จุดเริ่มต้นของเรา . . เป็นเพราะหนัง เราสองสามคน บวกกับอยากเก็บประเทศในอาเซียน เลยตัดสินใจไปเวียดนาม

ครั้งแรกเลยที่ทริปนี้ได้เพื่อนสนิทมาเที่ยวด้วยกันสองคน เป็นทริปที่ไม่มีการวางแผนใดใดทั้งสิ้น ตอนไปมีแค่ตั๋วเครื่องบินไป-

กลับ ที่พักไม่ได้หา walk-in เอา ไม่ได้หาข้อมูลที่เที่ยวอะไรด้วย รู้แค่ไปโฮจิมินท์ - ดาลัท - มุยเน่

เรียกว่า เปิดรีวิวดูราคา หน้างานตลอด เลยอยากเขียนรีวิวขึ้นมา เผื่อใครไปจะได้เทียบราคาได้ ไม่โดนโกง

รีวิวที่เราใช้ในเวียดนาม คือ รีวิวของ palapilii : http://www.palapilii-thailand.com/archives/5 (fc พี่เค้าเลย)

กับ รีวิวของ page RelationTrips : https://www.facebook.com/relationtripsss (รีวิวเข้าใจง่ายมากกกกก)

ขอบคุณรีวิว 2 อันนี้งาม ๆ !!!! เรียกว่ารอดตายเพราะสองรีวิวนี้

กล้องที่ใช้ : โทรศัพท์ Note 2 , Ipnone 5 , Gopro

ค่าใช้จ่ายตลอดทริป : 5,200 บาท (รวมตั๋วเครื่องบิน)


การเดินทาง เริ่มวันที่ 27 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน ( 6 วัน 5 คืน)

27 พ.ค. : บินจาก ดอนเมือง ไป โฮจิมินท์ , หารถจาก โฮจิมินท์ ไป ดาลัท

28 พ.ค. : เช้าถึงดาลัท - หาที่พัก - เช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบนอก

29 พ.ค. : เดินเที่ยว เสพบรรยากาศในดาลัท

30 พ.ค. : นั่งรถไปมุยเน่ตอนเช้า ถึงประมาณเที่ยง , บ่ายไปทัวร์ Half day trip ในมุยเน่

31 พ.ค. : นั่งรถกลับโฮจิมินท์ตอนเช้า ถึงประมาณเที่ยง เที่ยวรอบ ๆ โฮจิมินท์

1 พ.ค. : เดินเล่นในโฮจิมินท์ บินจาก โฮจิมินท์ กลับ ดอนเมือง

แพลนของเราก็ประมาณนี้ สำหรับเรานะ โอเคมาก รู้สึกไม่ค่อยรีบ โดยเฉพาะอยู่ดาลัท 3 วัน 2 คืน ดีงามมาก

มีเวลาให้ตัวเองหายใจเอาอากศดีดี (: ลองไปปรับ ๆ เอาตามสไตล์ของตัวเองละกัน


Day 1 : 27 พฤษภาคม


แน่นอน จุดเริ่มต้นของเรื่องราว . . เริ่มขึ้นที่ดอนเมือง ก่อนไปมีแต่คนมาสปอยว่าไปเวียดนามระวังโดนโกงอย่างนั้น โดนโกงอย่างนี้ ระวังของหาย ของปลอม โดนหลอก และอีกมากมาย เรียกว่าเฟลก่อนไปเลยแหละ ถึงกับถามตัวเองว่าตัดสินใจผิดหรือเปล่า แต่อีกใจเราก็คิดนะว่าเวลาต่างชาติมาประเทศไทย เค้าจะพูดแบบเดียวกันหรือเปล่า ทุกประเทศก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีแหละ อย่าคิดมาก แค่ระวังตัวไว้ก็พอ เราบินประมาณ เกือบบ่ายสาม จากดอนเมือง ไป เวียดนาม ใช้เวลาประมาณ 1 ชม 30 นาที


ระหว่างทาง ฝนเริ่มตกยิ่งใกล้ถึงฝนยิ่งตกหนัก คือ เราเป็นประเภทที่ไปเที่ยวไหนฝนก็ตก ไม่เข้าใจเหมือนกัน หน้าร้อนหน้าหนาวหน้าฝน เราไปก็ตกตลอด จนเพื่อนเรียกว่า เจ้าแม่อุทกภัย


ถึงเวียดนามประมาณ 4 โมง ครึ่ง ไม่ต้องห่วงเรื่อง ตม. เดินผ่านชิว ๆ ไม่ถามอะไรเลย พอมาถึงเราก็แลกเงินนิดหน่อย คือ 10 ดอล แลกมาได้ 223.900 ดอง (1 ดอลล่าห์ = 22.390) และซื้อซิมโทรศัพท์ ที่สนามบิน เพราะตามรีวิวบอกให้ไปแลกร้านทองในเมือง เรทจะดีกว่า

** ตอนแลกเงิน เราแลกเงิน บาท => ดอลล่าห์ => ดอง

ควรแลกดอลล่าห์ใหญ่ ๆ เพราะเวลาแลกเป็นดอง ได้เรทดีกว่าดอลล่าห์เล็ก

เวลาเทียบเงิน เราเทียบ 10.000 ดอง = 15 บาท

100.000 ดอง = 150 บาท **

ซิมที่เราแลก คือ ซิม VinaPhone โอเคมาก สัญญาณถือว่าดี เน็ตเร็ว ถูกมากเมื่อเทียบกับเจ้าอื่น

