tower



ช่วงเวลาสำคัญที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การขึ้นมาชมวิวบนหอคอยโบราณครับ เพราะคุณจะสามารถมองเห็นวิว 360 องศารอบตัวคุณเลย แนะนำให้มาตอนพระอาทิตย์ตก จะเป็นช่วงเวลาที่สุดประทับใจมากๆเลยครับ



และแล้วที่เวลาที่รอคอบยก็มาถึง พระอาทิตย์ตกดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วง Twilight ซึ่งเป็นช่วงที่ถ่ายภาพได้สวยที่สุดในการถ่ายภาพวิวยามค่ำคืนของเมืองครับ

เราสามารถมองเห็น St. Vitus Cathedral จากสะพาน Charles Bridge ได้ด้วย สวยงามโดดเด่นมาแต่ไกลเลยครับ เป็นสีทองอร่ามเหมือนกับความฝันเลยจริงๆ



ปรากเป็นเมืองที่สวยงาม สมแล้วที่ได้ประกาศเป็นเมืองมรดกโลกจริงๆ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ล้วนประทับใจทุกวันเลยครับ ปรากเป็นเมืองที่ถือว่าค่าครองชีพถูกกว่าเมืองที่ผ่านๆ มาเลยครับ ราคาอาหารหากไปรับประทานก็จะประมาณบ้านๆเรานี่เอง หรือถ้าหากใครอยากประหยัดก็แนะนำให้เข้า ซุปเปอมาเก็ตเลยครับ จะยิ่งถูกสุดๆ ถ้าที่พักมีครัวก็ เตรียมเครื่องปรุงจากไทยที่เป็นสำเร็จรูป แล้วชื้อของสด ที่นี้ทำเอาเลยครับ จะประหยัดมากๆ เลยทีเดียว



DAY 12 - 13 - 14 Budapest ( Hungary )



ถ้าถามว่า ชอบเมืองไหนที่ไปที่สุดในทริปยุโรปตะวันออกที่ผ่านมา ก็คงต้องขอบอกเลยว่า ชอบเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี่มากที่สุด โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนชอบประวัติศาสตร์ เมืองแห่งนี้มีประวัติที่ชวนให้น่าศึกษา และเดินชมความสวยงาม และร่องรอยของประวัติศาสตร์ ซึ่งหากจะเล่าของเมืองแห่งนี้แล้ว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองประเทศฮังการีเลือกที่จะอยู่ข้างเยอรมัน ซึ่งส่งผลให้บูดาเปสต์ได้รับความเสียหายอย่างมากจากระเบิดทำลายของฝ่ายพันธมิตร และในช่วงหลังสงครามยุติลง พรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อตั้งขึ้นและเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองของประเทศฮังการีเป็น 'สาธารณรัฐประชาชน' จนได้เกิด การปฏิวัติต่อต้านพวกคอมมิวนิสต์ในฮังการี่ การสู้รบดำเนินต่อไปเรือยๆ เพื่อต่อต้านนายพล สตาลิน แห่งกองทัพแดง (โซเวียต) การต่อสู้ก็ยังดำเนินต่อไป จนฝ้ายโวเวียตถอนทหารออกจากเมืองอย่างสมบูรณ์ ช่วงปี 1990



ปัจจุบันบูดาเปสต์เป็นเมืองที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ จึงเป็นอีกสถานที่นึงที่ควรค่าแก่การมาชม ความสวยงาม และ ร่องรอยของสงคราม ของเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี่ครับ

1. Fisherman's Bastion



ป้อมปราการชาวประมง ตอนแรกก็คิดว่าป้อมอะไรทำไมชื่อมันแปลกๆ ปกติต้องเป็นป้อมทหาร แต่ที่จริงแล้ว เป็นป้อมปราการของชาวประมงในอดีต หันหน้าออกสู่แม่น้ำดานูป เนื่องจากสมัยก่อนใช้การสัญจรทางน้ำเป็นหลัก กิจการประมงในสมัยก่อนค่อนข้างเฟื่องฟู



สถานที่แห่งนี้เป็นเป้าหมายหลักของเราเลยก็ว่าได้ ป้อมมีลักษณะเป็นสีขาว สวยงามดีครับ รูปร่างเท่ดี ชอบเป็นการส่วนตัว ฮ่าๆๆ ทุกป้อมจะมีจุดชมวิวด้วยครับ ยืนถ่ายรูปกันเพลินเลย



ถ้าสังเกตุดีๆ มองลอดช่องออกไป จะเห็นวิวทิวทัศน์แม่น้ำดานูบและวิวเมืองฝั่งเปสต์ครับ ในภาพจะเห็น อาคารรัฐสภาด้วย หรืออีกชื่อนึงว่า Hungarian Parliament Building นั้นเองครับ



บริเวณนี้ จะเห็นมีรุปปั้น King Istvan ซึ่งเป็น ปฐมกษัตริย์ของชาวฮังเกเรี่ยนตั้งอยู่ อย่างสวยงาม และโดดเด่นเลยทีเดียว

