พอดีเหลือเวลาว่างครึ่งวันก่อนกลับจะเมืองไทย ไม่รู้จะไปไหนแล้ว
แต่ก็อยากใช้ Tokyo wide pass ให้มันคุ้มๆอีกสักหน่อย
ตามประสาคนชอบรถไฟ เลยอยากไปชมพิพิธภัณฑ์รถไฟมั่ง ละก็ใช้เวลาไปกลับไม่กีชั่วโมงเริ่มที่โรงแรมที่พักก่อนละกันครับ
โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเปิดใหม่ อยู่ติดกับสวน Ueno ข้างหลังสถานี Keisei ueno station เลยครับ
ยังมีดอกไม้แสดงความยินดีเต็มหน้าโรงแรมเลย
แต่ตอนนี้รู้สึกว่าราคาขึ้นไปแล้วนะครับ หลังจากที่เข้าหน้าซากุระ
และห้องก็แคบๆตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่นเช่นกัน แฮ่ๆ
มัวแต่ถ่ายรูปวิว เพิ่งมาสังเกตุเห็นทีวี ตอนเช้าแล้ว
จากห้องพัก จะมองเห็น shinobazu pond กับ bentendo อย่างเริ่ดเลยครับ
อาหารเช้า ก็เป็นอะไรที่หาได้จาก supermarket แถวๆนั้นครับ
ขนมปังใส้กรอก ข้าวปั้น ให้พลังงาน
เค้กใส้ครีมสด ที่อร่อยกว่าเซเว่นเมืองไทย
และก็สตอร์เบอรี่ ไว้ล้างปาก แต่กาแฟจืดไปหน่อย
เดินออกมาหน้าสวน Ueno เจอซากุระ kawazu กำลังออกดอกบานเปล่งๆ ก็ถ่ายรูปเอากลับมาไว้ดูที่เมืองไทยครับ จะได้คิดถึงกัน
เป็นสถานีที่ shinkansen สายเหนือ แทบทุกขบวน จะจอดที่สถานีนี้
เหมือนรถไฟจากหัวลำโพง ก็ต้องจอดที่สถานีสามเสน ยังไงยังงั้น
คือจะนั่ง Tohoku shinkansen ขบวนไหนไปก็ได้ เพราะเค้าจอดแทบทุกขบวนหละครับ
แต่ผมเลือกนั่ง Hakutaka ไป เพราะอยากนั่ง shinkansen series E7 ตัวใหม่สุด
ท่าทางจะไปเล่นสกีที่ Yuzawa แหงๆ
ผมไม่ได้จองที่นั่งไป ก็ต้องไปขึ้นที่ตู้ 1 -2 -3
วิ่งสาย Joetsu shinkansen พาคนไปเล่นหิมะที่ Yuzawa และไปสุดทางที่จังหวัด niigata
เป็นรถรุ่นใหม่เช้งเลย เพิ่งวิ่งให้บริการมาได้ราวๆปีเดียว
ไม่ต้องนั่งเลย เข้าไปยืนชมวิว ถ่ายรูปข้างทางแปบเดียว ตึกๆๆๆๆ
ก็ถึงป้ายที่จะลงละครับ สถานี OMIYA เมือง SAITAMA
ก็จะเป็นสถานี The new Shuttle ครับ สถานีนี้ ใช้ Tokyo wide pass เข้าฟรี
พิพิธภัณฑ์รถไฟ ต้องนั่ง the new shuttle ไปอีกหนึ่งสถานี
ระหว่างขึ้นไปชั้นสอง ก็มีผนังโมเสก เล่าเรื่องราวการพัฒนาการระบบรถไฟของประเทศญี่ปุ่น
สีสวยจัง
มีแสดงโชว์ให้ดูด้วย เด็กๆชอบกันมากเลย
เค้าจะพาเด็กอนุบาลมาเที่ยวกันเยอะมากเลยครับ
ประเทศนี้เหมือนเค้าจะปลูกฝัง ให้เด็กๆรักในรถไฟ
ประมาณว่า ดูไว้ซะต่อไปนี้ ชีวิตของพวกหนูๆจะต้องใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับเจ้าสิ่งนี้ไปชั่วชีวิต
มีความเป็น tetsu กันตั้งแต่เด็กๆเลย
เห็นเด็กๆจำเรียกชื่อรถไฟได้ถูกด้วย คันนี้ asuza คันนี้ Hikari

ดูหน้าตาแล้วมันดูเหมือนก็ไม่เหมือนว่าจะเร็วมากเลยเนอะ
แต่นี่คือ สิ่งไม่มีชีวิตที่อาศัยอยู่บนราง ที่วิ่งเร็วที่สุดบนพื้นพิภพ เปิดใช้งานตั้งแต่สมัยปี 1964
มันน่าทึ่งมากหนะครับ สมัยปี 1064 เชียงใหม่บ้านผมมีแต่รถสามล้อ มอเตอร์ไซค์ รถจี๊บ รถเก๋งเก่าๆ
ถนนหลายสายยังเป็นถนนลูกรังดินแดง
แต่ญี่ปุ่น ประเทศที่แพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดนระเบิดนิวเคลียร์เข้าไป 2 ลูก
แต่มีรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก อะไรจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนั้น
ชื่อขบวนรถไฟคือชื่อ Hikari เป็นชื่อที่คนโหวตกันมากที่สุด แปลว่าแสง
แสงที่จะนำพาความโชติช่วงมาสู่ประเทศญี่ปุ่น
ปี 1964 พ่อผมยังเรียนไม่จบเลยฮะ น้ำตาจะไหล
ก็เดินไปชมส่วนอื่นของพิพิธภัณฑ์กันมั่งครับส่วนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งครับ มีสนามเด็กเล่น และก็ limited express จอดอยู่สองสามขบวน
Asuza
AKEBONO รถจักรดีเซล class ED75
วิ่งระหว่าง ueno ไปยังสถานี Aomori ช่วงปี 75 ครับ
วิ่งให้บริการบนสาย Tokoku line ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองครับ
รถจักรรุ่นนี้ ยังมีวิ่งให้บริการเป็นขบวนพิเศษอยู่ในญี่ปุ่นอยู่ครับ เสียงหวูด เสียงไอน้ำซู่ซ่า ยังจำได้ติดหูจนบัดนี้
เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตเลยครับ
เพราะตัวอาคารตั้งอยู่ข้างๆราง Shinkansen เลย
มี shinkansen วิ่งผ่านตลอดเวลา
จะมีป้ายบอกว่า เวลาเท่าไหร่ จะมีรถขบวนไหนแล่นผ่าน
รอชมกันได้เลย เด็กๆยืนดูกันเต็มเลยครับ
สามารถขึ้นไปชม ไปฟังเสียง shinkansen แล่นผ่านกันแบบไม่มีอะไรขวางกั้น
แต่ผมหาบันไดทางขึ้นไม่เจอ
มารู้ทีหลัง ว่าต้องใช้ลิฟท์ขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า น้ำตาจิไหล
หลังจากนั้น ผมก็นั่ง shinkansen เล่น ไปถึง utsanomiya แล้วก็กลับมา tokyo
กินข้าวเย็น หาซื้อของเล็กๆน้อยๆ แล้วก็ขึ้น monorail ไปเครื่องกลับไทยฮะ
บ้ายบายญี่ปุ่น เดือนหน้าเจอกันใหม่
หวังว่าจะได้นั่ง Hokkaido Shinkansen ไป Shin-hakodate hokuto หละนะฮะทีนี้
tamrong
วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.39 น.