คุณเคยได้ยินเสียงลมหายใจของป่าหรือเปล่า?

ลองสักครั้งทิ้งเรื่องราวภาระต่างๆ ไว้ข้างหลังหอบเอาร่างกายอันเหนื่อยล้า จิตใจที่แสนจะบอบบาง
คืนชีวิต สู่ผืนดินคืนลมหายใจให้ป่า
จริงอยู่ที่การเดินทางเพื่อเอาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางผืนป่าใหญ่ ทำให้นุ้ยได้เรียนรู้ว่า ชีวิต ณ จุดนั้น ไม่ได้สะดวก และสบาย เหมือนที่ ที่เคยอยู่ หากเพียงแต่ที่แห่งนั้น มีความสุข ซึ่งไม่เคยได้รับจากที่ไหน

แค่เพียงหยุดนิ่ง แล้วคุณจะได้ยิน เสียงของความสุขได้ยินเสียงลมหายใจของป่า ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง

ณเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์



การถ่ายรูปในครั้งนี้ ใช้กล้อง Canon ทั้งหมด ได้แก่ 550D, 100D, G1X

เลนส์ที่ใช้ Canon EF 70-200 F2.8, Canon EF 100mm F2.8 L (ทั้ง 2 เป็นเลนส์ซึ่งมีพี่ท่านหนึ่งใจดีให้ยืมมาลองใช้ และเป็นการใช้ครั้งแรก)

และ Canon EF-S 10-22 , Canon EF-S 18-55



**** สามารถติดตามทุกการเดินทาง ทุกร้านอร่อย ที่พักสุดโดน และกิจกรรมดีๆ ***

ได้ที่นี้ My Life My Travel

เมื่อปี่ที่แล้วฉันจะได้จองตั๋วโปรราคาประหยัด จองปีนี้บินปีหน้าเอาไว้จากภูเก็ต ลงอุดร(คิดแล้วก็ขำ จะไปไหนสักทีต้องรอราคาโปรเท่านั้น) ซึ่งไม่ได้วางแผนการเดินทางว่าจะไปต่อที่ไหนและทริปนี้ก็เริ่มการเดินทางขึ้นแบบงง ตลุยทั้งอีสานเหนือ และอีสานใต้


บวกด้วยกับร่างกายที่อ่อนแอในช่วงนั้น หมอบอกว่าเป็นภูมิแพ้แพ้อากาศ แพ้ฝุ่น เป็นทั้ง ตา และจมูก(แอบคิดในใจ ตัวตั้งใหญ่ เป็นภูมิแพ้ซะงั้นนี่ฉันอยู่ภูเก็ตนะ ไม่ใช่กรุงเทพ ดันแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ)ทำให้จุดหมายปลายทางแรกของฉัน คือการพาตัวเองไปรับโอโซน เอาตัวเองกลับคืนสู่ธรรมชาติณ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดงใหญ่ เพื่อหลีกหนีหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลีกหนีรถรา และหลีกหนีงาน 555 (ประโยคสุดท้ายไม่ค่อยดีนะ )ปล่อยกายปล่อยใจ ไปกับธรรมชาติ เดินถือกล้องส่องต้นไม้ใบหญ้า และฟังเสียงลมหายใจของป่าการเดินทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่

การเดินทางสามารถไปได้วิธี และหลายเส้นทางคะไม่ว่าจะรถยนต์ส่วนตัว หรือรถโดยสาร



รถโดยสาร:เดินทางด้วยรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยัง อำเภอโนนดินแดง ซึ่งรถตู้ผ่านหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ใช้เวลาในการเดินรถประมาณ5 ชั่วโมง รถมีบริการทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น(สำหรับคนที่เดินทางไปด้วยรถโดยสาร ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เขตฯไว้ล่วงหน้านะคะ เจ้าหน้าที่เขตฯ จะได้จัดหาเตรียมรถไว้บริการ)



รถยนต์ส่วนตัว:เส้นทางที่ 1 เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ สามารถไปได้หลายเส้นทาง แต่เส้นที่ใช้เวลาน้อยที่สุดคือเส้นทางที่วิ่งผ่าน จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดสระแก้วซึ่งใช้โดยประมาณเพียง 4 ชั่วโมงครึ่ง



