สวัสดีค่ะ ช่วงหน้าฝน ใครๆก็คิดถึง ป่าเขียวชะอุ่ม เเม่น้ำ ลำธาร รอบนี้เราขอไปรีวิวที่พักริมเเม่น้ำแควใหญ่ นั้นก็คือ Mida Resort Kanchanaburi
รอบนี้เราไปพักเเบบเต้นท์ มองเห็นเเม่น้ำเพียงรูดซิปเต้นท์ออกมา กว่าจะจองที่นี้ได้ ใช้เวลานานพอสมควร เพราะที่นี้โด่งดังมากในเรื่อง เต้นท์นอนริมน้ำ ว่าเเล้วก็ลุยกันเลย.....
เราออกเดินทางกันวันเสาร์ช่วงบ่าย ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพ ราวๆ 3 ชั่วโมง ตลอดทางท้องฟ้ามืด ระหว่างทางก็ลุยกับฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุด เราก็ถึงที่หมาย Mida Resort เเล้ววววววว
เมื่อถึงที่จอดรถ เตรียมเอาสัมภาระลง เเละเดินตรงไปเช็คอิน ที่ ล็อบบี้รีสอร์ท ภายในดูสะอาด ตกเเต่งด้วยโทนสีน้ำตาลตัดกับผนังสีขาวขอบไม้ Classic ดี
เมื่อทำการเช็คอินเสร็จเเล้ว เราก็เดินทะลุตึกล็อบบี้ด้านหลัง เพื่อไปยังเต้นท์ที่พัก ระหว่างทางเดิน จะผ่านห้องอาหารเเละบันไดเดินลงไปยังพื้นที่รับประทานอาหารริมน้ำ พื้นที่ของ Mida กว้างขวาง สะอาดเเละ อากาศเย็นสบาย ได้เห็นสีเขียวของต้นไม้ตลอดทางเดิน และได้ยินเสียงน้ำไกลๆ
เดินมาเรื่อยๆ ก็พบกับ น้ำตกจำลอง ยิ่งทำให้รู้สึกเย็นใจสำหรับผู้คนที่เดินผ่านไปมา น้ำตกตรงนี้ใหญ่มาก เสียงน้ำตกดังเหมือนน้ำตกธรรมชาติเลย โรงแรมสูบน้ำขึ้นไปจากแควใหญ่ค่ะแล้วก็ปล่อยให้ไหลลงมา
เดินต่อไปอีก ก็จะเป็นโซนเต้นท์ที่พัก มีเต้นท์ตั้งอยู่หลายหลัง จัดสรรพื้นที่เเบ่งได้อย่างดีเยี่ยม โซนเต็นท์ แยกออกมาจากโซนตึกพักชัดเจน ไกลกันทำให้รู้สึกส่วนตัวมากๆ และแต่ละเต็นท์ก็ห่างกัน เพิ่มความเป็น Private
ในที่สุด เราก็เจอ เต้นท์หมายเลข 10 ถ่ายรูปเก็บไว้ 1 รูปเบาๆ
ตำเเหน่งเต้นท์เบอร์ 10 จะตั้งอยู่ติดริมน้ำ เพียงรูดซิปลงก็เห็นสายน้ำอยู่ตรงหน้า
ภายในเต้นท์ กว้างขวางเเละสะอาด เเละที่สำคัญมากคือ มีความเป็นส่วนตัว ไม่โปร่งจนเกินเหตุ เเละไม่อึดอัดจนเกินไป มี Flysheet คุมตัวเต้นท์ด้านบนอีก 1 ชั้น มั่นใจได้ว่า หากฝนตก เราไม่เปียกเเน่นอน 55555
เเละตัวเต้นท์ก็ทำด้วยวัสดุตัดเย็บดี มิดชิดพอที่ป้องกันเเมลงเเละมดได้
มีเสาเต้นท์ที่เเข็งเเรง ต้านลม ต้านฝนได้เป็นอย่างดี เเละทำทางเท้าด้านหน้าเต้นท์ไว้รองรับเเขกได้อย่างกลมกลืน
โดยตัวเต้นท์ ถูกตั้งอยู่บนเเผ่นปูนคอนกรีต ทำให้พื้นห้องในเต้นท์ไม่ขรุขระ เดินไปมาสบายเท้า ไม่มีอะไรบาดเท้าเราเเน่นอน เเละมีกุญเเจสำหรับล็อคเต้นท์ให้ด้วย เพื่อความปลอดภัย
ภาพรวมในห้อง โคตรประทับใจ เพราะเป็นเต้นท์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ต่างจากห้องพักโรงเเรมทั่วๆไป มีผ้าเช็ดเท้า มีรองเท้าช้างดาวให้ใส่ น่ารักมาก.
