https://www.facebook.com/IWouldGoAnywhereForYou/


ทริปนี้ในตอนแรกผมตั้งใจว่าจะหาช่วงวันหยุดยาวสัก 4-5 วัน นั่งรถไฟฟรีไปลงที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเดินทางไปยังเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ส่วนขากลับก็ตั้งใจจะนั่งรถไฟฟรีกลับเช่นกัน (ตามกำหนดการใช้เวลาในแต่ละเที่ยวไม่ต่ากว่า 18 ชม. และรถไฟฟรีขึ้นชื่อเรื่องการไม่ตรงต่อเวลาอยู่แล้ว ผมเองก็โดนในทริปนี้ตอนขากลับจากหาดใหญ่ เข้ากรุงเทพฯ) แต่ปรากฏว่ามีเหตุให้ต้องเดินทางไปทำงานภาตใต้ตอนล่าง 5 วัน แล้ววันที่งานเสร็จ จะไปอยู่ที่อ.หาดใหญ่และเป็นวันศุกร์พอดี ก็เลยแพลนเที่ยวเกาะหลีเป๊ะต่อเลย


กระทู้ review ที่เที่ยวอื่นๆ ที่ผมเคยทำมาครับ

- อวสานกล้ามขา ณ ภูกระดึง (พาเที่ยวภูกระดึง2วัน 1 คืน)

http://pantip.com/topic/34784230

- Backpack เกาะรถไฟฟรีไปเดี่ยวเกาะเต่า ด้วยงบ 2800 บาท

http://pantip.com/topic/34871539Day 1 (31 มีนาคม 2559)



Day 1 (31 มีนาคม 2559)

ขอเริ่มเรื่องจากที่อ.หาดใหญ่เลยละกันครับ หลังจากเสร็จงานที่อ.สะเดา จ.สงขลา รถตู้สำนักงานก็วิ่งกลับมาที่อ.หาดใหญ่เพื่อหาอาหารกลางวันทานกัน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 15.00 เราก็แวะไปที่ตลาดกิมหยงเพื่อหาซื้อของฝากกันต่อ ผมเลยขอแยกทางกับรถตู้สำนักงาน จากนั้นจึงเดินไป Hostel ที่หาข้อมูลไว้ว่าอยู่บริเวณตลาดกิมหยง

สาเหตุที่ต้องนอนที่อ.หาดใหญ่ 1 คืนก่อน เพราะว่าเรือสปีดโบ๊ทที่ออกจากท่าเรือปากบารา ไปเกาะหลีเป๊ะ รอบสุดท้ายคือ 15.30 ซึ่งถ้าหากเราเริ่มเดินทางจากหาดใหญ่ จะต้องนั่งรถตู้จากตลาดเกษตรไปท่าเรือปากบารา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ ดังนั้นในกรณีของผมไม่สามารถไปทันเรือรอบสุดท้ายได้แน่นอน


ขอรีวิว Hostel ที่นี่ไว้ด้วย เผื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากมาเที่ยว อ.หาดใหญ่หรือบริเวณใกล์เคียงแล้วต้องการที่พักแบบประหยัดๆ ครับ

ที่ซุกหัวนอนของเราวันนี้คือ The Hive Hostel HatYai ครับ สาเหตุที่เลือกที่นี่เพราะใกล์ตลาดกิมหยง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของอ.หาดใหญ่ และสะดวกต่อการเดินทางไปสถานีขนส่งหาดใหญ่(ตลาดเกษตร) ต่อครับ เพราะบริเวณหน้าตลาดหาดใหญ่ จะมีรถ 2 แถว ผ่านมาเพื่อรับคนไปส่งยังจุดต่างๆ


สำหรับ Mix Dorm ที่นี่จะเป็นห้องแอร์ครับมี Free wifi และ ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวเนื่องจากแต่ละเตียงจะมีม่านกั้นฉากให้ด้วย (บางคนบอกว่าอารมณ์เหมือนนอนม่านรูด) มีปลั๊กไฟให้เตียวละ 1 แห่งครับ ตามมาตรฐาน Hostel ทั่วไป ดังนั้นใครที่พก Gadget มาเยอะ ควรเตรียมปลั๊กพ่วงมาด้วย สำหรับอาหารเช้าก็จะมีขนมปังปิ้งทาเนยกับโอวัลตินหรือกาแฟให้ครับ