2. Chain Bridge (Szechenyi lanchid)



สะพานเชน (Chain Bridge) หรือสะพานโซ่ เป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในยุโรปที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบจุดนี้เป็นจุด ไฮไลท์ของที่นี้เลยครับ เป็นสะพานที่มีความสวยงามอย่างมาก ที่สะพานเชนนี้มีรูปปั้นแกะสลักสิงห์โตด้วยที่สะพาน ในยามค่ำคืนสะพานนี้จะเปิดไฟสวยงาม และเมื่อยืนบนสะพานเราจะสามารถมองเห็น วิวจากสะพานสวยงดงามมากจริงๆ



จากสะพานจะสามารถมองเห็นอาคาร รัฐสภาด้วย Hungarian Parliament Building สวยงามมากๆ ถ้าตอนกลางคืนจะสวยขนาดไหนนะ



สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะแนะนำเลยก็คือ การนั่งรถแทรมนั้นเองครับ ในเมืองนี้จะมีสายนึงที่วิ่งเรียบกับ แม่น้ำดานูป แนะนำให้นั่งกันครับ หาช่วงเวลาที่คนไม่เยอะมาก นั่งชิลวิวเรือยๆ รับลมธรรมชาติที่สุดจะสดชื่น และที่สำคัญราคานั่งรถแทรมไม่แพงเลยครับ ส่วนตัวแล้วชอบมาก สีสันของรถแทรม และรุปร่างของมัน ช่างเข้ากับเมืองนี้จริงๆ คลาสสิกมากกกกก



ถ้าเมืองบูดาเปสต์ขาดรถแทรมคันนี้ไป คงหมดสีสันแน่นอน ใครมีเวลาแนะนำให้นั่งกันครับ ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่อยู่ ( Budapest Map Transport : http://goo.gl/nXuFSP )

3. St. Stephen's Basilica



มาชมโบสถ์สวยๆของเมืองบูดาเปสต์กันดีกว่า สถานที่แห่งนี้คือโบสถ์ที่คู่บ้านคู่เมืองนี้ ใครที่เดินทางที่นี้ ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ต้องจดลงลิสเดินทางทุกคนเลยทีเดียว บริเวณทางเข้าด้านหน้าเป็นทางเดินที่ขนาบข้างไปด้วยตึกทั้งสองด้าน มีร้านค้า ร้านอาหารให้บริการเยอะแยะมากมาย สามารถเห็นตัวโบสถ์เด่นอยู่ตรงกลางเลย ดูลึกลับน่าค้นหาดีนะครับ ผมเห็นครั้งแรกนี่ร้องว้าวววเลย



โบสถ์แห่งนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก เกือบถ่ายเก็บมาไม่หมด ยิ่งใหญ่จริงๆเลยครับ แนะนำให้มาช่วงเช้าเพราะนักท่องเที่ยวไม่เยอะเลยครับ ไม่วุ่นวายดี และที่อากาศดีด้วยครับ ค่าเข้าชมฟรีครับสถานที่แห่งนี้

พอเมื่อเข้ามาด้านในแล้ว หากสังเกตุดีๆ โบสถ์ของยุโรปจะหน้าตาคล้ายๆกันหมดเลย จะมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ไม่กี่แห่ง อย่างเช่นพวกรุปปั้นอะไรพวกนี้ แต่ถือว่ายิ่งใหญ่ทุกที่เลยครับ



4. Liberty Bridge (Szabadsag hid)



ตอนนี้เราเดินทางมาตรง Gellért Hill กันนะครับ นั่งรถแทรมมาลงหน้าโรงแรม Gellért เลย เป็นอีกหนึ่งสะพานเลย ที่เซื่อมระหว่าง Buda กับ pest เข้าด้วยกัน เป็นสะพานที่มีสีเขียว ออกแบบสวยงาม



สีสันของรถแทรมโบราณที่เป็นสีสัม ช่างตัดกันดีกับสีเขียวจริงๆเลยครับ เมืองอะไรสวยหมดทุกอย่าง ทุกโมเม้นจริงๆ ตอนนี้เรากำลังจะเดินทางไปยัง ตลาดใหญ่ทีสุดในเมืองนี้กันนะครับ



5. Central Market Hall



เป็นอีกจุดนึงที่ไม่ค่อยเห็นใครรีวิวเลย เมื่อมาเมืองแห่งนี้ก้อนเดินทางเราหาในเน็ต เจอว่าสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดใหญ่ และ โบราณด้วย และมีความสวยงามทั้งภายนอกและภายใน และอีกอย่างเรามีเวลาอยู่ที่นี้ตั้ง 3 คืนเลย ไม่รอช้าเลยที่จะใส่เข้าไป ในคารางทริปที่ต้องไปด้วย