ขนาดภายในเต้นท์ เดินไปมาได้อย่างสะดวก สามารถวางสัมภาระได้อย่างสบาย มีไฟหัวเตียงที่ส่องสว่างได้ทั่วห้อง เเละมีโต๊ะไม้เล็กๆ สำหรับเเยกทำเป็นเตียง Twin Bed ได้
ปลายเตียง มีโต๊ะเครื่องเเป้งเเละกระจกสำหรับให้ผู้หญิงเเต่งตัวเเต่งหน้าได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นในเต้นท์ยังมีทีวี Mini Bar รองรับเเขกทุกห้องอีกด้วย สุดยอดไปเลย ^^
และที่พิเศษสุดคือ ติดแอร์ค่ะ เย็นเจี๊ยบถึงใจแน่นอนค่ะ ลมแรงทั่วเต็นท์
บรรยากาศภายในห้องมีความโรเเมนติก เหมาะกับคู่เดต หรือ ครอบครัว พ่อ เเม่ พร้อมเด็กเล็ก จึงเหมาะมากๆที่จะมาพักในช่วงหน้าฝน ได้ยินเสียงน้ำตกลงบนเต้นท์ ชื่นใจจริงๆ
เเละที่ประทับใจอีก 1 อย่างคือ หน้าต่างเต้นท์ ที่มีขนาดใหญ่มากๆ เปิดมาที นึกว่าประตูทางเข้า เเละนี้สิน่ะคงเป็น highlight ของการมาพักเเบบเต้นท์ ที่เราจะสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้มากขึ้น
หากใครเบื่อการพักเเบบเป็นห้อง ก็มาลองเเบบนี้ดูสักครั้ง เเล้วติดใจเเน่นอน
หลังจาก เข้าที่พักกันเเล้ว เราก็ออกมาเดินเล่นนอกเต้นท์ ใช้รองเท้าช้างดาว ไปเดินเล่นดีกว่า
ที่นี้มีที่นั่งให้ชมวิวริมน้ำ หาจุดถ่ายรูปสวยๆได้ไม่ยาก เเละในช่วงเวลาบ่ายนี้ ก็เป็นช่วงที่หลายๆ ครอบครัวกำลังล่องเเพ เล่นน้ำกัน
เกือบลืม พูดถึงห้องน้ำสำหรับเหล่าชาวเต้นท์ทั้งหลาย ห้องน้ำเเยกจากตัวเต้นท์ค่ะ เเต่ๆๆๆๆ
ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด เพราะเเยกชายหญิงชัดเจน เเละเเบ่งเป็นห้องน้ำ ห้องส้วมด้วย
ห้องอาบน้ำ มีให้เลือกระหว่างตักอาบ กับฝักบัว แบบ Raining Style
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็จะ 6 โมงเย็นเเล้ว ท้องร้องหิวววว
ก็ถึงเวลาทานข้าวเย็น ออกไปที่ร้านอาหารริมน้ำกัน ^^
ระหว่างทางเดินไป ก็จะข้ามลำธารเล็กๆไปฝั่งร้านอาหาร ตกแต่งได้อย่างน่ารัก
สำหรับโซนร้านอาหารริมน้ำ เป็นโซนที่ใครๆมาพักที่นี้ ต้องรีบจอง เพราะเต็มเร็วมาก บรรยากาศโรเเมนติกมาก เหมาะมากที่จะมาเดตกันที่นี้จร้าาาาาา
เมนูอาหารที่นี้ มีให้เลือกหลากหลาย เเละเครื่องดื่ม เลือกได้ตามใจ ส่วนราคาอยู่ในระดับกลางๆค่ะ
เราได้โต๊ะหมายเลข 37 พนักงานต้อนรับหน้าตายิ้มเเย้ม คอยให้บริการอยู่ตลอดเวลา เเละสำหรับใครที่ไม่รู้จะสั่งอะไรดี ที่นี้ก็มีอาหารเป็นเซตให้เลือกพร้อมผลไม้ เหมาะกับเเขก 2-3 ท่าน