อันนี้ 5 G ราคา 100.000 ดอง (ประมาณ 150 บาทไทย) ตอนวันสุดท้ายที่เช็คเน็ต แอบเสียดายใช้ไปไม่ถึงกิ๊ก

ทั้งๆ ที่เราก็เล่นบ่อยนะ สั้นๆคือซื้อเถอะ คุ้ม

** ซื้อเสร็จ ควรเปลี่ยนซิมที่ร้านเลย เผื่อมีปัญหา ของเราตอนแรกใส่ซิมกับมือถือเพื่อนไม่ได้ 3G ไม่ขึ้น

ที่ร้านพยายามแก้ แต่แก้ไม่ได้เลยเปลี่ยนเครื่องแทน **



ออกจากสนามบิน ไม่ว่าใครจะชวนขึ้นอะไร SAY NO !! ฉันจะไปบัสเท่านั้น ที่เราขึ้นคือสาย 152 ราคาแค่ 5,000 ดอง (7.5 บาท) ถ้ามีกระเป๋าใหญ่ เค้าจะคิดค่ากระเป๋าด้วย ไม่ต้องตกใจ จากนี่ใช้เวลาถึงตัวเมืองโฮจิมินท์ ประมาณ 45 นาที บอกเค้าไป Ben Thanh Market (เบนถัน/บินถั่น) หลังสังเกตุว่าจะต้องลงแล้วคือ มันจะเป็นตลาด มีท่ารถ บอกไว้ เพราะว่าเรากับเพื่อนนั่งเลยจ้าาา เดินย้อนยาว ๆ

พอมาถึง สิ่งแรกที่ต้องการคือ แลกเงิน !!! โหยยย แต่กว่าจะเจอที่แลกได้ เดินหลงแล้วหลงอีก แนะนำ หาคนถาม

เรื่องร้านแลกเงินอะ แนะนำให้เดินเช็คดีดี คือเราก็หาตามรีวิวใช่มะ ว่าร้านนี้โอเค เรทดี แต่เอาเข้าจริง เรทร้านนี้น้อยกว่าสนามบินอีก (หรือโดนโกงทุกวันนี้ยังสงสัย) แนะนำให้เดินถามเรทหลาย ๆ ร้าน แต่เรากับเพื่อนรีบ คือมาถึงเบนถัน เดินหลงกันนานมาก จนกว่าจะได้แลก เกือบทุ่มแล้ว ยังไม่ได้หาตั๋วรถไปดาลัท เริ่มว้าวุ่นใจ แลก ๆ ไปเหอะ เครียดละ แลกเสร็จเราถามป้าในร้าน ว่า The sinh Tourist อยู่ไหน นางไม่รู้จ้าาา แต่มีคนในร้านรู้ นางก็บอกทาง คือมันไกลมาก

เรากับเพื่อนก็เดินหา The sinh Tourist ท่ามกลางฝนตก เดินไปถามทางไป จนท้ออะ พูดแค่นี้ เดินกันประมาณ สองชั่วโมง


กว่าเราจะหา The sinh Tourist เจอ ประมาณ 2 ทุ่ม (ไม่ใช่รูปนี้นะ ตอนนั้นหมดอารมณ์จะถ่ายรูป ขาลากมาก ทั้งเมื่อยทั้งหิว)

ผลคือ The sinh ที่เราเจอ คือ The sinh 2 แล้วตั๋วไปดาลัทเต็มจ้าาาาา ส่วนตั๋วไปมุยเน่มีรอบ 3 ทุ่ม ถึงประมาณ ตี 2 เราไม่โอเคเค้าเลยบอกว่าให้ไปถาม The sinh 1 อยู่แถวตลาด เห้ยย ตอนนั้นในหัว WTF เดินมากันไกลขนาดนี้เพื่ออะไร แถวตลาดก็มี

สรุป เดินกลับตลาดจ้าาาาา แต่ก็ยังหาไม่เจอนะ จนเจอคนไทยเค้าช่วยบอกทาง เลยไปได้ทัวร์ของ Futa Bus Lines ไปดาลัท รอบ 5 ทุ่ม เดินทางประมาณ 7 ชม. ถึงเช้าพอดี เราก็โอเค ทีนี้เค้าให้เรามาก่อนเวลา 1 ชม.

อาหารมื้อแรกของเรา คือ มาม่า ข้อดีของที่นี่ คือมาร์ทบางที่ มีเก้าอี้ให้นั้งข้างใน สบายมากกกก เลิฟฟฟเลย

ข้าวปั้นนี้ รสชาติห่วยมาก !!!!!!!!! โกด

พอเราหาไรกินเสร็จ 3 ทุ่มก็ไปที่ Futa ทีนี้คนขับรถตู้ ให้เรากับเพื่อนขึ้น เราก็งงดิ พึ่ง 3 ทุ่มเองนะ จะพาไปไหน ดาลัทหรอ ถามคนขับย้ำแล้วย้ำอีก เค้าก็ Yes ๆ สรุปคือ รถตู้พาเรามาที่ศูนย์รอรถของ Futa เรียกว่าหมอชิตย่อม ๆ คนเยอะมากก รอจน 5 ทุ่ม ** ที่นี่เวลาเรียกขึ้นรถ ไม่พูดภาษาอังกฤษนะ พูดแต่ภาษาเวียดนาม พวกเรากลัวตกรถมาก เดินไปถามบ่อยจนเค้าคงรำคาญ **