ห้องน้ำจะอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ


สำหรับ Mix Dorm คืนนึงจะอยู่ที่ 350 บาทครับ (แต่เห็นตอนนี้หน้าเว็บแค่ 300 บาท) สำหรับสาวๆชาว Backpacker ที่นี่จะมี Female mix Dorm หรือห้องนอนรวมสำหรับผู้หญิงให้เลือกด้วยครับ



เว็บไซต์ของ The Hive Hostel HatYai ครับ เผื่อมีคนสนใจ

http://www.thehivehatyai.com/home-home.page



หลังจากเช็กอิน เอาของเก็บที่เตียง ก็นอนเล่นสักพักครับ 18.00 ก็ออกไปหาข้าวเย็นทาน คืนนี้เลือกเป็นข้าวหมกไก่ร้านข้างทางครับ ราคา 50 บาท อยู่ใกล์ตลาดกิมหยง จากนั้นก็ซื้อเบียร์จาก 7-11 มานั่งจิบที่ห้องนั่งเล่นของ Hostel แล้วก็หาข้อมูลการเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะเพิ่มเติมไปพลางๆ จนถึงประมาณ 4 ทุ่มก็เข้านอน



เว็บไซต์ของ The Hive Hostel HatYai ครับ เผื่อมีคนสนใจ

http://www.thehivehatyai.com/home-home.page


Day 2 (1 เมษายน 2559)

เดินทางสู่เกาะหลีเป๊ะ

วันนี้ผมตื่นขึ้นมา 6.30 ตามเสียงนาฬิกาปลุก แล้วก็รีบจัดการธุระส่วนตัว ลงไปกินอาหารเช้าแล้ว Check Out จากนั้นจึงเดินกลับไปหน้าตลาดกิมหยง เพื่อขึ้นรถสองแถวไปท่ารถตู้ตลาดเกษตรต่อครับ ถ้าใครไม่แน่ใจว่าคันไหนไปบ้าง ก็ถามคนขับเลยครับ เพราะส่วนมาก เขาจะมาจอดรอกันที่ข้างหน้าตลาด


หลังจากขึ้นรถมา ใช้เวลาไม่นานครับประมาณ 10 นาที เวลา 8.30 น.ก็มาถึงตลาดเกษตร ซึ่งรถจะจอดฝั่งตรงข้าม จะต้องเดิมข้ามถนนกันไป พอเข้ามาในตลาดเกษตร ก็ตรงไปที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วช่องหมายเลข 9 ที่เขียนว่าปากบาราเลยครับ ราคา 110 บาท ซื้อเสร็จก็ไปที่ช่องรถหมายเลข 9 เหมือนเดิม เอาของขึ้นไปวางไว้บนรถตู้จองที่ๆ อยากนั่งได้เลย พอคนเต็มรถถึงจะออกครับ นั่งรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง รถก็ออกครับ



เวลา 10.30 ผมก็เดินทางมาถึงท่าเรือปากบารา จ.สตูล ซึ่งพอลงจากรถตู้จะมี Agent จากบริษัททัวร์ต่างๆมาเสนอขายตั๋วเรือไป - กลับ Trip ดำน้ำ และรถตู้วิ่งไปกลับตามสถานที่ต่างๆครับ ตรงจุดนี้ใครที่จองมาก่อนแล้ว ก็ผ่านไปได้เลย สำหรับตัวผมไม่ได้จองอะไรมา ก็มี Agent เจ้านึงมาเสนอขายตั๋วสปีดโบ๊ทไป-กลับให้ผม ผมเลยเสนอเขาไปที่ 900 บาท จากการหาข้อมูลมา เขาโอเค ก็เลยซื้อตั๋วขาไปรอบ 11.30 และขากลับอีก 3 วันข้างหน้าเลย


จองตั๋วเรือเสร็จก็ขอเขาเข้าห้องน้า+ฝากของไว้ จากนั้นก็ไปกักตุนเสบียงจาก 7-11 ข้างๆ ครับ ตรงนี้สำคัญมากสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบครับ เพราะที่เกาะหลีเปะและเกาะอาดัง ของราคาจะแพงเท่าตัวครับ เช่นมาม่ากระป๋องที่ฝั่ง 15 บาท ที่เกาะ 30 บาทครับ



หลังจากตุนเสบียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาที่ร้านร้านของทัวร์ที่ผมซื้อตั๋วเรือไปกลับ นั่งคุยกับพี่เขาไปมา ผมก็พูดกับพี่เขาประมาณว่า ผมตั้งจะไปนอนที่เกาะอาดัง แต่กลัวหาคนจอยทริปดำน้ำไม่ได้ จะเหมาเรืออกไปเอง ก็จะเกินงบไปเยอะ(ราคาเหมาส่วนมากจะอยู่ที่ 2000-2500) พี่เขาเลยเสนอขายทริปดำนํ้าให้ผมครับ โดยจะให้คนเรือรับคนจากเกาะหลีเปีะก่อน จากนั้นค่อยไปรับผมที่เกาะอาดัง ผมเลยตัดสินใจซื้อทริปดำนํ้ารอบในและรอบรอกอย่างละวัน ได้มาในราคา 1100 บาทครับ


กำหนดการที่เรือจะออกคือ 11.30 น. แต่ของผมออกจริงก็ 12.00 นั่นแหละครับ เพราะต้องรอโหลดกระเป๋าผู้โดยสารทุกคนลงใต้ท้องเรือก่อน ตรงนี้เลยขอแนะนำว่าพวกของมีค่าทั้งหลายหรือของที่แตกหักง่าย แนะนำให้ถือไปกับตัวครับ



นั่งเรือไปได้สักครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ซึ่งเรือจะจอดแวะส่งคนที่มาพักที่ตะรุเตาลง สำหรับใครจะไปหลีเปีะก็จะมีเวลาให้แวะลงไปถ่ายรูปประมาณ 15 นาทีครับ เป้าหมายของทุกคนก็จะอยู่ที่เจ้าป้ายอุทยานแห่งชาติตะรุเตาครับ


ไปต่ออีกสักครึ่งชั่วโมงเหมือนเดิม ก็จะมาถึงเกาะไข่ที่มี "ซุ้มประตูรักนิรันดร์" ตั้งเด่นอยู่ครับ มีตำนานว่าถ้าคู่รักได้มาลอดวุ้มนี้ด้วยกัน จะรักกันตลอดจนชั่วฟ้าดินสลาย ใครที่มากันเป็นคู่จะพาแฟนไปเดินลอดก็ได้ครับ ส่วนผมมาคนเดียว ขอยืนถ่ายรูปอยู่ห่างละกัน ฮ่าๆๆๆ (แต่ได้ข่าวมาว่าหลายคู่ลอดเสร็จกลับไปแล้วเลิกกัน....)



นํ้าใสๆบริเวณเกาะไข่ครับ



และแล้วเราก็มาถึงโป๊ะหน้าเกาะหลีเป๊ะครับ เรือสปีดโบ๊ททุกลำจะต้องมาจอดส่งนักท่องเที่ยวที่นี่เพื่อนั่งเรือหางยาวของชมรมเรือหางยาวหลีเปะไปเกาะต่างๆ ต่อไปครับ (ไปหลีเป๊ะ 50 บาท ไปเกาะอาดัง 100 บาท) สำหรับคนที่จะไปเกาะอาดังต้องเสียค่าเข้าอุทยาน 40 บาท ด้วยนะครับ แต่ถ้าจ่ายไปแล้วเมื่อตอนแวะที่ตะรุเตา ให้เอาบัตรมาโชว์ครับ จะได้ไม่ต้องเสียเพิ่ม



ชายหาดที่เห็นในภาพคือเกาะหลีเปีะครับ



คนที่ไปเกาะอาดังมีน้อยครับ ผมยืนรอเรือไปหลีเป๊ะออกไปหลายลำ จนกระทั่งเจ้าหน้ามาเรียกให้ผมขึ้นเรือ สรุปมีครอบครัวชาวไทยไปกับผมอีก 5 คน ซึ่งเขาจองบ้านพักกับทางอุทยานไว้ แล้วก็มี 2 กลุ่มที่แวะลง Zanom กับ Castaway



เราจะไปกางเต๊นท์กันในป่าสนที่อยู่ในภาพนั่นแหละครับ



และแล้วเราก็มาถึงเกาะอาดังครับ เข้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอกางเต็นท์คืนละ 30 บาท ผมกาง 3 คืน ก็ 90 บาทครับ แล้วก็รีบเดินไปป่าสนที่อยู่ห่างจากศุนย์บริการนักท่องเที่ยวออกไปไม่ไกล เพื่อที่จะได้รีบกางเต็นท์เก็บของ เพราะในวันนี้เรายังเหลือภารกิจ พิชิตผาชะโดอยู่ครับ



