ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ตั้งใจจะไปหลายรอบมาก แต่ยังไม่เคยไปสักที
แพลนต้นปีก็ล่มเนื่องจากสถานการณ์โควิด จนมาได้ข่าวว่าตอนนี้ภูเก็ตเงียบเหงาไปมาก
วันนี้ กานต์•เดิน•ทาง ขอพาเพื่อนๆมาเที่ยวภูเก็ตแบบสั้น 3 วัน 2 คืน ระหว่าง 7-9 พ.ย.63 ที่ผ่านมานะคะ
เราเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ DD 7502 จากดอนเมือง-ภูเก็ต ประมาณ 10.55 น. จากนั้นก็ติดต่อเช่า Honda City ราคา 700/วัน ชื่อคุณบาส สามารถโทรเช่ารถที่เบอร์ 086-6637612 คร่า
สถานที่แรกที่เราเลือกไปเช็คอินก็คือ หาดไม้ขาว เพราะเราสังเกตจากเครื่องของเราลงฝั่งชายหาด แสดงว่าลำต่อๆไปก็โอกาสลงฝั่งนี้แต่ถ้าเอาความชัวร์ขอย้ำอีกรอบนะคะ โหลดแอพชื่อ Flightradar24 จะสามารถเช็คเวลาขึ้น-ลงเครื่องแต่ละลำ รวมทั้งฝั่งที่เครื่องจะลงได้เลย
มาค่ะ Search GPS ขับมาในซอยหาดไม้ขาว 6 แล้วจอดรถที่ลานจอด จากนั้นนั่งสามล้อเข้าไปคนละ 20 บาท/คน/เที่ยว ไป-กลับก็ 40.-
บอกเลยว่าร้อนมากจ้า ดูจากในแอพคือ 20 นาทีถึงจะมาสักลำ เราเลยได้มาแค่รูปเดียว 555
ถ้าไม่สนใจเรื่องเครื่องบิน หาดไม้ขาวถือเป็นหาดที่ขาว สวยอีกหาดนึงเลยล่ะค่ะ ยิ่งช่วงนี้ไม่คนต่างชาติ มุมถ่ายรูปไม่ให้ติดคนเยอะมาก
ดูจากเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว มื้อแรกเราตัดสินใจตามรอยคุณมิ้นท์ I roam alone มาที่ร้าน ต้นมะยม ขอบอกว่าชอบสะตอผัดกุ้งมากมันดีมาก
ส่วนจานอื่นๆอย่างผักบุ้งคั่วเคยก็คือหอมกลิ่นกระทะ ดีอีกแล้ว
แต่ละเมนูใช้กุ้งตัวใหญ่มาก สดมาก
ติดแค่เมนูน้ำชุปหยำที่ดูเบาไปหน่อยไม่เข้มข้น แต่ผักคือเยอะมากๆ
เชื่อมั้ยว่าหมดนี่ 700 บาท แบบรวมข้าว 3 จาน น้ำเปล่าอีก 2 ขวดด้วย จะบอกว่าภูเก็ตถูกและดีมีอยู่จริงๆ
เผลอแปปเดียวบ่ายสองโมงกว่าแล้ว เราเลยหันหัวรถมาทางหาดสุรินทร์ ที่พักของเรา แต่ก่อนจะเข้าที่พัก ขอแวะคาเฟ่ใกล้ อย่าง ๆ Mango moment สักหน่อยละกัน
ทั้งร้านเป็นเมนูจากมะม่วงนะคะ แต่งร้านด้วยโทนสีเหลือง
เอาล่ะ สามโมงครึ่งแล้วว โรงแรมที่เราเลือกมาพักครั้งนี้คือ Mida Grande Phuket นั่นเองค่ะ
แค่ประตูทางเข้าบอกเลย อลังการมาก
แต่... เข้าไปด้านในนี่คือเงียบมาก วันไปพักคือไปผิดตึกด้วย เพราะแขกน้อยเค้าเลยย้าย lobby check-in ไปตึกด้านหลัง เดินงงๆในดงก่อสร้าง เหมือนโรงแรมยังสร้างไม่เสร็จดี แต่คือดูใหญ่และห้องเยอะมาก
มาถึงก็รับ welcome drink ก่อนเลยเป็นน้ำบ๊วย
