สวัสดีครับ ทริปนี้ป๋าเกียรติมีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยอีก 2 คน คือ พี่สาวและพี่เขยของแผนผมครับ รวมทั้งหมด 4 คน รวมชวนกันแล้วลองเปลี่ยนแนวไปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติแท้ๆ เราจึงได้เลือกสถานที่พักเป็น โฮมสเตย์ไม้ไผ่ กลางป่า ท่ามกลางหุบเขา ที่เราจะได้สัมผัสธรรมชาติได้แบบเต็มปอด คือ "บ้านต้นไม้แม่แมะ Tree House Hideaway” ซึ่ง เป็นที่พักที่อยู่กลางหุบเขา ตั้งอยู่บ้านแม่แมะ ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เราได้ติดตามดูจากรีวิวในเวปแล้ว พบว่าเป็นสถานที่ค่อนเงียบสงบ เหมาะสำหรับหลีกหนีความวุ่นวาย มาให้ธรรมชาติบำบัดสักคืน ราคาที่พักราคา 750 บาท / คน รวมอาหาร 2 มื้อ อาหารเย็น และอาหารเช้า อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ กินเท่าไหร่ก็ได้ทั้งเช้าและเย็น (แหมม คงต้องเตรียมสะเบียง เครื่องดื่มสดชื่น ไปด้วยนะ 555+) จากนั้น ก็โอนเงินค่ามัดจำที่พัก จำนวน 1,500 บาท และแจ้งวันเข้าพัก เราออกเดินทางจากจังหวัดสุโขทัย ใช้เส้นทาง - ทุ่งเสลี่ยม - เถิน - ลำปาง -ลำพูน -ไปรับผู้ร่วมทริปที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ - ไปเส้นทางแม่ริม - แม่นะ - ถึงจุดหมายบ้านต้นไม้แม่แมะ ซึ่งเส้นทางที่เข้าไปจะเป็นทางแคบๆ รถสวนกันยากหน่อยครับ แต่คนขับรถผ่านแถวนี้เค้าจะบีบแตรส่งเสียงให้ได้ยินเวลาถึงทางโค้ง และ ชาวบ้านแถวนี้เค้ามีมารยาทดีครับ จะให้ทางนักท่องเที่ยวตลอด ผมประทับใจมากครับ
ถึงแล้วครับ วันนี้มีนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดมาพักกันเต็มทุกห้องเลยครับ และ มีฝนตกเป็นระยะ อากาศเย็นสบายมากๆเลยครับ
นี่เลยครับ ป้ายทางเข้าบ้านต้นไม้แม่แมะ ถ่ายภาพไว้ว่ามาถึงแล้ว
ทางลงไปเช็คอินน์จะลาด จะลื่นหน่อยครับเนื่องจากฝนตก ระวังหน่อยนะ
ตรงนี้คือจุดที่เราต้องเข้าไปเช็คอินน์ บ้านต้นไม้ ตรงนี้เป็นทั้งฟรอนต์เช็คอินน์ และ เป็นที่พัก ซึ่งจะเหมาะกับเพื่อนที่อยากมาพักกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เนื่องจากบ้านต้นไม้ เป็นที่พักหลังใหญ่ และมีหลายห้อง
มาถึงก็เจอคุณป้า คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว และแจ้งห้องพักครับ
หากใครไม่ได้พักที่แต่อยากมาชมวิว ที่บ้านต้นไม้ ก็มีที่นั่งและ สามารถสั่งเครื่องดื่มมาทานได้ครับ ตรงนี้คือ จุดไฮไลท์ชุมวิวสวยครับ ส่วนผมตัดสินใจพักห้องไอยเรศชมจันทร์ 2 ซึ่งเป็นบ้านไม่ใหญ่มาก หลังเดี่ยว มีห้องนอน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
ผมพาชมบ้านต้นไม้ ชั้นสอง เป็นห้องนอนรวม มุมที่สาวๆ ยืนอยู่คือระเบียงชมวิวบนบ้านต้นไม้ครับ
ห้องน้ำก็จะเป็นห้องน้ำรวมครับ
ห้องเดี๋ยวก็มีนะครับ
ตรงนี้คือจุดไฮไลท์ของบ้านต้นไม้ บริเวณชั้นสอง จะเป็นจุดชมวิว ที่มักจะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพรีวิวกัน มีโต๊ะนั่งให้สั่งอาหาร เครื่องดื่มมาทานกัน ผมลองสั่งชามาจิบไปพลางๆ
