ภูกระดึงสวยงามสะใจ
ที่ขอบฟ้าไกลออกไป ทุกสายตาทุกอารมณ์กำลังรอคอยการปรากฏตัวของดวงอาทิตย์กลมๆสีส้มๆอมแดงผสมเหลือง อากาศกำลังเย็นจัดเกือบเข้าใกล้คำว่าหนาว มีสายลมพัดมาเป็นจังหวะ
กี่นาทีกี่วินาทีที่ผ่านไป มันเหมือนการรอคอยอะไรบ้างอย่างที่มันน่าตื่นเต้นมากมากทั้งที่พระอาทิตย์ก็มีขึ้นและตกทุกวัน แต่วันนี้มันไม่เหมือนทุกวัน วันนี้กับการรอคอยอยู่ตรงนี้มันมีความพยายามที่จะมา มันมีความพยายามที่จะได้เห็นแสงแรกของวันใหม่…
ฝากติดตามด้วยครับผมhttps://www.facebook.com/wildlife.feelfree
ตีสี่กว่าๆ รถบัสขนาดยี่สิบสี่ที่นั่ง นำพาเราสองคนมาจอดสนิทยังที่หมายปลายทางตำบลผานกเค้า อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย จากตรงนี้ต้องต่อรถสองแถวไปอีกประมาณสิบห้านาที ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จุดเรื่องต้นเรื่องราวทั้งหมดนี้…
ติดตามชมผลงานได้อีกหนึ่งช่องทาง https://youtu.be/lIbUzAXVyG0
ที่ร้านเจ๊กินณผานกเค้า คือเราก็ไม่รู้ที่มาที่ไปหรอก ตั้งแต่ขึ้นภูกระดึงครั้งแรกเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วก็เริ่มที่ร้านเจ๊กิมนี่แหละ ถ้าใครมาเที่ยวภูกระดึงโดยรถโดยสาร เค้าก็จะมาส่งที่หน้าร้านเจ๊กิม แล้วก็ต่อสองแถวที่จอดรออยู่แล้ว ไปส่งที่อุทยานค่ารถคนละ 30 บาท ที่ร้านเจ๊จะมี อาหารเครื่องดื่ม ของที่ระลึก ห้องน้ำ ที่นอนแบบพักผ่อนเบาๆรอเวลา…
พรึบพรับมาถึงอุทยานเลยนะ มาถึงตั้งแต่เค้ายังไม่เปิดบริการเลย ต้องเตร็ดเตร่เดินชมไม้ชมนกไปเรื่อย พอเปิดปุ๊บก็ไปเข้าแถวจ่ายค่าบริการต่างๆ ค่าเข้าอุทยาน ค่าเช่าอุปกรณ์ ค่านู่นนี่จบไป ไปต่อที่การจ้างแบกของขึ้นภูกระดึง ที่นี่คิดกิโลกรัมละ 30 บาท จะขนไปขนาดไหนเค้าก็รับแบกหมด ก็อย่าเป็นสิ่งของผิดกฎระเบียบกฎหมายเท่านั้น ทั้งหลายทั้งปวงใช้เวลาไม่นานมาก จากนั้นไปเติมพลังด้วยอาหารเช้า เตรียมเอาจริงล่ะนะ
5.5 กิโลเมตร คือเป้าหมายแรกของการพิชิตภูกระดึง แปดโมงเช้านิดๆ จากตีนภูเราก็เริ่มย่ำแล้วก็ย่ำๆๆไปเรื่อยเส้นทางช่วงแรกก็ เอออออ ชันเลยครับผม ยาวไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึง ซำแฮก อันเรื่องรือระบือนาม ถ้าใครมาภูกระดึงผ่านซำแฮกได้ที่เหลือก็สบายสบาย…
เริ่มเดินล่ะนะ…
อุปกรณ์ช่วยพยุงตัว มีให้เลือกมากมายหลายขนาด…
ผ่านซำแฮกไปได้ก็สบายแล้ว…
จากซำแฮกย่ำๆๆ แล้วก็ย่ำๆๆ ไปเรื่อยๆมีทั้งทางชันทางราบสลับกันไป เดินไม่ยากมีซำให้แวะพักไปตลอดทาง ซำกกอด ซำบอน ซำกกไผ่ สารพัดซำ แต่ละซำมีร้านขายอาหาร ขายน้ำ แตงโม น้ำแข็งใส คือเดินขึ้นภูแบบไม่ต้องรีบเรื่อยๆเปื่อยๆ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