จุดเริ่มต้นทางเดินขึ้นผาชะโด



จุดชมวิว 1


จุดชมวิว 3


ผาชะโดจะมีจุดชมวิวอยู่ทั้งหมด 3 จุดครับ ถ้าถามว่าจุดไหนสวยสุด ในความเห็นผมคือ 3 ครับ แต่จุดที่ 2 -3 จะค่อนข้างได้มุมคล้ายกัน ซึ่งบนจุดชมวิว เราเห็นเกาะหลีเปะได้ทั้งเกาะครับ มีบางคนบอกว่าเห็นถึงเกาะลังกาวีของมาเลเซียด้วย แต่ตอนผมไปไม่เห็นแฮะ ใช้เวลาตั้งแต่เดินขึ้นจนลงมาถึงจุดเริ่มเดิน ประมาณ 1 ชม. ครับ สำหรับใครที่สนใจเดินขึ้นแนะนำให้พกรองเท้ารัดส้นแบบมีดอกเยอะๆมาด้วยครับ เพราะต้องมีการปีนป่ายบางช่วง เรียกเหงื่อได้เยอะเลยทีเดียว


หลังจากอาบน้ำแล้วนอนเล่นสักพัก ประมาณ 6 โมงครึ่ง ผมก็ไปหาอะไรทานที่ร้านค้าสวัสดิการครับ ซึ่งร้านค้าสวัสดิการเปิด 17.00 – 20.00 ครับ โดยมีเมนูอาหารก็จะมีทั้งอาหารจานเดียว หรือแบบเป็นกับข้าวก็มี ขนมขบเคี้ยว มาม่าหรือแม้แต่เบียร์ก็มีครับ แต่ราคาจะโดดอีกเท่าตัวเลย อย่างมื้อนี้ ผมกินง่ายๆ ก็สั่งข้าวผักกระเพราไก่มา โดนไป 90 บาท สำหรับใครทีตุนเบียร์หรือน้ำมาจากฝั่งแล้วอยากดื่มเย็นๆ ก็ไปขอฝ่ากแช่ได้ครับ แต่ควรฝากแช่ให้พอเหมาะในการดื่มแต่ละวัน เหลือพื้นที่ให้คนอื่นฝากแช่ด้วยครับ



หลังจากกินข้าวเสร็จ แต่โควต้าเบียร์คืนนี้ยังเหลืออยู่เยอะ เลยไปนั่งจิบเบียร์ตรงโต๊ะไม้หลังร้านค้าสวัสดิการ สักพักก็มีพวกพี่เจ้าหน้าที่มานั่งคุยด้วยครับ แถมยังใจดีเอาอาหารทะเลสดมาให้ผมกินด้วย(โออิชิในรูปเป็นสูตรใหม่ครับ 40ดีกรี...)



นั่งคุยกันประมาณ 4-5ทุ่ม ก็ต่างแยกย้ายกันเข้านอนครับ ต้องบอกเลยครับว่าอากาศค่อนข้างร้อนพอสมควร นอนไปเหงื่อไหลไป ถ้ามาแบบนี้คราวหน้าคงเอาเต็นท์ไว้เก็บของแล้วผูกเปลนอนอ่ะครับ น่าจะเย็นกว่ากันเยอะ ถ้าใครไม่มีเปล ที่ทำการมีให้เช่าครับ น่าจะวันละ 50 ถ้าจำไม่ผิด


Day 3 (2 เมษายน 2559)


วันนี้ผมมีทริปดำน้ำทั้งวัน โดยนัดเรือหางยาวให้มารับ 9.30 โดยเรือจะรับคนจากที่หลีเป๊ะก่อน จากนั้นจึงมารับผมที่เกาะอาดัง ซึ่วันนี้สมาชิกบนเรือมีทั้งสิ้น 7 คน โดยเป็นครอบครัวชาวจีน 5 คน คู่รักจากประเทศอะไรก็ไม่ทราบ 2 คนและผม โดยโปรแกรมวันนี้ที่ไปจะมี ดำน้ำที่หน้าหาดเกาะอาดัง (ซึ่งอยู่คนละด้านกับที่ผมกางเต๊นท์) เกาะยาง พักกินข้าวเที่ยงบนหาดที่เกาะราวี เกาะหินงามและร่องน้ำจาบัง ไฮไลท์ของวันนี้ครับ



