สวัสดีค่ะ ^^
มันเริ่มจากความแหมะแฉะที่คลั่งใคล้ และระยะเวลาน้อยนิดให้ตัดสินใจ
ที่ไหนก็ได้(เพราะที่อื่นเต็มหมดละ)
เราก็สะดุดตาที่ "ดอยห้วยทู่" เพราะอะไรนั่นหรอคะ ?
ข้อความในนั้นบอกเราว่า เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น" หืมมมม เข้าทางงง.....
ฟิลลิ่งความไม่คาดหวังว่าจะเจอไรข้างหน้าก็มาแหะ
มึนงงอยู่ซักพัก ช่วงเวลาตี 3 ของอีกวันเราก็มาอยู่ที่
"คุ้มป๋าต๋อง"
ด้วยความเป็นมิตร มิจฉาชีพอะ ขึ้นบ้านไปนอนพักเลย... จริงๆแล้วแกให้ขึ้นไปนอนได้นะคะ
หลังการเดินทางที่มากกว่า 6 ชม. ได้เอนหลังซักหน่อย สบายสุดๆเลยค่ะ เมื่อ....นาฬิกาปลุก 6 โมงเช้าก็ได้เวลาตื่น เตรียมตัวไปทานข้าวและออกเดินทางกันค่ะ....
กินข้าวเสร็จเรียบร้อย ก็ขึ้นรถกันเลยค่ะ กรุ๊ปเรามีกัน 11 คน ความสัมพันธ์ก่อนหน้าบางเบามากกก อย่าว่าแต่ไม่คาดหวังว่าจะเจออะไรระหว่างการเดินทาง เพื่อนร่วมกรุ๊ปเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรไว้ 5555555
รถเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน
จากถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน กลายมาเป็นลาดยาง และเรื่อยไปจนเป็นถนนลูกรัง
หัวรถเริ่มมีองศาที่เพิ่มขึ้นทางชันขึ้นเขา ซักพักไม่นาน เราก็มาถึง
"หมู่บ้านลีซอ ต.ทุ่งกระเซาะ อ.บ้านตาก"
จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินขึ้นดอยห้วยทู่
จุดนี้เป็นจุดที่รถจะส่งและรับเราตอนกลับ เราก็จะเจอคนนำทางและลูกหาบของเราที่นี่ด้วย
เมื่อชั่งน้ำหนักของลูกหาบเสร็จแล้ว พบปะคนนำทางประจำกรุ๊ปแล้ว เราก็เริ่มเดินทางกันเลยค่ะ
เริ่มต้นการเดินทาง
ฟังดูยิ่งใหญ่ค่ะ แต่ความเป็นจริงแล้ว อาซา(คนนำทาง) นำทางเราเดินเข้าไปบ้านหลังหนึ่ง และเดินออกใต้ถุนบ้าน ทางคล้ายๆ ไปสวนหลังบ้านของลุงข้างบ้าน เหมือนพาเราไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่
ยังไม่ทันได้พ้นหลังบ้านดี ฝนก็ตกลงมา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆ และพื้นก็กำลังแฉะสมใจสตั๊ดดอย
เรากำลังเดินผ่านเนินไร่ข้าวโพด ที่ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้วในหน้าแล้งพร้อมทั้งกำลังจะเตรียมปลูกในหน้าฝน ขณะเดียวกันทั้งไอฝนไอหมอกลงจัด เราต้องเดินจับกลุ่มกันไว้ค่ะ ไม่งั้นอาจหลงทางได้ เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นค่อนข้างใกล้มากๆ
จุดชมวิวไร่ข้าวโพดสุดท้าย ก่อนที่จะเป็นการเดินเข้าป่าดิบชื้นกันคะ
อาซาแนะนำว่าจุดต่อไปให้เราพยายามเดินไปเรื่อยๆ เพราะเริ่มเป็นแหล่งชุกชุมของเจ้าทากวายร้าย
