ขอบอกก่อนเลยนะครับว่าทริปนี้ก่อนออกเดินทางนั้น มีผู้เข้าร่วมเดินทาง 10 กว่าชีวิต แต่ยิ่งใกล้วันเดินทางมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งถอนตัวกันทีละคนสองคน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง โอเคเราไม่โกรธเพื่อนไม่ว่าง งบไม่ถึง สุดท้ายแล้วเหลืออยู่ 4 คน ชาย 2 หญิง 2 ในตอนแรกวางแผนกันไว้ว่าจะไปปั่นจักรยานชิวๆที่คีรีวงกัน แต่ก็แหมเสียดายวันหยุดได้หยุดยาวทั้งทีเอาให้คุ้ม เลยบอกกับเพื่อนๆว่า ไม่เกิน 3000 มาติดตามว่าจะเกินไปเท่าไหร่

Day 1

เรามารวมตัวกันที่สถานนี้รถไฟหัวลำโพง 6 โมงกว่าๆมาถึงซื้อตั๋วก่อนเลยรอบ 19.30 น. ชั้น 3 แต่ถ้าคุณได้ฟังพนักงานขายตั๋วพูดคุณจะต้องอึ้ง "เหลือแค่ตั๋วยืนนะ" ไม่เป็นไร ๆชั้น 2 ก็ได้ ปรากฏว่า "เต็มหมดครับ เหลือแค่ตั๋วยืน" โอเคๆ ยืนก็ยืนครับท่าน ไม่ต้องปรึกษาเพื่อนใดๆทั้งสิ้น เพราะเราไม่มีทางเลือกอีกแล้ว จ่ายไปคนละ 378 บาท ถึงเวลารถไฟออกเรามองหาที่ว่าง ๆ หากว่างตรงไหนก็นั่งตรงนั้นไปก่อน รถไฟแล่นออกจากหัวลำโพงแล้วเจ้าของที่นั่งยังไม่แสดงตัว แต่ขอบอกเลยว่าตั้งแต่รถออก พวกเรานี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ กลัวเจ้าที่จะมา สถานนีต่อไป เน็กสเตชึ่น "น้องๆ พี่ที่นั่ง 37" เพื่อนคนแรกโดนเก็บไปหนึ่ง โอเคมาเบียดกัน 3 คน สถานีต่อไป "น้องๆที่นั่งพี่ 38" แหมประโยคเดียวกันเลยแต่ไม่ใช่คนเดียวกัน มาถึงสถานีต่อไปพวกเราก็โดนเก็บรวดเดียว 3 คน จึงระเห็จตัวเองมาที่รอยต่อขบวนรถไฟแถวๆห้องน้ำ จุดนี้ เวลาเที่ยงคืนแล้วจึงตัดสินใจนอนนี่แหละ เบียดๆกัน 4 คนตรงรอยต่อขบวนนี่แหละ ขอบอกว่าทรมานมากกกก นั่งก็เมื่อยยืนก็เมื่อย รู้สึกขำแรงมากๆ อยู่ๆก็หัวเราะกับเพื่อน เลยพูดขำๆกับเพื่อนว่า "แม่จะรู้มั้ยลูกทรมานขนาดไหน" แล้วก็หัวเราะกันเหมือนคนบ้า

นี่คือบ้านของเราบนรถไฟรู้สึกผูกพัน


Day 2

หลับๆตื่นๆกว่า 20 รอบก็เช้าเสียที รถค่อนข้างจะโล่งมากเเล้ว เพราะเลยสถานีสุราษธานีไปแล้วคิดว่าคนน่าจะลงที่สถานีนี้เยอะ เราจึงมีโอกาสได้นั่งอีก 1 ชั่วโมง เดิมทีเราจะลงที่สถานีนครศรีธรรมราช แต่ความรู้สึกอยากลงจากรถไฟสักทีไม่ไหวแล้ว เราจึงลงที่สถานีคลอจันดีแทน