นอกจากโต๊ะนั่งทานทั่วๆไปเเล้ว ก็มีโซนโต๊ะเเบบชิงช้านั่ง ก็เเปลกดีเหมือนกัน เเต่จองไม่ทัน เพราะคนจองเต็มหมด
เมื่อเราได้นั่งรออาหารอยู่นั้น ท้องฟ้าก็มืดลงเรื่อยๆ เเละก็มีน้ำฝนตกลงมาเล็กๆ เราก็กลัวว่าฝนจะตกหนัก เเละที่สำคัญคือ เปียกกกกเเน่นอน เราจึงถามพี่พนักงานว่า เราขอย้ายไปร้านอาหารด้านบนได้ไหม เพราะ กลัวฝนตกลงมา สิ่งที่พี่พนักงานบอกเราคือ " จากประสบการณ์......ฝนไม่ตกค่ะ "
สุดท้ายเราก็ไม่เชื่อ เราจึงขอย้ายไปด้านบนเเทน เเละสั่งข้าวผัดหมูกุ้ง หมูป่าผัดเครื่องเเกง กับ ต้มยำกุ้ง
เมื่อเวลาผ่านไป จนทานอาหารเย็นเสร็จ ฝนก็ยังไม่ตก 55555555 สรุปพี่เขาเทพจริงๆ ^^
เมื่อทานอาหารเสร็จเเละนั่งเล่นต่ออีกนิดหน่อย ก็ราวๆ 2 ทุ่ม ก็เช็คบิล เเละออกมาเดินเล่นนอกร้าน เวลานี้เป็นช่วงที่คึกคักที่สุด เพราะหลายๆท่านใช้เวลานี้นั่งพูดคุยกับครอบครัว เเละหัวเราะกับคนที่เรารักในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ทางเดินกลับเต้นท์ มีไฟติดตั้งอยู่ตามพื้น สว่างไสวตลอดทาง ไม่ต้องกลัวเดินสะดุด ผู้ใหญ่ก็เดินดี
ก่อนเข้านอน ก็ขอลงภาพบรรยากาศยามค่ำคืน โดยรวมเเล้ว ร้านอาหารริมน้ำ จัดโซนพื้นที่ได้ดี ไม่อึดอัด ให้ความรู้สึกเหมือนนั่ง Camping กัน ประดับด้วยไฟปิงปอง ให้รู้สึกถึงความ cozy
อิ่มท้องแล้ว เราก็เดินกลับมาที่เต็นท์ ทางเดินเปิดไฟสว่างเดินสะดวก บรรยากาศริมแควช่างสงบจัง เราอยากหยุดเวลาให้นิ่งๆอยู่ตรงนี้ตลอดไป ไม่อยากให้เช้าเลย
เข้าที่พักกันเถอะ แอร์เย็นฉ่ำ จนต้องปรับแรงพัดลงให้ค่อยลง ไปหัวเตียงส่องสว่าง ทั่วทั้งห้อง ดึกแล้ว หลายๆเต็นท์เงียบเสียงลง ปล่อยให้ธรรมชาติได้ขับกล่อม ลมพัดแรงๆ เหมือนฝนจะตก เราลุ้นให้ฝนตก จะได้ฟังเสียงฝน แต่สุดท้ายก็ไม่ตกสักที นอนมองหลังคาเต็นท์ เราเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ มันแสนสบาย กับที่นอนนุ่ม ผ้าห่มอุ่น คืนนี้ หลับฝันดี
เช้าวันใหม่ อรุณสวัสดิ์
เสียงคนเดินหน้าเต็นท์ไปมา ทำให้รู้สึกตัว เราก็เปิดหน้าต่าง นอนดูสายน้ำ ลมพัดใบไม้พริ้ว ไหวไหว จริงแล้วชีวิตและความสุข อยู่ไม่ไกลกันเลย อยู่นิ่งๆให้เวลากับตัวเอง ไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องปวดหัว ปล่อยให้ธรรมชาติได้บรรเทา และบำบัด เพียงแค่นี้ ก็ทำให้มีความสุขได้แล้ว
เราอ้อยอิ่ง ต่อไปไม่ได้แล้ว อาหารเช้ารอเราอยู่
เดินต่อไป เผาผลาญก่อนทานเช้ากัน ฮึบๆๆ
