รถไฟขบวนนี้ ไม่ใช่ของบริษัท JR โดยตรง แต่เป็น บริษัทลูกของ JR
คือบริษัท sagano railway ที่แยกตัวออกมาเดินรถสาย Romantic train โดยเฉพาะ
ดังนั้น พวกบัตรอภิสิทธิ์ PASS ต่างๆของ JR จะไม่สามารถใช้กับรถไฟสายนี้ได้ครับ
เพราะถือว่าเป็นคนละบริษัทกัน ต้องจ่ายตังค์อย่างเดียว
เส้นทางเดินรถ ก็เป็นเส้นทางสายเก่าแก่ ที่คดเคี้ยว ลัดเลาะไปตามแม่น้ำ hozu river แถวๆเมือง arashiyama จังหวัด kyoto นี่หละ
เส้นทางนี้ แต่เดิม บริษัท JR ก็ใช้เส้นทางนี้เดินรถไฟปกติอยู่
แต่ตอนหลังในปี 1989 ก็ได้เปลี่ยนไปใช้เส้นทางทางเดินรถสายใหม่ ที่ตัดตรงกว่าเดิม สั้นกว่าเดิม เพื่อย่นระยะเวลา
เส้นทางสายเก่า พอไม่ได้ใช้แล้ว การรถไฟญี่ปุ่นเค้าก็ไม่ได้ทิ้งร้าง ก็เลยอนุรักษ์ไว้แทน
โดยเปลี่ยนจากรถไฟปกติ ที่ขนผู้คนไปทำงาน เปลี่ยนมาเป็นรถไฟท่องเที่ยว กินลมชมวิวแทน
โดยตั้งบริษัท sagano railway ขึ้นมาเดินรถแทนครับ
เอาหละ ประวัติความเป็นมาโดยสังเขปของรถไฟสายนี้ ก็จบเพียงเท่านี้ครับ
คราวนี้ ไปออกทริปกับใคร ก็ไปคุยฟุ้งให้เค้าฟังได้หละครับ
ประเทศญี่ปุ่น ทุกอย่างมันต้องมี story ต้องมีเรื่องราว มันถึงจะดูขลัง อิอิการเดินทางไปสถานีต้นทาง
ออกจากสถานีเกียวโต สถานีรถไฟที่กว้างใหญ่ไพศาล เปลี่ยนชานชาลาทีนึงนี่ เดินข้ามชานชาลากันขาขวิด
เดินทางมาด้วยรถไฟสาย sagano line มาลงที่ JR Saga Arashiyama station
ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานี torokko saga จุดเริ่มต้นของการเดินทางด้วย Romantic train
ลงมาจากสถานี JR saga arashiama
กระโดด หยอยๆๆ ไป 3 ที ก็ถึงสถานี Sagano railway torokko saga ละครับ
อาคารอยู่แทบจะชิดกันเลยครับ ตามภาพ
จากชั้นบนของสถานี JR สามารถมองเห็นรถไฟ Romantic train จอดรออยู่ได้
บนสถานี JR มี 7-eleven ด้วยหนะครับ จะซื้อข้าว ซื้อขนมตุนไว้ ก็สบายๆ
เดินลงมา เข้าไปในสถานี จะมีเคาเตอร์ขายตั๋วอยู่
แต่ผมบ้าเห่อ ไปตั้งแต่เช้าตรู่ เค้ายังไม่เปิดขายตั๋วเลยครับ ต้องรอจนกว่า
เลยเดินถ่ายป้ายต่างๆ รอเค้าเปิดขายตั๋วตอน 8 โมง 40 นาที
ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 620 เยน เด็ก 310 เยน ต่อเที่ยว
ตารางเวลารถไฟ ขาไป และขากลับ
เส้นทางรถไฟ เลียบแม่น้ำ Hozu ที่คดเคี้ยว
การเดินทาง ไป - กลับ เราเลือกได้หลายทางครับ เพราะมีทั้งรถไฟ sagano รถไฟ JR หรือจะนั่งเรือกลับมาก็ยังได้
