บั น ทึ ก ก า ร เ ดิ น ท า ง เ พื่ อ ค้ น ห า ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ชี วิ ต

[ ทั ศ นั ย ...ใ ช้ ใ จ เ ดิ น ณ วั น ที่ 5-7 กั น ย า ย น 2558 ]


การเดินทางครั้งนี้ผมจะรวบรวมข้อมูลทุกสิ่งเอฟวิรี่ติงกิงก่องแก้ว ที่คิดว่ามันน่าจะมีสาระแบบไม่ไร้สาระ และน่าจะเป็นแนวทางสำหรับนักเดินทาง ซึ่งทริปการเดินทางในครั้งนี้ผมเลือกที่จะเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลเซีย แต่เอ่ะเอ่ะเอ๋....อย่าพึ่งด่วนสรุปและตัดสินใจเพียงชั่วความคิดครับ เพราะหลายคนอาจจะได้ยินคำว่า มาเลเซีย ก็คงจะเกิดคำถามว่าที่นั่นมีอะไร ไปทำไมประเทศนี้ และผมก็เชื่ออีกว่าทริปหลายๆ คน ชื่อประเทศนี้คงคุ้นเคยกันดีแต่ก็ไม่ได้ติดอันดับ Top list ของพี่ไทยอย่างเราที่อยากจะไปเยือนดินแดนอันโพ้นทะเลแห่งนี้แน่นอน!! แต่ถ้าถามผมว่าทำไมต้องไปที่นั่นสักครั้ง พอมานั่งย้อนไปช่วงวันที่จองตั๋ว สิ่งที่ผมนึกถึงที่นั่น ก็คงจะมีแค่ ตึกแฝดปิโตรนาส (Petronas Twin Towers) ที่หน้าจะเป็น Landmark คุ้นหน้าคุ้นตาดีกันดี แต่พอลองหาข้อมูลเชิงลึก ก็ถึงบางอ้อครับ!! “มาเลเซียมีอะไรดีกว่าที่เราคิด" โดยทริปแพลนหลักๆ ของผมคือไปเที่ยว 2 เมืองหลัก นั่นคือ กัวลาลัมเปอร์ (เมืองหลวงของประเทศ) และมะลากา (เมืองมรดกโลก) โดยมีเวลา 72 ชม. ในการเดินทางเพื่อออกไปค้นหาวัฒนธรรม หาความแปลกใหม่ ไปเสพความสุขที่แตกต่างออกไปจากกรอบชีวิตเดิมๆ พร้อมหรือยังครับ? ที่จะออกไปค้นหาความหมายของโลกใบนี้ ป่ะ!! Let's go…...


" ผ ม ว่ า ทุ ก ที่ มี ม น ต์ เ ส น่ ห์ ข อ ง มั น อ ยู่ ที่ เ ร า จ ะ ม อ ง มั น ผ่ า น มุ ม แ บ บ ไ ห น "

" จ ง เ ป ลี่ ย น ค ว า ม ก ลั ว ใ ห้ เ ป็ น ค ว า ม ตื่ น เ ต้ น "

มาเลเซีย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่มี 2 ส่วน คือ ทิศตะวันตก อยู่ตอนใต้ของคาบสมุทรมลายูและคาบสมุทรอินโดจีน ติดประเทศไทยและติดกับสิงคโปร์ทางรัฐยะโฮร์ ส่วนที่ 2 คือ ทิศตะวันออก อยู่ตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว ติดอินโดนีเซียทุกส่วนของมาเลเซียตะวันออก แต่ล้อมรอบประเทศบรูไนดารุสซาลามด้วยรัฐซาราวักเพียงรัฐเดียว

" ม า เ ล เ ซี ย ที่ นี่ เ อ เ ชี ย "


เมืองหลวง : กัวลาลัมเปอร์

สกุลเงิน : ริงกิต

การเมืองการปกครอง : มาเลเซียมีการปกครองแบบสหพันธรัฐ

ประชากรและศาสนา : ส่วนใหญ่เป็น ชนเชื้อสายมาเลย์ รองลงมาคือ จีน และอินเดีย นอกจากนั้นคือชนพื้นเมือง ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งถือเป็นศาสนาประจำชาติ รองลงมาคือศาสนาพุทธนิกายมหายาน นอกจากนี้คือ ศาสนาฮินดู และคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

ปล.ถ้าเข้าร้านอาหารอิสลามห้ามสั่งหมูนะครับ

สภาพภูมิอากาศ: อยู่ในเขตร้อนชื้นและอยู่บนคาบสมุทร ทำให้ได้รับอิทธิพลของลมมรสุม ฝนตกชุกเกือบตลอดปีโดยเฉพาะช่วงเมษายนถึงพฤษภาคม และตุลาคมถึงพฤศจิกายน ส่วนฝั่งตะวันออกของประเทศจะได้รับอิทธิพลของลมมรสุมมากกว่าทำให้ฝนตกนานจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยที่ประมาณ 28 องศาเซลเซียส

ปล.ท่านใดจะเดินทางควรวางแผนการเดินทางและเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางนะครับ

เขตเวลามาตรฐาน : เวลาเร็วกกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง นะครับ #ถึงแล้วอย่าลืมปรับเข็มนาฬิกาด้วยนะครับ เขตเวลามาตรฐานประเทศมาเลเซียใช้เวลามาตรฐานแบบ UTC/GMT +8 ชั่วโมง

ไปไง..กัวลาลัมเปอร์ : สำหรับนักเดินทางอย่างเรา มีให้เลือกการเดินทางหลากหลายรูปแบบครับ ผมได้สรุปมาเบื้องต้น

1.เครื่องบิน สายการบินที่บินตรงไปลงกัวลาลัมเปอร์มีทั้งจากสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ เลือกตามใจชอบ รายชื่อสายการบินคร่าวๆ ก็มี บางกอกแอร์เวย์ ,แอร์เอเชีย ,การบินไทย ,EgyptAir ,Malindo Air ,Royal Jordanian , ไทยแอร์เอเชีย, มาเลเซียแอร์ไลน์ , Ethiopian Airlines เลือกที่ชอบแล้วมาเปรียบเทียบราคากันดูครับ

2.รถไฟ

- รถไฟด่วนพิเศษระหว่างประเทศจากกรุงเทพฯ

- รถไฟด่วนลังกาวี

3.รถบัสโดยสารระหว่างเมือง


สำหรับทริปนี้ผมเลือกใช้วิธีเดินทางที่เร็ว ไม่เหนื่อยมาก และน่าจะโอเคเซย์ฮัลโหล กับสายการบิน มาลินโดแอร์ (Malindo Air) หลายคนอาจจะไม่รู้จัก มันคือสายการบินในเครือ Lion Air สอยราคา 2 คน ไป-กลับ 5,100 ฿ (2,555 ฿/คน) ซึ่งถือว่าถูกและคุ้มค่าแก่การลงทุนครับ ข้อดีมันอยู่ที่โหลดกระเป๋าฟรี 20 kg #แม่เจ้าเว้ยยยยของเค้าดีจริง #ดีงามพระรามสี่ #ทำไมฉันต้องเลือกสายการบินอื่นด้วยละ และอีกหนึ่งเหตุผลที่น่าคบคือ นางบอกว่า “สายการบินนางไม่ใช่แค่สายการบินราคาประหยัด" เพราะทุกที่นั่งมาพร้อมจอ LCD จะทิงจาเลยจร้า และขนาดที่นั่งสบายตัว #เออคือเลอค่าว่าแมะ

แล้วที่พักละ...? : เรื่องที่พัก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางไปประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่ เรื่องที่พักก็เลยเป็นเรื่องสำคัญหลัก แต่ก็คงจะไม่แพงเว่อร์วังอลังการณ์มาก เพราะมันไม่ใช่เรา 555 ผมเลยเลือกที่พักค่อนข้างโอเคในระดับนึงครับ ดีพอมาแนะนำต่อได้หรืออาจจะแย่ไปเลย ครั้งนี้ผมได้ทำการจองที่พักล่วงหน้ากับ Kaligo เว็บหาที่พักราคาถูกยันแพง แต่ข้อดีของการจองที่นี่ เป็นเว็บน้องใหม่ครับ เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่นางดันเล่นแจก Big Point โอเวอร์แอคติ้งนี่สิ "ก็จัดไปสิครับรอไร...." เช็คเรื่องราคา ลายละละเอียดปลีกย่อยและทำเลที่ตั้งแล้วโรงแรมอยู่ใกล้ Chinatown ด้วยคงหาของกินอร่อยๆ ง่ายขึ้น สุดท้ายท้ายสุดส้มหล่นก็มาตกที่ โรงแรม Olympic Sports Hotel Kuala Lumpur ครับ สอยมาราคารวม 2 คน 2,776.35 ฿/2 คืน (1,388.175 ฿/คน) รวมอาหารเช้า แถมนางเอา Big Point มาเทกระจาดให้อีก 6,000 แต้ม #กรีดร้องเลยสิทีนี้ สาวกแอร์เอเชียคงจะชอบน่าครับ ใครชอบเดินทางและต้องการล่าแต้ม ตามลิงค์ครับ มันดีงามกระหล่ำปลี คอนเฟิร์ม


วันแรกของการเดินทาง......5/9/15

ทริปนี้มีเพื่อนร่วมมชะตากรรมอีก 1 คนครับ วันนี้ตื่นเช้าหน่อย เพราะไฟท์บิน 11.50 น. ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวติดขนตาทาเล็บ 555 สะพายเป้ไป Go to หนามบินดอนเมือง ถึงสนามบินแล้วก็ผ่านขั้นตอนวิธีการต่างๆ เสร็จเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง สำหรับการเดินทางไปกัวลาลัมเปอร์ ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ครับ นั่งดูหนังฟังเพลงเพลิดเพลินบรรเทิงใจ สุดท้ายท้ายสุดผมก็มาถึง กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียแล้ว..... โดยสายการบินโลว์คอส เครื่องจะมาจอดที่ KLIA2 นะครับ เป็นสนามบินแห่งที่ 2 ติดกับสนามบิน KLIA1 สนามบินที่นี่ยังคงสภาพใหม่ครับ ดูทันสมัย ใหญ่เท่าๆ ดอนเมืองได้ หรืออาจจะใหญ่กว่านะ ดูดีมากครับสนามบินบ้านเค้า ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเค้าจะเคยได้รับรางวัลด้วยนะที่นี่ คือเลอค่าอะ ^^

