ทริปหลังความตึงเครียดของโควิด-19 หลังจากที่ได้กักตัวอยู่บ้านและ WFH กันเป็นเวลาหลายเดือน มันก็เกิดความเครียดอะเนาะ เล่น Tiktok ก็เบื่อละ ออกไปเที่ยวบ้าง เลยจัดทริปหลังปลดล็อกการควบคุมต่างๆ สักทริป ใกล้ๆกรุงเทพ และก็หนีไม่พ้น “พัทยา”
เพื่อนเคยบอกว่า “เมิงจะเอาอะไร พัทยามีหมด ทะเล ภูเขา ห้าง ความเจริญ ชนบท อาหารอร่อย ที่เที่ยว แหล่งบันเทิง” อืมม จริง มันเลยเป็นที่ใกล้บ้านที่เราไปบ่อยมากๆ อีกอย่าง ถ้าไปหัวหินหรือโซนพระราม 2 ก็อาจเจอรถติดจากการปิดทำถนนได้ มาสบายๆตรงนี้ดีกว่า
เราตั้งใจกับแฟนว่าจะไปแบบสบายๆ พักผ่อน ไม่เน้นที่เที่ยว อยากไปคาเฟ่ต์ กินข้าว แล้วก็พักผ่อนที่โรงแรม เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน แต่คุณคะ คุ้มมากๆ จนไม่น่าเชื่อ และทริปครั้งนี้ ไปลงเอยที่ Navana Nature Escape สถานที่ว่าสวยแล้ว เจอรีวิวไลน์อาหารเช้านี่ร้องว้าวเลย แต่ก็แอบลุ้นนิดๆว่าช่วงนี้เขาจะจัดอาหารมาเต็มเหมือนในรีวิวก่อนๆหรือเปล่านะ
เริ่มทริปออกจากกรุงเทพ พอดีบ้านเราอยู่โซนตะวันออกพอดี ก็ออกสายหน่อย พุ่งตัวไปที่ร้านอาหารก่อน คือร้าน “ตัมตัม ส้มตำพัทยา” ตัวร้านตั้งอยู่ริมถนน ตรงโรงพยาบาลกรุงเทพเลย สิ่งที่ประทับใจร้านคือ การบริกร รสชาติอาหาร และราคา เราขอให้ความสำคัญกับทั้งสามตัวนี้ และเราว่าคะแนนค่อยข้างสูสีกัน บริการและรสชาติสวนทางกับราคา คือบริการและรสชาติดีมีคุณภาพ ในขณะที่ราคาไม่แรง ไม่แพง และได้นั่งแอร์เย็นในราคา 40-50 บาท
ได้พูดคุยกับเจ้าของ บอกว่าช่วงนี้เพิ่งกลับมาเปิดได้และดีขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีคนเลย ทำเอาร้านปาดเหงื่ออยู่เหมือนกัน แต่ก็ฮึดสู้ ทัศนคติที่ดีอีกอย่างของเจ้าของร้านคือ การเทรนพนักงานให้มีบริการที่ดี หน้าตาต้องยิ้มแย้ม อันนี้สำคัญสุด ส่วนรสชาติอาหาร เรากลับมาตำอีกรอบอะ เพราะส้มตำไหลบัวกุ้งสด รสเข้มข้น อื่นๆก็อร่อย วันนี้มากันแค่สองคนกินไปเท่านี้
ลาบเป็ด
ตำไหลบัวกุ้งสด ใครอยากกินกุ้มสุกก็มีนะ
สู้ซีวิต เมนูน้ำที่ครีเอทชื่อโดยพนักงานในร้าน ให้พนักงานได้มีส่วนร่วมกับร้าน น่ารักดีค่ะ
ไส้กรอกอีสาน เนื้อนุ่ม หอม เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง อร่อย