บางคนนั่งรถไฟ sagano ไป แล้วนั่ง JR กลับมา
บางคน นั่งรถไฟ sagano ไป แล้วนั่งเรือกลับมา
ผมมันบ้ารถไฟ รถไฟคือปลายทาง
เราไม่ได้นั่งรถไฟไปเที่ยว แต่เราไปเที่ยวให้ได้นั่งรถไฟ
ก็เลยซื้อตั๋ว romantic train ทั้งขาไป และขากลับเลย
จะได้นั่ง 2 รอบ เสพรถไฟ romantic train ได้เต็มๆปอด
ได้ตั๋วหละครับ เข้าไปถ่ายรูปรถไฟตอนคนยังน้อยๆดีกว่า
ผมไปนั่ง วัน tanabata ของเค้าเลยครับ วันที่ 7 เดือน 7 2015 อาจจะเป็นวันหยุดของเค้า คนเลยเยอะหน่อย
หัวรถจักรครับ มีป้ายแปะไว้เลย ว่านี่แหละ เขาหละ Romantic train
รถไฟ จะมี 5 ตู้
เฉพาะตู้ที่ 5 จะเป็นตู้พิเศษครับ สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา
ด้านบน เป็นหลังคาพลาสติกใส กันฝน แต่ไม่กันแดด ไว้มองท้องฟ้าได้เต็มๆตา
ด้านข้างเปิดโล่ง เป็นซี่ลูกกรง รับลมสุดๆ
ด้านล่าง เป็นตะแกรงเหล็ก มองเห็นพื้นอีกต่างหาก
ถ้าทำเหรียญหล่นลงไปนี่ ก็ไม่ต้องเก็บเลยทีเดียว
คือตู้นี้ จะมองเห็นวิวได้ รอบตัวเลย ซ้ายขวา บนล่าง แจ่มมากๆ
แต่น่าเสียดายที่สุด
ตอนนั้น ผมไปต่อคิวซื้อตั๋วเป็นคนแรกๆเลย แต่ไม่รู้ว่าตั๋วตู้พิเศษนี่ สามารถเจาะจงซื้อได้
ผมเลยได้ตั๋วตู้ธรรมดามาซะงั้น ไม่งั้น คงได้นั่งตู้พิเศษ 360 องศานี่หละครับ เสียดายๆตู้ 1 - 4 เป็น ที่นั่งธรรมดาครับ แต่ก็ด้านข้างเปิดโล่งให้ชมวิวได้เต็มที่หละครับ
ที่นั่งเป็นม้านั่งไม้ แคบๆนิดนึง
และแล้ว ก็ได้เวลารถออกละครับ
รถเคลื่อนตัวออกไปจากสถานี ผ่านป่าไผ่ไปจอดที่สถานี Torokko arashyama อันเป็นสถานีติดๆกัน
หลังจากนั้น รถไฟก็แล่นก็ลัดเลาะไปตามแม่น้ำละครับ วิวข้างทางเป็นแม่น้ำ แก่งหิน มุดอุโมงค์มั่ง
และก็มีต้นเมเปิ้ล ปลูกเป็นแนวยาวเหยียดไว้ตลอดทาง
ถ้านั่งในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนี่ ต้นเมเปิ้ลข้างทางคงจะแดงไปทั้งแนว น่าจะสวยมากๆ
แต่รถ ท่าจะจองยาก และ แน่นเอี๊ยด เหมือนกันครับ เพราะเป็น peak season
มีจุดนึง รถไฟข้ามสะพาน แล้วชลอๆให้ผู้โดยสารถ่ายรูปกันกลางสะพานครับ
สมกับเป็นรถไฟ กินลม ชมวิวจริงๆ
สุดท้าย รถก็ไปจอดที่สถานี torokko kameoka แล้วก็ แล่นกลับไปสถานีต้นทางครับ
นั่งรถไฟขบวนนี้อยู่เกือบชั่วโมง เหมือนเวลามันผ่านไปแว่บเดียว
ความรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องเล่นในสวนสนุก หรือ นั่งรถไฟชมวิว งานฤดูหนาว อะไรงี้เลยครับ