จบที่เป้าหมายแรก หลังก้าวผ่านเนินสุดท้ายขึ้นสู่หลังแป จากหลังแปย่ำต่อไปอีก 3.5 กิโลเมตร ก็จะถึงลานกางเต็นท์ขนาดใหญ่ ไม่สิขนาดมหึมาประมาณ 4-5 สนามฟุตบอล ใครที่เช่าเต็นท์กับทางอุทยานก็ไปติดต่อที่ท่ีทำการได้เลย ส่วนตัวเราเอาเต็นท์มาเองก็เดินหาที่กางได้ตามใจชอบ เดินกันเมื่อยอ่ะกว่าจะหาที่ลงตัวได้ มันกว้างใหญ่ซะเหลือเกิน
ระหว่างทางเดินสู่ลานกางเต็นท์ สภาพป่าสนที่ถูกไฟป่าเผาผลาญเมื่อต้นปี…
นอกจากมีเต็นท์ให้เช่าแล้ว ทางอุทยานยังมี หมอน ที่นอน ผ้าห่ม ให้บริการด้วยนะราคาไม่แพงเลย คือมาภูกระดึงก็จะสบายๆ ในเรื่องข้าวของเครื่องใช้ ที่นี่มีบริการครบจริงๆ ยกเว้นช่วงวันหยุดยาวยาว อาจมีขาดตกบกพร่องบ้าง เป็นไปตามสภาพการณ์เช็คก่อนมาดีที่สุด…
ภาพตัดมาที่ผาหมากดูก สองกิโลเมตรจากลานกางเต็นท์ จุดชมพระอาทิตย์ตกที่ไม่ไกลมาก และยังพอมีเรี่ยวแรงที่ใช้ไปเกือบหมดจากเส้นทางขึ้นภู จัดแจงเรื่องที่อยู่อาศัยเรียบร้อย สี่โมงกว่าๆ เราเริ่มออกย่ำอีกครั้งระยะทางสั้นๆ กะว่าไปนั่งเพลินเพลิน รออาทิตย์ลับขอบฟ้าบนภูกระดึง ในค่ำคืนแรกที่มาถึงมันต้องดีมากมาก
ระหว่างรอพระอาทิตย์ตก…
ที่ตรงนี้ตอนนี้อากาศดีมากมากเลย แสงแห่งวันที่ปลายขอบฟ้า เปลี่ยนสีจากขาวอมฟ้าเป็นโทนเหลืองผสมส้ม อุณหภูมิเริ่มลด อาทิตย์ใกล้ลับลา เราอยู่ที่ผาหมากดูกกับประชาชนปริมาณไม่มาก นับคร่าวๆน่าจะประมาณ 50-60 คน บรรยากาศบอกเลยว่าโคตรดีวันนี้ขอจบด้วยแสงสุดท้ายของวัน…
แสงสุดท้ายของวัน…
การชมธรรมชาติที่มากมายบนภูกระดึงมันมีอยู่สองวิธี หรือมากกว่านั้นก็ไม่แน่ใจ แต่มีสองวิธีหลักๆคือ เดินกับปั่นจักรยาน ขอเล่าความหลังนิดนึงนะ เมื่อกาลครั้งเก่าก่อนบนภูยังไม่มีจักรยานให้เช่า ใครมาเที่ยวภูกระดึงคือเดินลูกเดียว ตะบี้ตะบันไปเหอะยี่สิบถึงสามสิบโลมีแน่ๆ เส้นทางเลาะริมผาเส้นทาง เดินดูน้ำตก หรือการบุกตะลุยเข้าป่าปิด ในส่วนขอป่าปิด ในเวลาปัจจุบันเราก็ไม่แน่ใจว่ายังมีการเปิดเส้นทางให้เดินอยู่รึป่าว คือถ้าจะไปให้ครบร่างกายไม่ช้ำต้องขออยู่สี่ถึงห้าวัน ในกาลครั้งเก่า เราต้องมาภูกระดึงถึงสี่รอบกว่าจะไปได้ครบหมดจด
กลับมาที่ตรงนี้วันนี้ เราตัดสินใจเดินสิครับ อยากสัมผัสบรรยากาศในครั้งอดีต แต่ลืมดูสังขาลในกาลปัจจุบัน ทานเช้าให้เรียบร้อย มื้อถัดไปไปหาเอาข้างหน้า ร่างกายพร้อม ใจพร้อม น้ำดื่มขนมมีติดตัวไปด้วย นับหนึ่งแล้วเริ่มย่ำไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ออกจากที่พักอาศัยไปไหว้พระก่อนเลย เอาฤกษ์เอาชัยจากนั้นก็ตามภาพไปเลย……
แวะนั่งเพลินเพลินที่น้ำตกธารสวรรค์ จากลานกางเต็นท์เดินมากิโลกว่าแล้ว…
ระหว่างทางเดินก็เก็บเกี่ยวได้ตลอด…
สระอโนดาต…