พอขึ้น Sleeping Bus โถ่วคุณพระ !! ฝาหรั่งข้างหน้างานดีมาก เล่นเอาเคลิ้ม (เห้ย ๆ ผิดประเด็น) คือสบายมาก เป็นบัสนอนที่นครชัยแอร์ยังยอม อยากให้ประเทศไทยมีบ้างอะพูดเลย ขอพูดถึงฝรั่งข้างหน้าต่อ คือนางขายาว เหยียดขาไม่ได้ นางเลยขอย้ายที่ เราสงสัยว่า ที่เราสบายเพราะเราขาสั้นรึเปล่า 5555 ถ้าใครขายาวละนอน มารีวิวให้ฟังหน่อยดิ

เราหลับตลอดทางเลย มีตื่นบ้างตอนถึงปั้ม จะมีคนดูแลบัส มาปลุกถามว่ายูจะเข้าห้องน้ำมั้ย เราส่ายหัวหลับต่อ ตลอด 55555

นี่นอนหรือตาย ตื่นมาอีกทีฟ้าสว่างละ แต่เชื่อป้ะพึ่งตีห้ากว่า ๆ เอง

หลังจากนี้ คนดูแลบัส ปลุกทุกคนในบัสจ้าาาา บอกว่าถึงดาลัทแล้ว ละชี้ไปข้างทาง วิวสวยจริง เค้าคงอยากให้เราดูมากกว่านอน

หมดไปละหนึ่งวันแรก ในที่สุด ฉันก็มาถึงดาลัทละนะ (:


ค่าใช้จ่าย DAY 1

Sim : 100.000

Bus สนามบิน - ตลาด : 5000

Bus โฮจิมินท์ - ดาลัท : 210.000

มาม่า : 13.000

ข้าวปั้น : 10.000 (ไม่อร่อยดีนะที่ถูก)ครื่่

น้ำดื่ม : 4.000 (ที่นี่น้ำถูกมาก)

รวม : 342,000 ดอง


DAY 2 : 28 พฤษภาคม

วันที่ 2 เรามาถึงดาลัทตอนเช้า อากาศจัดว่าเย็น-หนาว ที่นี่ไม่มีแอร์นะ 55555 อากาศดีสุดๆ และ เนื่องจากไม่มีที่พัก เลยเดิน walk in หาโฮสเทลนอนกัน หาเท่าไหรก็หาไม่เจอ เช้าไป โฮสเทลยังไม่เปิด เลยตัดสินใจเข้า agoda ไล่หาโฮสเทล สุดท้ายได้ที่ sleep in dalat hostel เปิด Google Map เดินตามหายาว ๆ

ในที่สุดก็เจอ พอถึง check in เรียบร้อย ก็จัดการเช่ามอไซต์ต่อ จริงๆแล้ว ถ้าเช่ามอไซต์ข้างนอกจะราคาถูกกว่าในโฮสเทล แต่ !! เรากับเพื่อน ขี่มอเตอไซค์ไม่เป็น ใช่อ่านไม่ผิดหรอก ด้วยความที่ว่าก่อนมา พี่บอกว่าถ้าแกจะไปดาลัท แกต้องขี่มอไซต์นะจักรยานไม่ได้หรอกไกล ทำให้เราไปฝึกขี่ก่อนมาหนึ่งวัน อย่าเรียกว่าวันเลย เรียกว่าฝึกขี่หนึ่งรอบ ทำให้เราไม่กล้าเช่าข้างนอกกลัวเช่าไม่ผ่าน ตอนที่โฮสเทลให้กุญแจรถมา กับมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทไม่เป็นจ้าาาา ทีนี้ทำไงดีล่ะ เค้าต้องยึดแน่ ๆ เลยทำเซียนยืนอ่านแผนที่ จับหมวกกันน๊อคไปมา จนพี่ที่โฮสเทลเดินออกไป เรากับเพื่อนรีบลากมอเตอร์ไซค์ออกไป ละหาวิธีสตาร์ท โอ้ยย ไม่บ้าทำไม่ได้นะเนี่ย


Crazy House

- ที่แรกที่ขี่มา ภูมิใจมาก ในที่สุดก็มาถึง . . ตอนที่มาทัวร์ยังไม่ลง คนน้อยโชคดีมาก ที่นี่เหมาะสำหรับ ฮิปเตอร์ทั้งหลาย

เพราะมีที่ให้ถ่ายรูปแนว ๆ เยอะมาก เป็นพวกสถาปัตยกรรม แปลก ๆ แถมยังมองเห็นวิวด้วย

ตอนไปฝนตกปรอย ๆ ทำให้ไม่มีแสง อาจจะมืด ๆ ไปบ้าง

นี่ไง เห็นวิวด้วยนะ

จากด้านนอก

ข้างในมีหลาย ๆ ห้อง บางห้องก็เปิดให้เข้าไปถ่ายรูปได้ แต่บางห้องก็ไม่ให้เข้า ดูได้อย่างเดียว

** หลังจากออกจาก crazy house เราขี่มอไซต์ออกจากที่จอดรถไม่ได้ ผลคือคุณลุงที่ดูแลเรื่องการจอดรถ ขับออกมาถนนให้ ซึ้งใจมาก TT **