:เส้นทางที่ 2 เริ่มต้นจากจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นการเดินทางครั้งนี้ของนุ้ยนั่นเอง ใช้เวลาเดินทางประมาณ5ชั่วโมง 40 นาที ระยะทางประมาณ 419 กิโลเมตรโดยวิ่งผ่านถนนมิตรภาพ ลงมาทางใต้แยกซ้ายเข้าทางอำเภอพิมาย โดยวิ่งผ่านทางหลวงเส้น 206266และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงเส้น 348 ซึ่งห่างจากอนุสาวรีย์เราสู้เพียงประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น



การเดินทางครั้งนี้นุ้ยใช้บริการรถของ Thai Rent A Car เพราะการจองรถเช่า สามารถทำได้ง่ายหลายวิธี


1.จองผ่านเว็บไซต์ www.thairentacar.com

2.โทรสอบถามแล้วจองเลย ที่เบอร์ 02-737-8888

3.ส่ง e-Mail พร้อมรายละเอียดที่ต้องการใช้รถ ส่งไปได้ที่[email protected]

4.เดินเข้าไปที่เคาเตอร์Thai Rent A Car ที่สนามบิน กว่า 18 สาขาทั่วประเทศ

**แต่ขอแนะนำว่าควรจองก่อนล่วงหน้า 7 วันนะคะ เพื่อความชัวร์ ว่าวันที่เราเดินทางมีรถขับแน่นอน



ครั้งนี้นุ้ยใช้วิธีการโทรจองมาถึงสนามบินอุดร เคาร์เตอร์ของ Thai Rent A Car อยู่ตรงหน้าประตูผู้โดยสารขาเข้า เป็นเคาร์เตอร์แรก ไม่ต้องมองหาให้ยากเลยพนักงานเตรียมเอกสารไว้รอเรียบร้อยขั้นตอนการรับรถ พนักงานจะพาเรามาตรวจสภาพรถ และแนะนำวิธีการใช้งานต่าง ๆ ก็เป็นอันเสร็จพิธี ออกเดินทางต่อได้


ในการเดินทางนุ้ยเลือกใช้รถMitsubishi Pajero Sportเนื่องจากเดินทางไกล หลายวัน สัมภาระเยอะ


และที่สำคัญที่สุด คือ การเดินทางเข้าไปที่หน่วยทำการพิทักษ์ป่า ละเลิงร้อยรู นั้น ในช่วงหน้าฝน ถนนค่อนข้างจะเป็นหลุมลึกพอสมควร หากใช้รถเล็ก หรือพวก Ego car ค่อนข้างที่จะผ่านยากนุ้ยแนะนำควรไปรถคันใหญ่ หรือกระบะโฟร์วิล จะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นคะแต่ยังไง ลองโทรสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ก่อน เพราะเจ้าหน้าที่จะให้ข้อมูลได้ดีว่าสภาพอากาศ ในตอนนั้นเป็นอย่างไร



เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเป็นป่าผืนเดียวกัน กับ "ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่"ซึ่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่คือ 1 ใน 5 ของสถานที่ ที่ได้รับประกาศให้ขี้นทะเบียน เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548


ภายใต้ชื่อ"ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่"



แต่ช่างเป็นเรื่องแปลก ตลอดเส้นทาง 5 ชั่วโมงกว่าๆฉันแวะถามทางถึงสองจุดแต่ทำไมไม่มีใครรู้จักสถานที่แห่งนี้


สถานที่แห่งนี้ ไม่เคยมีใครรู้จักจริงๆหรือสถานที่แห่งนี้กำลังจะเป็นมรดกโลกที่ถูกลืม



เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่มีเนื้อที่ครอบคลุมหลายตำบลใน อำเภอโนนดินแดง และ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์เนื้อที่ทั้งหมด212,500 ไร่สภาพพื้นที่ป่าส่วนใหญ่เป็นป่าดิบแล้ง ผสมป่าเต็งรัง เป็นป่าดิบผืนสุดท้ายแห่งอีสานใต้เลยก็ว่าได้ มีทุ่งหญ้าบางส่วน บริเวณกลางพื้นที่เป็นแหล่งน้ำฉันเดินทางไปถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ในช่วงเย็นเป็นเวลาที่ตะวันใกล้ลาลับเหลี่ยมเขาบอกลาวันเก่า เพื่อต้อนรับวันใหม่


ฉันมุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวผาแดงซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวโดยรอบกว่า 180 องศาเลยทีเดียว

....ทางเข้าจุดชมวิวผาแดงเป็นจุดพักรถ จะสังเกตุได้ง่ายหากมาจากตัวอำเภอโนนดินแดงทางเข้าจะอยู่ทางด้านซ้าย



ที่สำคัญรถสามารถเข้าขับไปจนถึงจุดชมวิวได้เลยคะ



นอกจากวิวธรรมชาติที่สวยงาม จุดชมวิวผาแดงยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตะวันลับเหลี่ยมเขาอีกด้วยแต่ชั่งน่าเสียดาย ที่วันนี้ท้องฟ้าไม่เป็นใจ เมฆลอยครึ้มมาแต่ไกล



เจ้าหน้าที่บอกเล่าให้ฉันฟังว่า บริเวณนี้มีน้ำตกที่สวยงามแต่เนื่องด้วยช่วงเวลาที่ฉันเดินทางไปเป็นช่วงเย็นไม่แนะนำให้เข้าไป แอบเสียดายเล็กๆ



ขณะที่ฉันยืนหลับตา อ้าแขวนกว้างเพื่อโอบกอดขุนเขา สายลม และสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็ม ปอด อยู่ๆ ก็มีแสงอัศจรรย์จากตะวันทะลุผ่านก้อนเมฆมาให้ชื่นใจก่อนกลับ



ขับรถออกมาจากจุดชมวิวผาแดงเดินทางต่อไปยังหน่วยทำการพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรูซึ่งเป็นที่หลับนอนในค่ำคืนนี้



ระยะทางเข้าไปยังป่าละเลิงร้อยรูประมาณ 12 กิโลเมตรเส้นทางค่อนข้างเป็นหลุม ขับเข้าไปด้วยความระมัดระวังและใช้ความเร็วไม่มากนัก เนื่องจากตลอดเส้นทางนี้คือ อาณาจักรของสัตว์น้อยใหญ่ เพื่อไม่เขาเหล่านั้นตกใจกลัวบวกกับความอยากรู้อยากเห็น อยากชื่นชมบรรยากาศจวบจนกระทั่งแสงสุดท้ายของวันได้หมดไป



ค่ำคืนนี้ช่างเป็นค่ำคืน ที่ไม่เหมือนกับคืนไหนๆค่ำคืนท่ามกลางป่าใหญ่ท่ามกลางความเงียบสงบเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ยินเสียงลมหายใจของป่า ได้ชัดเจนมากเสียงสายลมที่พัดโชยกิ่งไม้ที่แกว่งไหว เสียงย้ำเท้าของกว้างน้อยเสียงร้องของช้างใหญ่เสียงทุกเสียงเปรียบเสมือนลมหายใจของป่า บอกให้รู้ว่า ที่แห่งนี้มีชีวิตเป็นอีกคืนที่ฉันหลับฝันดี (ไม่จาม ไม่ไอ ไม่แสบตาภูมิแพ้หายแล้วจ้า)เช้าอีกวัน มีนัดกับเจ้าหน้าเพื่ออกไปส่องสัตว์ ที่จะออกมาหากิน


แต่ด้วยความเพลิดเพลินกับสัตว์น้อยใหญ่ระหว่างทาง ทำให้ฉันพลาดโอกาสนั้น



นุ้ยขับรถไปเรื่อยๆ ระหว่างเจอเจ้านกยูง วิ่งผ่านหน้ารถไปยืนอยู่ริมทาง



เจ้าหน้าเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้ พึ่งผ่านช่วงฤดูผสมพันธุ์เมื่อผ่านช่วงฤดูผสมพันธ์ นกยูงตัวผู้จะสลัดขนออก เหมือนตัวเมียทำให้นุ้ยอดเห็นนกยูงรำแพน



