เมื่อวาน ผมเพิ่งได้อ่านหนังสือ ทางรถไฟสายดาวตก ของพี่ก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน

แล้วก็เกิดความรู้สึกคิดถึงรถไฟญี่ปุ่นอย่างจับใจเลยครับ ทั้งๆที่เพิ่งจากญี่ปุ่นมาได้ไม่ถึงเดือน



หนังสือเล่มนี้ มีแต่คนแนะนำให้ผมอ่านมานานล้ว เพราะเค้าบอกว่า

พี่คนเนี้ย คือเท็ตสึ หรือโอตาคุรถไฟแท้ๆ เผ่าพันธุ์เดียวกับผมนี่หละ

เผลอๆ ชาติก่อนก็อาจอยู่เผ่าเดียวกัน อยู่หมู่บ้านเดียวกันเลยก็ได้ คือเผ่าบ้ารถไฟ


ผมก็ไม่ได้ไปหาซื้อมาอ่านสักที เพราะคิดว่าหนังสือมันออกมานานแล้ว มันคงหาซื้อยากแล้ว

ที่ไหนได้ ไปเดิน B2S เห็นวางหราอยู่ตรงชั้น new release

ตกลงว่า มันออก new release เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วฟะเนี่ย

อารามดีใจ เลยรีบคว้าใส่มือ แล้วก็เดินไปจ่ายตังค์ซื้อมาอ่านรวดเดียวจบเลยครับ



เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมร้อง อู้ว ร้องว้าว โอ้ว

บางบท ก็แทบทำให้น้ำตาไหล กับความเอาใจใส่ของคนออกแบบรถไฟของญี่ปุ่น

เต็มไปด้วยความทึ่ง ตื่นใจ (ไม่รู้ว่าอินอยู่คนเดียวรึเปล่า เหอๆ)



แล้วผมก็ย้อนคิดไปถึงการเดินทาง ที่ผมก็เคยไปเที่ยว ทับรอยมั่ง ซ้ำรอยพี่เค้ามั่ง สวนกันมั่ง

แล้วมันก็เกิดความ สุขใจ และ ความคิดถึงมันอย่างประหลาด



เลยเกิดไฟลุกโชน น้ำเดือดปุดๆ จนก้นหม้อดำเลย

ตั้งใจว่าจะมาตั้งกระทู้รีวิวรถไฟญี่ปุ่นที่เคยได้นั่งมา อาทิตย์ละขบวนๆ

เพื่อแชร์ความอิ่มเอมใจ ให้คนอื่นๆได้อิจฉา เอ้ย ได้สัมผัสมั่ง

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปได้สักกี่น้ำ


กระทู้มันจะแป๊ก จะฝืดยังไง ก็ต้องตามแต่บุญกรรมหละครับ

แต่ก็อยากให้คนอ่านเยอะๆ เพราะตั้งกระทู้แล้วไม่มีคนอ่าน มันเหมือนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วไม่มีคนมากิน

มันเงียบเหงา วังเวงพิลึก เหอๆ



ทริปนี้ เป็นช่วงปลายเดือน มิ.ย.


เป็นทริปเดียวกับที่ผมจะเดินทาง นั่งรถไฟข้ามญี่ปุ่นจากสถานีเหนือสุดประเทศ ไปสถานีใต้สุดประเทศ 3157km

ระหว่างที่รอวันเดินทาง ที่คาดไว้ว่ามันจะต้องยาว ต้องหนักหน่วง และเร่งรีบๆ



ผมก็ค่อยๆเที่ยวสะสมความสนุก ความสบาย เก็บ HP ไว้ต่อสู้ก่อนครับ

การเดินทางจะได้มีชิลๆ มีเหนื่อยๆ มีเร่งๆ มีสบายๆ ผสมๆกันไป


การหาความสุขของผม ก็ไม่พ้นได้นั่งรถไฟท่องเที่ยวแปลกๆต่างๆ ตามประสาคนบ้ารถไฟ



จากการที่ได้ทำการบ้านมาจากประเทศไทย

รถไฟชมวิวที่มีนามว่า norokko ขบวนนี้ ไม่ได้วิ่งทุกวัน

แต่จะวิ่งเฉพาะวันหยุดและวันสำคัญๆในช่วงไฮ ของฮอกไกโดเท่านั้นครับ

ตามตารางนี้



http://jprail.com/destinations/hokkaido-area/furano-biei-norokko-train.html



และก็รู้มาว่า ตู้ชนิดสำรองที่นั่ง reserve seat มีเพียงตู้เดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้ตู้ reserve ก็ไปลุ้นกันเอาเอง

พอผมลงเครื่องที่สนามบิน chitose ปุ๊บ ผมก็เข้าไปจองที่นั่งที่เคาเตอร์ JR ที่สนามบินเลยครับ

ปรากฏว่าเจ้ที่รับจองบอกว่า เต็มแล้วจ้า ยูไปลุ้นตู้ non-reserve เหอะเอ้าลุ้นก็ลุ้น