เจอลำธารเล็กๆ อาซาแวะให้เราล้างหน้าล้างมือกันซักหน่อย เป็นลำธารที่น้ำใสไหลเย็นชื่นใจสุดๆ
และเดินต่อไปผ่านป่ากล้วยที่ต้นใหญ่ยักษ์ ยังกะในหนังจูลาสิกปาร์ค ไร่กาแฟชาวบ้านและป่าดิบชื้น
ทางชันขึ้นเรื่อยๆ จนพ้นแนวป่า ขึ้นมาเจอกับเนินโล่งงง ทุ่งหญ้าพัดปลิวว ปกคลุมไปด้วยไอฝนที่เรียกได้ว่าทึบเลยทีเดียววว จริงๆ จุดนี้น่าจะเห็นวิวสวยๆของภูเขาแหละ แต่ก็นะคะ แค่นี้ก็เยี่ยมมากแล้ว
แวะทานข้าวกันหน่อยเนอะ เหมือนเดินๆมา แล้วก็นั่งลงทานข้าวเฉยๆเลยค่ะ ทานมันตรงทางเดินนั่นแหละ
ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ออกเดินทางกันต่อค่ะ เส้นทางต่อไปเป็นขอบเขาที่ซ้ายมีเขาแต่ขวาว่างเปล่า วิวสวยมั้ยไม่รู้มองไม่เห็นอะไรเช่นเคยค่ะ ใครอยากเห็นวิวจินตนาการตามความสร้างสรรของตัวเองได้เลยค่ะ
เราเดินกันไปเรื่อยๆ ออกเดินทางเป็นกลุ่มสุดท้าย พักบ่อยสุด และเฉื่อยสุด
เราเรียกว่า "การสูบความสุขระหว่างทาง" ใช่ค่ะ เราใช้คำว่า สูบ
เมื่อถึง "สนามกอล์ฟ" อาซาเรียกอย่างงั้น
เหมือนฟ้ามองเห็นความเหน็ดเหนื่อยของกลุ่มคนกากอย่างพวกเราแอบเปิดเมฆให้เราได้เห็นวิวทิวเขาสวยๆ กับเขาบ้าง ไม่น่าจะถึง 10 นาที แต่แค่นี้ก็รักมากแล้ว
เราเดินกันไปเรื่อยเปื่อยถ่ายรูป พร้อมกับการให้ความหวังของอาซา "อีก 3 เนินเองพี่" อาซา คุณให้ความหมายของคำว่าเนินไม่ถูกอะ มันเรียกดอยเว่ยยย
ลักษณะของเส้นทางเป็นทางที่ชันขึ้นและเละทีเดียว
บริเวณนี้เริ่มมีวัวของชาวบ้าน มาเดินกุ๊งกิ๊งๆ บนดอย ค่ะ....และน้องก็ต้องมาพร้อมกับซากอารยธรรมกองโต ตลอดการเดินทางในช่วงนี้ของเรา ทั้งโคลนดินจากฝน ฮิวมัสซากพืชซากสัตว์ และซากอารยธรรมของน้องวัว เฉอะแฉะปนกันไปโหม๊ดดดดดด
แต่เราก็มาถึงจุดกางเต้นท์จนได้ เย้....
ถึงเวลากางเต้นท์ที่ทักษะค่อนไปทางมือใหม่ เราทั้ง 7 ก็ค่อนข้างทุลักทุเลทีเดียว จนอาซาและผองเพื่อน (ลูกหาบ) เข้ามาช่วยเหลือ แถมยังไปกรอกน้ำใส่ถังไว้สำหรับกินและใช้มาให้ด้วย ซาบซึ้งมากกก
และเวลามาม่าของเราเลยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มาม่า ปลากระป๋อง กาแฟ ขนม เบียร์ กินมันทุกอย่างที่มี ทั้งกินไป หยิบทากที่เกาะตามตัวไป 55555 สนุกสนานดีค่ะ
"จากความสัมพันธ์อันบางเบาของเรา 7 คน มันก็เริ่มเข้มข้นมากขึ้น ถูกปรุงรสด้วยระหว่างทางที่สนุกสนาน การกางเต้นท์ง่อยๆ แอลอกอฮอลสีทองอำพัน"
ฟ้าเริ่มมืด ฟ้าแลบ ฝนเริ่มมีโปรยปราย เราจึงเริ่มพากันเข้าเต้นท์ค่ะ คืนนั้นฝนตกหนักสลับกับลมแรงตลอดทั้งคืน เสียงลมเสียงฝน หวืดดด ทั้งคืน แอบหลอนไม่เบาเลยค่ะ
.........................
