"ภูแว ขุนเขาแห่งขุนน่าน"
ภูแว เป็นภูเขาลูกหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานดอยภูคา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,837 เมตร
เมืองน่านตั้งอยู่บนพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยและมีดินแดนติดต่อกับประเทศลาว โดยลักษณะทางภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา และยังเป็นแหล่งกำเนิดแม่น้ำน่านอีกด้วย
“จะสิ้นปีแล้วยังไม่ได้ไปเดินเขาซักลูกเลย”
สายเดินเขาหลายคนคงเข้าความรู้สึกนี้ และนี่จึงเป็นที่มาของทริปนี้ เพราะเป็นช่วงที่เหมาะสมแก่การเดินป่ามากๆ เราและเพื่อนในกลุ่มพยายามหาที่ที่จะไป ซึ่งมีหลายที่มาก จนสุดท้ายและท้ายที่สุดเราก็ตกลงกันได้ว่าเราจะไป ”ภูแว” จังหวัดน่าน
ทริปนี้มีระยะเวลา 4วัน 3คืน (10-13 ธันวาคม 2020) โดนเราอยู่บนดอยภูแวกันในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2020
วันเดินทาง 09.12.20
สมาชิกรวมตัวกันที่ปั้ม ปตท สนามเป้า ที่เดิมของชาวแก๊ง โดยวิธีการเดินทางของพวกเราคือเหมารถตู้ 2 ตู้ ล้อหมุน 20.00น. เดินทางสู่เมืองน่าน
เออ..ลืมบอก ว่าทำไมถึงต้องเหมาถึง 2ตู้ เพราะทริปนี้มีสมาชิกร่วมชะตากรรมด้วยกันถึง 16 ชีวิตเลยหล่ะ
เช้าวันที่ 10.12.20
น่าน..เราเดินทางถึง ปตท ปัว จังหวัดน่าน จึงแวะล้างหน้า แปรงฟัน ทำกิจส่วนตัว บรรยากาศตอนที่ลงจากรถตู้นั้น.....คือหมอกกกกกเต็มไปหมดเลย อากาศก็แสนจะดี เย็นสบาย นี่แหละฤดูหนาวที่เมืองน่าน และเมื่อเสร็จกิจส่วนตัวแล้ว ก็แวะพักรับประทานอาหารกันที่ตลาดสดปัว
ตลาดสดปัวเต็มไปด้วยอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป มีทั้งโจ๊ก หมูปิ้ง ไส้อั่ว น้ำพริกต่างๆ และยังมีขนมหวาน รวมถึงอาหารอีกหลายๆอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่สิ่งที่อยากจะแนะนำ ก็คือน้ำพริกหนุ่ม หมูปิ้งและข้าวเหนียวร้อนๆ เป็นเมนูยามเช้าที่อร่อยสุดๆ เลยก็ว่าได้ เออ!! ที่สำคัญ อาหารที่นี่ราคาไม่แพง แถมคุ้มกับราคาที่จ่าย เนี๊ยย พูดเลย !!
เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องไปหาซื้อเสบียงน้ำดื่ม เพราะบนเขาไม่มีน้ำดื่มขายหรือให้บริการ
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเราก็ต้องเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายหลักที่เราตั้งใจไว้
11.30 น.ปากทางเข้าหมู่บ้านปู่ดู่ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน
ถึงจุดเริ่มต้นแต่ยังไม่ถึงจุดหมายที่แท้จริง เราเริ่มต้นการเดินขึ้นดอยภูแวจากจุดทางขึ้นหมู่บ้านปู่ดู่ด้วยรถโฟร์วิลคันที่สามารถบรรทุกทั้ง 16 ชีวิตได้ในคันเดียวเพื่อไปยังตัวหมู่บ้านที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินขึ้นดอยภูแว ระหว่างทางที่ขึ้นก็ลำบากอยู่พอสมควรเนื่องจากถนนที่สูงชันและมีโค้งที่อันตรายพอสมควร
11.50 น.หมู่บ้านปู่ดู่
เมื่อถึงหมู่บ้าน เราก็ไม่รอช้าเตรียมตัวแบ่งแยกของใช้ส่วนตัวและของส่วนรวม เนื่องจากทริปนี้เราจ้างลูกหาบ 3 คน เท่านั้น ส่วนที่เหลือที่เป็นของตัวเองจะต้องแบกไปเอง! เมื่อเสร็จเรียบร้อยทุกสิ่งก็เริ่มเดินเท้าจากหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่ยอดดอยภูแว
ระหว่างเส้นทางการเดิน
เส้นทางการเดินจากหมู่บ้านปู่ดู่มุ่งหน้าสู่ยอดดอยภูแวช่วงแรกของเส้นทางคือการเดินผ่านเส้นทางป่าข้าวโพดของชาวบ้านด้วยระยะทางที่ไกลอยู่พอสมควร เมื่อเดินไปได้ซักระยะ ก็พักทานข้าวริมทางที่เป็นเส้นทางการเดินนั้นแหละ พอเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางต่อและยังคงเดินทางผ่านป่าข้าวโพดอยู่ เมื่อถึงจุดรอยต่อเขตป่าและเขตพื้นที่การทำเกษตรของชาวบ้าน จะมีไม้ขวางเส้นทางไว้เพื่อเป็นการแบ่งเขตอย่างชัดเจน เมื่อข้ามเขตไม้ที่ขวางไว้แล้ว ก็จะเข้าสู่การเดินในเขตป่าที่ร่มขึ้นมาหน่อย แต่จะเพิ่มระดับความยากในการเดิน เพราะเส้นทางมีความชันตลอด และมีจุดสังเกตุที่จะบ่งบอกว่าเรากำลังจะถึงจุดหมายแล้วนั่นก็คือ “ป่าต้นปรง” จะมีต้นปรงโค้งอยู่ 1 ต้นให้สังเกตุ เมื่อผ่านต้นปรงต้นนี้ เดินต่ออีกสักระยะนึงก็จะถึงจุดกางเต็นท์ของเรา