ไปต่อกันที่คาเฟ่ต์ A’ la campange นาจอมเทียน คาเฟ่ต์สไตล์ฝรั่งเศสที่แนะนำมากๆหากคุณชอบชา เพราะเจ้าของ obsessed เรื่องชามากๆ อันนี้เพื่อนแนะนำมา เราลองสั่งเครื่องดื่มคนละอย่างและเค้กมากิน กลิ่นชาคือเกินความคาดหมายมากๆ หอมดอกไม้ละมุนอยู่ในหัว เอาเป็นว่าทุกคนต้องไปกินเองนะ 555
La vie en rose ตัวนี้หอมนุ่มมากๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่ดีจริงๆคือมุมถ่ายรูปที่มีให้มากมาย มากมาย มากมาย เหมือนเดินอยู่ในสวนในยุโรปสมัยก่อน โดยดีไซน์ของร้านได้รับแรงบันดาลใจมาจากโรงงานชาในศรีลังกา ตกแต่งผสมผสานระหว่างเอเชียและยุโรปยุคโบราณ นึกภาพชุดกระโปรงบานๆ ผ้าลูกไม้ สวมหมวกปีกบาน แบบยุโรปสมัยก่อน มันช่างเข้ากับร้านดีจริงๆ
อิ่มท้องก็ไปเช็คอินที่โรงแรม Navana Nature Escape กันค่ะ หน้าทางเข้าโรงแรมมีคาเฟ่ต์น่ารักๆที่เราเคยมาด้วย ชื่อ Tree Tails Café เป็นบรรยากาศคาเฟ่ต์ในสวนที่ตกแต่งด้วยต้นไม้แบบอบอุ่น กระเบื้องแต่งลายและเซรามิกน่ารักๆ
อันนี้ลิ้งค์จากกระทู้ก่อนหน้านี้ค่ะ หากใครสนใจร้านนี้
https://pantip.com/topic/38753718
จอดรถเอาของลงและขึ้นไปเช็คอินที่ล็อบบี้กันค่ะ โดยข้าวของนี่เขาจะขนไปให้ที่ห้องนะคะ ทางโรงแรมมีพลาสติกกั้นและเจลล้างมือให้เรียบร้อย การบริการและมารยาทของพนักงานดีเลยค่ะ สักพักก็จะมี welcome drink มาเสิร์ฟ สดชื่นดีค่ะ เป็นมะตูมมะนาว
มาดูห้องพักกันค่ะ เราจองเป็นห้อง Studio Deluxe ซึ่งเป็นเตียงคิงไซส์ หันหน้ารับแสงหน้าต่าง ดูวิวได้แบบเต็มๆตา ด้านหน้าเป็นทะเล ด้านล่างเป็นวิวสระว่ายน้ำ ด้านนอกเป็นระเบียง มีเก้าอี้ไม้นั่งเล่นได้ดูพระอาทิตย์ตก
ห้องน้ำอยู่เหนือเตียงนอน โดยใช้ผ้าม่านเป็นกำแพง-ประตูแทน ให้ความรู้สึกโปร่ง ไม่อึดอัด และทำให้ห้องกว้างขึ้นด้วย มีอ่างแช่ตัว ซิงค์ล้างหน้า และกั้นกระจกทำเป็นห้องแยกสำหรับถ่ายหนักและอาบน้ำ ฝักบัวมีทั้ง 2 แบบเลยน้า แบบธรรมดากับเรนชาวเวอร์
ทั้งห้องตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินเข้ม ขาว และพื้นไม้ ให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เข้ากับบรรยากาศทะเลเลยค่ะ