KLIA2

ผ่าน ตม.เข้าเมือง ที่นี่จะไม่ใช้ระบบเขียนใบผ่านเข้าเมืองเหมือนที่เราชินกันนะครับ เค้าจะใช้ระบบสแกนนิ้วมื้อทั้งขาเข้าและออกครับ ง่ายดี ตม.ที่นี่คุยดีครับ ถามมาจากไทยเหรอ แล้วก็คุยยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวดีครับ หลังจากผ่านตม.เสร็จ ก็ไปรอรับกระเป๋าที่โหลด พร้อมเดินเดินทางต่อไปยังตัวเมือง KL


การเดินทางไปยังตัวเมือง

มีให้เลือกหลายวิธีครับ ทั้ง Express Rail Link , Bus , Taxi ราคาถูกสุดก็คงจะเป็น Bus รถโดยสารสาธารณะครับ ซึ่งถ้าอยากประหยัดทริปแบบผม ก็จัดสิครับรอไรละ...เรามาสายนี้ 555 โดย Bus จะไปจอดที่ KL SENTRAL ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบขนส่งของเมืองครับ แล้วต่อรถไฟฟ้าไปโรงแรม

ตามป้ายมาเลยครับ "Bus ฿ Taxi"

เดินตามป้ายมาเลยครับ จุดรถจอดอยู่ชั้น L1

ลงมาถึง L1 จะเจอตู้ขายตั๋วครับ

ที่นี่มีรถให้เลือก 2 เจ้า แต่ขายตั๋วช่องเดียวกัน สามารถซื้อได้เลย ได้มาในราคา 11 RM ในตั๋วจะบอก platform ถ้าที่นั่งเต็มรถออกทันที ไม่มียืนนะครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ รถวิ่งไม่เร็วนะครับ แต่ที่นั่นถนนบ้านเค้าดีมากครับ รถไม่เยอะ คนขับขับชิลๆ ชมนกชมไม้ไปตามฟิลลิ่ง นั่งไปสักพัก ก็มาถึง KL SENTRAL

ตั๋วรถโดยสาร บอกรายละเอียดอย่างครบ

สภาพภายในรถค่อนข้างเก่า แต่ก็ไม่ได้ใหม่

Note : ใครจะเดินทางเข้าตัวเมือง ออกนอกตัวเมืองหรือไปสถานที่ต่างๆ Taxi ผมแนะมาถึงแล้วครับ KL Sentral เพื่อจะต่อรถไฟฟ้าไปยังโรงแรมครับ KL Sentral เป็นเหมือนศูนย์กลางระบบขนส่งสาธารณะของเมืองครับ พูดได้เลยว่าระบบขนส่งสาธารณะที่นี่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ ถ้าจะต่อรถไฟฟ้าฟ้าไปไหน สามารถมาเปลี่ยนสายได้ที่นี่ มีที่ฝากกระเป๋านะครับ ราคาก็สามารถมาเช็คได้ตามขนาดของตู้ได้เลย ที่นี่มีร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ครบทุกอย่างครับ จะกิน จะช๊อป จะเที่ยวก่อนก็ตามกำลังทรัพย์เบยยย ^^

ที่ฝากกระเป๋ามีหลายขนาดนะครับ ราคาก็แตกต่างกันออกไป

สำหรับรถไฟฟ้าในกัวลาลัมเปอร์ มีหลายสาย ให้บริการครอบคุมทั้งเมืองครับ แต่ละสายก็อยู่ในความดูแลของบริษัทต่างๆ คล้ายๆ กับบ้านเรา BTS MRT ครับ ในปัจจุบัน มีทั้งหมด 8 สาย แบ่งคือ

-สาย 1,2 KTM เจ้าเดียวกัน

-สาย 3,4,5 LRT เจ้าเดียวกัน

-สาย 6,7 KLIA เหมือน Airport Link บ้านเรา ด่วนกับไม่ด่วน

-สาย 8 KL Monorail เจ้าเดียวกับ LRT

แนวรถไฟฟ้ารอบเมือง ค่อนข้างสมบูรณ์เลย

ทางเข้า-ออก สาย KL LRT

ทางเข้า-ออก สาย KTM

ทางเข้า-ออก สาย KLIA

ปล.อัตราค่าโดยสารถูกกว่าบ้านเราครับ ส่วนบัตรโดยสารก็มีทั้งเหรียญทั้งบัตร (ใช้เหมือนบ้านเราครับ ขาเข้าแตะเหรียญหรือบัตร ขาออกก็หยอดเหรียญ/บัตร) ทำให้การเดินทางประหยัดงบไปได้เยอะเลย แต่สถานที่เที่ยวที่สำคัญก็อยู่กันคนละที่เลย ใช้เวลาเดินทางพอสมควรครับ เช็คราคา เปิดปิดด้วยนะครับ เพราะแต่ละสายเวลาเปิดปิดไม่เท่ากัน

