Cambridge, England

เมื่อมีวันหยุดสักวัน พวกเราก็มักจะวางแผนออกเที่ยวนอกเมืองกันเสมอ ครั้งนี้มีผู้ร่วมทริป 3 สาวกับอีกหนึ่งหนุ่มตากล้อง พอลองคุยกันแล้วว่ามีเมือง Cambridge นี่หล่ะ ที่เรายังไม่เคยมากัน และแน่นอนว่าเป็นเมืองที่เราต้องมาเยือนด้วยประการทั้งปวง ห้ามพลาดเลยว่างั้น...Cambridge เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของอังกฤษ (รองจาก Oxford) และเก่าแก่เป็นอันดับ 4 ของโลก อยู่ห่างจาก London ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 80 กม. มหาวิทยาลัย Cambridge ประกอบไปด้วย 31 colleges ระบบ colleges นี้มีลักษณะคล้ายบ้านของนักเรียนในเรื่อง Harry Potter ค่ะ

พวกเราเดินทางมาที่เมืองนี้กันด้วยรถโค้ชของ National Express จากลอนดอนโดยทำการจองและจ่ายเงินผ่านเวปไซต์ www.nationalexpress.com กันมาก่อน และต้องแวะต่อรถกันประมาณครึ่งทางที่ Stansted Airport Coach Transfer ด้วยค่ะ


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.กว่าๆ จากลอนดอนรวมเวลาต่อรถ ก็ถึงล่ะ โชคดีของพวกเรา วันที่ไปอากาศดีมากกกก ลงจากรถมาเราก็เดินผ่านสนามหญ้าใหญ่ๆ นี้เข้าเมืองกัน...ลุย!!!


ขอเล่านิดนึง....ชื่อ Cambridge นี้มาจากที่ว่า อยู่ติดกับแม่น้ำแคม (River Cam) แล้วก็เลยหมายถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคม (Cam-Bridge) ง่ายๆ ตรงไปตรงมา 😅 ซึ่งบริเวณหลักๆของมหาวิทยาลัย จะมีแม่น้ำไหลผ่าน


หลังจากเดินมาสักพัก จุดแรกที่แวะก็คือ St Bene't's Church ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดใน Cambridge เข้าชมฟรี ไม่มีคนเลย 😁


ป้ายเล็กๆ ตั้งอยู่ด้านหน้าของโบสถ์ค่ะ


ตรงข้ามกับโบสถ์ St Bene't' s Church คือหนึ่งในผับใหญ่ของ Cambridge ชื่อ The Eagle เปิดมาตั้งแต่ปี 1667 ผับนี้น่าสนใจตรงที่ด้านใน บริเวณเพดานและผนังเต็มไปด้วยการเขียนชื่อของทหารอากาศ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และอีกเรื่องน่าสนใจคือที่นี่เป็นผับที่ Francis Crick ผู้ที่คิดโครงสร้าง DNA ได้ที่นี่ ผับนี้ก็เลยเป็นเหมือนต้นกำเนิด DNA ทางร้านก็เลยคิดสูตรเหล้าชื่อ Eagle's DNA ขึ้นมาด้วยค่ะ


ชั้นบนของผับมีห้องใต้หลังคาห้องนึง ที่เคยเกิดเพลิงไหม้จนมีหญิงชราสำลักควันเสียชีวิตด้านใน ที่เห็นต้องเปิดหนัาต่างตลอดเวลาอย่างนั้น เพราะมีเรื่องเล่าว่า ถ้าวันไหนมีใครเผลอปิดหน้าต่าง วิญญานที่อยู่ข้างในจะร้องโหยหวนหลอกหลอนคนแถวนั้น เพราะหายใจไม่ออก!!


ตอนที่ไปถึง มีพวกเราเป็นลูกค้าแค่โต๊ะเดียว อากาศกำลังดี ก็เลยนั่งชมบรรยากาศด้านนอกกัน แอบมองหน้าต่างผีสิงด้านบนข้างหลัง อย่างหวั่นๆ ><


พวกเรามาถึงในช่วงเช้า ก็เลยลองสั่ง Full English Breakfast ของที่นี่รองท้องกันก่อน พอเอามาเสิร์ฟ คือแบบว้าวววว น่ากินมากกก มีทุกอย่างครบตามสไตล์ English breakfast และเป็น Breakfast ที่น่ากินสุดตั้งแต่มาอยู่ที่อังกฤษเลยทีเดียว (จริงๆนะ) 😅 โดยเฉพาะ Black Pudding (ใส้กรอกที่ทำจากเลือดสัตว์ มีสีดำ) ที่เราไม่ค่อยได้เจอ 😋


ทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย ก็เดินสำรวจเมืองกันต่อค่ะ ระหว่างทางเราจะพบเจอนาฬิกาแดด หลายอันใน Cambridge ค่ะ


เดินกันมาเรื่อยๆ ก็เจอ King's College เป็นหนึ่งใน College ที่มีชื่อเสียงของ Cambridge ค่ะ


ด้านหน้า King's College Chapel


และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวเมืองนี้ก็คือ Punting Tour เป็นการล่องเรือชมวิวเมือง โดยจะมีนักศึกษาของที่นี่เป็นคนพายเรือให้ พวกเราหาข้อมูลกันก่อนมาแล้วว่า ให้ต่อราคาลงอีกจากที่เขาเสนอมา ก็ต่อได้นะ...ผู้ชายใส่หมวกในรูปนั่นแหละ ที่มาเสนอขาย Punting Tour ให้ค่ะ


วิธีพายแบบ Punting ก็คือ การใช้ไม้ Pole ยาวๆ เสียบลงไปในแม่น้ำ แล้วดันเรือไปเรื่อยๆในทิศทางที่ต้องการเมื่อลงเรือกันมาแล้ว...จุดแรกเป็นสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดใน Cambridge คือสะพานคณิตศาสตร์ (Mathematics Bridge) ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคม มีเรื่องเล่าว่า ท่านเซอร์ ไอแซค นิวตัน ได้ออกแบบสะพานนี้โดยไม่ใช้ตะปูสักดอก แต่ต่อมามีนักวิทยาศาสตร์อยากรู้ว่าออกแบบอย่างไร จึงถอดชิ้นส่วนสะพานออกมาศึกษาแล้วปรากฏว่าประกอบกลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้ จึงต้องใช้ตะปูตอกกลับให้เป็นสะพานเหมือนเดิม...ถึงว่า สะพานเต็มไปด้วยน๊อต!!


จุดต่อมาก็คือ สะพาน Bridge of Sighs สร้างเมื่อปี 1831 เพื่อข้ามแม่น้ำแคม ระหว่างตึกเก่าและตึกใหม่ ซึ่ง Bridge of Sighs ที่ชื่อเดียวกันและมีลักษณะเหมือนกันมี 3 ที่ในโลกคือที่ Venice , Cambridge และ Oxford


จบจาก Punting Tour ก็มาแวะชิม Homemade Ice-cream ที่ร้าน Benets ค่ะ ร้านอยู่ตรงข้ามกับ King's Collage Chapel เลย


จากนั้นเราก็มาต่อ Sightseeing Tour ทางบกต่อ ส่วนตัวคิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวแต่ล่ะเมืองภายในวันเดียว รถบัสชั้นบนเป็นแบบ open air ด้านข้างที่นั่งของเราจะมีช่องเสียบหูฟัง เป็นไกด์อธิบายแต่ละสถานที่ในเมือง สามารถลงรถเดินเล่นได้ในจุดที่จอด แล้วรอขึ้นคันถัดไปได้ค่ะ


บนรถ Sightseeing Tour ก็ไม่มีคนค่ะวันนี้...มันเป็นวันของเราจริงๆ 😂 นอกจากจะพาเที่ยวแต่ล่ะจุดในตัวเมืองแล้ว ยังพาออกไปชานเมืองที่เป็นสุสาน College และโบสถ์อื่นๆอีกมากมาย คุ้มมากๆ 😒


จบ Sightseeing Tour ล่ะ เราก็เดินมารอขึ้นรถที่เดิมกันค่ะ


นั่งผึ่งแดดรอเวลาขึ้นรถโค้ช National Express คันสีขาวๆ โน่นหล่ะ กลับลอนดอนกันค่ะ...จบ One day trip แบบชิวๆที่ Cambridge เพียงเท่านี้ค่ะ 😁


Ps. มีสิ่งที่พลาด คือตามหาต้นแอ๊ปเปิ้ลที่เซอร์ไอแซก นิวตัน ค้นพบกฏแรงโน้มถ่วง ที่อยู่ใน Trinity College ไม่เจอ T_T

พูดคุยกับผู้เขียนได้ที่ Fanpage : https://www.facebook.com/Mytravelholicdiary/ นะคะ


ความคิดเห็น