เมื่อเดินไปถึงห้องอาหาร จะเห็นสระน้ำขนาดใหญ่สะดุดตา เป็นกิจกรรมครอบครัวที่หลายๆคนต้องมาเล่นกัน เเต่เราไม่ได้เตรียมมา เซ็งเลย
นี้ก็คือห้องอาหารสำหรับมื้อเช้า เป็นอาคารที่สร้างใหม่ เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ ดูโปร่ง เเละสามารถมองเห็นสระน้ำอย่างใกล้ชิด บางครอบครัว ทานเช้าเสร็จ ลงเล่นน้ำต่อทันที
ด้านล่างก็เป็น Buffet Line ของ Mida resort เสริฟ์อะไรบ้างน่ะ ไปดูกันเลย อาหารเช้าจัดเต็ม จุใจ
อาหารเช้า จัดวางเป็นระเบียบ มี indoor กับ outdoor อาหารเราว่าธรรมดา ไม่ได้พิเศษอะไรมาก รวมๆให้ผ่านรสชาติถูกปาก ทานได้ทั้งครอบครัว
ถัดจากห้องอาหาร ก็ติดกับห้องประชุมของ Mida Resort ใครต้องการมาจัดประชุมในบรรยากาศธรรมชาติ ที่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ
อีกด้านหนึ่งของห้องอาหาร เชื่อมติดกับพื้นที่ ทางลงล่องเเพ มีช่องทางเดินกว้างใหญ่
ลงไปเดินกัน
เมื่อเวลา 10 โมงเช้า ขณะที่เราเพลิดเพลินกับการชมวิวอยู่นั้น สังเกตเห็น เกาะกลางน้ำ ซึ่งอยู่หน้าโซนเต้นท์ เเปลกใจมาก ทำไมเห็นชัดขนาดนั้น เพราะเมื่อวานไม่เห็นสันดอนทราย
เราคิดว่า เขื่อนข้างบน คงจะไม่ระบายน้ำ ทำให้ ระดับน้ำในแควลดลง มีหาดทรายโผล่ ขึ้นมา เราถือโอกาสลงไปเดินเล่นบ้าง เด็กๆ ลงไปเล่นน้ำกันสนุกสนาน น้ำใสใส ไหลผ่าน ได้เดินลุยรู้สึกได้ถึงความสบายเท้า สบายน่อง น้ำไหลผ่าน ไป เราเดินเล่น สักพักหนึ่ง เหมือนว่า ระดับน้ำจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นก็ เดินกลับขึ้นมาที่เต็นท์ไวไว
กลับมาที่เต็นท์ ยังพอมีเวลาเสพสุขก่อนจะคืนห้องตอนเที่ยง เอนหลัง งีบสักพัก ก่อนจากลา เต็นท์แสนสุข 1 คืนของเรา
เราเป็นสายป่าเดินเขาขึ้นดอย แบกเต็นท์ขึ้นไปบนยอดนอนกลางดิน กลางแดด กลางฝน มานับสิบๆครั้ง อารมณ์นอนเต็นท์ แต่ละบรรยากาศ ไม่เหมือนกันสักครั้ง ถามว่า นอนเต็นท์ ในบรรยากาศป่าจริง มันให้อารมณ์ที่ดิบกว่า และมันเข้าถึงธรรมชาติ และ อารมณ์ ของเต็นท์
Mida Resort แบ่งเนื้อที่ มาบริการลูกค้าด้วยเต็นท์กึ่งถาวร เพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เรามองว่าเป็นการออกแบบ เพื่อเสริฟความต้องการของลูกค้า อีกแบบหนึ่ง ได้ลองใกล้ชิดกับดิน หญ้า น้ำ
ลองมานอนเต็นท์ กันดูนะคะ
MonLuna
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 22.02 น.