ได้เวลาลองใช้รถไฟฟ้าที่นี่ดูแล้วครับ จากที่ตั้งของโรงแรม ผมต้องต่อรถไฟฟ้าสาย 5 (LRT) และไปเปลี่ยนสายที่ สถานี Masjid Jamek เป็นสาย 3,4 ไปลงสถานี Plaza Rakyat สำหรับใครที่จะไปย่าน Chinatown สามารถไปลงที่สถานีนี้ได้เลย ที่สถานนีนี้มีทางออกทางเดียวครับ เดินมาถึงแยกใหญ่ แล้วแล้วซ้ายเดินมาสัก 10 เมตร เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง จะเป็นโซน Chinatown ครับ ตอนแรกมาถึงผมก็งงเหมือนกันเดินหลงทางเป็นว่าเล่น เส้นทางในแผนที่กับปัจจุบันนี่คนละเรื่องเลย ถามเส้นทางไปโรงแรมคนแถวนั้น ทุกคนบอกผิดกันหมด สุดท้ายต้องพึ่ง Taxi ครับ พามาส่งในราคา 10 RM สำหรับที่พักโรงแรมไม่ใหม่หรือเก่ามากครับ อยู่ในระดับที่พอใช้ครับ 7/10 เน็ตไม่ค่อยดีครับ ช้าแต่สัญญาณเยอะมาก ข้างนอกห้องมีเต้ารีดให้บริการด้วยนะครับ ถ้าใครจะไปใช้บริการไม่จำเป็นต้องรีดเสื้อไปเลย โรงแรมลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาพักจะเป็นนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ครับ คนจีนนี่เยอะเลย ส่วนพนักงานก็โอเครครับ ไม่ได้เรื่องมากอะไรกับเรา หลังจาก Check in เข้าโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาหาไรกินกันครับ ที่ย่านนี้แหละ Chinatown

ปล.ไม่ได้ถ่ายรูปที่โรงแรมมานะครับ

บรรยากาศตอนกลางคืน ย่าน China town

มองเห็น KL Tower ด้วยครับ

บรรยากาศกลางคืนก็เหมือนบ้านเราครับ มีร้านอาหาสองข้างทางตลอดแนว มีขายสินค้าหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า ของฝาก เครื่องประดับ ของที่ระลึก ส่วนอาหารก็มีข้าวมันไก่ ข้าวหน้าเป็ด เป็ดพะโล้ กะลอจี๊ บลาบลา รสชาติอาหารที่นี่หร่อยครับ ราคาแพงนิดหน่อย แต่ความอร่อยคุ้มค่าแน่นอนครับ

อาหารที่นี่รสชาติอร่อยดีครับ ไม่ได้รสจัดจ้านมาก แต่ความอร่อยก็ถือว่าดีงามพระรามสี่ บางร้านพ่อค้าพูดไทยได้ด้วยนะ เห็นเราเป็นคนไทย ก็ทักทาย แนะนำเมนูอาหาร พูดอย่างคล่อง สำหรับร้านอาหารมีไม่ค่อยเยอะนะครับ แต่ละร้านก็ขายเหมือนๆกัน แต่คนก็เยอะทุกร้าน ร้านไหนคนเยอะแสดงว่าอร่อยแน่นอน หลังจากกินเสร็จ ก็เดินย่อยให้พุงลดหน่อย ก่อนจะกลับโรงแรม นอนเอาแรง เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเดินทางไปมะละกา..


วันที่สองของการเดินทาง......6/9/15

เริ่มตื่นเช้าด้วยโค้ด 6-7-8 ครับ เนื่องจากที่นี่เวลาเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง แต่หกโมงเช้ายังมืดสนิทนะครับคงจะเท่าบ้านเราตีห้านี่แหละ แต่ต้องตื่น เตรียมตัวออกไปมะละกา สำหรับโรงแรมที่ผมพัก ค่าห้องพักรวมอาหารเช้านะครับ เมนูอาหารก็ไม่มีไรมาก รสชาติก็ออกเค็มๆดี ไม่ได้อร่อย แต่ก็ตุนพลังไว้ได้

เมนูเช้าๆ โรงแรมเค้าจัดให้....มีแต่แป้งเบยยยย

หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย แพลนวันนี้ก่อนจะไปมะละกา ผมได้วางไว้ว่า จะแวะไปถ้ำบาตู (Batu Caves) ไปเช้าๆ คนน่าจะน้อยไม่เยอะมากเท่าไหร่ อีกอย่างไม่ร้อนมากด้วย

ถ้ำบาตู : เป็นวัดและสถานที่ประกอบพิธีกรรมในศาสนาฮินดู ในแต่ละปี ผู้มีใจศรัทธาและนักท่องเที่ยวหลายพันคนเดินทางมาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างเทศกาลประจำปีไทปูซัม ถ้ำหินปูนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประกอบด้วยสามถ้ำหลัก ซึ่งใช้เป็นวัดและศาลฮินดู สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของถ้ำบาตูก็คือ รูปปั้นเทพของศาสนาฮินดูขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับปากถ้ำ นอกจากนี้ หากคุณเดินขึ้นบันได 272 ขั้น คุณจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพและเส้นขอบฟ้าที่สวยงามของเมืองได้อย่างชัดเจน รอบๆ วัด คุณจะเห็นลิงวิ่งเล่นกันอย่างอิสระ ที่นี่ยังเป็นจุดปีนหน้าผาที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย นอกจากนี้ ยังมีถ้ำรามายณะซึ่งด้านในมีภาพวาดของพระเจ้าในศาสนาฮินดูให้เที่ยวชม ถ้ำบาตูคือสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางมาเที่ยวมาเลเซียในครั้งต่อไป!