เรา เช็คอินที่ตึก 7 และพักบนชั้น 7 ห้อง 08 เป็นห้องแบบ ocean view
เปิดประตูเข้ามา ซ้ายมือเพื่อนๆจะเจอตู้เย็นใหญ่มาก มีอ่างล้างจาน เค้าเตอร์ คล้ายๆคอนโดเลย
ถัดมาด้านขวามือคือเตียงนอนดูดวิญญาณ นอนหลับดีมาก จากปกติอยู่บ้านหลับๆตื่น 55+
ปลายเตียงมองมาจะเจอกับโซฟา 1 ตัว และทีวี แยกเป็นสัดส่วน ด้านข้างเป็นประตูเปิดไประเบียง
และนี่คือวิว Ocean view จากห้องเราค่ะ
ส่วนห้องน้ำ แม้ไม่มีอ่างแช่ตัว แต่คือแยกโซนเปียกกับแห้ง ไว้เป็นสัดส่วนดีมาก มีปัญหากับตัวเองแค่ปรับน้ำร้อน-เย็น ที่ไม่อุ่นสักที ไม่ร้อนไปก็เย็นไป
สี่โมงครึ่งแล้วค่ะ รีบออกเดินทางกันต่อ เพราะเราจะไปยังแหลมพรหมเทพ ซึ่งดูแผนที่แล้วต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงเลย และก่อนจะถึงแหลมพรหมเทพ มีอีกจุดนึงที่สวยไม่แพ้กันนั่นก็คือ จุดชมวิวกังหันลมค่ะ
ทำเวลาหนักมาก เพราะพระอาทิตย์จะตก 18.04 น. เราขับรถต่อมาอีก 10 นาทีได้ก็มาถึงแหลมพรหมเทพ
วันนี้พระอาทิตย์ขี้อาย หลบหลังเมฆซะงั้น
มื้อค่ำวันแรก เราเลือกไปร้านเด็ดร้านดัง ซึ่งได้มิชลิน 2 ปี 2019-2020 นั่นก็คือร้านโกเบนซ์ข้าวต้มแห้ง
ร้านเปิดทุ่มนึง เรามาถึง 19.07 คิวยาวแล้วค่ะ
แต่รอไม่นานมากก็ได้นั่ง และใช้เวลารอหลังสั่งอาหารไปอีก 30 นาที รวมๆ ตั้งแต่ไปถึงร้าน ยืนรอคิว จนได้อาหารประมาณ 40-45 นาทีได้
เราสั่งข้าวต้มแห้งคนละถ้วย อร่อยมากค่ะ เป็นข้าวมันๆเหมือนข้าวมันไก่ คลุกกระเทียมเจียวคือหอมมาก
จริงๆเสิร์ฟมาพร้อมน้ำซุปถ้วยเล็กๆ แต่เราสั่งกระดูกสันหลังมาเพิ่มอีกชาม กลัวน้ำซุปไม่พอ อันนี้แล้วแต่คนชอบนะคะ สำหรับเราอันนี้คือเค็ม เค็มมากๆๆ
ส่วนนี่หมูกรอบ อร่อยมากค่ะราดน้ำซีอิ้วดำๆหวานๆคือฟินค่ะ
จะบอกว่าเราได้นั่งโต๊ะข้างๆครอบครัวคุณกาย คุณฮารุด้วย
ส่วนใครมารอต่อคิวนานๆ แล้วหิว ไม่ต้องโมโหหิวนะคะ ร้านนี้คือดีงามมากกก
กินปังปิ้งเพลินๆ ชุดละ 30 บาท บังเอิญซื้อตอนกินเสร็จเพราะอยากได้อะไรล้างเค็ม บังเอิญอร่อยเฉยย
ยังค่ะ ยังไม่หมดวัน ก่อนกลับไปนอนเราขอตาม มิ้นท์ I roam alone ไปอีกสักร้าน นั่นก็คือ ร้านไอติมทรงเครื่องสุชาติ
ส่วนตัวชอบไอติมทอดมาก ทอดมาร้อนๆกรอบนอก แต่เย็นข้างใน
ส่วนถ้าใครไม่กินไอติมทอด ก็มีเป็น scoop นะคะ แล้วแต่วันว่าเหลือรสอะไรบ้าง
กลับมาที่ห้อง ยังเจอความน่ารักของที่พัก ที่เตรียมคัพเค้กไว้ให้ งื้ออ น่ารักกก แต่เค้าอิ่มแล้วจริงๆ
เช้าวันที่ 2 : สำรวจหาดต่างๆ ชมพระอาทิตย์ตกแหลมกระทิง
