เที่ยวฮานอย ซาปา เวียดนามเหนือ เมืองฮิปเตอร์ที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางหุบเขา ใครจะไปคิดว่าเวียดนามเหนือ เอเชียเหมือนบ้านเราจะมีหิมะ !!!!! อ่านไม่ผิดหหรอกค่ะ ที่นี่ในทุกๆปี ช่วงต้นปีบางปีจะหนาวถึงขนาดมีหิมะตก
ช่วงที่เราไปนี้คือช่วง มกรา - กุมภา เป็นช่วงที่หนาวที่สุด พอเท้าแตะสนามบินฮานอยเมืองหลวงของเวียดนามก็เจออากาศเย็นๆ ทันที ทั้งๆที่ยังไม่ได้ขึ้นเหนือเลยนะเนี่ย อากาศประมาณ 18-19 องศา
เราใช้เวลาเดินทางจาก กทม - ฮานอย ประมาณ 2 ชั่วโมง
ขึ้นเครื่องช่วง 5-6 โมงนิดๆ ถึงสนามบินฮานอยประมาณ 1 ทุ่ม
ซึ่งเราได้จองเหมารถตู้ไปส่งสถานีรถไฟไปปซาปาตั้งแต่ กทม แล้ว จองผ่านคนเวียดนาม ซึ่่งตรงส่วนนี้สามารถหาคนเวียดนามที่รับทำตรงนี้ได้จากกลุ่มเที่ยวในเฟสบุค ทั่วไปเลยจ้าาาา
ลงเครื่องปุ้ปก็ต้องรีบไปขึ้นรถไฟต่อ นอนยาวๆ ขึ้นซาปากันเลย
อ่ะ ถึงสถานีแล้ว เราไม่ต้องซื้อตั๋วเพราะให้เอเจนซี่เวียดนามที่เราติดต่อตั้งแต่ที่ไทยเป็นคนประสานงานให้ มาถึงก็รีบวิ่งขึ้นให้ทันอย่างเดียว ถ้ามัวไปซื้อตั๋วเองไม่ทันแน่ๆ เพราะเขาพูดเวียดนามกัน กว่าจะแปลเสร็จ 555
ภาพแรกในรถไฟ ตื่นเต้นมว้ากกกก เพราะรถไฟนอนเตียงสองชั้นสวย และที่นอนนุ่มสุดๆ ไม่เหมือนบ้านเราสักนิดดดเดียววว ค่าตั๋วรถไฟประมาณ 1000 เศษๆ
มื้อเย็นมื้อแรกของพวกเรา มาม่ากระป๋องสไตล์เวียดนาม ราคาประมาณ 30 บาท ไทย รสชาติไม่ค่อยแซ่บเท่ามาม่าบ้านเราเท่าไหร่ พอประทังชีวิตเท่านั้น 555
กินเสร็จแล้วก็นอนจ้าาา เพราะรถไฟใช้เวลาวิ่ง7-8 ชั่วโมง ตื่นมาก็เช้าพอดี ค่อยลุยกันต่อ
บ้านพักแบบโฮมสเตย์ที่เราเลือกจองผ่าน Airbnb เป็นบ้านพักที่รายล้อมไปด้วย นาขั้นบันได หลังนี้พักได้ตั้งแต่ 2 คน ถึง 20 คน ราคาประมาณ 1-2 พันนิดๆ
นี่คือบริเวณบ้านรอบๆ สดชื่นด้วยทุ่งนา อากาศเย็นสบาย สดชื่น ชาร์จพลังได้ดีสุดๆ
ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวเขา เราสามารถเดินเล่นรอบๆหมู่บ้านได้ อารมณ์ประมาณอยู่บนดอยเชียงใหม่เลยจ้าา ชาวเขาเดินเอาของมาขายตลอดทาง
นี่คือชั้นล่างของบ้านพัก เป็นพื้นที่ส่วนรวมที่ใช้ร่วมกัน เรากับเพื่อนๆพักด้านบน ส่วนห้องด้านล่างเป็นแขกคนอื่นๆ ที่ัพักเป็นคู่ กับเจ้าของบ้าน
พื้นที่ด้านบนที่เป็นที่นออนของพวกเรา ไม่มีแอร์หรือพัดลม อากาศธรรมชาติล้วนๆ อากาศประมาณ 8-10 องศา ผ้าห่มหนานุ่มห่มสบาย หัวถึงหมอนก็หลับเลย
บริเวณรอบๆหมู่บ้าน สดชื่นสุดๆ วิวดีมากๆ เหมาะกับการถ่ายรูปแนวฮิปเตอร์
นาขั้นบันไดที่โด่งดัง เรามาช่วงที่ข้าวกำลังขึ้น ภาพเลยไม่เขียวขจีเท่าใดนัก ต้องมาช่วงหน้าร้อนแต่อากาศที่ได้ก็จะไม่เย็นสบายแบบนี้นะจ้ะ
รอบๆ หมู่บ้านมี ร้านกาแฟชิคๆ สไตล์ชาวบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการนั่่งจิบกาแฟชมวิว
มื้อค่ำนี้ อาหารที่เรากินก็เป็นอาหารพื้นเมืองล้วนๆ ค่าอาหารรวมกับค่าที่พักเรียบร้อยแล้ว ฝีมือการทำอาหารของเจ้าของบ้านอร่อยตามสไตล์เวียดนาม เติมได้เรื่อยๆ เจ้าของบ้านใจดีมว้ากกกก อากาศหนาวๆกินกับเบียร์ ชิลล์ มากๆ เบียร์กระป๋องละ 15 บาท ฟาดกันเพลินมากก