ขับรถไปตามเส้นทางเรื่อยๆระหว่างทางไม่ได้ทำให้นุ้ยรู้สึกเบื่อ เหงา เลย



เพราะมีกลุ่มผีเสื้อออกมาบินอวดโฉมหลากชนิด



เจ้าหน้าที่ บอกว่า อีกไม่นานก็ถึงฤดูฝน เป็นช่วงเวลาของเหล่าผีเสื้อเลยละ



เราจะสามารถเห็น ฝูงผีเสือ หลายสายพันธุ์เลยทีเดียว



ผ่านไม่านานนัก นุ้ยเดินทางมาถึง จุดที่เรียกว่าละเลิงร้อยรูคราวนี้เกิดคำถามกันใช่มั๊ยคะว่า ละเลิงร้อยรู คืออะไร



ละเลิงร้อยรู้ เป็นคำที่มาจากภาษาเขมร


ละเลิงแปลว่าร่าเริง

ร้อยรูปหมายถึง ตาน้ำที่ผุดขึ้นมาจากดิน เป็นร้อยๆ รู ปัจจุบัน กลาย เป็นแอ่งขนาดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงป่าใช้ชุ่มชื่น



และเป็นแหล่งหากินของสัตว์ป่าหลากชนิดบริเวณนี้เป็นจุดที่ช้างออกมาอาบน้ำ เล่นน้ำแต่เสียดายที่วันนี้ นุ้ยไม่เห็นช้างออกมาได้ยินเพียงแค่เสียงอยู่ไกลๆ



เจ้าหน้าที่บอกนุ้ยว่าบริเวณทุ่งหญ้า ใกล้ละเลิงร้อยรูนี้เป็นแหล่งหากินของสัตว์ป่าหลากชนิดและเราอาจจะได้พบเจอกับวัวแดง



และยังมีหอส่องสัตว์ซึ่งนุ้ยควรมา จุดนี้ตั้งแต่เช้าตรู่เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะได้เห็นภาพ กระทิงวัวแดงออกมาหากิน



แต่นุ้ยมัวแต่ตื่นเต้นกับนกยูง ผีเสื้อ นกหลากชนิดแต่มัวแต่อ้าปากค้าง ถ่ายไม่ทันสักชนิด



แต่นุ้ยก็ได้มาภาพนึงแบบเบลอนกกระแตแต้แว้ด เป็นนกที่มีเสียงร้องเป็นเอกลักษณ์มากแต่อันที่จริงตั้งใจถ่ายร่องรอย ขี้ช้าง ที่จะพบเจอได้ในทุก ทุกที่



นุ้ยเดินสำรวจละเลิงร้อยรู อยู่พักใหญ่ก็กลับมายังหน่วยทำการฯ เพื่อเติมพลัง



และมื้อเช้าของเรา เป็นผีมือของ พี่ยักษ์เจ้าหน้าที่ ที่ประจำอยู่ที่หน่วยทำการพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู ขอบอกอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารร้านไหนเลยคะ


หากใครมาเยือน หน่วยฯ ละเลิงร้อยรูแล้วพักค้างคืนสามารถจัดเตรียมหาอาหารมาปรุงที่หน่วยได้นะคะจะมีครัวให้ใช้อย่างเมื่อวานก่อนเข้ามายังเขต นุ้ยได้แวะที่ตลาดโนนดินแดงเพื่อซื้อ อาหารสด อาหารแห้งข้าวสารเข้ามาเราสามารถปรุงเองได้เลยแต่วันนี้พี่ยักษ์ใจดีเห็นนุ้ยออกไปตั้งแต่เช้าเลยจัดเตรียมไว้ให้



นุ้ยชอบกาต้มน้ำนี้มากไม่ได้เห็น ได้ใช้ชีวิตแบบนี้มานานแค่ไหนกันนะเหมือนเป็นการย้อนอดีตไปสมัยเด็กๆที่ต้องก่อไฟในเตาอั้งโล่ ทุกครั้ง