ภาพต่างๆ มันผ่านเข้ามา ปึ๊ดๆๆๆๆๆ แล้วมันก็จบลงไปอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกประมาณว่า อะไรว้า ถึงแล้วเหรอเนี่ย ทำไมเร็วจัง
ก็มันแค่ สี่สถานีเอง เวลาแห่งความสนุกสนาน มันมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเนาะ
ระหว่างการเดินทางขากลับ
เจอน้องผู้หญิงคนนึง มาคนเดียว นั่งตรงข้ามกับผม
น้องเค้านั่งเหงาๆ เหม่อมองข้างทางแบบซึมๆ เงียบๆคนเดียว
นั่งดูวิวอย่างเดียว ไม่เซลฟี่ ไม่ถ่ายรูป ไม่อะไรสักอย่าง
เคยได้อ่านมาว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นเวลาอกหัก จะไปเที่ยวคนเดียว
ไม่รู้ว่าน้องคนนี้อกหักกับเค้าด้วยรึเปล่า
เวลา 50 นาที ที่เหมือน 5 นาที ของผม อาจจะยาวนานเหมือนเวลา 500 นาที ของเค้าก็ได้เนอะครับ
เมื่อกลับมาถึงสถานีต้นทาง ก็เป็นอันจบการเดินทางด้วยรถไฟ romantic train ละครับ
กลับมาถึงสถานีต้นทาง ก็แวะซื้อแม่เหล็ก กลับไปแปะผนังที่บ้าน
และที่สถานี torokko saga นี่ เป็นพิพิธภัณฑ์ รถจักรไอน้ำด้วยครับ
มีหัวรถจักรไอน้ำเก่าๆ จอดโชว์อยู่หลายคัน อีกส่วนเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟจำลอง แต่เก็บเงิน ก็เลยไม่ได้เข้าไปชม
ต่อจากนั้น ก็วางแผนไว้ว่าจะเดินออกจากสถานี ไปเที่ยวป่าไผ่ กับ ไปสะพาน
แต่เจอฝนถล่มเละเลย
ก็เลยไปได้แค่ป่าไผ่อย่างเดียวครับ เสียดายอีกแล้ว สภาพลมฟ้าอากาศไม่เข้าข้างเรา
แต่วันนี้ ผมไปถึงจุดหมายปลายทาง คือรถไฟ เรียบร้อยแล้วครับ ที่เหลือคือกำไร
ยอมได้กำไรน้อยหน่อย จะได้ไม่ต้องป่วย แฮ่ะๆ
คิดถึงคันไซ คิดถึงรถไฟ คิดถึงญี่ปุ่นน้อ
ประเทศญี่ปุ่นนี่ เค้าคิดทำอะไรได้ เข้าท่านะครับ
ทางรถไฟสายเก่าๆ ที่เสียเวลาเดินทาง พอเลิกใช้ไปแล้ว
เค้าก็เอามาปรับ เป็นทางรถไฟท่องเที่ยว กินลมชมวิว ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาได้เยอะแยะ
กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น หารายได้เข้ากระเป๋าได้เป็นกอบเป็นกำ
ประเทศไทยเราน่าเอาเอาอย่างมั่งนะครับ
อย่างทางรถไฟสายมรณะ ถ้ำกระแซ นี่ น่าจะพัฒนาให้สดใสสวยงาม ฟรุ้งฟริ้ง
เอารถไฟสวยๆแปลกๆมาวิ่ง น่าจะเก็บเงินนักท่องเที่ยวได้สบายๆไม่แพ้เค้าเลย
ก็ขอจบกระทู้ไว้เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณที่แวะมาชมกระทู้
tamrong
วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 10.18 น.