วิธีการเดินทาง : ไปได้ง่ายมากครับ นั่งรถไฟ KTM Komuter จาก KL Sentral สาย 2 ไปลงที่สถานี Batu Caves สุดสายเลยครับ แต่เนื่องจากผมอยู่แถว Chinatown ผมต้องขึ้น LRT จากสถานี Plaza Rakyat ไปลงสถานี PWTC แล้วไปต่อสาย 2 KTM Komuter ที่สถานี Putra เพื่อไปลงสถานี Batu Caves

ปล.สำหรับใครที่จะเดินทางแล้วไปเปลี่ยนสายที่ PWTC หลังออกจากสถานี ให้เลี้ยวซ้ายเดินออกมาทางห้าง Putra นะครับ เดินทางประมาณ 5 นาที จะเจอแยกข้ามแยกจะเจอสถานี Putra ครับ

ราคา 2 RM จาก Putra ไป Batu Caves

เช็คเวลาและปลายทางก่อนขึ้นนะครับ เนื่องจากแนวรถไฟมีวิ่งไป 2 สาย ไปสายที่บอกว่าไป Batu Caves

นั่งไปประมาณ 10-15 นาที ก็มาถึงสถานี Batu Caves ครับ ถ้าสังเกตดีดี จะเห็น ถ่ำบาตู อยู่ฝั่งขวามือครับ เดินมาได้เลย อยู่ติดกับสถานีรถไฟเลย ไม่เสียค่าเข้าครับ ฟรี....แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปข้างบนนะครับ ถ่ายรูปเล่นแค่ข้างล่าง เนื่องจากขี้เกียจขึ้นไป ....

หลังจากเดินดูรอบๆ ถ่ายรูปพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ได้เวลาเดินทาง ไป มะละกา สำหรับการเดินทางไปมะละกา ผมจะต้องต้องไปต่อรถบัสโดยสารที่ สถานีขนส่ง Termiani Bersepadu Selatan (TBS) ซึ่งการเดินทางก็ง่ายครับ ผมเลือกใช้วิธีนั่งรถไฟ KTM สาย 2 ครับ จากสถานี Batu Caves ไปเปลี่ยนสายที่สถานี Putra หรือสามารถนั่งไปเปลี่ยนสาย 1 ที่ KL Sentral ได้เลยครับ แต่เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกล กลัวคนจะเยอะถ้าไปเปลี่ยนสายที่ KL Sentral ผมแนะนำให้เปลี่ยนขบวนที่สถานี Pratu ครับ แต่คนก็ยังเยอะเหมือนเดิม ที่นี่จะมีโบกี้สำหรับผู้หญิงนะครับ แนะนำเลย เพราะบางโบกี้อัดแน่นมามีแต่ผู้ชาย กลิ่นตัวแขกไม่ต้องพูดถึงครับ หรือถ้าใครอยู่แถว KL Sentral ก็ไปลง สถานี Bandra Tasik Selatan ครับ

ราคา 2.4 RM ถือว่าถูกมากครับ

เมื่อมาถึงสถานี Bandra Tasik Selatan ก็เดินออกมาตามป้ายเลยครับ มีทางเชื่อมไปตัวอาคาร TBS ^^

เดินตามป้ายแล้วเลี้ยวซ้ายมาเลยครับ

เดินตรงมาเรื่อยๆ ตามป้ายครับ

ตัวอาคาร TBS

ภายในอาคาร ดูทันสมัยมาก ไม่แออัด เทียบเท่าสนามบิน

สำหรับการซื้อตั๋วไปมะละกา สามารถซื้อได้ทุกช่องเลยครับ ไม่มีขายแยก บอกแค่ไปมะละกา รายการการเดินทาง รอบเวลารถออก ชื่อบริษัทที่ให้บริการ จะปรากฎในจอ ให้เราเลือกและตัดสินใจเลยครับ เวลาก็ขึ้นมาตั้งแต่รอบล่าสุด แล้วก็เลือกที่นั่ง ยื่นพาสปอร์ตให้พนักงาน ราคาตั๋ว 10 RM ต่อเที่ยวครับ จากนั้นพนักงานก็จะแจ้งว่าไปรอ ที่ Gate ไหน เราก็เดินไปรอรถออกไปเลยครับ ที่นั่นรถจะออกตรงเวลานะครับ หา Gate ให้เจอ

