พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,373.197 เมตร เนื้อที่โดยรอบพระตำหนักประมาณ 400 ไร่ แบ่งเป็นบริเวณที่ เปิดให้นักท่องเที่ยว ได้ชื่นชมประมาณ 200 ไร่ คำว่า “ดอยบวกห้า” เป็นชื่อเรียก ตามคำพื้นเมือง ดอยหมายถึงภูเขา บวกหมายถึง หนองน้ำ ห้าหมายถึงต้นหว้า หมายความว่า ที่ยอดดอยแห่งนี้มี หนองน้ำอุดมไปด้วยต้นหว้าขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณหนองน้ำนั้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ในปีพ.ศ. 2504 และพระราชทานนาม พระตำหนักองค์นี้ว่า ภูพิงคราชนิเวศน์ พระตำหนักแห่งนี้ ใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรม ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงงาน และเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ รวมทั้งเพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยในโอกาสต่างๆ
นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไปในประตำหนักต้องแต่งกายสุภาพ สวมรองเท้าหุ้มข้อ หากไม่มีสามารถเช้าชุดด้านหน้าทางเข้าได้ในราคากันเอง ในตอนแรกพระตำหนักไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางของเราเลย จุดที่เราต้องการไปคือดอยปุยและดอยสุเทพ แต่เพราะว่าด้วยการที่เราเคยไปครั้งแรกเราจึงขับรถเลยดอยสุเทพไป เราจึงหยุดพักที่พระตำหนัก และตั้งใจจะไปเดินผ่านๆ แล้วก็ออก แต่เพียงไม่กี่ก้าวที่เราเดินเข้าไปในเขตของพระตำหนัก เราเริ่มเพลินกับวิวข้างทาง ที่มีดอกไม้และสีเขียวของต้นไม้ตลอดทาง
โรงเรือนดอกกุหลาบยักษ์ที่อยู่เรียงราย ส่งกลิ่นหอมทำให้เราอดไม่ได้ที่จะหยุดและชื่นชมกับความสวยงามของมัน
สวนดอกไม้ในร่ม ทำให้เราเดินได้อย่างไม่ต้องกลัวแสงแดด ทุกๆ ก้าวที่เราเดินผ่านมันเหมือนกับว่าร่างกายเราได้พัก สายตาเราได้ผ่อนคลายไปกับสีสันของดอกไม้นานาชนิดที่แข่งกันออกดอกยั่วสายตาของเรา
พระตำหนักที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลต้นไม้และดอกไม้และสถานที่กันอยู่ ในส่วนนี้เราไม่ได้เดินเข้าไปดู
เมื่อเราเดินเข้าไปสักพักนึงเราก็จะพบกับศาลานี้ ที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่
เรารู้สึกชอบถนนเส้นนี้มาก ถนนที่ตัดผ่านเป็นเส้นทางในพระตำหนักที่เราสามารถมองมุมสูงได้จากสะพานด้านบน
สะพานที่ทอดยาวอยู่ในพระตำหนักทำให้เรารู้สึกแปลกใจว่า ทำไมสถานที่สวยๆ แบบนี้ ถึงไม่ค่อยมีใครได้เข้ามา หรือไม่ค่อยเห็นรีวิวจากที่ไหน
ความอุดมสมบูรณ์ของสถานที่แห่งนี้ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับทุกย่างก้าวที่เราได้เดินผ่าน ไม่ว่ากำแพง หรือถนน
เดินขึ้นไปด้านบนสุดเราจะได้พบกับอ่างเก็บน้ำขนาดย่อม..ซึ่งด้านบนจะเป็นบ้านของสมเด็จย่า (ถ้าจำข้อมูลไม่ผิด) วิวตรงนี้สวยมาก มองได้ 360 องศาเลย
แม้กระทั้งถนนที่เราใช้เดินก็ยังมีตะไคร่น้ำที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
บ้านทรงงาน
เราให้เวลาอยู่ในพระตำหนักแห่งนี้เกือบ 1 ชั่วโมงในระยะทางที่ไม่ไกลนัก แต่ก็ทำให้เหนื่อยได้ในระดับหนึ่งด้วยกับเส้นทางที่เป็นเนินสูง ต่ำสลับกันตลอดเวลา แต่ความสวยงาม ต้นไม้ ดอกไม้ และธรรมชาติที่แสนจะสมบูรณ์ และเขียวขจีในหน้าฝนแบบนี้ ให้ช่วงที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว มันทำให้เรารู้สึกประทับใจกับสถานที่แห่งนี้...สถานที่ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 อดนึกไม่ได้เลยว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ท่านเสด็จมา มันจะยากลำบากสักเพียงไหน ....#พ่อวางไว้ให้ลูกเที่ยว
liketotravel
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.23 น.