Bao Dai Palace : คือพระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิ์เบ๋าได๋ ที่เป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของราชวงศ์เหงียน(ราชวงศ์สุดท้ายก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองของเวียดนาม) // เราไม่ได้ถ่ายรูปในราชวังมาเลย สำหรับเรา เราเฉยๆกับข้างใน ก็สวยนะ อาจะเพราะทัวร์ลง คนเยอะมาก ทำให้เราเดินแบบผ่าน ๆ แต่เรากลับชอบสวนดอกไม้ด้านนอกมากกว่า

นี่เป็นรูปเดียวที่ถ่ายข้างในพระราชวัง ตื่นตาตื่นใจกับการที่เค้าให้ใส่อันนี้สวมรองเท้า OMG มาก ๆ


ด้านนอก ราชวัง ดอกไม้สวยมากแก

ไม่เสียดายค่าเข้าแล้ว เมื่อเห็นวิวของที่นี่ พอเสร็จเราก็รีบออกมาตั้งใจว่าจะไป น้ำตกดาลันทา จะรีบไปเล่นโรลเลอร์ โคสเตอร์

แต่เราขี่มาผิดทาง แล้วกลับรถไม่ได้ เพราะแถวนั้นรถใหญ่เยอะ เราเลยขี่ไปเรื่อย ๆ จนเจอ ที่นี่



ข้อดีของการหลงทาง คือได้พบสถานที่ใหม่ๆ

กลายเป็นว่า เราชอบที่นี่มากที่สุด ในดาลัท เพราะวิวสวยมากกกกก มองไปเป็นภูเข ตอนไปฝนพรำ ๆ ทำให้เห็นหมอกจางๆ

ไม่มีคนด้ว


ถ้าไม่มีสายไฟ คงฟินกว่านี้


Dalanta Waterfall : สถานที่นี้มีจุดเด่นคือน้ำตกและโรลเลอร์ โคสเตอร์ เราสามารถเลือกจะเดินลงไปน้ำตกด้วยตัวเอง หรือ เล่นโรลเลอร์ โคสเตอร์ลงไป

เราถึงที่นี่ประมาณ เที่ยง ตอนที่เข้าไปคนไม่เยอะ แอบดีใจ ไม่เจอทัวร์ แต่ !! พอลงไปถึงน้ำตกเท่านั้นแหละ รู้เรื่อง ทัวร์เยอะมาก

โรลเลอร์ โคสเตอร์ อยากสนุก ต้องทิ้งช่วงห่างคนข้างหน้าเยอะ ๆ ละลงไปแบบไม่เบรค ปล่อยไปตามแรงโน้มถ่วง อยากกลับไปเล่นอีกหลายๆ รอบ

ปลายทางของโรลเลอร์ โคสเตอร์ คือน้ำตก ที่จริงน้ำตกนี้มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ๆ น่าสนใจ ลองไปหาดู แต่เรามีงบจำกัด 55555 เลยไม่ได้เล่น เสียดาย รอทำงานหาเงินเองได้ก่อนละกัน จะจัดให้หมด

** ระหว่างทางที่ขับไป Robin Hill เรารถล้มจ้าาาโดนรถทัวร์เบียดตก เพราะเป็นถนนเลนเดียว รถส่วนมากจะเป็นรถใหญ่ละขับกันเร็ว แนะนำให้ขี่กันระวัง ๆ ตอนที่รถเราล้ม มีคนเวียดนามทิ้งรถฝั่งตรงข้าม วิ่งมาดูเราตั้งสองคัน เราซึ้งมา เค้าช่วยเราเข็นรถ พยายามถามว่าไหวมั้ย ทั้งๆที่เค้าใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ เราถลอกเค้าก็ชี้ไปที่แผลเรา ให้เรานั่งพัก ถามย้ำแล้วย้ำอีก เรารู้สึกดีกับคนเวียดนามมาก ๆ เลยนะ **


Robin Hill Cable Car : นั่งกระเช้าชมวิวเมืองดาลัท แนะนำให้ไป สวยมาก ไม่แพง ถึงก่อนน้ำตก อยู่่ตรงแถวอู่รถ Futa



เลือกได้ว่าจะไป-กลับ หรือว่า ไป อย่างเดียว ตอนแรกเราเลือกไปอย่างเดียว แล้วกะเดินกลับ แต่พนักงานเหวี่่ยงใส่ นางบอกว่าไกลมาก ๆ ๆ ๆ ๆเดินไม่ได้ ต้องเรียก taxi กลับ คือเราสองคนไม่คุ้มค่าแท็กซี่ เราเลยนั่งไป-กลับดีกว่า ราคาก็ไม่ได้แพงขึ้นมากมาย


ใช้เวลาประมาณ 20 นาที คุ้มนะ เรารู้สึกว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีป่าไม้เยอะมาก มองไปทางไหนก็เขียว ต่างกับประเทศเรา ที่เหลือน้องลงทุกวัน ๆ

- วันแรกที่ดาลัทของเรา ไปแค่นี้แหละค่ะ เพราะว่าปวดแผลรถล้ม กลับที่พักไปนอนเอาแรงดีกว่า -


รีวิวอาหารแนะนำ

แนะนำ อาหารมังสวิรัต อร่อยมากกกก บังเอิญเดินเจอ วันต่อมาย้อนกลับมากินอีกรอบ

ร้านแถวที่พัก นี่ก็อร่อย ผักสด เหมือนก๋วยเตี๋ยวหมูแดง

Pizza Dalat ใครมาไม่ได้กิน เหมือนว่ามาไม่ถึง



รีวิวที่พักSleep in Dalat Hostel


ข้อดี : เจ้าของที่เป็น ผญ พูดภาษาอังกฤษค่อนข้างดี แนะนำเราได้ ที่พักสบายมาก เป็น dorm แบบ บล๊อค ๆ

