ดอยแม่โถหรือชุมชนบ้านแม่โถ ตั้งอยู่ที่ บ.แม่โถ ต.บ่อสลี อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่น่าสนใจในตอนนี้ เป็นชุมชนเล็กๆที่มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาท่องเที่ยวในชุมชนสัมผัสวิถีชีวิตชาวเขาเผ่าม้ง แบบยั่วๆหนึ่งแมท ถ่ายรูปกับวิวหลักล้านพร้อมอากาศที่สดชื่นหลักแสนปังไม่ไหวแบบเกือบตาย
สวัสดีค่ะทุกคน พอดีว่าอยากจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่งให้ทุกคนมาก พอดีเราได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เลยได้มีโอกาสได้มาเที่ยวที่ ชุมชนบ้านแม่โถ อำเภอฮอด ซึ่งชุมชนนี้เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่บนเขาเลย การเดินทางเราเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่จนถึงชุมชนด้วยรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เชื่อไหมว่าเป็น 3 ชั่วโมงที่ไม่เบื่อเลยเพราะความวิวตลอดทางและความสวยธรรมชาติใดๆ อากาศก็ดีสุดๆด้วย
พอเดินทางมาถึงชุมชนก็จะมีจุดบริการของชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้ลงทะเบียนเพื่อรับฟังข้อมูล จากนั้นก็จะมีชาวบ้านมาถามกับเราว่าจะไปจุดไหนมีให้เลือกคือทุ่งหญ้าสะวันนา/ดอย360องศาและเขาจะนำเราโดยราคาไป-กลับ500บาท ถือว่าคุ้มอยู่นะแกรรร เพราะเราไม่สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปได้เพราะทางอันตรายมากเวอร์ โดยรถที่เขานำมาก็จะเป็นรถของชาวบ้านเอง
อร้ายยยยยยยยยย!!!!!!!ก็คือกรี๊ดตลอดทาง
อร้ายยยยยย!!!!! ฉันนี้ร้องกรี๊ดเล้ยย เธอทางขึ้นก็คือสวดมนต์มากเพราะน่ากลัวมาก แอบๆดีใจที่ไม่ขับขึ้นมาเองเพราะทางชันแบบสุดชีวิต แต่ก็จะถูกลืมไปเลยในไม่กี่นาทีเพราะรอบข้างเป็นวิวของภูเขาและทุ่งของดอกบัวตอง จนลืมกลัวทางไปเลย
ถึงแล้วจ้า ในจุดนี้ก็คือส่วนของทุ่งหญ้าสะวันนา เป็นทุ่งที่ไว้ให้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาท่องเที่ยวและทำกิจกรรมนั้นก็คือถ่ายรูปและก็กางเต้นท์ซึ่งบริเวณที่กางเต็นท์นั้นเรียกว่าลานกางเต็นท์แอปเปิ้ลป่า โดยถ้าเราอยากจะค้างคืนก็สามารถติดต่อชุมชนได้เลย
เอ๋!! อะไรยัง หอมยั่วน้ำลายแตกไม่ไหวตอนลงรถไม่เดินเข้ามาดูไม่ได้เลย เราเดินเข้าไปถามกับคุณน้องที่นั่งขายของตรงเต้นท์ เราถามว่าคืออะไรคะหอมมากเลย น้องเขาก็บอกเราว่าคือ ข้าวเหนียวดำปิ้ง หรือซึ่งชื่อจริงๆก็ยังคงเป็นปริศนา เป็นวิธีถนอมอาหารของชาวบ้านที่นำเอาข้าวเหนียวดำมาแช่น้ำแล้วนำมานึ่งจากนั้นก็ตำและห่อใบตองเก็บไว้จะกินก็เอามาปิ้งกิน ซึ่งปกติชาวบ้านจะทำกับเยอะในช่างนี้คือช่วงปีใหม่ม้งเพราะเป็นช่วงหลังเกี่ยวข้าวในช่วงหน้าหนาว
อย่าลืมไปอุดหนุนน้องด้วยนะคะ น้องบอกขายทุกวันบ้านอยู่แถวนี้เอง อร่อยจริงไม่จกตา น้องชวนเม้ามอยด้วย
เอาดีๆปะ เรากินคนเดียวไปเลย3 อยากแนะนำมากอร่อยยั่ว ตอนนี้ยังอยากกินอยู่เลยนะเนี่ย
สวยคือสวยว่าไม่ได้ พอดีเราไปเจอคุณน้องที่ต้อนฝูงควายมาจากเขาอีกฝั่งนึงเลยได้มีโอกาสได้สอบถามและนั่งพูดคุยอาชีพอีกหนึ่งอย่างของชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี้ก็คือเลี้ยงสัตว์และทำการเกษตร เช่น การเลี้ยงควาย,ปลูกส้ม,ปลูกข้าวโพด