พักนิดหน่อยเราก็ไปเล่นน้ำกัน ที่นี่คนเล่นน้ำจริงๆจังๆไม่ค่อยเยอะ เท่าที่ดูจากวันนี้นะคะ แต่ส่วนใหญ่มาถ่ายรูป อายแดด นั่งชิลริมสระ สระว่ายน้ำของที่นี่มี 2 สระ ตรงอาคารที่เราพักมีสระเด็ก ส่วนตรงนี้เป็นสระผู้ใหญ่ แต่เด็กๆก็พอเล่นได้อยู่ค่ะ มีตรงขอบสระทำเป็นทางลาดอยู่ประมาณเมตรครึ่งรอบสระ แต่ผู้ปกครองต้องคอยดูน้องๆด้วยนะคะ
พอเล่นจนตัวเปื่อยเหนื่อยแล้วก็เริ่มหิว เราก็เลยไปหาไรกินกันที่ตลาดลานโพธิ์ ใกล้ๆกับที่พักเลยค่ะ เป็นตลาดสดที่เปิดตั้งแต่เช้าจนถึงประมาณทุ่มนึง เราได้ของมาตามนี้ และไปจ้างเขาปิ้งย่างให้ คิดอย่างละ 20.- เรียบร้อยอาหารเย็นมื้อนี้
- หอยหวาน ครึ่งกก.100.- : ตัวใหญ่ หวานมาก หอมสุดๆ
- ปลาหมึกไข่ ครึ่ง กก. 100.- : สด เนื้อไม่เละ
- หอยนางรมสดถุงละ 100.- + พริกเผา 20.- + หอมเจียว + 20.- + กะถิน 10.- : ไม่คาวดี แต่ไม่ค่อยชอบกินเยอะๆแบบนี้เท่าไหร่
- ปูไข่ดอง 350.- : ไม่อร่อยยยย เค็มมมมม เคยซื้อแบบแช่แข็งตัวละ 380.- อร่อยกว่าเยอะเลยยย TT
มื้อนี้ก็นั่งกินสบายๆริมระเบียง อากาศเย็นๆ ไม่ร้อน มีลมตลอดเลยค่ะ เราตำน้ำจิ้มซีฟู้ดมาเอง สูตรรสมือแม่ เพราะไปกินที่ไหนๆก็ไม่ถูกใจ มีแต่เผ็ดบ้าง เค็มบ้าง มะนาวปลอมบ้าง หมดอารมณ์และเสียรสชาติอาหารที่อุตส่าห์ซื้อมาหมดเลยค่ะ มื้อนี้สบายและถูกใจ มีความสุขมากๆๆๆๆ
เช้านี้มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่เรารอคอยให้มาถึง นั่นก็คืออาหารเช้า!! เดินถ่ายรูปสักพัก ไม่ไหว ก็พุ่งตัวไปกินเลย ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ไลน์อาหารเยอะมากๆ เอาเป็นว่าดูในภาพเลย นี่ยังถ่ายไม่หมดนะคะ
ห้องอาหารจัดโซนที่นั่งเรียบร้อยดีค่ะ มีทั้งห้องแอร์และด้านนอก โดยทุกคนจะต้องสวมถุงมือไปตักอาหาร หากไม่ได้สวมพนักงานจะเดินเข้ามาพูดอย่างสุภาพขอให้เราช่วยใส่ถุงมือ
ทานไปได้ซักพัก ก็มีแก๊งครอบครัวใหญ่เข้ามาในห้องอาหาร ไม่ใช่แค่ครอบครัวเดียว แต่มีหลายครอบครัว น่าจะพ่อแม่เป็นเพื่อนกัน และเด็กๆเยอะมากค่ะ เหมือนทัวร์ลง ค่อนข้างเจี๊ยวจ๊าวเลย เรากับแฟนนี่นั่งมองหน้ากัน บรรยากาศกำลังดี คุยกันไม่ว่า มีตะโกนอีก ทั้งพ่อแม่ก็ไปตักเตือน ไหนจะวิ่งไปวิ่งมา ฝากถึงผู้ปกครองทุกท่านนะคะ ลูกหลานของคุณไม่ได้น่ารักกับทุกคนและทุกคนจ่ายเงินมาพัก มีสิทธิ์ในการใช้พื้นที่เท่ากัน เคารพเขาเคารพเรา เรื่องนี้ก็ควรให้น้องๆได้เคารพผู้อื่นจะดูน่ารักมากค่ะ