อากาศสดชื่น สูดเต็มปอดไปเลยครับ
บ้านต้นไม้ซึ่งอยู่ระหว่างปรับปรุง
จากนั้นเราก็ลงไปนั่งพักด้านล่าง ซึ่งเป็นจุดที่นั่งชมวิว
บรรยากาศดีมากเลยครับ เป็นระเบียงยื่นออกไปสัมผัสกับป่าเขา
นอนเปลผ่อนคลายสักหน่อย
ทอดสายตาไปสุดๆ เจอความเขียวขจีของป่าเขาครับ
จากนั้นเราก็พากันไปที่พักของเราซึ่งเดินลงไปอีกประมาณ 30 เมตร ชื่อบ้านไอยเรศชมจันทร์ 2
ภายในห้องนอน ก็สะอาด ปูที่นอนไว้รอ เป็นแบบเรียบง่ายดีครับ
ตรงกลางห้องมีที่ชงกาแฟ ไว้บริการ
โอ้วว !!! มีระเบียงทานข้าว วิวสวยป่าเขา สงบเงียบดีเลยครับ
ระเบียงชมวิว
ช่วงที่มาพัก จะมีฝนตกตลอดทั้งวัน ทำให้เห็นหมอกได้ชัดเจนเลยครับ
เห็นดอกลำโพงซึ่งชุ่มชื่น เขียวขจี ก็อดถ่ายภาพไม่ได้ เลยกดมาให้ดูครับ
เมื่อเข้าพัก ก็มีลุงวงศ์ เจ้าของบ้านมาให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี ประทับใจมากเลยขอถ่ายภาพไว้ครับ
พร้อมก้บนำอาหารเย็นมาเสริฟให้ทาน หน้าตา และ รสชาติอร่อยมากเลยครับ
นั่งทานข้าวพร้อมกับชมหมอกและเสียงน้ำจากลำธารไหล ได้ยินเสียงตลอดเวลา ดีจังครับ
ผลไม้แคนตาลูปที่นี่เป็นผลผลิตจากชาวบ้าน รสชาติหวานกรอบอร่อยมากเลยครับ หลังจากนั้นแฟนและพี่สาวก็ได้ไปนวดแผนไทย ซึ่งคิดอัตรา 200 บาท ต่อ 1 ชั่วโมง ครับ
พอตกเวลาประมาณ 18.00 น. ก็มีการแสดงของน้องๆ ในหมู่บ้านแม่แมะ ได้ทำการแสดงรอบกองไฟ ให้กับ ทางผู้เข้าพักชม บริเวณบ้านต้นไม้ ลานชมวิว ซึ่งเหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง
หลังชมการแสดงจบแล้ว เราก็กลับมาที่ห้องพัก คุณลุงวงศ์ใจดี ได้ทำกับแกล้มมาให้เราทานเสริมอีก เหมาะเลยครับ อิอิ
ตื่นเช้ามา คุณลุงได้เตรียมอาหารเช้าไว้รอรับเรา มี ข้าวต้มทรงเครื่อง, ชา , กาแฟ ขนมปัง
ลุงได้แนะนำชาของชาวบ้าน เรียกว่า "ชาอัญสัน" ซึ่งเป็นชาดีของชาวบ้านที่แม่แมะ ผมได้ลองชิมแล้ว ได้รสชาติของใบชาจริงๆครับ
จากนั้นเราก็จะเดินเลาะริมธาร ไปหาที่ถ่ายรูปสวยๆกันครับ
วันนี้น้ำลำธารสีขุ่นๆครับ เพราะฝนตกตลอดทั้งคืน
ทางเดินจะค่อนข้างเดินลำบางหน่อยครับ ควรใส่รองเท้าหุ้มข้อจะดีกว่าครับ
ราคาค่าที่พัก
ราคาห้องพัก 750 บาท/คน/คืน (รวมอาหารเช้าและอาหารเย็น คน/คืน) แต่ถ้าเป็นหน้าไฮซีซั่นก็จะเพิ่มราคามานิดหน่อยเป็น 850 บาท/คืน
- หากใครสนใจเมนูหมูกระทะ ก็ติดต่อเจ้าของที่พักล่วงหน้าก่อนที่พัก จะได้เตรียมให้
หน้าโลว์ซีซั่น
- ที่พัก+อาหารสองมื้อ เช้าและเย็น คนละ 750 บาท/คืน
หน้าไฮซีซั่น
- ที่พัก+อาหารสองมื้อ เช้าและเย็น คนละ 850 บาท/คืน
การจองที่พัก มี 2 ช่องทาง
- www.treehousehomestay.com
- www.facebook.com/TreeHouseHideaway/
- เข้าไปชมภาพบรรยากาศอีกช่องทางที่ IG : treehousehideaway
วิธีการเดินทาง
รถโดยสารสาธารณะ
- ไปที่ขนส่งช้างเผือก จะมีคิวรถตู้ฝาง ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม หรือ รถบัสท่าตอน 1.30 ชม.
