วันสุดท้ายองทริปจิ่วจ้ายโกว เรามาเที่ยวกันในตัวเมืองเฉิงตู ซึ่งมีสถานที่ที่น่าสนใจคือ ศาลเจ้าสามก๊ก สถานที่ในเรื่องราวอันโด่งดังของเมืองจีน และมาเดินเที่ยวย้อนยุคกันกับ จินหลี่ ถนนโบราณ
วัดวูเฮา หรือศาลเจ้าสามก๊ก เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเฉิงตู สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่จูกัดเหลียง (Zhuge Liang) หรือขงเบ้ง บุคคลสำคัญในยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220-280) ตั้งอยู่ชานเมืองทางตอนใต้ของเมืองเฉิงตู มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 37,000 ตารางกิโลเมตร ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่มีการบูรณะในปี ค.ศ. 1672 ในส่วนหลักของวัดวูเฮาถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ไล่ไปตั้งแต่ทางด้านใต้ขึ้นเหนือ
เวลาเดินเข้าวัด เช่น วัดวูเฮา หรือบ้านหลังใหญ่ๆในสมัยก่อนของเมืองจีนวัดวูเฮา เรามักจะเจอกำแพงตั้งขึ้นโดดๆขวางทางเข้า ชาวจีนเชื่อกันว่า ไม่ควรเปิดทางเดินจากประตูหน้าเข้ามาในบ้านโล่งๆ เพราะอาจจะชักนำสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาได้ จึงนิยมสร้างกำแพงขึ้นมาขวาง ในภาพก้อจะเป็นกำแพงที่ว่านี้ พร้อมลายมังกรคู่สวยงาม
วัดวูเฮา หรือศาลเจ้าสามก๊ก สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุคคลสำคัญในเรื่องสามก๊ก นิยายอิงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของชาวจีน เหตุที่มีเรื่องราวมากมายของสามก๊กในเขตนี้ ก็เพราะว่าในสมัยสามก๊กนั้น เล่าปี่ตั้งราชธานีที่เสฉวนนั่นเอง มีขงเบ้งมาเป้นเสนาธิการ ที่ปรึกษากลยุทธ์ที่สุดยอด มีกวนอูเป็นทหารเอก ถึงแม้ว่าเล่าปี่จะเป็นเจ้าเมือง และเป็นผู้นำก๊ก แต่ชาวเมืองกลับรักและนับถือขงเบ้ง หรือจูกัดเหลียงมากกว่าจึงสร้างวัดให้ แต่ต่อมาทางการจีนให้สร้างเพิ่มเติม สร้างศาลเล่าปี่ และมีรูปปั้นขุนนางที่สำคัญครบทุกท่าน ทุกวันนี้ที่นี่ยังเป้นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่มีเรื่องรางของสามก๊กอีกด้วย
ด้านในสุดของวัดวูเฮา หรือศาลเจ้าสามก๊ก จะเจอสุสานฮุ่ยหลิงของพระเจ้าเล่าปี่ สถานที่ซึ่งศพของปฐมกษัตริย์แห่งจ๊กก๊กสู่นอนแน่นิ่งให้ดินกลบฝังมานานกว่า 1,800 ปี สุสานระบุนาม “ฮั่นจ้าวเลี่ย” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สู่ฮั่น สุสานสร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งสวยงาม สร้างเป็นรูปวงกลม มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม บรรยากาศดูวังเวงยิ่งนัก
หลังจากแวะเยี่ยมชมศาลเจ้าสามก๊กแล้ว ถ้ายังมีเวลา แนะนำให้มาเที่ยวที่นี่ต่อ อยู่ข้างๆกันเลย ถนนโบราณจินหลี่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดวูเฮา ถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงต้นราชวงศ์ฉิน (ปี ค.ศ. 221-206 ก่อนคริสตกาล) มีชื่อเสียงมากในเรื่องของการซื้อขายผ้าเนื้อดี เป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองมากในช่วงอาณาจักร Shu (ปี ค.ศ. 221-263) และเพื่อเรียกคืนสู่ความรุ่งเรืองของถนนแห่งนี้อีกครั้ง มันจึงได้รับการบูรณะและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปเที่ยวชมเมื่อปี ค.ศ. 2004
นับตั้งแต่ถนนจินหลี่ได้รับการบูรณะและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปเที่ยวชมเมื่อปี ค.ศ. 2004 ถนนแห่งนี้ก็คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับการค้าขายในอดีต ท่ามกลางบ้านเรือน ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ไปพร้อมกับการลิ้มรสอาหารท้องถิ่น สามารถหาของเก่า งานเย็บปักถักร้อยแบบโบราณ ผลิตภัณฑ์เคลือบ งานหัตถกรรมพื้นบ้าน ฯลฯ ได้จากบนถนนเส้นนี้ นักท่องเที่ยวจึงสามารถเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกได้ที่นี่ แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากมายแค่ไหนแต่บรรยากาศของร้านค้าและพื้นที่โดยรอบก็ยังคงให้ความรู้สึกที่เงียบสงบและผ่อนคลาย
ถ้าอยากย้อนอารมณ์วินเทจแบบจีนๆ ขอแนะนำถนนเส้นนี้ “ถนนโบราณจินหลี่” แห่งเมืองเฉิงตู บ้านจีนโบราณและเรื่องราวของสามก๊กที่มีอยู่ทุกซอกทุกมุม บ้านไม้ก่ออิฐสไตล์จีนมีให้เห็นตลอดสองข้างทาง เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ร้านที่มีโชว์กาก โชว์สุดยอดของเสฉวน หาดูได้ที่นี่ด้วย ส่วนใครอยากซื้อของที่ระลึกจากเฉิงตู ก็มีให้เลือกมากมาย ทั้งของฝากจากเรื่องสามก๊ก หน้ากากสีสวย ตุ๊กตาแพนด้า เดินเล่นเพลินๆ ได้ภาพสวยๆ บรรยากาศจีนเก่าๆ อิ่มท้องและอิ่มใจไปด้วยกัน
หลังจากนี้เราก้อจะเดินทางไปยังสนามบินเพื่อกลับเมืองไทยล่ะ ก่อนกลับก้อฝากท้องไว้กับถนนจินหลี่เส้นนี้แหละ มีของกินน่าอร่อยขายอยู่มากมาย ของแปลกๆก้อมีไม่น้อย มีนกตัวเล็กๆ เอามาย่างกินกันก้อมี รวมไปถึงข้าวโพดที่สีดำสนิททั้งอัน และของกินเคลือบน้ำตาลอย่างในรูปเหมือนญี่ปุ่นเลย ก้อเป็นอันจบรีวิวทริปจิ่วจ้ายโกวลงแล้วนะครับ แล้วพบกันใหม่กับทริปหน้า
ติดตามกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/
https://www.facebook.com/voravuds
Voravud Santiraveewan
วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 09.24 น.