ช่องจำหน่ายตั๊ว..งสามารถซื้อได้ทุกช่อง

ด้านหน้าช่องจำหน่ายตั๋ว

รายละเอียดในตั๋ว

ครับครับได้เวลายิ้มรับประสบการณ์ใหม่ สภาพรถที่จะใช้เดินทางไม่ได้ใหม่มาก แต่นั่งแล้วสุข อยากจะปรับเบาะให้เอนกายพักพิงก็ตามใจอยาก จากกัวลาลัมเปอร์ถึงมะละกา ระยะทางประมาณ 150 กม. เดินทางประมาณ 2 ชม. เราก็มาถึงมะละกา โดยรถจะไปจอดที่ Melaka Sentral เป็นสถานีขนส่งที่นั่นครับ

รถโดยสาร Kuala Lumpur - Melaka

ถึงล๊าววว....Melaka Sentral

รถจะมาจอดแถว ร้าน MC ครับหลังจากนั้นต้องต่อรถเข้าไปยังตัวเมืองครับ ก็เดินตามป้ายไปเลย โดยผมเลือกขึ้นรถบัส ของ Panorama สีแดง สาย 17 นะครับ รถจะจอดอยู่ platform 17 ราคาค่าโดยสารจ่ายตอนขึ้นรถครับ 1-2 RM จำไม่ได้ โดยจุดที่เราจะไป คือ Dutch Square ตึกแดง

ปล.สาย 17 จะวิ่งผ่านและจอดหน้า Dutch Square ไม่ต้องกลัวว่าจะลงผิดป้ายครับ พอเจอโบสแดงๆ คนเยอะๆ ก็ลงได้เลย ตามเค้าเลย และขากลับก็รอรถตรงที่ลงเลยครับ รถวิ่งเป็น Oneway กลับไปยัง Melaka Sentral

เดินมาตามป้ายได้เลย....BUS DOMESTIK

บริเวณรถจอด...แถวร้าน MC

รถแดง Panorama สาย 17

จตุรัสดัตช์ (Dutch Square)

ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปเที่ยวมะละกาจะต้องไปเที่ยวเดินเก็บภาพกลุ่มอาคารสีแดงที่ถือเป็นหลักฐานสำคัญเพียงแห่งเดียวที่ชาวฮอลันดาได้สร้างทิ้งไว้ให้ชาวมะละกา สถานที่สำคัญในบริเวณนี้ได้แก่ Christ Church Melaka, อาคารสท์ฮุยส์, อาคารพิพิธภัณฑ์เยาวชน, หอนาฬิกา, กังหันลมฮอลันดา, ป้อมปืนมะละกา และที่พลาดชมไม่ได้ก็คือเจ้ารูปปั้นกระจง ที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณวงเวียนหน้าจตุรัสดัตช์ เพราะว่าเจ้ากระจงตัวนี้คือสัญลักษณ์สำคัญเมื่อครั้งที่เจ้าชายปรเมศวรผู้ครองนครเทมาเส็ก หรือ สิงคโปร์ที่ได้ย้ายมาอยู่ที่มะละกาเนื่องจากหนีจากการโจมตีของกองทัพชวา และ ได้เห็นเจ้ากระจงน้อยตัวนึงที่กำลังถูกหมาป่า 2 ตัวกำลังไล่ล่า แต่ด้วยความที่จนตรอกสุดๆ แล้ว ทำให้เจ้ากระจงตัวน้อยตัวนั้นเปลี่ยนจากการหนีมากัดฟันสู้กับเจ้าหมาป่า และ เตะหมาป่าตัวหนึ่งตกลงไปในน้ำ ทำให้เจ้าชายปรเมศวรรู้สึกมีกำลังใจในการต่อสู้ และ ได้ทรงตัดสินใจปักหลัก และ สร้างเมืองมะละกาขึ้นมา

เดินชมเมืองเก่า อาคารบ้านเรือนรอบๆแล้ว มาดูเวลาอีกทีก็เกือบ 16.00 น. ก็ถึงเวลาที่ต้องลาจากมะละกา กลับไป กัวลาลัมเปอร์ นั่งรถจากในเมืองประมาณเกือบชั่วโมงได้ครับ มาถึง Melaka Sentral ก็หาซื้อตั๋ว ที่นี่ระบบการซื้อตั๋วจะไม่เหมือนที่ TBS นะครับ จะเหมือนบ้านเราตู้ขายตั๋วจะแบ่งแต่ละบริษัท รอบเวลาเดินทางก็จะน้อยกว่า ผมได้รอบมาเวลา 18.30 ครับ ซื่งถ้าไม่ซื้อรอบนี้ก็จะโดนเด้งไปอีกรอบ 19.00 น. เดินทางกลับอีก 2 ชั่วโมง ขากลับเผื่อเวลาให้ดีเลยครับ นักท่องเที่ยวกลับค่อนข้างเยอะ รถแต่ละบริษัทวิ่งไม่กี่รอบ หลังจากนั่งรอสักพัก ก็ได้เดินทางสักทีหนอ นั่งสบายเหมือนขามาครับ แต่รถใหม่กว่า แอร์เย็น หลับสบาย และแล้วก็มาถึง TBS ครับ แพลนการเดินทางยังไม่จบสำหรับวันนี้ครับ ผมตั้งใจจะไปเก็บรูปสวยๆ ที่ ตึกคู่เปโตรนาส (Petronas Twin Towers) สัญญลักษณ์พี่มาเลเขาละ!! เพราะตอนกลางคืนตึกเปิดไฟ คงจะสว่างสวยงามตามทำนองท้องเรือง...