ช่วงนี้ก็ขอเชิญชมรูปของการดำน้ำรอบในไปละกันนะครับ..(จริงๆคือผมจำไม่ได้ว่าถ่ายมาจากตรงไหนบ้าง 555555)

ปล.รูปไม่ค่อยสวยเท่าไรนะครับ เพราะกล้อง Xiaomi Yi ที่ผมใช้ มันไม่มีจอให้ดูรุปเวลาถ่าย เลยกะลำบากหน่อยครับ (พึ่งใช้ออกทริปจริงจังครั้งที่ 2)


แวะทานข้าวกันที่เกาะราวีครับ



บนเกาะหินงาม ถ้าจะลงไปเดิน ใส่รองเท้าไปด้วยครับ เพราะหินพวกนี้เก็บความร้อนดีมากๆ เท้าแทบไหม้ ผมลงไปถ่ายรูป อยู่ 2 - 3รูป ก็ลงมานั่งแช่น้ำรอเรือออก เสริมหน่อยนะครับ ตรงบริเวณเกาะหินงาม ไม่ควรออกไปดำน้ำนะครับ เพราะไม่มีการกางทุ่นสำหรับดำน้ำไว้ และจะมีเรือที่นำนักท่องเที่ยวมาจอดเทียบตรงเกาะหินงามเรื่อยๆครับ อาจมีอันตรายจากใบพัดเรือได้



จุดดำนํ้าบริเวณหลังเกาะหินงามครับ

สำหรับที่สุดท้ายของวันนี้คือไฮไลท์การดำน้ำตื่นของหลีเป๊ะ คือร่องน้ำจาบัง ซึ่งตรงจุดนี้น้ำจะแรงมาก และค่อนข้างลึกกว่าส่วนอื่น ถ้าว่ายน้าไม่แข็ง จะมีเชือกให้เกาะสาวไปเรื่อยๆ เผื่อไปถึงจุดที่เห็นปะการัง 7 สี ได้ชัดที่สุดครับ แต่วันที่ผมไปถือว่าโชคดีที่น้ำไม่แรงเท่าไร น้าก็ไม่ขุ่นมาก ดำผุดดำว่ายนดูปะการัง 7 สี เพลินเลยครับ ฮ่าๆๆๆๆ



- วีดีโอดำนํ้าดูปะการัง 7 สี

https://www.facebook.com/IWouldGoAnywhereForYou/videos/vb.1738312136404588/1757585417810593/?type=3&theater



เสร็จจากร่องน้ำจาบัง เรือก็มาส่งผมที่เกาะอาดังครับ แล้วก็ไปส่งคนอื่นที่หลีเป๊ะต่อ


สั่งไข่ดาว 2 ฟอง 30 บาท ข้าวเปล่าแยก 20 บาท... เป็นเมนูที่ถูกสุดบนเกาะอาดังครับ



เย็นนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ อาบน้ำ กินข้าวเย็น ไปนอนดูทีวีตรงที่ทำการอุทยาน+กับชาร์จแยตอุปกรณ์ไฟฟ้าไปในตัว ประมาณ 5 ทุ่มก็กลับเข้ามานอนที่เต๊นท์ครับ อยากจะบอกว่าคืนนี้ร้อนๆกว่าคืนแรกอีก....


Day 4 (3 เมษายน 2559)


วันนี้ยังคงเหมือนเมื่อวาน มีทริปดำน้าทั้งวันเหมือนเดิม แต่เราจะเปลี่ยนไปดำน้ำรอบนอกแทนครับ ซึ่งทางทัวร์ที่ผมซื้อมาจากท่าเรือปากบารา โทรมาแจ้งว่า ให้หาเรือนั่งไปที่หลีเป๊ะเพื่อขึ้นเรือไปดำน้ำ เวลา 9 โมงเช้า โดยแลกกับการให้ยืมตีนกบฟรีครับ ซึ่งราคาค่าเรือไปหลีเป๊ะกับค่าเช่าตีนกับมันเท่ากัน ครับ คือ 100 บาท ผมเป็นคนง่ายๆอยู่แล้ว เลยตอบตกลงไปครับ วันนี้ตอนเช้าเลยต้องรีบทำเวลากันหน่อย