เราทานอาหารเช้ากันที่โรงแรมเลยค่ะเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ทางโรงแรมจึงให้เราเลือกเมนูก่อนเข้าพัก ระบุเวลาที่จะทาน แล้วเค้าจะนำมาเสิร์ฟให้ถึงเตียงเลย
สร้างภาพว่ากินสลัดกับผลไม้ 55 แต่จริงๆ พนักงานยกมาเสิร์ฟเยอะมาก แบบ เยอะเกินไปสำหรับ 2 คน
กินข้าวอิ่มๆ พุงป่องๆ เราก็เปลี่ยนมาใส่ชุดว่ายน้ำไปเดินสำรวจสระ
เพราะที่ Mida มีสระทั้งหมดถึง 6 สระ แต่ช่วงนี้เปิด 3 ที่นะคะ เริ่มจากดาดฟ้าชั้น 8 บนตึกที่เรานอนก่อน
เงียบสงบ ไร้คน คือชอบมาก สระสวยตัดเส้นขอบฟ้าเลย
มองลงไปก็จะเจออีกหนึ่งสระ มีมุมให้เด็กๆเล่นด้วย
แน่นอนค่ะ เราเล่นเอง เพราะไม่มีเด็ก 55
เที่ยวแบบไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่น มันส่วนตัวแบบนี้นี่เอง
ส่วนนี่คือสระใหญ่ด้านหน้าโรงแรมเลย เข้ามาจะเจอสระนี้ก่อน คิดว่าถ้าโรงแรมเปิดสระนี้น่าจะคนเยอะสุด
ดูจากเวลา ไปอาบน้ำ แต่งตัว ออกเที่ยวกันเถอะ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เรามาภูเก็ต เราเลยไม่ได้เลือกไปเที่ยวเกาะ ขอสำรวจเมืองให้ทั่วๆdก่อน ตั้งใจว่าจะเก็บบรรยากาศตามชายหาดต่างๆ ว่าแต่ละหาดสวยมั้ย
เริ่มต้นจากหาดแรก หาดสุรินทร์
เป็นหาดที่สวยหาดนึงเลย น้ำใสมาก มีกิจกรรมเซิร์ฟให้ได้ลองเล่น ด้วย
ถัดจากหาดสุรินทร์ ขับรถมาอีกนิดเดียวก็จะเจอหาดที่สองชื่อว่าหาดกมลา
ส่วนตัวไม่ค่อยชอบหาดกมลาเท่าไหร่ ดูสกปรก มีกองขยะตามหาด น้ำทะเลไม่ใส เงียบกว่าหาดสุรินทร์มาก
มาต่อกันหาดที่สามนะคะ กับหาดป่าตอง
เป็นหาดที่ชอบมาก ดูสะอาด ทรายสีขาวๆ น้ำทะเลใส สวย
ตอนไปถึงเมฆเริ่มตั้งเคล้ามาแต่ไกลแล้วค่ะ มาลุ้นกันว่าจะตกมั้ย ว่าแล้วไปหาดกะรนต่อดีกว่า
หาดนี้ก็เงียบมากค่ะ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ดูเงียบเหงา เป็นหาดโล่งๆ มองไปเจอชายหาดกว้างๆ แต่ไม่สกปรกเท่าหาดกมลา เราไปแปปเดียวฝนเริ่มลงเม็ด เลยขับรถต่อไปหาดสุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คือหาดกะตะ
มัวแต่เที่ยวเล่น ดูเวลาอีกทีจะบ่ายสามอยู่แล้ว เราเลยไปหาข้าวเที่ยงทานกันที่ร้านหมอมูดง
ขนาดไปช้าแล้วคนยังแน่นร้านอยู่เลย เป็นร้านอาหารพื้นเมือง พื้นที่เยอะ นั่งกันเป็นซุ้มๆอยู่ติดป่าชายเลน
แกงครั่วหอยขมใบชะพลูคือเข้มข้นมาก ส่วนปลาทูยัดไส้ ด้านในที่ยัดมาคือห่อหมดนั่นเอง หอมดีค่ะ
น้ำพริกปลาจิ้งจั้งทอด เข้มข้นมาก เผ็ดสะใจ 55
ปลาทรายทอดขมิ้นกรอบๆ
เมนูที่เพื่อนร่วมทริปชอบ แกงหอย ส่วนเราเฉยๆ แต่แก้เผ็ดได้ดีเลยค่ะ