ได้นั่งคุยกับคุณป้าที่ทำอาชีพเลี้ยงควายบอกว่าป้าทำอาชีพนี้นานแล้วเป็นอาชีพที่เอาไว้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวพาฝูงควายเดินกินหญ้าแบบนี้ทุกวันเลย และคุณป้ายังบอกอีกว่าถึงจะทำอาชีพเลี้ยงควายแต่ก็มีความสุข ถึงจะไม่ค่อยมีเงินแต่ไม่มีหนี้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว เราได้ยินก็ทำให้เรารู้สึกได้เลยนี้แหละความสุขที่แท้จริง
น้องควายดูมีความสุขมากเลยมีบ่อส่วนตัวด้วยนะ แต่ละตัวเชื่องมากจับเล่นได้ด้วย
ดื่มด่ำกับบรรยากาศและอากาศเย็นๆที่สดชื่นฟินสุดๆแวดล้อมไปด้วยสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติลมพัดเย็นๆ ก็ถึงเวลาของการเดินสำรวจแล้ว
อากาศดีขนาดนี้ปังไม่ไหวมากเลยนอนต่อไม่รอแล้วนะ นอนแบบนี้ยังได้เลยนะทุกคนเก็บแรงลุยต่อพักผ่อนแบบแกล้งๆ
บรรยากาศดีไม่ว่าจะถ่ายยังไงก็สวยเลยมานั่งกินข้าวกลางเขาเสียเลยถึงแม้จะแดดแค่ไหนแต่ก็ไม่ร้อนเลยเพราะอากาศที่นี้เย็นแบบฟิวต่างประเทศเลยอะและเต็มไปด้วยวิวเขาแบบหาที่อื่นไม่ได้เลย มองเผินๆนึกว่าอยู่สวิตเซอร์แลนด์นะเนี่ย แต่ก็กินแล้วอย่าลืมรักษาความสะอาดเก็บขยะให้เรีบยร้อยด้วยนะจ๊ะทุกคน
เราสามารถเดินสำรวจได้ทั่วทั้งเขาเลยนะทุกคน เดินไปชมบรรยากาศยิ่งเดินชมก็ยิ่งหลงรักแวะถ่ายรูปเอาไปลงโซเชียลเก๋ๆได้เลย
ความวิวทิวทัศน์เนี่ยมองไปทางไหนก็สบายตาไปหมดเลยแวะถ่ายรูปเก๋ๆค่ะ
เรารับรองได้ว่าถ่ายรูปกับเพลินเลยทีเดียว ขนาดเรายังถ่ายรูปไปตั้ง 3 ชั่วโมงเลย จริงเราว่าจะไปถ่ายที่วิว 360 องศาอีกแต่ไม่ทันเพราะค่ำแล้วถ้าเราได้ไปคงมีภาพสวยๆเก๋ๆมาฝากอีกแน่ๆ
ก่อนที่จะเดินทางกลับก็แวะซื้อของฝากซักหน่อยที่นี้นะคะก็จะมีร้านค้ามาตั้งขายของกันโดยร้านค้าก็จะเป็นร้านค้าจากชาวบ้านคนในชุมชนเพื่อเป็นอาชีพเสริมนอกจากเลี้ยงสัตว์และการเกษตรที่นำของที่ตัวเองหาได้มาขายเพื่อเป็นรายได้ เช่น มันเทศ , ข้าวโพด เป็นต้น โดยภาพนี้ก็จะเป็นหนึ่งในร้านค้าที่เราได้ไปแวะซื้อของฝากกลับบ้านนั้นก็คือไวน์ เป็นสินค้าที่ชาวบ้านไปรับจากอีกที่อื่นมาขายอีกทีนึงรวมไปถึงผลไม้อบแห้งและผลไม้ป่าต่างๆ ต้องบอกเลยว่าไวน์อร่อยราคาถูก ต้องไปช็อปแล้วป่ะไปเลยด่วนๆ
มีร้านกาแฟสดด้วยนะนั่งจิบกาแฟชิวๆก่อนกลับชมบรรยากาศ
สุดท้ายนี้เราก็อยากจะฝากบอกทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวของเราว่า อยากให้ลองไปเที่ยวไปสัมผัสที่ดอยแม่โถซักครั้ง เรามองว่าทริปนี้เป็นทริปที่วิเศษมากได้พบได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายรอบตัวธรรมชาติวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนบนเขาที่ไม่เหมือนชีวิตในกรุง แล้วก็การท่องเที่ยวแบบนี้บอกเลยมันไม่ได้แย่ปกติเราเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่เป็นการเที่ยวอะไรแบบนี้แต่พอเราได้เปิดใจ เราเลยหลงรักการท่องเที่ยวแบบนี้มากมันเป็นเหมือนประสบการณ์อย่างหนึ่ง
ดอยแม่โถ เวลาเปิดทำการ เปิด - ปิด : เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ( เวลาไม่ชัดเจนแต่จะมีจุดบริการชุมชนอยู่ตลอด )
ส่วนเรื่องของการเดินทางแนะนำเป็นรถส่วนตัวตรงทางคันคลองตรงสู่ถนนตัดใหม่จอมทองแต่แยะนำว่าเปิด GPS ง่ายสุดเพราะเราเองก็เดินทางโดยใช้ GPS จนถึงดอยเลยจอดรถฟรีนะทุกคนที่ชุมชนเลย
หรือการเดินทางอีกหนึ่งช่องทางคือรถแดงรับจ้าง
VENECIAGA
วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 00.50 น.