สามารถติดตามได้อีกช่องทางที่ ป่ะ!ไปไหนไปกัน
ทริปสิ้นปีก่อนวกฤติโควิดรอบสอง ที่แทบจะไม่ได้ฟิตร่างกายอะไรกันหลังจากที่นั่งสนทนากันว่าจะไปไหนกันดี ก็ได้มาจบที่ดอยนี้ครับเพราะทริปห้วยทู่ก่อนหน้านี่ มีพี่สมาชิกแนะนำว่าที่นี่สวย เดินเหนื่อยหน่อยแต่คุ้มค่ามากจริงๆ ตอนแรกหวิดๆจะกดเด่นช้างนอน แต่คิดถูกที่ยังไม่ได้กดไปกัน เพราะที่นี่ก็เดินเหนื่อยใช่ย่อย หลังจากที่จัดแจงของว่าจะเอาอะไรเข้าๆออกๆดี ก็มาถึงที่บิ๊กซีสะพานควายโดยที่แบกทุกอย่างมานั่นแหละ
Day-1 คลุยหลวง-จอวาเล
หลังจากที่รถตู้จอดที่ สภ แม่เมย ให้เราได้อาบน้ำแปรงฟัน จัดแจงข้าวปลากันเรียบร้อย กระบะก็พาเราฝ่าสายหมอกเย็นเฉียบ ไปที่จุดเริ่มเดินโดยขึ้นทางเดียวกันกับม่อนคลุย ซึ่งในหน้าแล้ง รถกระบะยกสูงหน่อยก็สามารถเข้ามากางเตนท์ได้ ผ่านจุดชมวิวม่อนคลุยเข้าไปอีกครึ่งชม รถก็มาจอดลงที่จุดเริ่มเดิน ม่อนคลุยหลวง
จากจุดนี้เราจะเห็นเนินเขาลูกใหญ่อยู่ตรงหน้า พร้อมที่จะเสริฟออเดริฟเรียกน้ำเกลือแร่ออกจากร่างระหว่างเนินแรกที่ชันคอตั้ง เราก็สามารถหันหลังไปชมวิวของทิวเขาที่ซับซ้อนทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตาได้เป็นระยะ ชวนให้ต้องหยิบกล้องออกมาถ่ายเกือบตลอดเวลา เป็นจุดที่เรียกได้ว่า สวยแบบขาสั่นๆ ได้เลย เมื่อผ่านเนินแรกไปแล้วเราจะค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าขึ้นแทบไม่มีลงให้ได้หายใจทั่วท้องเอาเลยเส้นทางเป็นการเดินไต่สันเขาขึ้นไปเป็นระยะ แดดแรง แนะนำว่าติดน้ำมาเยอะหน่อยจะช่วยได้มากครับ
ผ่านไป 3 ชม จนมาถึงแคมป์ม่อนคลุยหลวง เป็นอีกจุดหนึ่งที่ตั้งแคมป์ได้ และจุดนี้สามารถให้ลูกหาบลงไปเอาน้ำให้ได้ ในกรณีน้ำทำท่าจะร่อยหรอครับ (ผมหมดน้ำไปน่าจะลิตรครึ่งได้) แต่ถ้าเติมได้แนะนำให้เติมดีกว่า เพราะเราจะไม่เจอน้ำจนถึงแคมป์ถัดไปเลย ซึ่งตรงนี้เราก็รั่งท้ายขบวนกันเรียบร้อย มีเราสองคนและลูกหาบหนึ่งที่คอยดูเป็นระยะ ได้เอาน้ำที่ไปตักมาเรียบร้อยมาให้เรากรอกเติมกันจนเต็มกระติก เหมือนรู้ว่าถ้าไม่เติมพวกเอ็งไปไม่ถึงแน่
เลยจุดกางเตนท์คลุยหลวงไป ผ่านเนินชันอีกเนินเส้นทางจะเริ่มเป็นป่า อากาศเริ่มเย็นสบาย และทางเริ่มจะราบขึ้น เดินง่ายกว่าในช่วง 2-3 ชม แรกมากๆ เดินไปสักพักจะเจอกระท่อม แปลว่าเราเดินมาเกินครึ่งทางแล้ว(อันนี้ถามลูกหาบ เลยถามไปอีกว่าอีกไกลมั้ยครับ เค้าตอบสั้นๆว่าอีกไกล)จุดนี้อากาศดีมากเลยแวะงีบกันแป๊บนึง ส่วนลูกหาบบอกว่าเดี๋ยวจะเดินไปรอที่ข้างบน (บนไหนวะ)ทางหลังจากกระท่อมไปก็จะยังเป็นป่า แต่เส้นทางเริ่มจะมีทั้งทางชัน และลงหุบที่ชันเหมือนกัน พอลงเสร็จก็กลับมาเจอทางชันอีก สลับกันแบบนี้สักพัก ดันจนผ่านทางชันยาวๆ จนมาเจอลูกหาบนั่งรออยู่ข้างบน (ข้างบนที่หมายถึงคงหมายถึงไอ้นี่แหงๆ) ลงหุบชันดิกจนมาถึงทางแยก