สวัสดีพี่น้องชาวโลกก^^
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักที่มาที่ไปของเสาชิงช้ากันก่อนที่จะไปตะลุยกินกันเถอะ
เสาชิงช้า หรือในอดีตเราเรียกกันว่า "สะดือเมือง" ตั้งอยู่บริเวณลานคนเมืองของกรุงเทพมหานครใกล้ๆ กับโบสถ์พราหมณ์ ในพื้นที่แขวงเสาชิงช้าและแขวงวัดราชบพิธ เสาชิงช้าสีแดงขนาดใหญ่อายุรวมกว่า 236 ปีแห่งนี้มีมาตั้งแต่ช่วงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้ทรงกำหนดให้พื้นที่บริเวณเสาชิงช้าเป็นจุดศูนย์กลางของพระนคร หรือ “สะดือเมือง”
เริ่มแรกของวัน โดยส่วนตัวแล้วเราชอบเดินทางโดยรถสาธารณะมากกว่ารถยนต์เนื่องมาจากนั่งรถสาธารณะมันจะได้ฟีลที่เป็นธรรมชาติมากกว่าในความคิดเห็นส่วนตัวนะ ได้เห็นวิถีชีวัตของผู้คนมากมาย จึงทำให้ตลอดทั้งทริปนี้เราเดินทางกันด้วยรถสาธารณะเด้อออ
จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้นั่งรถเมล์สาย 10, 12, 15, 19, 35, 42, 48, 73 และ79 แต่เรานั่งสาย 12 ไป บอกกระเป๋ารถเมล์ว่าลงเสาชิงช้า เขาจะจอดให้เราลงข้าง " วัดสุทัศนเทพวราราม "
หลังจากนั่งรถเมล์มาลงที่เสาชิงช้ากันแล้ว ไหน ๆ รถเมล์ก็มาจอดส่งเราข้างวัดถือโอกาสนี้เข้าวัดไหว้พระกันก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อทริปตะลุบกินของเรากันเถอะ
เอาละหลังจากเข้าวัดไหว้พระกันเป็นที่เรียบร้อยท้องน้อย ๆ ของดิฉันก็หิวขึ้นมา มันเหมือนร้องตะโกนว่าหิวแล้วจ้าแม่จ้าาาาาา 55555 เป็นอันรู้กันว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง ดังนั้นเริ่มจากร้านแรกกันเลย นั้นคือ " ร้านมิตรโกหย่วน " ที่โกและหย่วนเป็นเพื่อนรักกัน อะแฮร่ตึงโป๊ะ 5555555
186, ถนนดินสอ กรุงเทพมหานคร (ย่านตึกแถวบนถนนดินสอ ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพฯ) นี้คือที่ตั้งของร้านนะคะ เดินมาได้ค่ะสะดวกสบาย ไม่ไกลจากวัดสุทัศน์เท่าไหร่
อร่อยบอกต่อค่ะ เพราะเราชอบแบ่งปันของอร่อย ^^
โดยเมนูที่ทางร้านแนะนำมา จะเป็นข้าวผัดรถไฟ ฟังชื่ออาจจะดูงง ๆ เริ่มงงละสิ ต้องมาลองจะได้งง พร้อมกับรสชาติที่แปลกใหม่ไม่เคยรับประทานที่ไหนมาก่อนแน่นอน
ต่อด้วยร้านต่อไป ที่เราไปคือ " บ้านขนมปังขิง "
โดยบ้าน “ขนมปังขิง” เรือนไทย สไตล์ฝรั่ง เป็นร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์ในบ้านไม้เก่าอายุกว่าร้อยปี บ้านขนมปังขิงเป็นบ้านที่ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Gingerbread House ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตกในช่วงรัชกาลที่ 4 ซึ่งบ้านขนมปังขิงหลังนี้มีอายุประมาณ 106 ปีสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2456
“บ้านขนมปังขิง” เป็นบ้านเลขที่ 47 และไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่เดิมที่นี่ก็มีพื้นที่ 47 ตารางวาพอดีเช่นกันโดยเมื่อก่อนบริเวณถนนหลังโบสถ์พราหมณ์ก็เป็นอาณาเขตของทางบ้าน แต่ถูกเวนคืนไปเพื่อตัดถนนปัจจุบันจึงเหลือพื้นที่ประมาณ 35 ตารางวาโดยบ้านหลังนี้เคยมีการบูรณะครั้งแรกเมื่อปี 2533 ด้วยการซ่อมจุดต่างๆทาสีและที่สำคัญคือการยกพื้นขึ้น 30 เซนติเมตรเพื่อช่วยในการระบายความชื้นและรักษาไม้เก่าซึ่งจะยังเห็นร่องรอยของการบูรณะในครั้งแรกได้อยู่บริเวณพื้นของตัวบ้านที่มีช่องระบายความชื้น
โดยเมนูของร้านนี้เราได้สั่งเป็นแบบขนมไทยที่ตระการตามาก นั้นก็คืออออ