มีความเป็นส่วนตัว สงบ ห้องน้ำใหญ่ มีน้ำอุ่น ราคาไม่แพง

ข้อเสีย : อยู่ไกลจาก center ของดาลัท และอยู่ในซอยที่มีความลึกลับมาก

ตอนเราตื่นขึ้นมา ความรู้สึกแรกคือ ไม่อยากไปไหน อยากให้ทุกวันตื่นมาแล้วเป็นแบบนี้ เพราะสบายมาก อากาศเย็น ลืมไปเลยว่าไม่มีแอร์

ที่นอนเป็นบล๊อค ๆ ค่อนข้างส่วนตัว มีไฟ-ปลั๊คให้

มีหมา 2 ตัว ชื่อ เบนกับอะไรไม่รู้ น่ารักมากกก ขี้อ้อน ใครรักหมาคงชอบ ละที่เราเซอไพรส์กับ hostel นี้คือตอน check out นางให้พวงกุญแจที่พักมา แบบเห้ยยย น่ารักอ่า ดีจัง ใส่ใจแขกมาก ๆ แนะนำ

ค่าใช้จ่าย DAY 2

Hostel : 110.000

Motorcycle : 120.000 (/2 = 60.000)

น้ำมัน : 40.000 (/2 = 20.000)

อาหารเช้า : 35.000

ค่าเข้า crazy house : 40.000

ค่าจอดมอเตอร์ไซที่ CH : 5.000 (/2=2500)

ค่าเข้าพระราชวัง : 15.000

ค่าเข้าน้ำตก : 20.000

ค่าเล่นโรลเลอร์ : 50.000

ค่าขนมปัง อาหารกลางวัน 10.000 (/2=5000)

ค่านั่ง Cable car : 70.000

ค่าอาหารเย็น : 30.000

ค่า Pizza : 10.000 (/2=5000)

ค่าน้ำเต้าหู้ : 8000 (/2=4000)

รวม 466.500 ดอง


DAY 3 : 29 พฤษภาคม : วันนี้ยังอยู่ดาลัท ไม่ได้เช่ามอเตอร์ไซค์แล้ว อาศัยการเดินอย่างเดียว เก็บที่เที่ยวในเมือง หาทัวร์ - รถบัสไปมุยเน่ , โฮจิมินท์

Dalat Cathedral

- โบสถ์นี้อยู่่แถบใจกลางดาลัทค่ะ มองไปจะเห็นยอดโบสถ์ แต่โบสถ์ไม่เปิดให้เข้าชมด้านในนะคะ

Dalat Train Station

สถานีรถไฟในดาลัท มีความสำคัญคือเป็นอาคารสถาปัตยกรรมชองชาติ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ปัจจุบันยังมีรถไฟวิ่งอยู่นะคะ แต่ไม่แน่ใจว่ากี่เที่ยวต่อวัน

ขบวนรถไฟนี้ ไม่ใช้แล้ว เอามาตั้งให้ถ่ายรูป ข้างในขบวน มีร้านคาเฟ่เล็กๆด้วย

คาเฟ่นี้ไม่มีขายน้ำชง มีแต่น้ำขวด น้ำอัดลม โยเกิรต์ นม

รถไฟที่ยังวิ่งอยู่

ข้างในรถไฟเห็นแบบนี้เบาะนิ่งนะ อยากลองนั่งเหมือนกัน ถ้ามีเวลา

หลังจากนี้ก็เดินเล่นไปรอบ ๆ เมือง แบบไม่มีแพลน

ที่ไหนไม่รู้ จำได้แค่ข้าง Big C

ฝั่งตรงข้าม รูปเมื่อกี้

ตอนเดินอยู่อีกฝั่ง เห็นสวนสวยดี เลยเดินเข้ามา ไม่รู้เหมือนกันที่ไหน ดอกไม้สวยมากกกกกก ต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่น


ดอกไม้ใหญ่จริง ๆ สูงจะเท่าคนละ 55555555

ทะเลสาบแห่งความโศกเศร้า (ชื่อไทย) กลางดาลัท ใหญ่มากก เย็นมากกก อยากถีบเป็ด แต่แพงอะ อ่านในรีวิวถูกกว่านี้ ไม่รู้โดนหลอกมั้ย ไม่ถีบดีกว่า นั่งชมวิวเอา นั่งไป 2 ชม.ได้ นานมาก นั่งจนหนาวสั่น

กลางคืน เดินเล่นตลาดดาลัท ตรงกับวันอาทิตย์ คนเยอะมากกกกก ของกินก็เช่นกัน

ของกินสุดคลาสสิกที่นี่ มันเผา . . แต่มันทำเราผิดหวัง ฮืออออ แข็งมาก ไม่ร้อนเลย ป้าอุ่นแล้วหรอ เฟลมาก

อันนี้ ทีเด็ดดาลัท ไม่คิดว่าจะอร่อย แต่อร่อยมากกกกกกก ถูกด้วยแค่ 10.000 ดอง คล้ายๆข้าวเหนียวหมูบ้านเรา แต่เค้าใส่หมูหยอง หมูฝอย พริก ซอสพริก ถั่ว ไข่นกกะทา สุโค่ยยย