ตามป้ายนี้ไป ก็ประมาณเกือบครึ่งทางแล้ว…
น้ำตกถ้ำสอเหนือ…
ผาหล่มสัก ถึงเกือบบ่ายสอง แวะกินข้าวพักร่าง สภาพร่างกายใช้ไปเกือบ 80% แต่ยังเหลือเส้นทางอีก 70%…
พักแล้วก็ลุยกันต่อ เก็บเกี่ยวกันไปเรื่อย…
เห็นคนปั่นจักรยานแล้วคิดในใจ………
ผาเหยียบเมฆ สวยอลัง…
เดินจนเข้าช่วงเวลาแสงเย็น สีทองผ่องอำพัน จากจะหมดแรง ฟื้นขึ้นมาทันที
เดินมาจนจบแสงสุดท้ายที่ผาหมากดูก…
วันนี้ทั้งวันเดินรวมๆ 21 กิโลเมตร ตึงและช้ำแต่คุ้มโคตร ข้อดีของการเดินเที่ยว คือเราได้สัมผัสในทุกอณูผืนดิน ทุกก้าวที่ย่ำไปบนผืนดินทราย คือการบันทึกเรื่องราวดีๆ ไปกับธรรมชาติ ซึมซับมันเข้าไปในร่างกายและจิตใจ ข้อไม่ดีคือ เหนื่อย ร้อน พัง…ครั้งหน้าขอจักรยานแล้วกัน เพราะอยากจะรู้ว่าข้อดีข้อเสียของการปั่นจักรยานบ้าง……
โรตี อาหารประจำทริป กินทุกวันทุกมื้อ…
ถึงที่พักกินแล้วก็นอน……พรุ่งนี้ตีสี่ครึ่งนัดกับนายอาทิตย์ที่ผานกแอ่น
เช้าวันที่สามบนภูกระดึง วันนี้ตื่นเช้าหน่อยเพราะมีภาระกิจสำคัญต้องไปชมแสงแรกที่ผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ต้องไปถ้ามาเที่ยวภูกระดึง
เจ้าหน้าที่จะประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นย่ำค่ำมืดของคืนก่อนที่จะไปดู ให้ทุกคนที่จะไปต้องมาพร้อมกันเวลาตีห้าที่ที่ทำการ แล้วเดินไปพร้อมกัน ห้ามมิให้ผู้ใดไปกันเองโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจเกิดอันตรายจากช้างป่าหรือเหตุอื่นใด
นาฬิกาปลุกตรงเวลาเป๊ะ เฮ้อออออ เพลียแสนเพลียขาก็ยังตึงเปรี๊ย แต่ต้องลุกออกจากถุงนอน เดินออกจากเต็นท์อย่างมุ่งมั่นจุดหมายคือห้องน้ำ ไปขี้ก่อนเช้าตรู่ขนาดนี้ ถ้าไปปวดกลางทางมีหวังเต็มกางเกงแน่ๆ
พร้อมแล้วออกย่ำกันตั้งแต่เช้า ระยะทางประมาณสองกิโล อากาศเย็นสบายยังไม่ถึงกับหนาวสั่น คืออากาศดีอ่ะ ใช้เวลาไม่นานเราก็มายืนรับลมเย็นๆ รอพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ที่ผานกแอ่นแล้ว
แสงแรกเริ่มมาแล้วววว…
เมื่อถึงเวลาที่รอคอย วันนี้ธรรมชาติไม่ทำให้ผิดหวัง แม้บางครั้งเราก็ไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้ เราบอกได้คำเดียว วันนี้ผานกแอ่นท็อปฟอร์มมาก แม้จะไม่มีทะเลหมอกให้เห็น แต่ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านั้นมัน โอ้โหหหหหห…
ผานกแอ่นระเบิดฟอร์ม…
สายๆของวันนั้นเราต้องลาจากภูกระดึงแล้วล่ะ ไม่อยากกลับแต่ต้องกลับ กลับไปพร้อมกับความสุข ความทรงจำ ความประทับใจมากมาย มากจนคิดว่าเดี๋ยวเดือนหน้าจะมาใหม่ และสัญญากับตัวเองว่า เราจะปั่นจักรยานอย่างแน่นอน…
จบบริบูรณ์…
คน ฟ้า ป่า น้ำ
วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.