ตื่นเช้าได้เวลาออกไปจุดไฮไลท์ที่สุดของที่นี่จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นั่นก็คือป้าย "ดอยห้วยทู่" ไปกันค่ะ เดินไปไม่ไกลค่ะ น่าจะประมาณ 500 เมตรได้มั้ง
นี่แหละค่ะ วิวบนดอย ในวันของเรา 555555 ไม่เห็นอะไรเลยจ้าาาาา
"วิวที่เขาเจอกัน ฉันไม่เห็นซักนิด"
" ดอยห้วยทู่กับความสูง 1,384 เมตร จากระดับน้ำทะเล "
ได้เวลากลับกันแล้วค่ะ
เราถึงจุดที่รถจะมารับ พร้อมทั้งอุดหนุนเครื่องดื่มสีทองของชาวบ้านที่แม้จะขายบนดอย แต่ราคายังกะซื้อที่ภาคพื้นดิน จากนั้นเรากลับไปยังคุ้มป๋าต๋อง
ทริปนี้ "ฝนตกตลอดทั้งวันไอฝนไอหมอก ทำให้การเดินทางของเราแทบจะไม่เห็นวิวใดๆ ที่รีวิวถ่ายมากันสวยๆ แต่ก็ทำให้การเดินทางของเราไม่ร้อนและเย็นสบาย ไม่เสียใจเลยนะที่ไม่ได้สัมผัสวิวสวย เรากลับได้ความสุข สนุก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะจากผู้ร่วมทางเดินทางที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่ามันจะกลายมาเป็นมิตรภาพที่ดีขนาดนี้
"สนุกเว้ยยยย"
- - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - -
ดอยห้วยทู่ มีความสูง 1,384 เมตร
ระยะทาง 8 kg. ถึงดอย
ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย (แต่มันน้อยไปสำหรับกรุ๊ปเรา 55555 )
.......
สรุปค่าใช้จ่ายนะจ๊ะ
1. ค่าอาหารเช้า-เที่ยง(วันแรก), เที่ยง(วันที่ 2) คนละ 300 บาท
2. ค่าลูกหาบ 1,200 บาท ( 1 คน/20 kg. จ้างเถอะค่ะ ถือว่าช่วยเหลือชุมชนค่ะ)
3. ค่ารถรับส่ง 1,500 บาท จากคุ้มมาถึงหมูบ้านลีซอ
4. ค่าคนนำทาง 1,200 บาท ค่ะ ถูกใจก็ทิปกับไปจุกๆค่ะ 5555
(รายการ 2-4 หารกันทั้งกรุ๊ป ก็ตกกันคนละไม่กี่บาทนะคะ ไปค่ะ ไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจกัน)
ส่วนป๋าต๋องแกจัดทริปไปดอยหลวงตากและดอยห้วยทู่นะคะ ID Line : 0938162949 จ้าาาา
บันทึกของฉัน
มันเริ่มจากกลุ่มนักเดินป่ามือใหม่อย่างเราที่หลงไหลในความแหมะแฉะ น้ำตกสายรุ้งละอองดาว จ.ระนอง เป็นที่ที่ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะไป โทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยและพร้อมจะเดินทางในไม่อีกกี่วัน แต่พี่เจ้าหน้าที่ก็โทรกลับมาว่าชาวบ้านกลัวโรคระบาดของเจ้าโควิดตัวร้ายจะเข้ามาแพร่ระบาดในหมู่บ้านจึงยังไม่สามารถเปิดให้ท่องเที่ยวได้ หลังสิ้นเสียงคุณพี่เจ้าหน้าที่น้ำใสๆ ก็ไหลออกตาเลยค่ะ ไม่ใช่ไรนะคะ ก่อนที่จะโดนยกเลิกเนี่ย เราได้สั่งรองเท้าสตั๊ดดอยจากแอปออนไลน์ชื่อดังกันมาละไงทำไงละค่ะ ก่อนจะไปแผน 2 เรามีเพื่อนร่วมทริปจากน้ำตกสายรุ้งที่รู้จักกันแค่เสียงที่โดนเทเหมือนกัน ขอไปด้วยโดยยังไม่รู้แผน 2 เราด้วยซ้ำ 55555 ทีนี้ แผน 2 ก็ต้องมาละคะ หาที่ไปสิค่ะ ให้ตรงกับวันหยุดที่แสนจำกัดของเราและเข้ากับสตั๊ดดอยเราได้และสิ่งที่ที่ประกอบการตัดสินใจอย่างสุดท้ายคือเปิดไปดูรีวิวแล้วเค้าใส่สตั๊ดดอยขึ้นดอยห้วยทู่ด้วย ตัดสินใจโทรหา ป๋าต๋องเลยค่ะ...
go_with_puay
วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 23.10 น.