หอยดาลัท ในรีวิวบอกให้ลอง ก็ไปลองมา ต่อเค้าจาก 50.000 ดอง เหลือ 40.000 ดอง อร่อยดี แต่เลือกไม่เป็นว่าหอยอะไรหร่อยสุด


ร้านนี้ขายพวงกุญแจ น่ารักไม่แพง และที่สำคัญ ทำให้เราได้เจอกับแก๊งคนไทย แก๊งทริปนี้ไม่มีล่ม แก๊งรถจิ๊ปทะเลทราย ทั้งหมดที่กล่าวมาคือแก๊งเดียวกัน 555555 คือเรากับเพื่อนนั่งเลือกอันนี้อยู่ ละได้ยินเสียงคนไทย หันไปดีใจมากก ในที่สุดก็เจอซักที หลังจากนั้นชวนคุย ปรากฎว่าเจ๊โดนโก่งราคาเยอะมาก และพรุ่งนี้มีแพลนไปมุยเน่เหมือนกัน เลยรวมกันเดินหาทัวร์ไปมุยเน่ และจากสองก็กลายเป็นห้า ขอบคุณที่เราได้เจอกัน ((:

รีวิวอาหาร

เฝอผัก : อาหารเวียดนามไม่ว่าอะไรก็ตาม ข้าว แกง เฝอ ล้วนใส่ซอสพริกทั้งสิ้น !!! พอใส่ไป เอออร่อย


อันนี้คล้าย ๆ ขนมจีน แกงใส่มะเขือเทศ แปลกดี ปล. คนขายพูดคำว่าขนมจีนชัดมากกก

เมนูแนะนำ ข้าวเหนียวที่บอก ต้องลอง เด็ด

นมดาลัท ที่หาได้ยากในลาดัท

รีวิวที่พัก

Dalat Yolo Hostel

ข้อดี : อยู่ใกล้ center ใกล้ตลาดดาลัท พนักงานพูดภาษา Eng ดีมากกก คุยสนุก ที่พักฮิปมาก เหมาะสำหรับวัยรุ่น ในนั้นมี bar ตอนกลางคืน มีบอร์ดเกม โต๊ะสนุ๊กให้เล่นฟรี บรรยากาศดี concept เริ่ดมาก

ข้อเสีย : ห้องน้ำเล็ก , ที่นอนติดกันมาก ไม่เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว


ส่วนของ coffee bar เราชอบนะ จัดร้านสวยมาก


หนึ่งห้องมีแปดเตียงมั้ง เป็นเตียงสองชั้น ใต้เตียงมีล๊อคเกอร์ วันที่เราไปไม่มีใครนอน กลายเป็นสองคนในห้อง สบายมาก

ที่บอกว่าชอบ concept hostel เพราะว่าเค้าให้เราเขียนอะไรก็ได้ มีบอร์ดเต็มไปหมด

ใน hostel จะมีสมุดเล่มนึง เป็นสมุดบันทึก ส่งต่อให้คนที่มาอ่าน คือเราจะเขียนอะไรก็ได้ ความฝัน การท่องโลก ความรู้สึกตอนอยู่เวียดนาม เรากับเพื่อนเขียนแพลนในดาลัท 3 วัน 2 คืน แล้วก็แนะนำเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใครแวะไปอ่านเจอ ก็ทักทายเราได้นะ ((:


ค่าใช้จ่าย DAY 3

เฝอผัก : 15.000

โยเกิร์ต : 8000

นม Dalat 10.000

ไอติม 10.000

ค่า Bus ไป มุยเน่ : 100.000

ค่า Yolo Hotel 110.000

ค่า Tour มุยเน่ : 120.000

หอย : 40.000 (/2=20.000)

ข้าวเหนียว 10.000

มันเผา : 15.000

ขนมจีน : 30.000

อาหารกลางวัน : 25.000

รวม 473.000 ดอง


DAY 4 30 พฤษภาคม

- ออกจากดาลัท ไป มุยเน่ แต่เช้า รอบรถ 7.30 มีพักครึ่งทาง ถึงมุยเน่เกือบเที่ยง เริ่มทัวร์ตอน บ่ายสองครึ่ง

จบทัวร์ประมาณหกโมง

sittimg บัส ที่นั่งจากดาลัท ไปมุยเน่ เมื่อยพอสมควร

บ่าย 2.30 ชาวรถจิ๊บทะเลทรายพร้อมแล้ว จาก 2 กลายเป็น 5 ความฮาก็มากขึ้น

Fairy stream(Mini Grand Canyon) : ที่แรกที่พาไป ทางเข้าเป็นน้ำสีชาเย็น แนะนำให้ใส่ขาสั้น รองเท้าแตะ ไม่ก็สามส่วนเพราะต้องลุยน้ำ สวยดีนะเข้าไปแล้ว เจอคนไทยเยอะมากด้วย เค้าให้เวลา 50 นาที แทบไม่ทันมัวแต่ตื่นเต้น



หมู่บ้านชาวประมง : มีเรือเยอะเต็มไปหมด ได้กลิ่นทะเล ให้เวลา 15 นาที ไม่ได้ถ่ายรูปมา มีแค่รูปเดียว 5555 รู้สึกบ้านเราก็มี



White Sand Dune : ทะเลทรายขาว หลังจากลงรถ ถ้าจะไปทะเลทราย มี 3 วิธีให้เลือกคือ ATV รถจิ๊บ และเดิน