เช้าวันที่ 29 มิ.ย. 2558 ผมเลยมารอที่สถานี JR Asahikawa อันเป็นสถานีต้นทางตั้งแต่เช้าเลยครับ

รถออก 9.56 ผมมารอก่อนชั่วโมงนึงเลย จะได้ชัวร์ๆ มั่นใจได้ว่ามีที่นั่งแน่นอน



สถานี JR Asahikawa เป็นสถานีที่แบบว่า มันโล่งมากอ่ะครับ


สถานีเค้ากว้างขวางและทันสมัยมาก แต่ไม่ค่อยมีคนเลย

คนโล่งประมาณเดียวกับแอร์พอร์ทลิ้งค์บ้านเรา ตอนบ่ายๆ

เห็นคนโล่งๆแบบนี้ ก็เย็นใจว่าวันนี้คง ไม่ต้องไปเบียดกับใครเค้ามาก



เห็นแล้ว ป้ายบอกว่า Norokko 1 ปลายทาง Furano ชานชาลาหมายเลข 1 เวลา 9.56


สถานีรถไฟญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะมีป้ายไฟแบบนี้นี่หละครับ

คนไม่ค่อยรู้เรื่องก็ยังพอเดาทางได้ ว่าต้องขึ้นไปทางไหน เวลาเท่าไหร่

ไม่ต้องงมกันนาน



พอขึ้นไปถึง ก็เจอน้อง Norokko จอดรอสตาร์ทเครื่องอยู่เลยครับ แต่ว่าประตูยังปิดอยู่ ยังขึ้นไปนั่งไม่ได้ครับ


ตามประสาคนบ้ารถไฟ ก็ควักกล้อง ถ่ายเก็บรายละเอียดต่างๆครับ



ด้านข้างหัวรถจักร เขียนรูปเทือกเขาแห่ง Furano ที่เป็นวิวข้างทางเอาไว้ครับ


สัญลักษณ์ประจำขบวน Norokko เป็นรูปเต่า บ่งบอกว่าขบวนของชั้น ไม่ได้เป็นรถไฟที่เร็วนะ


เราจะเน้นไปแบบเต่าๆ ชิลๆ slow life

นั่งกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ เพราะเราคือรถไฟกินลมชมวิว ฮ่าๆ


ถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็กลับมาต่อคิวขึ้นรถ


รถไฟ norokko 1 เที่ยวนี้ มีสามีภรรยาชาวไทยวัยกลางคน บ้าไปยืนต่อแถวขึ้นรถไฟเป็นคนแรกเลยครับ

ยืนได้สักพัก ก็มีพี่ญี่ปุ่น น้องจีน มาต่อคิวตามผมจนหางแถวยาวใช้ได้ละ แต่ยังไม่น่าจะเต็มรถ


แล้วก็มีพนักงาน ไม่ได้ใส่ uniform ปกติ แบบเป็นงานเป็นการ แต่ใส่เสื้อยืดติดโลโก้ norokko ทยอยเปิดหน้าต่างในรถครับ

แล้วก็เปิดประตูให้พวกเราได้เข้าไปการได้ขึ้นรถไฟเป็นคนแรกๆมันดีอย่างนี้นี่เอง ได้เลือกที่นั่งก่อนใครเค้า



พอได้ที่นั่ง ที่หันหน้าออกจากหน้าต่างแล้ว


ผมก็ไปเดินสำรวจ ถ่ายรูปในขบวนรถหละครับ



มีทั้งหมด 3 ตู้ ครับ

ตู้แรกสุด คือตู้ที่ผมนั่ง มีเก้าอี้ชมวิว หันเข้าหาหน้าต่างรถ



ตู้ที่สอง เป็นที่นั่งแบบคล้ายๆโต๊ะอาหาร

ตู้ที่สาม reserve seat มีเก้าอี้ชมวิว หันไปอีกทางนึง มีร้านขายของด้วยครับ แต่ปิดอยู่


reserve seat ทั้งหมด มีแค่นี้เอง มิน่าหละ ถึงเต็มเร็วนัก



ตอนที่เดินดูในขบวนรถ คิดในใจ ในที่สุด วันนี้ความใฝ่ฝันก็เป็นความจริง

จากที่เคยดู เคยเห็นแต่ในสารคดี Train cruise ของ NHK world


รถ torokko แบบเนี้ยหละ ค่อยๆแล่นไป ลำธาร ป่าเขา ชมวิวไปเรื่อยๆ มันช่างมีความสุขยิ่งนัก

วันนี้แล้วสินะ ที่สิ่งที่ใฝ่ฝันไว้จะเป็นจริงในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว โอ้ว เย้พอกลับมาถึงที่ตู้ตัวเอง