เจ้าหน้าที่คนนึงบอกว่ากาต้มน้ำนี้ อยู่มาตั้งแต่ หน่วยพิทักษ์ป่า ก่อตั้งเลยทีเดียว



หลังจากเติมพลังการเสร็จออกไปเดินยืดเส้นยืดเส้น สำรวจบริเวณ หน่วยทำการฯ



นี่คือป้ายสัญลักษณ์มรดกโลกทางธรรมชาติ ที่ตั้งอยู่หน้าหน่วยฯ ละเลิงร้อยรู



บริเวณหน่วยฯจะมีทั้งบ้านพักไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวรวมทั้งกลุ่มคนที่เข้ามาเพื่อช่วยกันอนุรักษ์ป่า ปลูกป่า สร้างโป่งเทียม ให้สัตว์ได้เป็นแหล่งหากิน



ไฟของที่นี้ ใช้แผงโซล่าเซลล์ เก็บแสงอาทิตย์ ตอนกลางวัน ไว้ใช้ตอนกลางคืนไฟฟ้าเข้าไม่ถึง สัญญาณโทรศัพท์ ก็ไม่มีความสะดวกสบายอย่าได้ถามหา



แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนของที่นี้ อยู่ได้อย่างมีความสุข บางคนอยู่ที่นี้มานับสิบปีคุณว่าเป็นเพราะอะไรที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นอยู่ในป่าแห่งนี้ได้


มันไม่ใช่เพียงคำว่าหน้าที่ไม่ใช่เพียงคำว่างานเพราะนุ้ยเชื่อว่า ถ้าไม่มีความรัก .....คุณจะอยู่ไม่ได้นานเพราะคุณสามารถขอโยกย้ายได้แต่เขาเหล่านั้น กลับเลือกที่จะอยู่ จุดนี้จุดที่คอยรักษาป่า เอาไว้เพื่อลมหายใจทุกลมหายใจ



ได้เวลาออกไปเดินป่า ศึกษาธรรมชาติกันแล้วคะมีเจ้าหน้าที่ร่วมทางไปกับพวกเรา 2 คน


และเจ้าหน้าอีก 3 คน ออกไปสำรวจป่าอีกเส้นทาง เพื่อตั้งกล้องอินฟาเรด เพื่อดักจับภาพสัตว์เราเดินออกไปพร้อมกันเดินออกไปไม่ไกลนัก ก็ถึงทางเข้าสำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติกันแล้วคะ



เส้นทางป่าไม่ได้ราบเรียบ อย่างป่าที่นุ้ยเคยสำรวจมา



แต่ป่าที่นี้เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์มีความหลากหลายทางชีวภาพด้วยพืชนาๆ พันธุ์



ดอกไม้ดอกหญ้าที่คอยแต่งแต้มสีสัน ให้ป่าสวยงาม



นุ้ยเดินไปเจอกล้วยไม้ดิน (หรือเปล่า) ดงใหญ่พอสมควร



กำลังออกดอกบานสะพรั่ง เติมความหวาน ให้กับป่าได้ไม่น้อย



มีเห็ดหลากหลายชนิด



บ้างก็ขึ้นอยู่บนพื้นดินบ้างก็ขึ้นอยู่บนขอนไม้แห้ง



ทุกย่างก้าวในผืนป่าใหญ่นี้นุ้ยสัมผัสได้ ถึงการถอยที่ ถอยอาศัย



น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่ากาฝากที่เกาะตัวอยู่ตามต้นไม้



สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตต่างต้องพึ่งพิงกัน ไม่สามารถที่จะอยู่อย่างโดดเดียวได้เลย



ระหว่างการเดินสำรวจป่าเจ้าหน้าที่ เล่าให้ฟังเกี่ยวกับต้นไม้ที่สำคัญ ๆ ในป่ารวมทั้งไม้มีค่าทางเศรษฐกิจเช่น ไม้มะค่า, ไม้ประดู่, ตะเคียนหิน, ตะเคียนทอง, พยุง, เคี่ยมคะนอง ฯลฯ