และแล้วก็มาถึง.....รถมาจอดที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า TBS

จากนั้น ผมจะต้องรถไฟลงสถานี KL Sentral เพื่อไปเปลี่ยนสาย (สาย 5 LRT) เพื่อไปลงสถานี KLCC ครับ หรือถ้าใครอยู่โซนไหนก็ลองเช๊คแผนที่พร้อมแนวรถไฟฟ้าได้เลยครับ ว่าต้องต่อสายไหนเปลี่ยนสายไหนบ้าง ตอนซื้อตั๋วไปลง KL Sentral เจ้าหน้าที่ก็ถามมาประเทศไร เราก็ตอบยังภาคภูมิ ว่า ไทยแลนด์ดินแดนมหัศจรรย์ พนักงานก็คุยดีเลยทีนี้บอกว่า เคยมาพัทยา 555 มาทำไรหนอพัทยา ดูเค้าเป็นมิตรดีนะครับคนที่นี่ มันทำให้ผมรู้สึกว่า เราไม่ใช่คนต่างถิ่น คนที่นี่เค้าพร้อมจะต้อนรับเราเสมอ จากสถานี Bandra tasik Selatan ไป KL ได้ราคาตั๋วมา 1 RM พร้อมเดินทางต่อกับเวลาที่มีจำกัด.....

ปล.ที่สถานีนี้ มีรถไฟผ่านสามสายนะครับ (สาย 1,4,6)

หลังจากมาถึง KLCC ก็เดินมาตามป้ายเลยนะครับ KLCC เดินมาสัก 100 เมตร จะเจอทางเข้าห้าง ชั้น M ถ้าผมจำไม่ผิด จากนั้นเดินตรงมาเรื่อยๆ เลยครับ จนสุดห้าง แล้วก็จะเจอบันไดเลื่อน ขึ้นมาชั้น G ครับ จะเจอประตูทางออก เลี้ยวขวาเดินมาจะเจอเลยครับ เห็นนักท่องเที่ยวกำลังถ่ายรูป นั่นแหละใช่เลย เรามาถึงแล้วครับ.....

เดินตามป้ายมาเลยยยย


ถึงทางเข้าห้างแล้วเดินตรงอย่างเดียวครับ สุดทางขึ้นบันไดเลื่อน จะเจอประตูทางออกห้าง แล้วเลียวขวา


อาคารหอคอยคู่เปโตรนาส (อังกฤษ: Petronas Twin Towers) เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของเมือง ที่แวดล้อมด้วยสวนสาธารณะ บริเวณฐานของอาคารมีห้างทันสมัยหลายห้าง เช่น อิเซตัน และนอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบรอบๆเป็นอาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ (ศูนย์ประชุม) สวนสาธารณะ สวนน้ำ สระน้ำพุดนตรี พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (Discovery museum) และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอควาเรีย (Aquaria)

วันสุดท้ายของการเดินทาง......7/9/15

ทริปวันสุดท้ายก่อนกลับ สำหรับวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากครับวางแผนกันไว้ว่าจะไปเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้า ก่อนจะไปสนามบิน รอบบินวันนี้ เวลา 17.10 ตามเวลากัวลาลัมเปอร์ หลังจากกินข้าวเช้าที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาลากกระเป๋าออกจากโรงแรมครับ สถานที่ที่เราจะไปวันนี้ และคิดว่าน่าจะทำเวลาได้ดี ก็คือ ไปสุเหร่าจาเม็ก (Jamek Mosque) และ ปุตราจายา (Putrajaya) เมืองใหม่ของมาเลเซียครับ

สุเหร่าจาเม็ก (Jamek Mosque)

สร้างในปี ค.ศ. 1909 และเป็นสุเหร่าที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ชาวมาเลเซียในท้องถิ่นมักเรียกสุเหร่านี้ว่า "มัสยิดจาเม็ก" สุเหร่าตั้งอยู่ในบริเวณที่แม่น้ำกรังและแม่น้ำกอมบัคไหลมาบรรจบกัน อันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเมืองกัวลาลัมเปอร์ ตัวอาคารของสุเหร่าจาเม็กสะท้อนให้เห็นอิทธิพลของวัฒนธรรมโมกุลของอินเดียตอนเหนือ ในปี ค.ศ. 1965 สุเหร่าจาเม็กได้รับการประกาศให้เป็นสุเหร่าแห่งชาติ ถึงแม้ว่า ปัจจุบัน จะมีสุเหร่าแห่งชาติแห่งใหม่ตั้งอยู่ใกล้กัน แต่สุเหร่าจาเม็กยังคงเป็นสถานที่สำคัญของเมือง เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์พอดี

