สวัสดีครับ วันนี้จะพาไปนอนโรงแรมระดับหรูกลางสุขุมวิทกันครับ บังเอิญมือซนไปกดเจอโพรโมชั่นของโรงแรมที่เอาปีที่เปิดโรงแรมในเมืองไทยมาเป็นราคาห้องพัก โดยเริ่มที่คืนละ 1997 บาท กดจองไปแบบไม่รู้ตัวเลย ไปดูกันครับว่าราคา 1997 บาท(ยังไม่รวมภาษี) จะนอนสบายขนาดใหน
โรงแรม JW Marriott เป็นโรงแรมในเครือ Mariott โดย JW Marriott จะอยู่ในระดับ Luxury หรือหรูหรา JW Marriott เริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ปี 1984 สาขาแรกอยู่ที่ Washinton, D.C. ชื่อของโรงแรมนำมาจากชื่อของผู้ก่อตั้ง Marriott คือคุณ John Wilard Marriott สาขาแรกในเอเซียคือสาขาฮ่องกง ส่วนในประเทศไทยมีโรงแรม JW Marriott อยู่ 3 แห่งคือที่กรุงเทพ เขาหลัก และภูเก็ต
โรงแรม JW Marriott Hotel Bangkok กรุงเทพเปิดดำเนินการในเดือนกันยายน 1997 เลยฉลองวันเกิดด้วยการจัดโพรโมชั่นราคาห้องพักประเภท Deluxe ราคา 1997 ต่อคืน (รวมภาษีแล้วอยู่ที่ 2350 บาท) ซึ่งในภาวะปกติคงไม่เห็นโรงแรมระดับนี้ทำราคาแบบนี้แน่ๆ กดจองไปแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
โรงแรมตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท4 อยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตและนานา แต่ถ้ามาจากรถไฟฟ้าเพลินจิตจะใกล้กว่านิดหน่อย ตัวอาคารภายนอกในความรู้สึกผมคือ ไม่หรูเอาซะเลยแต่ก็เปิดมาตั้งแต่ปี 1997 แล้วอ่ะเนอะเข้าใจได้
ผ่านการตรวจคัดกรอง Covid-19 มาเรียบร้อยก็เจอกับพื้นที่ชั้นล่างของโรงแรม ซึ่งเป็นพื้นที่โปร่งๆเพดานสูง การตกแต่งแบบไทยประยุกต์ใช้ศิลปะแบบไทยๆผสมกับเฟอร์นิเจอร์แบบสากล การตกแต่งโดยรวมมีบรรยากาศของโรงแรมเก่าไม่หวือหวาครับแต่ก็ให้อารมณ์หรูหราได้ดีพอสมควร ข้อดีคือที่นั่งเยอะมาก มุมให้นั่งคอยเต็มไปหมด
พื้นที่ต้อนรับอยู่ซ่อนลึกเข้าไปด้านหลัง ถ้าเข้าจากประตูด้านหน้าอาจจะหาไม่เจอต้องเดินลึกเข้ามาด้านในถึงจะเห็นครับ พนักงานเห็นปุ๊บก็เข้ามาต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกให้อย่างดีและรวดเร็ว แถมอัพเกรดห้องพักของเราวันนี้ให้เป็นชั้น Executive อีกต่างหาก แน่นอนว่าอัพแค่ห้องนะครับ สิทธิประโยชน์ของ Executive Floor ไม่ได้มีให้ ได้ห้องพักแล้วไปดูห้องกันครับ
การตกแต่งแบบไทยๆจะแฝงไปในส่วนต่างๆของโรงแรม ถึงอาคารจะดูเก่าแต่ระบบต่างๆทันสมัยเลยครับ เช่นระบบความปลอดภัยที่ต้องแปะคียร์การ์ดเพื่อกดลิฟท์ หรือระบบต่างๆก็ทันสมัยทีเดียว เข้าห้องกันครับ