ที่จะแยกไปทางจอวาเลกับทูเลจุดหมายของเราคือจอวาเล ลูกหาบที่เฝ้าเราที่รั้งท้ายมาตลอดให้กำลังใจว่าอีกสองกิโลก็ถึงแล้ว เดินอีก ไม่เกิน ชมเดียวก็ถึง ตอนนั้นบ่ายสามกว่าๆได้แล้ว ได้ยินยังงั้นก็ใจชื้น ถ้าถึงแคมป์ 4 โมง ก็ยังมีเวลาดูอาทิตย์ตกเหลือๆ จนกระทั้งบ่าย 4 โมงครึ่งไปแล้วก็ยังไม่ถึงแคมป์ซักที เดินไปกี่โลแล้วก็ดูไม่ได้เพราะ gps จับระยะไม่ได้ไปแล้ว เราต่างที่ป้อแป้เพราะทางที่ขึ้นๆลงจนเกร็งมาตลอดทางก็นั่งพัก ต่างคนต่างหยิบขนม แอดบลหยิบพาวเวอร์เจลขึ้นมาให้ลองชิม และได้รู้ว่ามันหวานแสบคอและชวนหิวน้ำเอาเรื่อง
เรียกแรงฮึดรอบที่สองร้อย เชคไฟฉายว่าพร้อม เพราะไม่รู้เหลือระยะทางอีกเท่าไหร่ ตอนนี้ขาไม่อยากขยับละ เรื่องดูอาทิตย์ตกเริ่มออกจากหัวไป ตอนนี้ขอยังไงก็ได้แค่ไปให้ถึงแคมป์ขึ้นเนินมาได้ นึกว่าเจอคนป่ายืนจังก้าอยู่ พอมองดูดีๆ อ๋อ สตาฟตูเองนี่หว่า สงสัยกลัวเราไปล้มแปะที่ไหนจนต้องมาตาม แน่นอนว่าคำแรกที่ถามไป คืออีกไกลมั้ย "ไกล้ถึงแล้วครับ" สตาฟตอบแล้วหันหลังเดินฉับๆ พวกเราก็เอาแรงฮึด(อีกรอบ)ก้าวฉับตามหลังไป จนผ่านไปเกือบ 20 นาที ไกล้แล้วบ้านเอ็งดิ จ้ำขนาดนี้ยังไม่ออกจากป่าเลย คิดเสร็จ ก็เห็นแคมป์ลูกหาบโผล่มาทางซ้ายมือ เห็นลูกหาบคนที่เฝ้าเราตลอดทางนั่งอยู่ หันมามองแล้วพูดดังๆว่า "ถึงแล้วพี่"อยากจะกระโจนลงไปพังพาบ ติดแต่ปลายทางต้องขึ้นไปอีกหน่อย ทุ่งหญ้ากว้างกับแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับฟ้าอยู่ตรงหน้า ดีใจอีกอย่างที่มาทันอาทิตย์ตกด้วย ยิ่งเดินเข้าไปในทุ่งหญ้า วิวของจอวาเลยิ่งเปิดกว้างเป็นวิวพาโนราม่า
ขายังสั่น แต่ใจสั่นกับวิวข้างหน้ามากกว่า ที่นี่โครตสวย มุมกางเตนท์คือรูดซิปมาเจอวิวภูเขาเลย แต่เนื่องจากมาถึงกันเย็นไปนิด ภาพของทุ่งหญ้าสีทองเลยได้มาน้อยไปหน่อย
พอถึงเตนท์ก็ทิ้งเป้ เก็บภาพข้างหน้าจนอิ่ม เก็บเพลินจนไปกินข้าวช้ากว่าเพื่อน (อีกแล้ว) ได้ไข่เจียวกับไข่พะโล้ไป เพิ่มพลังที่เสียไปวันนี้ได้เยอะเลย ตบท้ายด้วยโรตีเสริมน้ำตาลในเลือดไปอีก คืนนี้หลับสบายแน่ๆ ข้อดีของจอวาเลคือลานกางเป็นทุ่งกว้าง พอไฟเตนท์ดับลง ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยทะเลดาวที่ชัดมากๆ โดยเรานอนดูอยู่ในเตนท์ยังได้
และแล้ววันนี้กลางวันที่แสนเหน็ดเหนื่อย ก็ถูกชดเชยด้วยค่ำคืนที่โรแมนติกเก็บภาพดาวเข้ากล้อง แล้วก็ค่อยไปนอนหลบหนาวในเตนท์คืนอากาศที่เย็นลงเร็วมาก หัวค่ำก็ลงมาสิบต้นๆแล้ว คืนนั้นอุณหภูมิต่ำสุดที่วัดได้ ประมาณ 6-7 องศา
จบรูทของวันแรก ม่อนคลุยหลวง-จอวาเล
เริ่มเดินตอน 10.30 ถึงแคมป์ 17.30
ระยะทาง 7 กิโลเมตร
spacial thx คลุกฝุ่นทัวร์ #ป่ะไปไหนไปกัน#จอวาเล #ม่อนคลุยหลวง
Narongrit GbbStudio
วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 23.16 น.