8.30 ผมก็เดินไปบริเวณหาดตรงแหลมสนเพื่อหา Taxi Boat ไปหลีเป๊ะครับ สำหรับเรือไปหลีเป๊ะ ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไร เพราะว่าบนเกาะอาดัง คนขับเรือเขาจะมากางเต๊นท์นอนกันอยู่ที่นี่ครับ อย่างไรก็ตาม ควรนัดแนะก่อน 1 วันครับ เพราะถ้ามาถามหาตอนเช้า คนเรือเขาอาจติดธุระต่างๆ ทำให้อาจจะไม่มีเรือไปได้ครับ


สมาชิกบนเรือเราวันนี้มีชาวไทย 3 คน (รวมผมด้วย) ชาวสิงคโปร์ อีก 2 คนครับ จริงๆ ต้องมีคนไทยอีกสองคน แต่เผอิญว่ามีคนนึงไม่สบาย เขาเลยขอแคนเซิ่ลทริปไปครับ



หลังจากรับสมาชิกจนครบ ก็เริ่มเดินไปดำยังจุดดำน้ำรอบนอกกันก่อนเลยครับ ที่แรกที่พี่คนขับเรือพามาคือเกาะหินซ้อนครับ ซึ่งตรงจุดนี้เราไม่ได้ลงดำครับ แค่แวะมาถ่ายรูปหินซ้อนอย่างเดียว



สำหรับจุดดำน้ำแรกของเราอยู่ที่เกาะไผ่ครับ

เสร็จแล้วก็มาต่อกันที่หมู่เกาะดง


พักยกกันก่อนครับ แวะทานข้าวเที่ยงที่เกาะอะไรก็ไม่รู้ครับ จำไม่ได้จริงๆ 555555 แต่น่าจะเป็น 1 ในเกาะบริวารของหมู่เกาะดงครับ มีเจ้าลิงอยู่ด้วย ที่นี่เราแวะทานอาหารเที่ยง พักผ่อนอยู่ประมาณ 30 นาที ก็ออกเดินทางไปจุดต่อไปครับ

จุดต่อไปคือเกาะรอกลอย (อ่านว่า รอ - กลอย) เราไม่ได้ลงดำน้ำครับ แต่พี่คนขับเรือพาเราไปยังจุดชมวิวต่างๆบนเกาะ อยากจะบอกว่าพี่คนขับเรือวันนี้ค่อนข้างบริการดีมากครับ อัธยาศัยดี +กับถ่ายรูปให้สมาชิกบนเรือทั้งบนบกและใต้น้ำด้วย ใครที่ดำลงไปดูปะการังใกล์ๆไม่ได้ พี่เขาก็จะดำลงไปถ่ายมาให้ครับ


มาต่อกันที่เกาะผึ้ง บริเวณนี้น้าค่อนข้างแรงครับ แต่จะมีเชือกให้คอยจับอยู่ สาวสิงโปร์เพื่อนร่วมทริปของคนนึง โดนน้ำพัดปลิวไปซะไกลเลยครับ พี่คนขับเรือต้องว่ายไปตามลากกลับมาขึ้นรือ


เกาะจาบัง


สำหรับอีก 2 ที่ ก็จะซ้ำกับเมื่อวานครับ คือเกาะหินงาม กับร่องน้ำจาบัง ขอข้ามไปละกันครับ แต่ร่องน้ำจาบัง ผมก็ยังลงอยู่เหมือนเดิม แล้วอยู่เป็นกรุ๊ปสุดท้ายที่ออกจากบริเวณนั้นด้วย เพราะมันสวยจริงๆ คำอธิบายของผมมันคงไม่เพียงพอ...คุณต้องมาเห็นด้วยตาของตัวเองจะดีที่สุดครับ


16.00 เรือก็มาส่งผมที่เกาะอาดังครับ ก็เดินถ่ายรูปหาดบนเกาะอาดังไว้บ้างครับ มาพักที่นี่ทั้งที ไม่มีรูปเขาเลยมันก็แปลกๆ 55555 ส่วนที่เหลือก็ก็เหมือนเดิมครับ อาบน้ำ กินข้าวเย็น จิบเบียร์ ทำนู่นนี่ไปเรื่อย แล้วก็น่าจะหลับไปสัก 4-5 ทุ่ม


Day 5 (4 เมษายน 2559)