แล้วไปต่อรถสองแถวจันดี – นครศรี 35 บาท เพียงไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงแยกสังกะสี (คุณน้าบนสองแถวบอกให้ลงแยกนี้ไม่ต้องไปถึงตัวเมืองนครศรีเดี๋ยวก็ต้องย้อนกลับมาใหม่อยู่ดี) รอสักพักรถสองแถว นครศรี – คีรีวง ก็มาถึงโบกครับโบก ถ้าพลาดรออีกนานนะครับ


เวลา 11.15 น. ในที่สุดก็มาคีรีวงสักที จึงเดินไปติดต่อที่จองที่พักโฮมสเตย์ไว้ราคาคนละ 200 บาท จากนั้นเช่าจักรยานของบ้านนายทั่งคนละคัน ราคา 50 บาท วินาทีนั้นอยากเข้าบ้านพักอยากอาบน้ำมาก เพราะกลิ่นสนิม กลิ่นเหล็ก กลิ่นรถไฟติดจมูกมาก เมื่อตกลงว่าใครจะอาบก่อน เราเจออยู่ 2 ปัญหา อย่างแรกคือ ลืมกระเป๋าผ้าไว้ที่ไหนไม่รู้ ข้างในมีสมุด สายชาร์ตแบต ผ้าเช็ดตัว ในตอนนั้นปลงคิดว่าเดี๋ยวค่อยไปซื้อใหม่ ปัญหาที่สอง คือ น้ำไม่ไหลผมจึงอาสาไปกับเพื่อนอีกคนปั่นจักรยานไปยังที่เราจองที่พัก ได้ความมาว่า "ช่วงนี้แล้งลูกเอ้ย เขาเลยปิดน้ำไว้ พวกหนูลงไปอาบที่คลองได้มั้ยละ" เมื่อกลับไปแจ้งข่าวเพื่อนๆ จึงออกมาหาทำเลเหมาะๆสำหรับอาบน้ำ บอกเลยว่าสบู่พร้อม ยาสระผมพร้อม เล่นไปอาบน้ำไปถ่ายรูปไปสนุกสนานมากน้ำเย็นสดชื่นมาก


เมื่อสะอาดก็ขึ้นไปหาอะไรกินบนบก นั่นไงป้ายไก่ยางยอแล๊ะ มีลักษณะเป็นสีแดง คอหมูย่างก็เช่นกัน ไม่รู้ว่าใช้อะไรหมักรสชาติดีเลนทีเดียว


เมื่อพวกเราทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยก็กลับไปยังโฮมสเตย์ ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวใหม่เตรียมพร้อมออกไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆในหมู่บ้านกัน ปั่นขึ้นเขาบ้างลงเขาบ้างสนุกสนานท่ามกลางแดดร้อนๆ

สาบานว่านี่คือชุดปั่นจักรยาน

ทางขึ้นน้ำตก

ปั่นไปหยุดถ่ายรูปไปมีบางช่วงขึ้นเขาก็มีอาการล้าของขาบ้าง

ภาพจากบนสะพานแขวนสุดทางเเล้วปั่นกลับเถอะ

เหนื่อยสุดๆขอแวะดื่มน้ำเย็นๆที่ร้านกาแฟลุงโรม

จอดรถไว้ที่ร้านกาแฟเเล้วเดินมายังสะพาน เกิดมหกรรมถ่ายภาพหมู่กับคนไม่รู้จัก


Day 3

หลังจากตื่นทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกไปหาอะไรอร่อยๆทานที่ตลาด จากนั้นเก็บกระเป๋าไปสู่จุดหมายต่อไปเกาะพะงัน เราจะต้องไปขึ้นรถสองแถวตรงสะพานคีรีวง ด้วยความเอะใจว่าสงสัยจะลืมถุงผ้าไว้บนรถก็เลยไปถามคุณลุงปรากฏว่าคุณลุงเก็บไว้ให้ ลุงยังบอกอีกว่า "อยู่ที่คีรีวงไม่หายหรอก" ยกมือไหว้ขอบคุณคุณลุงแล้วก็ขึ้นรถสองแถวไปลงที่ท่ารถตู้นครศรี - ดอนสัก 35 บาท คุณลุงมาจอดถึงรถตู้เลย โดยราคารวมค่าเรือเฟอร์รี่แล้ว 320 บาท

ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเราก็มาถึงท่าเรือเป็นที่เรียบร้อย ขึ้นเรือโลด ใช้เวลาบนเรือประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งอีกเช่นเดียวกัน ก็มาถึงท่าเรือท่าศาลาบนเกาะพะงันจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถสองถวเพื่อไปยังที่พักของเรา jenny hostel อยู่ที่หาดริ้นเสียไป 100 บาทถ้วน สรุปแล้วว่ารถสองแถวมาส่งเราผิดที่ เราจึงโทรหาเจ้าของที่พักมีนามว่าเจ๊กหมู เป็นเพื่อนของพ่อเพื่อน รอสักแปปเจ๊กหมูก็มารับเราพร้อมกับบ่นว่าทำไมมันมาส่งพวกเราตรงนี้ ขอบอกว่าที่พักฟรี นะครับท่าน

เวลาล่วงเลยมา 22.00 น. พร้อมออกไปดูการควงไฟดีกว่า ตอนแรกออกมาตอนทุ่มกว่าๆทำไมเงียบสงบมากเลยไปถามพนักงานบอว่าเริ่มเปิด 2 ทุ่ม โอเคพวกเรารีบเกินไป เมื่อถึงเวลาที่รอคอยเราขอแนะร้าน cactus เจ๊กหมูบอกว่าร้านนี้มันสุด หลังเที่ยงคืนไปจะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยงได้ร่วมสนุกตลอดทั้งคืน ไม่มีฟูลมูนไม่เป็นไร วันนั้นจบลงที่ตี 2

เจ้าตัวนี้ฉลาดมาก

มีความอาบแดด (หาดริ้น)

ถ่ายได้แค่นี้จริงๆ

เกมแรกเหยียบลูกโป่ง

ข้ามไปเกมสุท้ายเลย


Day 4

ตื่นมา ตี5 ครึ่งแล้ว ขอนอนต่ออีกนิดก่อนดูพระอาทิตย์ขึ้น สุดท้ายแล้วก็อดดูเพราะ 6 โมงพระอาทิตขึ้นไปแล้ว จึงอาบน้ำแต่งตัวทาครีมกันแดดพร้อมลุยดำน้ำโลดด เราจอง one day trip เกาะนางยวน – เกาะเต่า ของลมหลัก ราคา 1800 บาท เพื่อนอีก 2 คนว่ายน้ำไม่เป็นจึงต้องให้เฝ้าหาดริ้นไว้ ไม่อยากตื้อไม่อยากทะเลาะกับเพื่อนปล่อยมันครับ เมื่อถึงเวลานัดรถของลมหลักมารับเราถึงที่พักไปยังท่าเรือเมื่อไปติดต่ออะไรเรียบร้อยก็จะผูกข้อมือให้จะได้รู้ว่ามากับทัวร์ห้ามทำหาย ถ้าหายคืออดข้าวเที่ยงบนเกาะนางยวน รักษาเท่าชีวิตจริงๆเรื่องกิน

เกาะแรกที่เราจะมาดำน้ำตื้นคือเกาะนางยวน ทางไกด์แจ้งว่าเป็นเกาะส่วนตัว ห้ามนำพลาสติกทุกชนิดเข้าไป บนเกาะจะมีกิจกรรม 2 ชนิดให้ทำคือ ปีนเขาไปยังจุดชมวิว ทางเป็นบันไดชันๆ เหนื่อยพอแรง มีปีนหินตอนสุดทางเล็กน้อย แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นไฟแรงรีบขึ้นรีบลงเพื่อลงมาทานอาหารกลางวัน

กิจกรรมที่ 2 ดำน้ำ บนเกาะนางยวนจะเป็นการเดินลงจากหาด แรกก็ดำๆไปขาเหยียบพื้นไปกลัวปลิงทะเลมากตัวมันใหญ่ๆดำๆ เลยไปหยิบชูชีพมาดีกว่าจะได้ลอยตัว ส่วนมากปลาจะอยู่ใกล้ๆโคดหิน ดำเพลินๆเพื่อนหายไปไหนไม่รู้ ต่างคนต่างดำไป แล้วก็เจอชาวต่างชาติทำมือชี้ไปใต้น้ำก็เลยก้มไปดูเอ๊ะตัวอะไร จับได้ด้วยหรอ??