ห้องพักขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็กว้างพอที่จะไม่รู้สึกอึดอัด การตกแต่งก็ยังเป็นแบบไทยประยุกต์อยู่ ใช้ศิลปะไทยแทรกอยู่ตามจุดต่างๆผสมกับเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ ดูไม่ขัดตา เตียงนอนค่อนข้างสูงแต่นุ่มสบาย หมอนนุ่มมากถ้าชอบหมอนที่หนาหรือแข็งหน่อยพาลจะเกลียดหมอนแบบนี้ไปเลย ตู้เย็น กาแฟวางไว้ที่มุมห้องติดกับฝั่งหน้าต่าง ซึ่งออกจะต่างจากโรงแรมอื่นๆที่ถ้าไม่อยู่ใกล้ประตูทางเข้าก็อยู่แถวๆโทรทัศน์
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องครบถ้วนเลยครับ ตู้เย็นมีเครื่องดื่มใส่ไว้ให้เต็มตู้(แน่นอนว่าเสียเงิน) โทรทัศน์จอใหญ่ แถมมีโต๊ะทำงานให้ด้วย ที่ชอบคือปลั๊กไฟช่องเสียบ USB มีทุกจุด จะนั่งบนเตียง โต๊ะทำงานก็เสียบอุปกรณ์ได้อย่างสะดวก Wifi ภายในห้องพักลื่นหัวแตก ดู Netflix แบบ FullHD สบายๆ
ห้องน้ำค่อนข้างกว้างขวางเลยครับ ด้านซ้ายของประตูเป็นที่อาบน้ำแบบยืน ส่วนด้านขวาเป็นอ่างอาบน้ำแต่ไม่มีหน้าต่างหรือช่องกระจกที่เห็นภายนอกห้องนำนะครับ ใครชอบแช่อ่างดูวิว ที่นี่ไม่มีวิวครับมีแต่กำแพง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องน้ำครบถ้วน ผ้าเช็ดตัวและผ้าอื่นๆจัดมาให้เยอะเหลือเฟือ
โรงแรมมีสระว่ายน้ำด้วยนะครับ ขนาดไม่ใหญ่โตนักพอจะว่ายออกกำลังกายได้อยู่และไม่มีวิวอะไรให้ดูนะครับ ติดกับสระว่ายน้ำเป็นห้องออกกำลังกาย อุปกรณ์ภายในห้องครบถ้วนและมีจำนวนเยอะทีเดียว น่าจะถูกใจคนชอบออกกำลังกายแน่นอน
ตัดภาพมาตอนเช้าเลยเพราะทีแรกกะจะทานอาหารเย็นที่โรงแรมแต่เห็นราคาแล้วลมจะจับ เลยไปทานข้างนอกแทน ห้องอาหารเช้าอยู่ชั้นล่างของโรงแรม ด้านหน้าเป็นเหมือนแกลเลอรี่ย่อมๆ มีภาพเชฟและอาหารติดไว้เรียกน้ำย่อยก่อน
เข้ามาด้านใน จัดพื้นที่คล้ายๆศูนย์อาหาร มีที่นั่งล้อมรอบส่วนตรงกลางเป็นเคาท์เตอร์อาหารประเภทต่างๆ ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมาให้ดูนะครับ เพราะเกือบทั้งหมดจะปิดฝาไว้ และลูกค้าของโรงแรมค่อนข้างเยอะ แต่อาหารมีให้เลือกเยอะจริงครับ เยอะมาก หลากหลายมาก เท่าที่จำได้ครั้งสุดท้ายที่เห็นอาหารเช้าเยอะขนาดนี้คือที่ ดิ แอทธินี กรุงเทพ
สรุป 1 คืนสำหรับราคา 1997 บาทก็คุ้มค่าครับ ห้องพักนอนสบาย หมอนนิ่มไปหน่อย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบถ้วน ที่ชอบเลยคือการบริการของพนักงาน บริการดีมาก อาหารเช้าแทบไม่ต้องตักพนักงานชิงตักให้ก่อนตลอด พนักงานจุดอื่นๆก็บริการดี ยิ้มแย้ม และสุภาพมากๆ ถ้ามีโพรโมชั่นแบบนี้ออกมาอีก ก็ลองไปพักเปลี่ยนบรรยากาศกันดูครับ...จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่ สวัสดีครับ
#วิวริมหน้าต่าง
#followmeonearth
Pratuneung
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 09.27 น.