วันนี้ผมจะต้องไปให้ถึงโป๊ะหน้าเกาะหลีเป๊ะก่อนเวลา 9 โมงเช้าครับ เพราะจองตั๋วเรือสปีดโบ๊ทไว้ในเวลานั้น ก่อนกินข้าวเช้าผมเลยไปถามคนเรือว่ามีใครว่างจะไปไหม ก็มีอยู่คนนึงรับว่าจะไป แต่พอผมกินข้าวเช้าเสร็จมา ปรากฏว่า คนขับเรือคนนั้นหายไปไหนก็ไม่ทราบครับ โชคดีที่ว่ามีคู่รักจากฝรั่งเศส 2 คน จะไปที่โป๊ะเพื่อขึ้นสปีดโบ๊ทรอบเดียวกับผมเช่นกัน ผมเลยขอแจมขึ้นเรือไปด้วย ส่วนค่าเรือไปโป๊ะก็เท่าเดิมครับ 100 บาท ไปถึงโป๊ะได้สักพัก เรือลำที่เราจะขึ้นก็มาเทียบท่า (ถ้าจองตั๋วล่วงหน้า ให้ถามคนขับเรือให้ดีด้วยครับ ว่าเรือที่เราต้องขึ้นชื่อว่าอะไร)



ขากลับใช้เวลาแค่ประมาณ 1ชั่วโมง ก็มาถึงท่าเรือปากบารา แล้วก็ซื้อเดินไปซื้อตั๋วรถตู้ที่จะวิ่งเข้าเมืองหาดใหญ่จากบริษัททัวร์เจ้าเดิมกับที่ผมจองตั๋วเรือไปกลับหลีเป๊ะ กับทริปดำน้ำ 2 วัน ซึ่งรถตู้แบบนี้ดีตรงที่ว่า จะให้เขาไปส่งตรงไหนของหาดใหญ่ก็บอกได้เลยครับ ซื้อตั๋วรถตู้ 150 บาท นั่งรอคนขึ้นมาเยอะๆ รถก็ออกจากท่า ใช้เวลาประมาณ 1 ขั่วโมงเหมือนเดิมครับ ผมให้รถตู้ไปส่งที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ เพราะผมจะกลับกรุงเทพฯ โดยรถไฟฟรีขบวน 172 สุไหงโกลก - กรุงเทพ



ที่สถานีรถไฟหาดใหญ่มีการนำเครื่องสแกนเหมือนในสนามบินมาใช้ด้วย



ซึ่งตามกำหนดการรถไฟจะต้องมาที่หาดใหญ่ 15.30 น. แล้วถึงกรุงเทพ 9 โมงเช้าครับ แต่ขึ้นชื่อว่ารถไฟฟรีเลทอยู่แล้วครับ "ไม่มีหรอกไม่เลท...มีแต่เลทมากกับเลทน้อย" แต่วันนั้นมันวันซวยของผมหรือออะไรก็ไม่ทราบครับ รถไฟมาเลท มาถึงหาดใหญ่ก็ 18.30 น.ครับ!!!!!!



มีเรื่องน่าตื่นเต้นนิดหน่อยครับ คือระหว่างทางที่นั่งกลับกรุงเทพ คุณลุงที่นั่งข้างผม เกิดอาการชักครับ ทำให้คนทั้งตู้โดยสารหันมามองตรงที่ผมนั่งเป็นตาเดียวเลย ผมเลยต้องรีบช่วยปฐมพยาบาลให้ สักพักอาการของลุงก็กลับมาเป็นปกติครับ



ในที่สุดรถไฟก็มาถึงสถานีจุดหมายของผมคือ ชุมทางตลิ่งชันครับ เวลาประมาณ 13.00 น.ของวันต่อมาครับ แล้วโบกวินมอไซต์กลับบ้านเช่นเดิมครับ ถือว่าทริปนี้สิ้นสุดโดยสมบูรณ์ครับ อาจจะเสียพลังไปเยอะมาก(กับการนั่งรถไฟฟรี) แต่คุ้มค่ามากกับการได้ไปดำนํ้าแบบเต็มอิ่ม ซึ่งผมว่าปะการังที่หลีเป๊ะนํ้าตื้นสวยที่สุดในฝั่งอันดามันแล้วล่ะครับ....