แนะนำให้เข้าด้านหน้าของตัวตึก เข้าไปปุ้บเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 แล้วเดินมายังตรงกลางของตัวตึกคุณจะเห็นภาพแบบนี้ ช่างเป็นตลาดที่ใหญ่โต และสวยงามจริงๆ ตลาดแห่งนี้ขายของที่ละลึก พวกอาหาร ของสด เครื่องเทศ ต่างๆมากมาย และที่สำคัญพวกของที่ละลึกนั้นราคาถูกกว่า ที่ขายแถวๆ แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวด้วย ดังนั้นหากใครสนใจก็ใส่ ตลาดนี้ในช่วงท้ายๆทริป ชื้อของกลับบ้าน ก็คงจะดีไม่เบาเลยครับ



6. Great Synagogue in Budapest.



และแล้วก็เดินทางมาถึงสถานที่สุดท้ายแล้วนะครับ กับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองแห่งนี้ สถานที่สุดท้ายก็คือ โบสถ์ยิวนั้นเองครับ ตอนหาข้อมูลครั้งแรกก็สงสัยอยู่ว่า ในเมืองแห่งนี้มียิวด้วยเหรอ นึกไม่ถึงจริงๆเลย อยากจะมาเห็นกับตาสักครั้ง และด้านในก็สวยมากๆ



บูดาเปสต์ ไม่ได้มีแค่โบสถ์ St. Stephen's Basilica ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังมีโบสถ์ยิว ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกด้วย ชื่อว่า Great Synagogue ทั้งภายนอก และภายในตกแต่งสวยงาม อลังกาลงานสร้างมากๆ นึกไม่ถึงจริงๆ จะมีโบสถ์ยิวในเมืองบูดาเปสต์ ในประเทศฮังการี่ด้วย แน่นอนว่ากว่าจะผ่านเข้าไปชมด้านในได้ จะมีเจ้าหน้าที่ คอยคุมทุกจุดแน่นหนาจริงๆ มีแสกนตัว ค้นตัว หลายขั้นตอนจริงๆ แต่ถือว่าเป็นอะไรที่เปิดหูเปิดตามากๆเลยครับ ใครอยากหาสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ ในบูดาเปสต์ แนะนำเลยครับ



7. Buda Castle



หากไม่ได้ขึ้นมาชมวิวยามค่ำคืนของเมืองปูดาเปสแห่งนี้ก็เท่ากับมาไม่ถึง !! แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถชมวิวยามค่ำคืนได้ โดยไม่ต้องเสียตังเลยสักบาทก็คงจะไม่พ้น Buda Castle แห่งนี้ครับ ปราสาทแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทั้งวันทั้งคืนเลย และมีวิวที่สวยอลังกาลมากกกกก ผมชอบและถูกใจมากๆเลยครับ บรรยากาศดีสุดๆ



วิวที่เราจะเห็นก็น่าจะประมาณ 180 องศาได้ครับ เราจะเห็นแม่น้ำดานูปยาวๆเลย และสีสันของเมืองยามค่ำคืนที่สุดจะสวยงามมากๆ



ในภาพนี้ก็เห็น สะพานเชน (Chain Bridge) อย่างชัดเจน และก็อาคารรัฐสภา Hungarian Parliament Building ด้วยครับ

ยืนยันด้วยภาพนี้ครับ ว่าเราสามารถมองเห็นได้กว้างจริงๆ สามารถเห็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ครบหมดเลย



8. Hungarian Parliament Building



อาคารรัฐสภาที่สุดแสนจะสวยงาม เป็นไฮไลท์อันดับ 1 ของที่นี้ครับ ยามค่ำคืนเปิดไฟสวยงามมากๆ เป็นอีกสถานที่นึงที่ผมประทับใจเลย ในการได้มาเยือนเมืองปูดาเปสแห่งนี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี และประทับใจมากที่สุดในทริป ยุโรปตะวันออกครับผม ปราก กับ ปูดาเปส เป็นเมืองที่ค่าครองชีพต่ำ และก็ปลอดภัยในระดับนึง เป็นการเดินทางที่สนุก และได้ภาพที่ตั้งใจไว้อย่างมาก



ขอจบทริปการเดินทางแต่เพียงเท่านี้ครับ และก็หวังว่ารีวิวชุดนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผุ้ที่สนใจเดินทางไปยัง ยุโรปตะวันออก หรือกำลังจะวางแผนอยู่วาจะไปเที่ยวที่ไหนดี หากมีข้อชี้แนะ หรือคำถามอะไรก็สามารถตอบถามได้เลยนะครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามรีวิวชุดนี้จนจบครับ ขอบคุณมากๆเลยนะคร้าบบ



และสำหรับใครที่สนใจ หรืออยากจะติดตาม เรื่องราวการเดินทางของพวกเราก็สามารถกดเข้าร่วมเพจกับพวกเราได้เลยนะครับ



Twin Traveller : Travel and Lifestyle.
Fan Page : https://www.facebook.com/TwinTraveller
Personal Website : https://twintravellerblog.com

ความคิดเห็น