ต่อด้วยร้านต่อไปอย่างรวดเร็ว เพราะเรานั่งถ่ายรูปกันเพลินมาก ร้านบ้านขนมปังขิงสวยมาก สวยจริง ๆ ลองไปกันดูนะ ร้านถัดไป จะเป็น " ร้านบัวลอยเกตุแก้ว " ให้เดินมาทางตรอกนาวา จะเจอกับตึกแถวบ้านคนข้ามถนนไปต่อซื้อและรับประทานได้เลย ราคาก็ถูกจนน่าตกใจว่านี้หรอบัวลอย 55555 สามารถซื้อกลับไปฝากเพื่อน ๆ พ่อแม่ คนในบ้านได้ค่ะ อร่อยเว่อออ
ถัดไปเป็น " ร้านสุขนิยม " นิยมสมชื่อมาก เพราะเป็นขนมที่มีแต่คนนิยมซื้อไปรับประทานกัน นอกจากจะขายที่หน้าร้านแล้วยังสามารถสั่งออนไลน์ส่งได้ค่ะ แปลกใจมากนิยมสมชื่อจริง ๆ ราคาก็ถูก 40 บาท แถมความอร่อยอีกด้วย
ต่อกันด้วย " ร้านเช็งซิมอี๊ " เป็นอีกร้านของขนมหวานเย็นต่าง ๆ หลากหลายมาก ทั้ง ลอดช่อง ห้าขุนพล เฉาก๊วย แปะก้วยนมสด จั้มบ้ะ ลอดช่อง ทับทิมกรอบ เหมาะกับการทานเป็นของหวานดับร้อนจริงๆ ราคาก็เริ่มต้นเพียงชามละ 30 บาทเท่านั้น ถูกสุด ๆ อร่อยไม่อร่อยดูได้จากคิวที่ต่อกันค่ะ โดยรวมแล้วคิดว่าคุ้ม เพราะทางร้านทำหวานเย็นเร็วอยู่ ถึงจะรอคิวหน่อยก็เถอะ 5555555
และอีกร้าน คือ " มนต์นมสด " ที่มีตำนานเรื่องความอร่อยของขนมปัง-นมสด มานานกว่า 55 ปีแล้ว ร้านเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 14.00 น. - 23.00 น. ร้านอยู่แถวถนนดินสอค่ะ เดินไปได้เลยสะดวกมากแอร์เย็นด้วยค่ะ เหมาะกับการเดินเล่นมาทั้งวัน แล้วแวะทานขนมปัง - นมสมแสนอร่อยมาก
และระหว่างเดินไปร้านถัดไปใกล้ๆ นั้นบังเอิญเจอน้องแมวค่ะ เพื่อน ๆ เลยแวะเล่นสักหน่อยน้อยน่ารักมาก บ้านน้องอยู่ถนนแถวร้านมนต์นมสดเลยค่ะ ว่าง ๆ ไปกันแวะไปเล่นกับน้องแมวกันนะคะ น้องน่ารักเชื่องด้วยค่ะ
จากนี้ไปเป็นร้าน " โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ " ร้านเก่าแก่ตั้งอยู่ตรงหัวมุม ต้องเดินข้ามถนนจากร้านมนต์นมสดมานะคะ เดินไม่ไกลเลย ข้ามถนนมาแปบเดียว เดินไปก็จะเจอร้าน หน้าร้านสะดุดตามากค่ะ โดยเมนูชื่อดังประจำร้าน คือ ไข่กระทะ ลองไปนั่งเล่นรับประทานกันดูนะคะ
และหลังจากนี้ก็จะเป็นร้านสุดท้ายแล้ว เนื่องจากก็เย็นมากเราเลยเก็บร้านนี้เป็นร้านสุดท้าย เพราะอะไรนั้นหรอ?? เพราะว่าเป็นร้านที่มี Rooftop ที่สวย วิวดีมาก และด้วยบรรยากาศตอนเย็นแล้วยิ่งสวยมาก แต่น่าเสียดาย ที่เราไม่ได้ขึ้นไปถ่ายให้ได้ชมกัน เพราะว่าคิวเต็ม เราจึงบอกได้แค่ชื่อร้าน และรูปถ่ายหน้าร้านเท่านั้น เผื่อเพื่อน ๆ จะไปกันที่หลังนะคะ ชื่อร้าน คือ " Swing Bar "
แต่ถ้าใครจะไปแนะนำ ให้โทรจองไปเลยนะคะ จะได้ไม่เสียเที่ยวแบบเรา เสียดายมากค่ะ แต่ไม่เป็นเดี๋ยวเราจะตามไปเก็บ Rooftop นี้ที่หลังแล้วกัน อิอิ ^^ วันเวลาเปิดปิด 17:00 - 00:00น. สามารถโทรได้ที่ 063 231 2017
จบไปแล้วกับทริปตะลุยกินเที่ยว ณ เสาชิงช้า ที่นี้ ที่เดียวในไทย การเดินทางกลับของเรานั้นสามารถนั่งรถเมล์ที่เรานั่งมากลับไปได้ค่ะสายเดิมที่เรานั่ง รถเมล์จะไปจอดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ทางเรานั้นเลือกนั่ง MRT ไปลงสถานีจัตจุกรค่ะ เดินทางง่ายสะดวกรวดเร็ว
และท้ายที่สุดนี้เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับทริปตะลุยกินร้านอาหารที่ห้ามพลาด ณ ย่านเสาชิงช้า ขอให้เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านได้ประโยชน์ หรือแนวทางที่จะไปตะลุยกินแบบเรากันนะคะ 55555 และขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านบล็อกรีวิวอันนี้ของเรา นี้เป็นครั้งแรกของเราค่ะ ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์อะไรแบบนี้ดู ถ้าผิดพลาด หรือบกพร่องตรงไหนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ บ๊ายบายค่ะเพื่อน ๆ เจอกันอีกทริปหน้านะคะ
Sarocha Koonthong
วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.39 น.