" ขุนตาลที่มักจะเป็นแค่ทางผ่าน "
นั่งรถไฟไปขุนตาล 2 วัน 1 คืน ด้วยงบ 2,000 บาท
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัด ลำพูน และลำปาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่ผสานกันอย่างลงตัวและยังเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งเดียวในประเทศไทยที่เดินทางไปด้วยรถไฟ ขนส่งสาธารณะที่ทุกคนสามารถเดินทางไปได้ ด้วยการเดินทางที่ง่าย มาเมื่อไหร่ก็ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เรามองข้ามสถานที่แห่งนี้ไป
เรานั่งรถไฟ ผ่านสถานีขุนตานหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุด.. เราจองตั๋วรถไฟ เพื่อไปพิชิตยอดดอยขุนตาลกันสักที
เราได้นั่งรถไฟชั้น 2 แอร์ จาก สถานีหัวลำโพง - สถานีขุนตาล
รถไฟตู้นอนชั้น 2 ขาไป ลงที่สถานีขุนตาน 748 บาท สำหรับเตียงบน และ 818 บาท สำหรับเตียงล่าง
ถึงแล้ว . . . สถานีขุนตาล
อุโมงค์ขุนตานคืออุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 1.3 กิโลเมตร ยาวเป็นอันดับที่ 1 จากจำนวน 7 อุโมงค์รถไฟในประเทศไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
ในความบังเอิญ ผสมกับ ความโชคดี
เราได้เจอเพื่อนจากค่ายอาสาอิสระ ที่เคยไปเป็นครูอาสา และช่วยชาวบ้านสร้างฝายชะลอน้ำมาด้วยกัน ปัจจุบันได้ย้ายมาเป็นนายสถานที่ขุนตาลพอดี จึงได้เกิดการสนทนาให้หายคิดถึงกันเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเดินทางกัน
ทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
นี่แค่เป็นเส้นทางวอร์มร่างกาย เพื่อไปถึงอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล เท่านั้น !
เส้นทางการเดินท่องเที่ยวอุทยาน แบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยก้น คือ
1. เดินจากสถานนีรถไฟ ไปยังที่ทำการอุทยาน เป็นทางเดินธรรมชาติสลับกับถนน
2. การเดินจากที่ทำการอุทยานไปยังหน้าด่าน หรือทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
และสุดท้ายการเดินเส้นทางธรรมชาติ ไปยังจุดยุทธศาสตร์ต่างๆทั้ง 4
(เราได้ทำเส้นทางการเดินไว้ให้แล้วนะ เลื่อนไปดูกันเลย)
การเดินที่นี่ไม่ยาก ทุกคนสามารถเดินได้จริงๆ หรือถ้าใครไม่สะดวกเดินสามารถเรียกรถไปส่งที่หน้าด่านได้ ราคา 100 บาท หรือจะไปลงแค่อุทยานฯก็แค่ราคา 50 บาท (แจ้งที่สถานีรถไฟได้เลย)
หลังจากเริ่มเดินทางมาไม่กี่ร้อยเมตร เราได้หันมองกลับไป ก็จะเห็นทางรางรถไฟของสถานีขุนตาล ผ่านต้นไม้นานาชนิด
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
เราไปกัน 4 คน ราคาตกอยู่ที่คนละ 50 บาท
ผู้ใหญ่ 20 บาท + ค่าสถานที่กางเต้นท์ 30 บาท
จุดถ่ายรูป ไม่ถ่ายถือว่ามาไม่ถึง ถนน ลำปาง - ลำพูน
ถนนทางเดินขึ้นที่นี่มีความสวยงามไม่น้อยกว่าที่ไหนๆเลย
ทางเดินค่อนข้างเดินง่าย ไม่ยากจนเกินไป . . . เส้นทางมีชันบ้างเล็กน้อย มือใหม่มาเดินได้สบาย
ในที่สุด . . .
เราก็เดินมาถึง นจุดกางเต็นท์ที่สวยที่สุด นั้นก็คือ "ลานสน ย.2"
มีมุมนั่งเล็กๆอยู่กระจายตามจุดต่างๆของลานกางเต้นท์
เมนู หลักของเราในทุกๆทริป นั้นก็คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นั้นเอง . . .
ที่นี่คือ ลานกางเต้นท์ ย.3
อยู่ในการดูแลของ มหาวิทยาลัยพายัพ ซึ่งในวันที่เราไปไม่เปิดในเข้าไปกางเต้นท์ แต่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้
แต่เราไม่แนะนำให้แบกเป้มาค้างแรมที่นี่เท่าไหร่นะ เพราะค้อนข้างไกลพอสมควรสำหรับมือใหม่
บรรยากาศยามเช้า หมอกหนามากๆ
กาแฟยามเช้า กับ หมอกอ่อนๆ ก็เหมาะสมกันดีนะ
ดวงอาทิตย์ทอแสงแรกของวันที่ยอดดอยขุนตาล บนความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,373 เมตร
แต่ก็นั้นแหละ เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน จึงได้เห็นแต่หมอกขาวเต็มทั่วท้องฟ้า
"เจ้าตาล" เหมือนจะถูกชตากับเราตั้งแต่เจอครั้งแรกที่สถานี
ทั้งนำทางเราจากสถานีไปจนถึงที่ย.2 วันถัดมาตอนเช้าก็พาไปชมวิวที่ ย.4 ให้เราทำธุระจนเสร็จ มันก็นอนรออย่างใจเย็น พอถ่ายรูปเก็บความทรงจำเรียบร้อย มันก็รีบลุกวิ่งนำทางกลับมาที่แคมป์ เพื่อให้เราได้เก็บข้าวของสำหรับพร้อมเดินทางกลับ
หลังจากเราเก็บของเรียบร้อย เจ้าตาลก็อาสาเป็นไกด์นำทางครั้งสุดท้าย เพื่อมาส่งเราจนเกือบถึงสถานีรถไฟอย่างปลอดภัย และรอเราเดินจากมันจนละสายตา ก่อนจะวิ่งกลับไปในทางที่เราเดินกันมา
ไว้เจอกันใหม่นะ "เจ้าตาล" 👋🏻
#สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ค่ารถไฟตั๋วนอนชั้น 2 ไป-กลับ 1,571 บาท/คน
ค่าเข้าอุทยาน + กางเต้นท์ 50 บาท/คน
ค่าอาหาร 50 บาท/มื้อ (5 มิ้อ 250 บาท)
ค่าน้ำและอาหารอื่นๆ 100/คน
รวมทั้งหมด 1971 บาท
**ค่ามัดจำขยะ 100 บาท (ได้คืนเมื่อนำขยะลงมาทิ้ง)
#ข้อแนะนำ
มีสัญญาน internet เครือข่าย AIS มีสัญญาณดีที่สุด
ส่วนเครือข่ายอื่นๆ พอมีให้สามารถใช้งานได้
ข้างบนมีน้ำดอยให้ สามารถต้มดื่มได้
ที่สำคัญควรเอาแบตสำรองติดไปด้วยจะดีมาก
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม
สามารถกดติดตามหรือดูรูปอื่นๆ ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/Tudsanasuksa/
ทัด สะ นะ ศึก ษา
วันพฤหัสที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.55 น.