แน่นอนค่ะตอนแรกเราเลือกไปรถจิ๊บ แต่เค้าคิดราคาโหดมาก แพงกว่ารีวิวเยอะมาก ต่อแล้วผลคือ No เท่านั้นไม่พอ ชี้ไปให้ walk โอ้โหววว ไล่กันขนาดนี้ เดินก็ได้ เดินเข้าไป เค้าให้เวลา 50 นาที

เดินกันนานมาก ร้อนด้วย ไม่ได้ไปเนินที่ ATV หรือ รถจอดนะคะ รู้สึกคนเยอะ เลยมาบุกเบิกเนินใหม่

ลมแรง พัดทรายมา เจ็บมาก ทราบบาดไปหมด เข้าหน้า ตา ปาก ผม


ถ่ายรูปออกมาละ ชื่นใจมาก คุ้มที่ยอมเดิน


ขากลับ พวกเราหลง หลงในทะเลทราย !!!! เดินออกไปโผล่ไหนไม่รู้ ทำให้รู้ว่ามีธุรกิจหลายเจ้ามาก บริเวณทะเลทราย แต่ละเจ้าจะอยู่ห่างกัน ยึดคนละเนิน เห้ยยย เดินวนไปค่ะ จนในที่สุด มีคนขับ ATV มาตาม แสดงว่าหายไปนาน โล่งอกไปที

ระหว่างทาง . . ถนนสวย


Red sand Dune : ทะเลทรายแดง ที่สุดท้าย เราหลงในทะเลทรายขาวกินเวลานานมาก กว่าจะถึงทะเลทรายแดงหกโมงเย็นแล้ว เราเกรงใจพี่คนขับ เลยเดินแปปเดียว ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย ข้าล้ามากกก

จบแล้วกับ Half day trip ขากลับ ให้พี่คนขับแวะไปส่งร้านอาหาร พี่เค้าพามาร้านนึง จำชื่อไมได้ อร่อยดีนะ

อาหารทะเลที่มุยเน่ สดมาก ถ้าบอกว่าไปดาลัท อย่าลืมกินหอย เราว่าไปมุยเน่ ก็อย่าลืมกินหอยเช่นกัน


รีวิวอาหาร


เฝอหม้อไฟทะเล

หอยมุยเน่ แซ่บ อร่อย แนะนำ !!!!


รีวิวที่พัก : Mui Ne Backpacker Villageเป็นโฮสเทลที่มีความอินเตอร์มาก ๆ เราเป็นชาวเอเชียของคน ที่เหลือฝรั่งหมด เหมือนก้าวเข้าไปในโซนอเมริกา ในนั้นมีกิจกรรมให้ทำเยอะ มีผับ มีสระ ฝรั่งจับกลุ่มเล่นบอลในสระน้ำ เราไปจอยได้ มีโต๊ะสนุ๊ก ข้างในใส่บิกินี่ ชุดว่ายน้ำกันหมด ชอบบรรยากาศมาก

ข้อเสีย : เป็น dorm ที่ราคาพอ ๆ กับ ห้อง private ถ้าใครไม่ชอบนอนรวม เพิ่มเงินอีกนิด ก็ได้ห้องแล้ว



ค่าใช้จ่าย DAY 4

Mui Ne Backpacker Village : 110.000

ค่ารถมุยเน่ - โฮจิมินท์ : 99.000

อาหารเช้า : 10.000

ขนม 20.000

อาหารกลางวัน 15.000

อาหารเย็น 320.000 (/5= 64.000)

รวม 318.000 ดอง


DAY 5 31 พฤษภาคม

- ออกจากมุยเน่ รถรอบ 7.30 ถึง โฮจิมินท์ เที่ยง วันนี้เดินเล่นรอบโฮจิมินท์ ชาวแก๊งบินกลับกันตอนดึกคืนนี้ วันนี้เน้นกินมากกว่าเที่ยว รอบนี้เรานั่งรถของ the sinh tourist สบายมากกก เปรียบเหมือนนครชัย แอร์บ้านเรา หลับสนิท ขับนิ่ม ที่นั่งสบาย

Notre Dame Cathedral

โบสถ์นี้เปิดให้เข้าข้างในก่อน 11 โมง ช่วงเช้า ช่วงบ่ายไม่แน่ใจ ควรเช็คเวลาก่อนเข้า




ฝั่งตรงข้ามโบสถ์

Ho chi min Central post office : ไปรษณีย์กลาง




อนุสาวรีย์ลุง โฮจิมินท์


ยามค่ำคืน


ตึก BITECO


ตลาดเบนถัน : วัน นึงเดินผ่านวันละสิบรอบ

รีวิวอาหาร

เฝอแห้ง-เฝอน้ำ ชอบเฝอแห้งมากกว่า ตกใจมากเวลาปรุง เค้าจะแยกน้ำมา ให้เราปรุงน้ำก่อน ค่อยเทใส่จาน ราคาเฝอควรอยู่ที่ 25.000-30.000 บาท

อันนี้อร่อยย อันละ 5.000 ดอง ไม่รู้เรียกว่าอะไร ข้างในมีเส้นขนมจีน

กาแฟเวียดนาม สมคำล่ำลือ เข้ม หอม

ไอติมปลา ที่ไทยก็มีแต่ไม่เคยลอง ไปลองเวียดนาม 555555

ไอติมใน mart ถูกมาก 5.000 ดอง เหมือนไอติมที่ขายตาม lawson ในไทย อร่อยหอม

นมดาลัทหายากในดาลัท แต่ ที่มีขายเยอะแยะในโฮจิมินท์

รีวิวที่พัก : ไม่รีวิวนะ ที่พักค่อนข้างแย่ ห้องน้ำไม่มีที่ฉีด ไฟไม่ติด ผ้าห่มผืนบางมาก คืนนี้ไม่ได้นอน dorm แต่เป็นห้องส่วนตัว คือเรากบเพื่อนอยู่ได้ ไม่ได้ซีเรียส ถ้าเป็นคนอื่นคงทนไม่ได้ 555 เลยไม่รีวิวดีกว่า