นอกจากนี้ยังมีพืช ไม้อีกหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็น กล้วยไม้เฟิร์น หวาย ชนิดต่าง ๆ



และปัญหาการบุกรุกตัดไม้ ทำลายป่า ยังคงมีเรื่อยๆ แม้ว่าจะพยายามป้องกัน มากแค่ไหนอาจจะด้วยเพราะ ผืนป่าใหญ่ ขนาดสองแสนกว่าไร่ แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยฯมีเพียงแค่ไม่กี่ชีวิตการบุกรุกจึงทำได้ง่ายไม่เพียงแค่เพียงนายทุน ที่เข้ามาลักลอบตัดไม้มีค่าทางเศรษฐกิจเท่านั้นทั้งยังรวมถึงชาวบ้าน ที่เข้ามารุกล้ำ เพื่อใช้เป็นที่ทำกินจับจองพื้นที่ทำการเกษตรซึ่งจะเห็นได้จาก ป่ายูคาใกล้หน่วยฯและไร่มันสำปะหลัง ที่รุกล้ำเข้ามา



สัตว์น้อยใหญ่ในป่าแห่งนี้ ล้วนมีความสำคัญที่คอยเติมป่าให้เป็นป่าคอยเติมสีสันให้ป่าสวยงาม



หากเพียงหนึ่งชีวิตดับสูญอีกหนึ่งชีวิต ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว



เมื่อพูดถึงสัตว์ป่า เจ้าหน้าบอกว่าแม้ ป่านี้จะจะถูกทำลายไปเยอะแต่ก็ยังคงความอุดมสมบูรณ์พบสัตว์ป่าสงวนหายากหลายชนิดเลยที่เดียวไม่ว่าจะเป็นกูปรีเลียงผาและสัตว์อีกหลายชนิดเลยทีเดียว ตะกวด ตะพาบน้ำ นิ่ม งู



เจ้าหน้าที่ยังบอกว่านกก็มีอยู่ไม่น้อย นกขุนทอง, นกเงือก, นกหัวขวาน, นกปรอด, เหยี่ยวรุ้ง, นกเป็ดแดง และมีนักท่องเที่ยวมามาถ่ายรูปส่งนก กันพอสมควรแต่สิ่งที่นุ้ยชอบมากที่สุดในป่านี้คงจะเป็นผีเสื้อที่มีอยู่มากมายบินวนไปมาช่างดูอ่อนหวานน่าค้นหา



ด้วยสายพันธุ์ที่แตกต่างสีสันที่สวยสด



ผีเสือตัวนี้จะพบเห็นได้เยอะมากเลยคะเดินไปจุดไหนก็เจอ



ตัวนี้ค่อนข้างหายากเดินกันนานเชียวกว่าจะได้เห็นสักตัว



ไม่ว่าจะหุบ หรือจะกางปีผีเสือตัวนี้ก็สวยไม่แพ้ตัวไหนเลย



เธอช่างงดงามในทุกท่วงท่าว่าแต่ผีเสือแยกตัวผู้ตัวเมีย ยังไงน๊า



ทุกชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีเหตุมีผล



แม้กระทั่งใบไม้ หนึ่งใบที่ร่วงหล่น ใช่ว่าจะไร้ค่าแต่นั้นคือส่วนนึงของป่า คอยทับถมพื้นที่ ที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด เติมเติมความสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศ



ที่เห็นใช่เพียงแค่ต้นหญ้าแต่นั้นคือต้นหญ้าที่ให้หมู่แมลง ได้หากิน พักพิง


ทุกเรื่องราว ย่อมมีความสำคัญทุกอย่างมีเหตุผลอย่ามองข้าม อย่าละเลย



อย่างผีเสื้อตัวนี้นุ้ยแทบมองไม่เห็นตอนเห็นก็คิดว่าเป็นเพียงร่องรอยเท่านั้นแต่พอจ้องมองจริงนั่นคือผีเสื้อที่มีชีวิต