สรุปค่าใช้จ่าย

31 มีนาคม 2559


นํ้าเปล่า 1.5L = 13 บาท

ข้าวหมกไก่(มื้อเย็น) = 50 บาท

เบียร์ช้างกระป๋อง = 38 บาท



1 เมษายน 2559


ค่าที่พัก The Hive hostel Hatyai = 350

ค่ารถสองแถวตลาดกิมหยง - ตลาดเกษตร = 10 บาท

ค่ารถตู้ตลาดเกษตร - ท่าเรือปากบารา = 110 บาท

ค่าเรือสปีดโบ๊ทไป-กลับ = 900

ค่าทริปดำนํ้ารอบใน+นอก = 1100

นํ้าเปล่าเพียวเร่ 1.5ลิตร 4ขวด โปรโมชั่น = 67บาท

ค่าเบียร์ช้าง 3 ขวด 4กระป๋อง = 342

ค่าเข้าท่าเรือปากบารา = 20

ค่าเรือหางยาวจากโป๊ะไปเกาะอาดัง = 100

ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา = 40 บาท

ค่าเรือหางยาวจากโป๊ะไปเกาะอาดัง = 100 บาท

ค่ากางเต๊นท์ 3 คืน = 90 บาท

ค่าข้าวกระเพราไก่ราดข้าว(มื้อเย็น) = 80 บาท



2 เมษายน 2559


ค่าไข่ดาว 2 ฟอง + ข้าวเปล่า(มื้อเช้า) = 50 บาท

ค่าเช่าตีนกบ = 100 บาท

ค่าไข่ดาว 2 ฟอง + ข้าวเปล่า(มื้อเย็น) = 50 บาท



3 เมษายน 2559


ค่าไข่ดาว 2 ฟอง + ข้าวเปล่า(มื้อเช้า) = 50 บาท

ค่าเรือหางยาวไปหลีเป๊ะ =100 บาท

ค่าไข่ดาว 2ฟอง(มื้อเย็น) = 30 บาท



4 เมษายน 2559


ค่าไข่ดาว 2ฟอง+ ข้าวเปล่า(มื้อเช้า) =50 บาท

ค่าเรือหางยาวจากอาดังไปโป๊ะหลีเป๊ะ = 100 บาท

ค่ารถตู้ท่าเรือปากบาราไปหาดใหญ่ = 150 บาท

ค่าข้าวเหนียวไก่ทอด ลูกชิ้นทอด(มื้อเที่ยง) = 95 บาท



5 เมษายน 2559


ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว(มื้อเช้า) = 20 บาท

กาแฟซอง = 10 บาท



รวม 4215 บาท


Tip & Trick


1.เพื่อความประหยัดอาจจะเตรียมอาหารเช่นปลากระป๋องหรือมาม่า รวมไปถึงนํ้าเปล่า ไปจากบนฝั่ง จะช่วยประหยัดได้มาก

2.ถ้าไปกางเต๊นท์ที่เกาะอาดัง เตรียมกุญแจเอาไปล็อกเต๊นท์ก็ดีครับ ป้องกันไว้ก่อน และนำของมีค่าติดตัวไปตลอดเวลาครับ

3. จะเดินขึ้นผาชะโด ควรเตรียมรองเท้าหุ้มส้นไปด้วย

4.ถ้าจะไปนอนที่เกาะอาดัง(เอาเต๊นท์ไปกางเอง, เช่าเต๊นท์อุทยาน หรือนอนบ้านพัก) แล้วอยากไปจอยทริปดำนํ้า ซื้อไปตั้งแต่อยู่ที่ท่าเรือปากบาราเลย ไม่เช่นนั้นอาจหาคนจอยทริปที่เกาะอาดังไม่ได้ แต่ถ้าเหมาเรือดำน้ำไม่มีปัญหา ที่เกาะอาดังมีคนเรือมากางเต๊นท์นอน เหมาพวกเขาไปก็ได้

5.ตั๋วเข้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้มาแล้ว พกติดตัวไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้นเวลาไปพักกินข้าวตามเกาะเวลาดำน้ำ จะต้องเสียค่าเข้าใหม่ เพราะเกาะบางเกาะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตาครับ

6.บนเกาะอาดัง ถ้าหากนอนเต๊นท์ สามารถขอชาร์จไฟได้ที่ร้านค้าสวัสดิการ และที่ทำการอุทยาน(ชาร์จได้ยันเช้าแต่ต้องนั่งเฝ้าเอง)

7.บนเกาะอาดังบริเวณที่กางเต๊นท์ กลางคืนจะมืดมาก ควรเตรียมไฟฉายไปด้วย



- ขอบคุณครับ -
https://www.facebook.com/IWouldGoAnywhereForYou/

ความคิดเห็น