ค่าใช้จ่าย DAY 5

อาหารเช้า : 10.000

ไอติมปลา : 27.500

ไอติมโคน : 5.000

เฝอ 25.000

นมดาลัท : 23.500

ปอเปียะ : 5.000

กาแฟ : 20.000

ค่าที่พัก 300.000 (/2 = 150.000)

รวม 256,000 ดอง


วันนี้เฮีย เจ๊ บีนกลับแล้ว ตอนไปส่งก็ไม่ใจหายนะ แต่พอขึ้นรถ แล้วรถออกไป หันมาเหลือสองคน เหงามาก ขอบคุณที่มาเจอกันใช้เวลาร่วมกัน 48 ชั่วโมง เราสองคนสนุกมาก คิดถึงเหมือนกันนะ คงเป็นเพราะพวกพี่ด้วย ทำให้เวียดนามใต้สำหรับพวกเรามีความหมายมากขึ้น


DAY 6 1 มิถุนายน : ตื่นสาย เดินเล่น museum กลับ BKK

Fine Art Ho chi minhMuseum : ที่นี่มี 3 ตึกให้เดิน ในนั้นมีศิลปะ พวกงานวาด งานปั้น ปฎิมากรรม อยู่ติดกับตลาดเบนถั่น



Ho Chi minh city museum : บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโฮจิมินท์ หาไม่ยาก เป็นตึกที่มีรถถังอยู่ด้านหน้า

วันสุดท้ายเราไป 2 ที่แล้วก็เดินเหมือนเมื่อวาน แค่นี้ก็หมดไปวันนึงละ เราออกจาก Ho chi minh ประมาณห้าโมงกว่าๆ ถึงสนามบินหกโมงนิด ๆ เราบินกลับมารอบเกือบสามทุ่ม ถึงดอนเมืองประมาณ สี่ทุ่ม //

รีวิวของกิน

ข้าวโพดนี่อร่อยมาก เป็นข้าวโพดผัดเนย แต่ใส่พริกใส่ผัก คือบ้านเราจะเป็นข้าวโพดคลุกเนยถูกมั้ย แต่ที่นี่ทำเป็นของคาว

เรากับเพื่อนเรียกว่า ต๊กบกกี เวียดนาม 55555

ที่ชอบนะคือ นม latte ชาเขียว หอมละมุนมาก , ลูกอมช่องกลางอร่อยไม่แพง . นม fami เป็นนมถั่วเหลือง

ส่วนนมอื่นชอบดาลัทมากสุด , โยเกิร์ตที่นี่อร่อย กินทุกวัน จบ

ค่าใช้จ่าย DAY 6

ค่าเข้า Fine Art : 10.000

ค่าเข้า Hochimin Museum : 15.000 (อันนี้ลังเลระหว่างสองที่)

เฝอ : 25.000

ขนม-น้ำ : 65.000 (/2 =32.500)

ข้าวโพด : 10.000

ปอเปี๊ยะ : 5.000

ค่ารถจาก โฮจิมินท์ไปสนามบิน : 5.000

ตกบอกกี 25.000 (/2 = 12.500)

รวม 115.000 ดอง

//ทริปนี้ใช้เงินไป 342.000+466.500+473.000+318.000+256.000+115.000 =1,970,5000 ดอง //

คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 3,000 บาท เราแลกมา 5 พัน แบกเงินกลับบ้านไปด้วย ดีใจมีทุนทริปต่อไปละ


ค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ กรุงเทพโฮจิมินท์ (เราจองแยกสายการบินนะ ขาไป-กลับ จองทีละขา) 2,200 บาท

ทริปนี้ใช้ไป 5,200 บาท จ้าาาา

//////////

Mii Me Talk : สำหรับเราเวียดนาม ประเทศที่มีแต่คนเตือนเรื่องความโกง ไม่รู้ว่าเพราะเราโชคดีหรือเปล่า เราเจอแต่คนเวียดนามที่ใจดี คอยช่วยเหลือ ทั้งๆที่สื่อสารกันคนละภาษา เราแทบไม่โดนโก่งราคา คือเราเทียบกับรีวิว มีต่อบ้าง ส่วนมากเป็นค่าทัวร์ ทริคคือ เดินหนีแล้วเค้าจะลดราคาให้ กินข้าวก็เช่นกัน . . ส่วนการข้ามถนน เราชอบมากกกก ข้ามกันสนุกสนาน รถจะหลบเราเอง เอาเป็นว่าที่พิม ๆ มา อยากให้รีวิวนี้เป็นประโยชน์กับคนที่มีแผนจะไป จะได้เทียบราคาได้ ไม่โดนโกง เป็นรีวิวที่ยาวที่สุด ที่เคยเขียนมา สำหรับเรา เรารักประเทศนี้ ไปอีกแน่ๆแต่เปลี่ยนโซน ถ้ามีไรสงสัยหรืออยากถาม ทักเรามาได้เลยน้าาา

เรายินดีช่วยเหลือเต็มที่

ความคิดเห็น