ต้นหญ้า ต้นนึงที่ไม่มีใครรู้จักชื่อกลับมีความสำคัญมากมายกับ หมู่ผีเสื้อ



คุณค่าของชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราตัดสินแต่ชีวิตทุกชีวิต มีค่า กับสิ่งที่คู่ควร



เส้นทางที่ฉันเดินในวันนี้ใช้เวลาเพียงชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเอง


ออกมาเจอกับพี่ๆ เจ้าหน้าที่อีกกลุ่ม รออยู่ ริมถนน



คุณคิดว่าภาพบรรยากาศแบบนี้คุณจะสัมผัสมันได้จากที่ไหนนุ้ยแอบกรี๊ดในใจ



เห็นมั๊ยว่าความสุขของคนเราไม่จำเป็นเลย ที่จะต้องสะดวก สบาย นั่งในรถหรู เดินบนพื้นปูนซีเมนต์


เพราะ สิ่งเหล่า นั้น ไม่อาจสร้าง ความรู้สึกและบรรยกาศแบบนี้ได้



สิ่งที่เคลื่อนไหวคือลมหายใจ คุณสัมผัสมันได้หรือเปล่าขากลับพิเศษกว่าตอนขาไป ตรงที่ เจ้ายานพาหนะ3 ล้อคันนี้เลยคะพี่คนนี้คือพี่ยักษ์ชื่อดุ หน้าตาดุ แต่หากลองได้คุย แล้วคุณจะหลงรักษ์พี่เขาเลยละเป็นคนอีกหนึ่งคนที่ฉันจะจดจำเพราะเขาคือคนพิเศษ คือคนที่รักษ์ป่ารักษ์สัตว์ทุกถ้อยคำ ทุกชื่อเรียกที่เอ่ย ถึงสัตว์ ของเขาฉันขอใช้คำว่าสัตว์ ของเขาเพราะเขารักของเขาจริงๆป่าแห่งนี้ก็เป็นป่าของเขาเพราะเขารักษ์ป่าของเขาจริงๆ



นี่คือยานพาหนะ ประจำหน่วยเลยก็ว่าได้ยานพาหนะประจำตำแหน่ง ของชายรักษ์ป่า



ขอบคุณพี่ๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนมากๆ ผืนป่าแห่งนี้ ทำให้ฉันได้พบเจอความสนุกความสุขและได้สัมผัสกับสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ ที่ไม่มีให้เรียนรู้ในห้องเรียนห้องไหนๆ ไม่มีให้พบเจอในสังคมเมืองแต่มีอยู่ที่นี้ผืนป่ามรดกโลก



เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ที่ฉันได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าแห่งนี้ แต่กลับทำให้นุ้ยได้เรียนรู้อะไรมากมายได้เห็นมุมมองที่ต่างออกไปมุมที่น้อยคนจะได้มาสัมผัสต้นไม้ทุกต้น สัตว์ทุกตัว ส่วนประกอบทั้งน้ำ และฟ้าทุกอย่างคือลมหายใจของป่า คือชีวิตของป่า



คุณได้ยินเสียงลมหายใจของป่าหรือยัง ....แล้วคุณได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองมั๊ย



รักษ์ และห่วงแหนป่าให้เหมือนห่วงแหนลมหายใจของตัวเองเมื่อไหร่ที่ไม่มีป่าเมื่อนั้นชีวิตเราคงสิ้นลมหายใจ



.....ขอบคุณทุก ๆ การเดินทาง ที่สอนให้ฉันได้เรียนรู้ และรู้สึกรักทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น.....



ขอบคุณ สำหรับทุกกำลังใจ

ขอบคุณ สำหรับทุกความเห็น

ขอบคุณ สำหรับทุกไลค์

ขอบคุณ สำหรับทุกแชร์

ขอบคุณ สำหรับโหวต

ขอบคุณ สำหรับทุกคนที่แวะเวียนเข้ามา

ขอบคุณ สำหรับพื้นที่การแบ่งปันแห่งนี้

และ

ขอบคุณ ผืนป่าที่ให้ชีวิต

ขอบคุณ ผืนแผ่นดิน ที่ให้ฉันได้พักพิง

ความคิดเห็น