ราคาร้านหมอมูดงก็ไม่ได้แพงมากนะคะ ใช้ของที่สด รสชาติอร่อยถึงเครื่องแกงใต้ แนะนำเลยค่ะ
ทีแรกตั้งใจว่ากินข้าวเสร็จจะไปแวะหาดในหานก่อน แต่ดูจากเวลาแล้วไม่น่าทัน
เราเลยเปลี่ยนแผนตรงไปสู่แหลมกระทิงเลย ซึ่งจะบอกว่าที่จอดรถกายากมาก นี่แหละคือข้อเสีย พอเข้าไปด้านในเสียค่าจอดไปเลยจ้า 100 บาท ช็อคมากกก แต่ทำไรไม่ได้สถานการณ์บังคับ เพราะไม่มีที่ให้จอดเลย ขนาดเราไปถึงสี่โมงนิดๆเอง
เอาล่ะ จอดรถเสร็จเดินข้ามสะพานเล็กๆนี้ไป พี่ยามจากบ้านแหลมกระทิง แกน่าจะชินแล้วที่คนเดินผ่านไปมา พายมือบอกทางโดยไม่ต้องถามค่ะ 555
เดินมาซ้ายมือเป็นทางเดินที่น่าจะเป็นเพราะคนก่อนหน้ามาเดินกันไว้ เดินไปจนเจอกำแพงรีสอร์ทบ้านแหลมกระทิง
เหมือนที่คนอื่นๆรีวิวไว้ สุดกำแพงเจอชายหาด
เดินตามโขดหินไปเรื่อยๆ จุดนี้แนะนำว่าใส่ผ้าใบมาเถอะค่ะ เพื่อความคล่องตัว และปลอดภัย เอาที่มีดอกยางไว้เกาะพื้นยิ่งดี
ใส่ชุดกระโปรงมาก็เดินได้ อันนี้แล้วแต่ความคล่องตัวแต่ละคนเนอะ สำหรับเราไม่ได้เดินยากขนาดนั้น
วิวระหว่างทางก็จะประมาณนี้
เดินไปถ่ายรูปไป วิวสวยงามมาก แต่จุดนี้น่าจะอันตรายสุด ถ้าลื่นก็หล่นลงไปเลย แต่ถ้าผ่านไปได้คือ เดินง่ายขึ้นแล้ว อันนี้ถ่ายตอนขากลับให้ดู
ในที่สุดหลังเดินๆหยุดๆ แวะถ่ายรูป เราใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็เดินมาถึงค่ะ
ภาพมุมสูงจากโดรนบ้าง
มันสวยจริงๆ แนะนำใส่สีขาวๆไม่ก็แดงๆแบบเราเลย แจ่มแน่นอน
เอาล่ะ พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว เราเลยรีบเดินกลับ เพราะถ้าพระอาทิตย์ตกแล้วค่อนข้างอันตราย เพราะมันจะมืดไปเลย แถมถ้าน้ำขึ้นอาจจะกลับไม่ได้
ออกมาถึงลานจอดบอกเลยว่า เหงื่อท่วมมาก หาเสื้อมาเปลี่ยนรึผ้าเปียกมาเช็ดๆตัวไว้ด้วยจะดีมาก
โชคดีที่ฝนทำท่าจะตก แต่ไม่ตกเราถึงได้ไป ถ้าฝนตกไม่แนะนำนะคะ ลื่น และอันตรายได้
เอาล่ะ มื้อเย็นวันนี้ขอกินอะไรเบาๆ ด้วยอาหารพื้นเมืองภูเก็ตอย่าง โอวต้าว
โอวต้าว ลักษณะคล้ายๆหอยทอดทำมาจากหอยนางรมตัวเล็ก (หอยติบ) เอาไปทอดกับเผือก ปรุงรสด้วยซอสเผ็ดๆ พริกเยอะมาก 55 แต่สั่งได้นะ เผ็ดมาก เผ็ดน้อย
โอวต้าวจะเสิร์ฟมาพร้อมแคปหมู มีถั่วงอกไว้แกล้ม
อีกเมนูคือหมี่หุ้น ลักษณะเหมือนเส้นหมี่ผัดซีอิ้ว หอมมาก หวานๆ โรยหอมเจียวด้านบนมเสริฟมาพร้อมซุปกระดูกหมู แต่น่าจะผัดไว้แล้วอะ มันไม่ร้อน
