ในตอนที่4 นี้จะถึงไฮไลท์ของทริปนี้แล้วครับ มีสองภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากมาที่พุกาม เมืองแห่งทะเลเจดีย์แห่งนี้ หนึ่งคือภาพทะเลเจดีย์ยามต้องแสงสีทองของพระอาทิตย์(อยู่ในตอนสอง) อีกภาพคือ ภาพของบอลลูนลอยอยู่เหนือทะเลเจดีย์นี่แหละครับ ซึ่งในตอนที่4 นี้เราจะได้เห็นกันล่ะ
หลังจากเดินเที่ยววัดกันมาครึ่งวันแล้ว ช่วงบ่ายแก่ๆของวันที่สาม แสงอาทิตย์กำลังดี เราก้อไปเดินเที่ยวถ่ายรูปกันในเจดีย์เล็กๆกันต่อครับ โดยในเจดีย์เล็กๆพวกนี้ ก้อจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้วย แต่ไม่ใช่จุดท่องเที่ยวหลักๆ เลยไม่มีไฟส่องสว่างด้านใน ซึ่งจะมืดเอามากๆเลย
บ่ายแก่ๆแล้วหามุมดีๆ ยังพอมีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาทางช่องหน้าต่าง เกิดแสงเป็นลำอยู่บ้างครับ โดยจะมีเทคนิคนิดนึงคือ จะต้องจุดธูปให้มีควันคละคลุ้ง พอแสงอาทิตย์ส่องเข้ามากระทบควันจะเห็นเป็นลำแสงได้ชัดขึ้นกว่าปกติ
ถ้าสังเกตุดูดีๆ จะเห็นว่าศิลปะของพระพุทธรูปที่พม่านั้น มีความแตกต่างจากของไทยอยู่พอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะในส่วนของใบหน้าของพระพุทธรูป ลายเส้น ความอ่อนช้อย ต่างๆจะไม่เหมือนกัน แต่ก้อสวยไปอีกแบบ
พอตกเย็น แดดเริ่มไม่แรงมาก เราก้อย้ายมาถ่ายภาพกันด้านนอก บริเวณนี้เป็นเนินที่นูนสูงขึ้นมา พูดไปแล้วก้อแปลก พุกามส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ แต่มีตรงนี้แหละเป็นเนินอยู่ที่เดียว จนอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าข้างใต้มีอะไรอยู่ หรือเป็นสุสานที่ยังไม่ได้ค้นพบหรือเปล่า แล้วผมมายืนถ่ายรูปอยู่ด้านบน บรึ๋ยยยยย!!!!!!
เหลือบไปเห็นด้านข้าง มีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าชาติไหนมาถ่ายรูปบริเวณนี้เช่นกัน เค้าได้ว่าจ้างชาวพม่ามาหาบของเป็นแบบ เนื่องจากเคยมีช่างภาพเคยจัดฉากถ่ายภาพในลักษณะเช่นนี้ แล้วได้รางวัลในการประกวดถ่ายภาพ เลยมีคนอยากถ่ายภาพตาม (ภาพที่ว่าระหว่างที่เที่ยวในเมืองพุกามลองดูพวกร้านขายของที่ระลึกจะเห็นครับ)
และแล้วก้อถึงเวลาพระอาทิตยอัสดง แสงอาทิตย์ค่อยๆเลือนลับหายไปยังของฟ้า ฟ้าวันนี้สวยมากๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่จุดนี้เป็นเนินเล็กๆ ไม่สูงมาก เลยไม่เห็นวิวอะไรมากนักครับ
เช้าวันที่สี่ ตื่นกันตั้งแต่ตี3กว่า ล้อหมุนตี4ครึ่ง เพื่อรีบไปจองมุมถ่ายภาพ วันนี้ไปขึ้นเจดีย์ Shwesandaw เหมือนเช้าวันที่3 โดยมีเป้าหมาย โดยวันนี้เรามีเป้าหมายจะถ่ายภาพบอลลูนอยู่เหนือทะเลเจดีย์ให้ได้ ที่วันที่สามไม่ได้ดูบอลลูนเพราะว่ามีโปรแกรมเน่นเอี๊ยด จะอยู่รอดูบอลลูนต้องรอฟ้าสว่าง บอลลูนถึงจะลอยออกมา
ที่พุกามมีบอลลูนให้เราขึ้นไปนั่งชมวิวเหมือนที่ตุรกีด้วย โดยค่าขึ้นไปค่อนข้างแพงใช้ได้ ได้ยินมาว่าประมาณ 300 US Dollar ก้อราวๆหมื่นบาทได้ครับ โดยจะได้ชมวิวทะเลเจดีย์เมืองพุกามจากอากาศ ไม่แน่ใจว่าใช้เวลาเท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นนานอยู่พอสมควร โดยเมื่อฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เค้าจะเริ่มปล่อยบอลลูนออกจากจุดปล่อย ลอยไปยังจุดจอด โดยวิวจากเจดีย์ Shwesandaw จะเห็นบอลลูนลอยผ่านอยู่เจดีย์เลยครับ สวยงามน่าประทับใจสุดๆ
ภาพบอลลูนลอยเหนือทะเลเจดีย์ ในขณะที่แสงสีทองยามเช้าสาดส่องไปทั่ว ต้องบอกเลยว่า บรรยากาศตอนนั้น สวยงามมากๆเลยครับ ผมนี่ตะลึงจนแทบจะลืมถ่ายรูป พอรู้สึกตัวก้อรีบกดชัตเตอร์รัวๆ ภาพบอลลูนลอยเหนือเจดีย์ Dhammayangyi เป็นอะไรที่สุดๆจริงๆ
หลังจากชมบอลลูนกันหนำใจ ก้อได้เวลาหาอะไรลงท้อง
เราได้เดินทางกันไปที่ตลาดยองอู (Nyaung OO) ในเมืองพุกาม
ยองอูเป็นตลาดพื้นบ้านขนาดใหญ่ครับ ซึ่งมีขายของหลายหลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวปลาอาหาร ผักสด เสื้อผ้า
ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ เดินกันฟินไปเลยกับบรรยากาศแบบชาวบ้านๆ
เดินถ่ายรูปจนเหนื่อยล่ะ มาหาอะไรกินกันดีกว่า ได้กาแฟร้อน กับปาท่องโก๋มา ปาท่องโก๋ที่นี่แปลกดีครับ ไม่ได้ทำเป็นคู่เล็กๆเหมือนเมืองไทย แต่เป็นชิ้นยาวๆใหญ่ๆแบบในภาพเลย ใหญ่ไปไหมนะ กินชิ้นเดียวก้อแทบจุกแล้วครับ
ที่ตลาดยองอู (Nyaung OO) เจอเด็กน้อยทาแป้งทะนาคาเดินมาขาย Postcard
พอดีเพื่อนร่วมทริปอุดหนุนไป เลยขอแจมถ่ายรูปหน่อย
เด็กน้อยใสๆ น่ารักครับ แต่ถ่ายยากมากมาย น้องเค้าหันไปหันมาหาคนซื้อของอยู่ตลอดเวลาเลย
หลังจากนี้เราเดินทางกลับไปยังเมืองมัณฑะเลย์กันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเที่ยวต่อกับวันสุดท้ายของทริปนี้ และเจอกันต่อในตอนหน้าครับ
Voravud Santiraveewan
วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 13.05 น.