จุดพักค้างแรมบนยอดดอยภูแว
เมื่อถึงจุดพักค้างแรม เราและเพื่อนร่วมทริปก็จัดแจงกางเต็นท์ต่างๆ และพักผ่อนชมวิวรอบๆที่พัก ฝั่งที่เราพักได้วิวที่สวยมาก สามารถมองเห็นภูเขาทับซ้อนกันเป็นชั้น เมื่อใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตก บรรยากาศก็จะเย็นลง และมีแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงใกล้ๆ ภูเขา นั่นคือภาพที่สวยมาก สวยจริงๆ
เมื่อพลบค่ำ ทางลูกหาบก็ได้จัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อค่ำให้ โดยมื้อค่ำนี้มีเมนูหมูลั่ว หมูย่างสูตรชาวเขา ยำลูกชิ้น และหมูสามชั้นย่าง พร้อมข้าวเหนียว รับประทานอาหารเสร็จแล้วก็นั่งพูดคุยกันซักพัก เมื่อถึงเวลา 22.00น. ก็แยกย้ายเข้าเต็นท์พักผ่อน เตรียมแรงไว้ในวันพรุ่งนี้
เช้าวันที่ 11.12.20
เสียงนาฬิกาปลุกจากเต็นท์ข้างๆ เวลา 05.00น. และอีกครั้ง 05.30น. เสียงเพื่อนร่วมทริปถามว่า “ไปขึ้นยอดไหม” ใจจริงไม่อยากไปเพราะมันหนาว แต่สุดท้ายก็...เออไปก็ได้ว่ะ พร้อมเปลี่ยนเสื้อ ใส่เสื้อกันหนาวหนึ่งตัวและกางเกงขาสั้น!! เออหนาวแหละ555+ เมื่อเตรียมตัวเสร็จก็พากันเดินขึ้นยอดเขาเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น เส้นทางการขึ้นยอดเขาใช้เวลาประมาณ 20 นาที ลักษณะพื้นที่ในการเดินจะมีความคล้ายกับดอยหลวงเชียงดาว แต่ขึ้นง่ายกว่า ถึงยอดเขาก็เวลาประมาณ 06.00น. นั่งรอชมวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นตอน 06.48น. แสงแรกของวันคือสวยมาก สวยแบบจับจิต ถึงจะไม่มีหมอกแต่มันก็ได้วิวมุมสูง 360 องศา ภาพเบื้องหน้าคือภูเขาซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ไล่ระดับสวยมาก และด้วยแสงสีทองอ่อนๆกระทบลงพื้นป่า ขอใช้คำศัพท์กระเทยนะว่า มันจึ้งมากแม่ 555555
ตอนเช้าก็กด Shutter ไปหลายรูปอยู่เหมือนกัน พอแดดเริ่มแรง เราก็พากันเดินลงมาจุดพักเพื่อรับประทานอาหารเช้า ดื่มกาแฟดริปกับบรรยากาศชิวๆบนยอดดอย ซักพักก็เก็บเต็นท์เพื่อลงจากยอดดอยจ้า
ระหว่างเส้นทางการเดินลง
เดินขึ้นว่ายากแต่เดินลงยากกว่า เพราะด้วยความชันระดับมากราวเดียวกับเขาหลวงสุโขทัยติดตรงไม่มีต้นไม้ให้รั้งหรือเกาะ และส่วนใหญ่แนวทางเดินก็เป็นหน้าผาตลอดระยะหลายเมตร จึงทำให้เดินยากพอสมควร แต่เส้นทางการเดินไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะเดินทางเดิมทั้งขาไปและขากลับ เราใช้เวลาเดินทางกลับราวๆ 2 ชั่วโมง จนถึงหมู่บ้านปู่ดู่ เมื่อถึงหมู่บ้านก็พักรับประทานอาหารเที่ยง และขึ้นรถโฟร์วิล 1 คัน กับอีก 16 ชีวิตเช่นเดิม เพื่อเดินทางกลับไปขึ้นรถตู้ด้านล่างที่จอดรอรับเราและเพื่อนร่วมทริป เพื่อไปยังอีกสถานที่อื่น ๆ ต่อในวันถัดไป.....
สำหรับทริป 2 วัน 1 คืน บนดอยภูแวก็จบการรีวิวเพียงเท่านี้
ส่วนค่าใช้จ่ายและการเตรียมตัวนั้น อยู่ด้านล่างรีวิวนี้เลยจ้า
ค่าใช้จ่ายสำหรับการมาภูแว
ค่ารถกระบะ 4*4 ขึ้นหมู่บ้าน ไป-กลับ : 1,600 บาท
ค่าลูกหาบ : คนละ 1,200 บาท แบกได้คนละ 20 กิโล
ค่าคนนำทาง : 800 บาท
ค่าอาหาร 4 มื้อ สำหรับ 16 ชีวิต : 5,088บาท
ค่ารถตู้ : คิดเป็นวัน วันละ 2000 บาทไม่รวมค่าน้ำมัน
การเตรียมตัวขึ้นภูแว
อุปกรณ์กันแดด, น้ำดื่มตลอดทั้งทริป, เต็นท์, ไฟส่องทาง, อุปกรณ์กันหนาว, อาหาร และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คืออย่าลืมเช็คสุขภาพร่างกายก่อนเดินทางจ้า
Gorakornwit
วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 08.48 น.