- ซื้อตั๋วแล้วแจ้งเข้ามา ว่ารถออกกี่โมง ข้อนี้สำคัญมาก เพราะถ้าไม่แจ้งเวลา เราจะไม่ทราบว่า ต้องไปรับคุณกี่โมง
- บอกคนขับรถว่าขอลงเซเว่น แม่นะ ก่อนเข้าตัวเมืองเชียงดาว
**จุดสังเกต** หลังจากขึ้นรถแล้ว 1 ชั่วโมง จะถึงด่านตรวจแก่งปันเต๊า อีก 6 กม ไม่เกิน 10 นาที จะผ่านโค้งถนนราดยางสีแดง โรงเรียนแม่นะซ้ายมือ เตรียมตัวลุกได้เลย เตรียมตัวซื้อเครื่องดื่มร้านค้าหน้าปากซอยได้เลยครับ ส่วนใครจะไปแวะเซเว่น เลยต่อข้างหน้าประมาณ 2 กม.
**รถเหมาของชาวบ้านจากบนดอย** ลงไปรับเที่ยวละ 300 ต่อคัน (ไม่ใช่ต่อคน) ขากลับ ไปส่งที่ขนส่งเชียงดาว 400 ถ้ามาคนเดียว กระเป๋าไม่เยอะ เป้ใบเดียว มอเตอร์ไซด์ ไปรับ เที่ยวละ 150
บ๊าบบาย .. ไว้โอกาสหน้าจะมาเยื่อนบ้านต้นใหม้ใหม่อีกครับ ^..^
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
### จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปที่หมายต่อไป คือ ถ้ำเชียงดาวครับ ไปกันเลยครับ!!!
มาถึงถ้ำเชียงดาวแล้ว ครับ แวะขอพรสักการะสิ่งศักดิ์ ก่อนเข้าไปชมถ้ำเชียงดาว
ถ้ำเชียงดาว เป็นถ้ำที่น่าสนใจถ้ำหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขต อำเภอเชียงดาว ตั้งอยู่เชิงเขาของดอยหลวงเชียงดาว ภายใน แต่ละถ้ำ มีความงามจากการเสกสรรปั้นแต่งของธรรมชาติ ชวนให้ตื่นตาตื่นใจกับปรากฏการณ์ของหินงอกหินย้อย ที่ก่อให้ เกิด รูปร่างต่างๆเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ภายในมีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่สวยงาม บางแห่งเป็นซอกหลืบ เมื่อฉายไฟ จะมีประกายระยิบระยับ สามารถจินตนาการเป็นรูปต่างๆได้มากมาย เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่อยู่ตรงที่มีน้ำใส่ไหลเย็นจากในถ้ำไหล ออกมาที่บริเวณหน้าถ้ำ เป็นอย่างนี้ชั่วนาตาปีไม่มีเหือดหาย และไหลมารวมกันเป็นสระน้ำมีปลาน้อยใหญ่ว่ายวนไปมา ทำให้ บรรยากาศสดชื่นและยังร่มรื่น ด้วยพันธุ์ไม้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมากและ ตรงหน้าถ้ำนี้เองเป็นที่ตั้งของ วัดถ้ำเชียงดาว
เค้าบอกว่าคนมีบุญจะลูบระคังแล้วจะมีเสียง โอ้วว!! ดังมากเลย 555+
nางขึ้นถ้ำเชียงดาว จะต้องลงทะเบียนจุดคัดกรอง ป้องกันโควิด19 ด้วยครับ
เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเข้าถ้ำ ก็คราวนี้ รู้สึกขาจะสั่นๆแล้วหละ 555
ทางเข้ารู้สึกจะเดินลงลงต่ำไปเรื่อยๆ
จะถึงตรงจุดนี้ จะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำที่เที่ยวภายในถ้ำ
ด้านบนมีรูรับอากาศด้วย
ไหว้พระก่อน จะเดินไปเที่ยวชมภายในถ้ำ
ตรงนี้ จะมีเจ้าหน้าที่พาเราเดินไปสำรวจภายในถ้ำ ซึ่งต้องเสียค่านำทาง เที่ยวละ 200 บาท เมื่อเราตกลงจ่ายเงินเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะจุดตะเกียงเจ้าพายุ และพาเราเดินเท้าเข้าไป ใช้เวลาเดินทางไป - กลับ ประมาณ 20 นาที ครับ