เช้าวันถัดมาหลังจากกินอิ่มนอนหลับแแล้ว เราก็หาเช่ามอ'ไซต์ เพื่อขึ้นไปชมวิวยังยอดเขาฟานซีปัน ด้านหลังคือปั๊มที่มีอยู่ปั๊มเดียวในหมู่บ้าน ต้องพากันเต็มให้เต็มถังก่อนเพราะไม่รู้ทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ระหว่างการเดินทาง ขับรถชมวิว 2 ข้างทางชิลล์สุดๆ พร้อมชมบ้านเรือนสไตล์อังกฤษ เพราะที่นี่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาก่อนนั่นเอง
นี่คือระหว่างทาง จะมีร้านค้าเรียงรายมากมาย ขายมันเผา น้ำชา ที่สำคัญ มีกัญชาเสรีด้วยจ้าาา อ้อ บนนี้ไม่มีน้ำเปล่านะคะ ทุกคนต้องดื่มชาร้อนกันหมด รสชาติดี ช่วยระบบขับถ่ายได้ดีอีกด้วย
นาขั้นบันได้ ระหว่างทาง เราขี่มอ'ไซต์วนเขาขึ้นมาเรื่อยๆ มองลงไปข้างล่างก็มีแอบเสียวเหมือนกันนะเนี่ย
เมื่อถึงแล้วเราก็ขึ้นไปซื้อตั๋วกระเช้าขึ้นยอดเขาฟานซีฟัน ราคาคนละประมาณ 1200 บาท ไทย
กระเช้าความสูง 3143 เมตร จากระดับน้ำทะเล สูงที่สุดในอินโดจีน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที แต่ถ้าจะเดินขึ้น ก็ต้องเผื่อเวลาสัก 5 วันนะจ้ะ กว่าจะเดินถึง
ด้านบนจะเป็นวัด และปราสาทต่างๆ อารมณ์เหมือนอยู่บนสวรรค์ เดินไหว้เทพเจ้าต่างๆ
เมื่อมองจากด้านบนลงไปข้างล่างก็จะเห็นว่า มีหมอกปกคลุมเป็นก้อนเมฆ อากาศบนนี้ไม่ต้องพูดถึง 2-5 องศา ลมพัดแรงมากกก
สะพานไม้สุดฮิต ที่ต้องต่อแถวถ่ายรูปอยู่นานกว่าจะได้วิวนี้ แต่มาทั้งทีต้องอย่าลืมวิวนี้นะจ้ะ
ถ่ายรูปได้ทุกมุมสีฟ้าขาวโดยไม่ต้องแต่งภาพ มันดีต่อใจสุดๆ
ลมพัดแรงมาก อากาสหนาวเหมือนอยู่ต่างประเทศที่ไม่ใช่โซนเอเชียเลยแหละ
ในที่สุดเราก็มาถึงจุดพีคสุดของเทือกเขาแห่งนี้ คนต่อคิวถ่ายรูปเป็นพันจ้าา แลนมาร์คสำคัญที่บ่งบอกว่านี่คือเทือกเขาฟานซีปัน
หลังจากลงมาจากเทือกเขาฟานซีปันแล้ว ก็อย่าลืมแวะระหว่างทางเก็บภาพบรรยากาศ 2 ข้างทางด้วยละ แต่อย่าแวะชมวิวจนเพลินเกินไป เพราะสองข้างทางไม่มีไฟเลยจ้า ดังนั้นเราต้องรีบกลับให้้ถึงที่พักก่อนฟ้าจะปิดนะจ้ะ
สรุปค่าใช้จ่ายหลักๆใน 1 วันสำหรับเที่ยวเทือกเขาฟานซีปัน
- ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับประมาณ 3000 กว่าบาท
- ค่ารถไฟประมาณ 1200 บาท
- ค่าที่พักประมาณคนละ 200 บาท
- ค่ากระเช้าขึ้นฟานซีปัน 1200 บาท
- ค่าเช่ามอไซ 300 บาท
รวมประมาณ 6000 กว่าบาท นอกนั้นก็เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวจิปาถะทั่วไป
สำหรับทริป 3 วัน 2 คืน กับประเทศใกล้บ้าน ที่วิวดีเทียบเท่าฝั่งยุโรป ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ
ยังไงก็ลองไปตามรอยกันดูนะคะ เพื่อนๆ^^
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
youtube : https://bit.ly/3i7fTkA
Talkative girl
วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.14 น.