เฮ้ย ทำไม คนนั่งเต็มรถแล้ว เผลอแป๊บเดียว คนขึ้นมาเพียบเลยครับ

เกือบเต็มตู้ละครับ

ยังเหลือเวลาอีกราวๆ 5 - 10 นาทีครับ รถยังไม่ออก



พอเกือบจะนาทีสุดท้าย

อะไรกันนี่ กรุ๊ปจีนทัวร์ที่ไหน เดินลากกระเป๋าเดินทางมาเต็มเลยครับ

กระเป๋าพี่ท่านแต่ละคน ใบใหญ่ยังกะมาทริปยี่สิบวัน

ยืนเบียดกันตรงทางเข้าทั้งกระเป๋าเดินทางนี่หละ อะไรกันเนี้ย



รถไฟท่องเที่ยวฟรุ้งฟริ้งของช้าน ตอนนี้ไม่ต่างกับรถเมล์ ขสมก เลย

ยังดีนะที่เรามาก่อน เลยมีที่นั่ง มุมดี๊ดี



ปี๊ดๆ หวูดรถไฟดังแล้ว แปลว่ารถไฟกำลังจะออกเดินทางละครับ

วิวข้างทางก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากวิวเมือง กลายเป็นทุ่งนา ป่าเขา



คือว่า มันดีงาม



อากาศตอนนั้นก็ไม่ร้อนมาก ราวๆ 18-20 องศา ลมเย็นๆตีหน้าไปเรื่อยๆ

แค่รถไฟออกจากสถานีไปได้สัก 10 นาที

การเดินทางของผมวันนี้ ก็ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว



ที่เหลือต่อจากนี้ คือกำไรแล้ว



ส่วนคุณลุง และคุณน้องหมวยที่นั่งข้างๆผม ก็ทำหน้าตาแบบว่า กำไรแล้วเหมือนกันหละครับ

ทุกคนดูมีความสุข สนุนสนาน



ส่วนของพี่น้องชาวจีนที่ยืนเบียดกับกระเป๋าอยู่ตรงประตูนี่ ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไง แอบสงสาร

แล้วรถไฟฟรุ้งฟริ้ง ก็มาจอดที่สถานี Biei ครับ



จอดนานอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นสถานีหลัก ที่คนขึ้นลงเยอะ



และก็รอรถที่สวนมาด้วยมั้งครับ เพราะรถไฟสายนี้ เป็นทางรถไฟเลนเดียว

รถไฟแต่ละขบวนต้องจอดรอรถสวนกัน ที่สถานี

สังเกตุเห็นอย่างนึงครับ ที่ตึก เค้าเขียนปีที่สร้างติดเอาไว้



พอนึกภาพดู จะเห็นภาพเลยครับ ว่าตัวเมือง Biei นี่ ความเจริญ ขยายออกไปขนาดไหน ตามปีที่เขียนไว้ที่ตึก



ฮอกไกโด หน้าหนาวในจินตนาการ คือภาพฤดูหนาว ที่มีแต่หิมะปกคลุม เดินไปทางไหนก็มีแต่คนลื่นน้ำแข็งหกล้ม

แต่ฮอกไกโด หน้าร้อน มีทุ่งหญ้า และดอกไม้เล็กๆบานอยู่ทุกแห่งหน



ออกจากสถานี บิเอะ


วิวข้างทางก็เปลี่ยนไป เป็นเนินเขา ลุ่มๆดอนๆ เป็นทุ่งข้าวบาเลย์ สลับกับข้าวโพด

ดูกันเพลินตาครับ คนญี่ปุ่นนี่เค้าช่างสร้าง story จริงๆ


ต้นไม้ต้นนึง ก็มีเรื่องมีราว ชวนให้คนขับรถมาดูได้จากทั่วประเทศ



สุดท้าย 11.11 ตรงเวลาเป๊ะๆ

รถไฟ norokko ก็มาถึงสถานี Lavender farm

อันเป็นสถานีที่ผมจะลงละครับ

หนึ่งชั่วโมงกว่าๆที่ผ่านไป ทำไม มันไวเหมือน 15 นาทีเลย ถึงแล้วหรือนี่ ไม่รู้สึกตัวเลย

วันนี้ต้องลาจากกันหละ


บ๊ายบาย โนร๊อคโกะซัง วันนี้ แกทำให้ฉันมีความสุขมากเลย norokko ซัง

ตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็อยู่ฮอกไกโดอีกหลายวัน และกลับไปอีกครั้ง สองครั้ง


ทุกครั้ง ที่ผมขับรถสวนกับ norokko หรือ นั่งรถไฟสวนกับ norokko หรือเจอ norokko จอดอยู่บนสถานี

ผมมีความรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่าเลยครับ เหมือนเจอเพื่อนที่เคยเป่ากบ เขี่ยไพ่ ด้วยกันตอนเด็กๆ



เสียงหวูดปิ๊ดๆ ที่ได้ยินจากไกลๆ ก็เหมือนได้ยินเสียงเพื่อนเก่าร้องทักทาย



หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะ norokko san บ๊ายบาย



ส่วนที่ tomita farm นี่


มีคนรีวิวไว้ครบทุกซอกทุกมุมแล้วมั้งครับ

ผมไม่ขอรีวิวซ้ำละกัน เพราะกระทู้เราคือกระทู้รีวิวรถไฟ

ขอจบกระทู้ไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านครับ ที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้



ขอลาไปเช็ดน้ำตาก่อน คิดถึง โนร๊อคโกะซัง



ความคิดเห็น