เราลงมาเล่นน้ำอีกรอบก่อนจะเช็คเอ้าท์ไปหาไรกินอีก 5555 กินอีกแล้ววว 5555 ก่อนออกจากห้อง เราก็รวบรวมขยะของเราให้เป็นที่เดียวกันเพื่อง่ายกับพี่ๆคนเก็บของสักนิด
เช็คเอ้าท์เสร็จไม่ต้องเดาว่าไปไหน ใช่ค่ะ ไปคาเฟ่ต์!! อย่างนึงที่รู้สึกตลกดีของแฟนและเราคือ ขับไปก่อน หาร้านระหว่างทางขับรถ อ่ะ โชคดี หาร้านได้เร็ว ร้านที่เราจะไปเป็นร้านมุสลิมค่ะ น่าสนใจด้วยการตกแต่งร้านสไตล์คอตเทจ นั่นคือ “Munasir Pool Café”
แผนที่อากู๋ที่นำไปพาเข้าผิดซอย กันชนครูดพื้นไปเรียบร้อย นางพาไปซอยตันที่เป็นดินแดงๆและทางก่อสร้าง พอดูแผนที่ดีๆ คือแค่ไปเข้าซอยข้างหน้าที่เป็นทางปกติ ใครจะตามไป อย่าเผลอเข้าไปนะ ถ้าเห็นว่าในซอยเป็นดินแดงๆ เลยไปก่อนจ้า ไปเข้าซอยหน้าเลย
ค่อนข้างลึกลับจริงๆ คือนี่แหละแกกก คือคาเฟ่ต์ลับ ลับไปไหน จะพรางตัวรึเปล่า! ข้างในซอยเป็นเหมือนหอพักหลายๆตึก คาเฟ่ต์อยู่ในนั้นแหล่ะค่ะ
สเน่ห์ความคอตเทจของคาเฟ่ต์สัมผัสได้ทันทีแค่เดินผ่านประตูเข้าไป ทุกซอกทุกมุมก็เป็นมุมถ่ายรูปได้หมด หน้าร้าน ในร้าน นอกร้าน ซึ่งร้านไม่ได้ใหญ่นะคะ เป็นร้าน 2 ชั้นเล็กๆ แต่ให้ความรู้สึกน่ารักและอบอุ่นมากค่ะ
อาหารส่วนใหญ่ที่นี่จะเน้นเป็นอาหารอิตาเลียนจานเดียว อาหารมุสลิม โรตี ส่วนเครื่องดื่มและเค้กก็มีปกติเหมือนร้านอื่นๆจ้า รสชาติเครื่องดื่มที่สั่งมา ถือว่าผ่าน เข้มข้นดี ไม่ได้มีดีแค่มุมถ่ายรูป แต่บริการและการตกแต่งในร้านก็ทำให้เราประทับใจเช่นกัน
ร้านสุดท้ายที่มาถึงคือ White House Beach Café ศรีราชา ใช่ค่ะ มันคือร้านบันไดสวรรค์ที่ใครๆก็มาถ่ายรูป คนค่อนข้างเยอะ ต้องรอคิวน้ำนาน แต่เจ้าของร้านก็มาพูดคุยและให้บริการดีมากเหมือนกัน พูดถึงเรื่องรสชาติน้ำ เราว่าใช้ได้เลย แต่เค้าทำมาให้ผิดจากที่สั่งไป ก็ไม่เป็นไรหยวนๆ กินได้อยู่
จบทริประบายความเครียดตอน WFH เก็บตัวอยู่บ้าน เสียเงินไม่ค่อยเยอะนะ แต่รูปภาพที่ถ่ายมากับความสุขเยอะมากจนไม่รู้อันไหนเยอะกว่า 55555 ตอนนี้มอเตอร์เวย์ชลบุรีทำทาง ยังไงก็เผื่อเวลาซักหน่อยตอนขาไปนะจ้ะ
การเดินทางของหัวหอม
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.39 น.