วิธีการเดินทาง สามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย 5 LRT จากสถานี KL Sentral ไปลงที่สถานี Masjid Jamek ได้เลยครับ แต่ถ้าใครอยู่แถว Plaza Rakyat เหมือนผมสามารถขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานีแล้วไปลง สถานี Masjid Jamek ได้เลย หรือเดินไปได้ครับ ระยะทางน่าจะ 500-600 เมตร แต่ผมใช้วิธีเดินเอาครับ มันไม่ได้ไกลมาก ตัวสุเหร่า ตั้งอยู่ติดกับสถานีเลยครับ

ปล.ควรแต่งกายสุภาพกางเกงขายาวนะคับ แต่ที่นั่นจะมีชุดให้เปลี่ยนครับ ค่าเข้าฟรี

เมืองปุตราจายา (Putrajaya) : เป็นเมืองใหม่ของมาเลเซีย ที่รัฐบาลคาดหวังให้เป็นศูนย์กลางแห่งการบริหารในอนาคต เกิดขึ้นจากแนวความคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่ต้องการจะเนรมิตรเมืองใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นศูนย์การบริหารและปกครอง แยกออกจากกัวลาลัมเปอร์ และต้องการแก้ไขปัญหาการจราจรในเมืองหลวงด้วย

วิธีการเดินทาง สามารถขึ้นรถไฟสาย KLIA ที่สถานี KL Sentral ครับ มาลงที่สถานี Putrajaya Cyberjaya แล้วต่อรถเมล์ สาย J08 ค่าโดยสารจ่ายบนรถนะครับ คนละ 1 RM เตรียมเงินไว้ให้พอดีนะครับ ไม่มีถอน รถจะวนไปจอดที่ ปุตราจายา สัญลักษณ์ของเมืองเลยครับ ขากลับให้มารอรถฝั่งถนนตรงข้ามครับ ตอนแรกคิดว่ารอจุดเดิมแต่พอรอรถแล้ว คนขับรถบอกให้มารอฝั่งตรงข้าม แต่ไม่เห็นรถวิ่งวนกลับครับ สุดท้ายได้ขึ้นรถโดยสารสายท้องถิ่นครับ ขึ้นมาราคา 0.5 RM ก็มาถึงสถานีขนส่ง แล้วต่อรถไฟ KLIA ไปสนามบิน (KLIA2) ครับเพื่อเดินทางกลับบ้านเราแว้ววววว


สรุปค่าใช้จ่าย

ค่าตั๊วเครื่องบิน ไป-กลับ = 2,555 บาท/คน

ค่าที่พัก 2 คืน = 1,388. บาท/คน

ค่าเดินทาง+ค่ากิน = 1,257 บาท/คน

รวม 5,200 บาท/คน ตลอดทริป


สรุปโดยภาพรวม :

สำหรับใครที่ต้องการจะไปมาเลเซีย ผมแนะนำครับ ถ้าให้คะแนนเต็ม 10 ผมของแบ่งเป็น 2 เมืองที่ไปนะครับ 1.กัวลาลัมเปอร์ 7/10 เนื่องจากเมืองไม่ได้ต่างจากเมืองหลวงทั่วไปครับ ข้อดีของเมืองคือ เมืองสะอาด เจริญ ระบบการขนส่งสมบูรณ์ การเดินทางสะดวก ต้นไม้เยอะ ผู้คนเป็นมิตร แต่เวลาถามเส้นทางส่วนใหญ่ตอบมั่วมาก พาผมหลงทางหลายคน ถ้าจะถามเส้นทางแนะนำถามเจ้าหน้าที่ตามรถไฟฟ้าครับ ส่วนอาหารการกินเรื่องราคาก็แพงกว่าบ้านเราครับ ผมกินข้าว 2 คน ตกมื้อละ 200-300 บาท หรือถ้าคิดว่าอยากเซฟกระเป๋าก็ 7-11 ครับ ราคาไม่ต่างจากบ้านเรา ส่วนมะละกา เมืองมรดกโลก ผมให้ 8.5 ผมชอบที่นี่นะครับ อาคารในมะละกายังทิ้งความเป็นเอกลักษณ์มีลักษณะของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปกรรมท้องถิ่นกับเจ้าอาณานิคมนั้น ๆ ซึ่งในปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจสภาพโซนเมืองเก่าก็ยังคงความสวยงามเอาไว้ให้นักเดินทางอย่างเรามาสัมผัสครับ เมืองท่าเล็กๆ แต่มีเสน่ห์ ถ้ามีโอกาสไปแนะนำให้นอนที่มะละ 1 คืน ครับ ร้านอาหารดังๆ ขึ้นชื่อ ก็จะอยู่ในโซนเมืองเก่า ย่าน Chinatown ครับ ถ้ามีโอกาสเจอตั๋วราคาคูลๆ คุ้มๆ ก็จัดเลยครับ

" สั ก ค รั้ ง นึ ง แ ล้ ว คุ ณ จ ะ คิ ด ถึ ง เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง "


ส วั ส ดี ท วี สุ ข

ติดตามข้อมูลข่าวสารท่องเที่ยวได้ที่
เพจทัศนัยใช้ใจเดิน : https://www.facebook.com/cbellethaionly/
IG : golffyprince4755

ความคิดเห็น