ผมแนะนำให้ใช้รองเท้าผ้าใบจะดีกว่าครับ เนื่องจากสภาพพื้น จะค่อนข้างชื้น และอาจจะลื่นได้ เจ้าหน้าที่จะคอยส่องไฟทางเดินให้เราตลอด
บางช่วงก็จะต้องระวังศีรษะ ต้องก้มดีๆ นะครับ
จุดแรกของเรา จะเป็นหินงอก หินย้อย ซึ่งมีรูปร่างคล้ายแมวน้ำ จึงถูกตั้งชื่อว่า"แมวน้ำ (sea lion)
จุดที่สอง คือ "สิงห์โต ( Lion)
ด้านบนจะมีค้างคาว เกาะอยู่เป็นกลุ่มๆ
ตรงจุดนี้ เรียกว่าสนามกีฬาเทวดา ( Angel stadium ) จะเป็นลานกว้างๆ
หินย้อย รูปช้าง
ช้างสามเศียร ( Three headed elephant )
ปอดช้าง ( Elephant Lung ) มีลักษระคล้ายปอด
เชิงเทียนคู่ ( Double candle )
ไก่ฟ้า ( Pheasant )
กรอบรูป ( Picture Frame )
บัวพันชั้น ( Thousand lotus flower )
เจ้าหน้าที่กำลังพาเรากลับครับ
กลับมาได้อย่างปลอดถัยครับ ซึ่งที่นี่ใครที่ใช้โทรศัพท์ระบบ ทรูมูฟ สัญญาณจะดีมากครับ แม้เข้าไปในถ้ำ เพราะเสาสัญญาณอยู่ใกล้ๆถ้ำ
เจ้าหน้าที่พาเรามาส่ง เรานั่งพักกันสักพัก
ที่นี่มีระบบกล้องวงจรปิดเช็ค นักท่องเที่ยวที่เข้าไปภายใน ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทางครับ
ด้านปากทางเข้าถ้ำ แวะทำบุญให้อาหารปลา ก่อนกลับครับ
บริเวณปากทางเข้าจะมีป้ายแนะนำ ว่าภายในถ้ำมีอะไรบ้าง
การเดินทางไปถ้ำเชียงดาว
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
ถ้ำเชียงดาวจะอยู่ในเขตอําเภอเชียงดาว ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 77 กิโลเมตร การเดินทางจากเชียงใหม่ไป ยังอําเภอ ชียงดาวระยะทาง 72 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปจนถึงถ้ำอีก 5 กิโลเมตร ถนนเป็นถนนราดยางอย่างดี จนถึงบริเวณถ้ำเชียงดาว เมื่อไปถึงหน้าถ้ำจะเห็นบริเวณกว้างขวางสําหรับจอดรถ มีศาลานั่งพักหลังใหญ่
2.โดยรถสาธารณะ
จากกรงุเทพ นั่งรถสายกรุงเทพ-เชียงดาว (ท่าตอน) ไปลงอำเภอเชียงดาว จากนั้นนั่งรถโดยสารต่อไปยังถ้ำเชียงดาว
อัตราค่าเข้าชม : คนละ 10 บาท
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 น. – 17.00 น.
ฤดูกาลต่างๆในการท่องเที่ยว : ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์) เป็นฤดูกาลที่ได้รับความนิยมที่สุดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ระวังพายุฝนฟ้าคะนองและสภาพอากาศแปรปรวนกะทันหันในฤดูฝน
ระวังอากาศที่ค่อนข้างร้อนในเดือนเมษายน – เดือนมิถุนายน
ตั้งอยู่ที่ : อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
โทรศัพท์ : (+66)53-248604
เว็บไซต์ : http://www.onep.go.th/thailandnaturalsites/resourcedetail.php?geo_code=CM1&resourcetypecode=5
เป็นไงครับ สำหรับทริปนี้ แนวธรรมชาติมากๆ เลย คงถูกใจเพื่อนๆกันบ้างครับ โอกาสหน้าไปติดตามป๋าเกียรติพาเที่ยวกันต่อนะครับ
Somkiet Yonthipweach
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 10.31 น.