เมื่อถึงเวลานัดหมายจุดหมายต่อไปคือเกาะเต่า เราใช้เวลาดำประมาณ 2 ชั่วโมง น้ำลึก 3 - 5 เมตร น้ำใสมาก ปลาเยอะมาก ไกด์บอกว่าห้ามเหยียบโขดหินเด็ดขาดเพราะนั่นคือปะการัง แต่เห็นหลายคนก็ยังเหยียบ แต่ดำเพลินมาก ๆ ขึ้นมาอีกทีเพื่อนหายไปซะเเล้ว

ถ่ายภาพนิ่งไม่ค่อยทันจริงๆมันเร็วมาก

คลิปไม่ค่อยชัดเซฟมาจากเพื่อนอีกที


Day 5

ถึงเวลาต้องบอกลาวันหยุดยาวแล้วล่ะสิ พวกเราไปบอกลาเจ๊กหมูพร้อมกับเรียกสองแถวมาให้ ราคา 100 บาทเช่นเดิมเพื่อไปยังท่าเรือ เราจองรถทัวร์ไว้ตั้งแต่ขามาถึงเลยกลัวได้ตั๋วยืนอีก (จริงๆไม่มีหรอก) เพราะรถมีรอบเดียวคือ 5 โมงเย็น พวกเราเลือก ป.1 ราคาประมาณ 730 บาท

ดูพระอาทิตย์ตกกลางทะเลมันดีจริงๆ

ไม่อยากกลับเลย



สรุปค่าใช้จ่าย ต่อคน

  • ค่ารถไฟ ตั๋วยืน 378 บาท
  • ค่ารถสองแถวคลองจันดี - นครศรี 35 บาท
  • รถสองแถวนครศรี - คีรีวง ไปกลับ 50 บาท
  • ค่าเช่าจักรยาน 50 บาท/วัน
  • ค่าที่พักคีรีวงคนละ 200 บาท
  • ค่ารถตู้นครศรี - ดอนสัก + ค่าเรือ 320 บาท
  • ค่ารถ taxi บนเกาะไปกลับหาดริ้น 200 บาท
  • ค่าที่พักบนเกาะพะงัน ฟรี!!!!
  • one day trip เกาะนางยวน - เกาะเต่า 1,800 บาท (มีหลายทริปเลือกได้)
  • ค่ารถทัวร์ป.1 + ค่าเรือ 730 บาท

รวม 3,763 บาท

หมายเหตุ : ยังไม่รวมค่ากินดื่ม รู้สึกจะหนักไปทางกิน กระหายน้ำมาก ๆ อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนด้วยแหละนะ ค่าอาหารบนเกาะตกจานละ 80 บาท ของแพงกว่าปกติ 5 บาท และยังไม่รวมของฝาก

การไปเที่ยวครั้งนี้รู้สึกคุ้มค่าอย่างมาก ก่อนเดินทางว่าวางแผนเเล้วนะ แต่ก็ผิดเเผนตลอด แต่ก็ดีทำให้เราได้ประสบการณ์มีเรื่องเล่าให้พ่อแม่สมน้ำหน้า จริงๆความสนุกก็ตอนเดินทางนี่แหละถ้าไม่ผิดแผนจะสนุกอะไร (ปลอบใจตัวเอง) แต่ให้ไปขึ้นตั๋วยืนอีกก็ไม่เอาแล้วววว ขอลาไปด้วยภาพนี้

ขอขอบคุณเจ็กหมู ที่เอื้ออำนวยที่พักแก่พวกเรา อีกทั้งยังเลี้ยงพิซซ่าเจ้าเด็ดบนหาดริ้นอีกด้วย ขอบคุณคร้าบบบบ

ความคิดเห็น