ร้านนี้ราคาถูกมาก เป็นร้านริมทางชาวบ้านๆเลย แต่อร่อยอยู่ ใคนขอบหอยทอดน่าจะชอบจานนี้ แนะนำสั่งเผ็ดมาก เพราะเผ็ดปกติไม่เผ็ดอะ เผ็ดมากน่าจะตัดเลี่ยนได้ดี
เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ จึงมีถนนคนเดินหลาดใหญ่ เราก็ไม่พลาดไปเดินก่อนกลับที่พัก
แค่เริ่มเดิน ฝนก็ปรอยๆลงมา ยังไม่ทันได้ช้อปเลยค่ะ
พ่อค้า แม่ค้าเริ่มเก็บร้าน เราเองก็รีบกลับไปที่รถเนื่องจากเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆเสียดายมาก มีโอกาสจะมาเดินใหม่ ขอกลับไปอาบน้ำ สระผมก่อนน้าา
วันที่ 3 : เที่ยวคาเฟ่,ย่านเมืองเก่า,สนามบิน
วันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวแล้วว เวลาผ่านไปไวมาก
วันนี้เช็คเอ้าท์เสร็จเราอยากไปหาคาเฟ่ชิลๆนั่ง ซึ่งเราไปเจอมาร้านนึง เค้าให้พายคายัคได้ฟรี บรรยากาศร้านโดนใจมากก ชื่อว่า Jea Rokpresso
เป็นร้านกาแฟกับร้านอาหาร ชื่อไชโยซีฟู้ดอยู่ในที่เดียวกัน กาแฟสดอร่อยมาก
แก้วนี้เป็นเมนูแนะนำชื่อว่ากาแฟต้มยำค่ะ
แปลกดี รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ซ่านิดๆ กินแล้วสดชื่นได้กลิ่นใบมะกรูด
ส่วนแก้วนี้เป็น on the rock ค่ะ
ส่วนตัวชอบแก้วนี้ เข้มปนหวาน น้ำเชื่อมที่ใช้เป็นน้ำเชื่อมกลิ่นส้ม มีการคิดมาอย่างดี ได้รสชาติที่ลงตัว
เอาล่ะ เดินสำรวจบรรยากาศกันหน่อย เงียบ สงบมาก อาจเพราะเป็นวันจันทร์
บอก พนง.ว่าขอพายเรือได้เลยนะคะ พายได้ฟรีๆเลย บริการดีมากๆ
จากร้านกาแฟ ฟ้าเริ่มครึ้มๆ เราเลยรีบเข้าเมือง มาถ่ายรูปที่ย่านเมืองเก่ากัน
เดินมาเรื่อยๆก็เจอกับตึกชิโนโปรตุกีสแล้วว
และแล้วก็ไม่ทันค่ะ ฝนตกหนักมาก เรารอจนฝนหยุดไปพักนึงเลย 55
จากตึกเหลืองที่เราถ่ายรูปกัน เดินตามแผนที่มาเรื่อยๆอีกนิดเดียว จะเจอกับร้านราดหน้ายอดผักคุณจี๊ดค่ะ
คอนเฟิร์มจากเด็กใต้ นางบอกว่ารสชาติแบบนี้คือรสชาติคนใต้ หอมกลิ่นเต้าเจี้ยว กินได้ไม่ต้องปรุงเลย ส่วนเราคิดว่าหวานไปหน่อย เติมพริก น้ำส้มคือ ดีเลย
ทีแรกตั้งใจจะกินโอะเอ๋ว แต่เพราะฝนตกทำให้เราไม่เหลือเวลา เลยต้องตรงไปยังสนามบินแทน
เรากลับนกแอร์รอบหกโมงเย็น เป็นเวลาที่ไม่ดึกมาก และไม่เหนื่อยมาก
จบลงไปแล้วนะคะทริปสั้นๆ 3 วัน 2 คืน ผิดแผนไปบ้าง ฟ้าฝนไม่เป็นใจไปบ้าง แต่โดยรวมการมาภูเก็ตครั้งแรกก็คือประทับใจเลย
ถ้าใครยังไม่รู้ไปไหน เราว่าภูเก็ตตอนนี้คือเป็นอีกที่ ที่น่าเที่ยวมาก อยากให้ทุกคนลิงมาสัมผัส รึตามรอยทริปเราดูนะคะ ^^
กานต์เดินทาง
วันพฤหัสที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 11.07 น.