จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้จากกรุงเทพฯ มาก ๆ ชนิดที่ว่านั่งรถเพียงชั่วโมงกว่า ๆ จากกรุงเทพฯ ก็มาถึงอยุธยาแล้วค่ะ แต่ด้วยความที่อยุธยามีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมากจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวัง, วัด, โบราณสถาน และพิพิธภัณฑ์ ทำให้รู้สึกว่าเที่ยวอยุธยาแบบ One Day Trip ก็เที่ยวไม่หมด วันนี้เราเลยจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในอยุธยากันค่ะว่าจะมีที่ไหนกันบ้าง ซึ่งสถานที่ที่เราจะแนะนำมานั้นอยู่ทั้งในอำเภอบางปะอินและอำเภอพระนครศรีอยุธยา ถ้าพร้อมแล้วเตรียมปักหมุดเที่ยวกันได้เลยค่ะ ^^
อำเภอบางปะอิน
1. วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร
“วัดนิเวศธรรมประวัติ” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน ในตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากต้องการแวะมาเที่ยวชมจะต้องนั่งเรือหรือนั่งกระเช้าไฟฟ้าลอยน้ำเข้ามายังวัดเท่านั้นค่ะ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนิเวศธรรมประวัติขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญพระราชกุศลในการเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอินค่ะ โดยวัดแห่งนี้จะมีไฮไลต์หรือจุดเด่นอยู่ตรงที่พระอุโบสถตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิกและประดับกระจกสีอย่างสวยงาม ทำให้ดูคล้ายกับโบสถ์ฝรั่งของศาสนาคริสต์นั่นเองค่ะ
ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน “พระพุทธนฤมลธรรโมภาส” ซึ่งพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการทรงออกแบบให้มีลักษณะการตกแต่งแบบผสมผสานระหว่างศิลปะแบบประเพณีนิยมและแบบตะวันตกเข้าด้วยกันค่ะ โดยมีพุทธลักษณะคล้ายสามัญชน ส่วนบริเวณฐานชุกชีคล้ายกับที่ตั้งไม้กางเขนของโบสถ์และฝาผนังด้านหน้าของพระประธานเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ประดับด้วยกระจกสีอย่างสวยงามค่ะ นอกจากจะมีพระอุโบสถให้เที่ยวชมแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีสุสานสวนหิน, พิพิธภัณฑ์, พระตำหนักสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, อนุสาวรีย์คุณปลัดเสงี่ยม, พระคันธราฎขอฝน และอื่น ๆ ให้ได้เดินเที่ยวชมกันอีกด้วยค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 13160
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/qeAva46ZPSTquReV7
📞 โทร. 035-262-139
🏡 เปิด: ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 17.00 น. / วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 08.00 - 18.00 น.
2. พระราชวังบางปะอิน
“พระราชวังบางปะอิน” เป็นพระราชวังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ในตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างขึ้น เนื่องจากเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ และที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่พักแรมหรือพระราชวังฤดูร้อนของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาจนกระทั่งเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า พระราชวังบางปะอินถูกปล่อยให้รกร้าง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงได้เริ่มมีการบูรณะพระราชวัง และในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ได้มีการบูรณะวัดครั้งใหญ่ ด้วยการสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักต่าง ๆ ขึ้น เพื่อใช้สำหรับเป็นสถานที่รับรองพระราชอาคันตุกะและพระราชทานเลี้ยงในโอกาสต่าง ๆ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง ใช้สำหรับเป็นสถานที่แปรพระราชฐานของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย แต่ก็เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมได้ค่ะ
ภายในพระราชวังบางปะอินแบ่งออกเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอกและเขตพระราชฐานชั้นใน ซึ่งเขตพระราชฐานชั้นนอกประกอบด้วยหอเหมมณเฑียรเทวราชหรือศาลพระเจ้าปราสาททอง, พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์, พระที่นั่งวโรภาษพิมาน, สภาคารราชประยูร, กระโจมแตร และเรือนแพพระที่นั่ง ส่วนเขตพระราชฐานชั้นในประกอบด้วยพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร, หอวิฑูรทัศนา, เก๋งบุปผาประพาส, พระที่นั่งเวหาสน์จำรูญ, หมู่พระตำหนักฝ่ายใน, อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์, อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์ และประตูเทวราชครรไล โดยแต่ละสถานที่ภายในพระราชวังมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมการตกแต่งผสมผสานระหว่างไทยกับยุโรปไว้อย่างสวยงามค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: พระราชวังบางปะอิน ถ.ปราสาททอง ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 13160
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/jEmDo1987tctp3fC8
📞 โทร. 035-261-548, 035-261-044
🏡 เปิด: ทุกวันเวลา 08.00 - 17.00 น.
💸 เสียค่าเข้าชม: เด็ก / นักเรียน / นักศึกษา 20 บาท, ผู้ใหญ่ 30 บาท, นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 20 บาท
อำเภอพระนครศรีอยุธยา
3. หมู่บ้านญี่ปุ่น
“หมู่บ้านญี่ปุ่น” ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับหมู่บ้านโปรตุเกสค่ะ ซึ่งแต่เดิมหมู่บ้านญี่ปุ่นนี้เป็นเพียงชุมชนเล็ก ๆ ของพ่อค้าเรือสำเภาชาวญี่ปุ่น สันนิษฐานว่าน่าจะมีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ในหมู่บ้านถึง 3 กลุ่มด้วยกันคือ พ่อค้า, ซามูไรหรือโรนินที่เป็นทหารอาสาในสมัยอยุธยา และชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์แต่เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อนับถือศาสนาได้อย่างเสรีค่ะ ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งให้เป็นพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งของศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาที่จัดตั้งโดยสมาคมไทย - ญี่ปุ่น เพื่อรำลึกถึง “ยามาดะ นางามาซะ” ผู้นำหรือหัวหน้าหมู่บ้านญี่ปุ่นในสมัยนั้นที่มีบทบาทสำคัญจนได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางในราชสำนักอยุธยา อีกทั้งยังใช้เป็นอนุสรณ์แห่งหมู่บ้านญี่ปุ่นเดิมด้วยค่ะ
ภายในหมู่บ้านญี่ปุ่นมีอาคารจัดแสดงอยู่ 2 อาคาร คือ อาคารที่ 1 กับอาคารที่ 2 ซึ่งอาคารที่ 1 นั้นจัดแสดงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับชุมชนชาวญี่ปุ่นและชุมชนชาวต่างชาติต่าง ๆ ในสมัยอยุธยา เช่น การเข้ามาของชาวญี่ปุ่น, วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนญี่ปุ่นในอยุธยา, เส้นทางการเดินเรือ, การติดต่อค้าขาย และความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาค่ะ ส่วนอาคารที่ 2 จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับ “ยามาดะ นางามาซะ” ขุนนางชาวญี่ปุ่นในราชสำนักอยุธยา และท้าวทองกีบม้า ราชินีแห่งขนมไทยค่ะ นอกจากนั้นยังมีโซนสวนญี่ปุ่นที่ให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ คือ ดูสงบเยือกเย็น แต่สง่างาม โดยมีศาลาญี่ปุ่นสำหรับนั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: หมู่บ้านญี่ปุ่น ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/NcFpEfamvpkrvcHv8
📞 โทร. 03-525-9867
🏡 เปิด: ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.30 - 18.00 น. / วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 - 18.00 น.
💸 เสียค่าเข้าชม: เด็ก / นักเรียน / นักศึกษา 20 บาท, ผู้ใหญ่ / ชาวต่างชาติ 50 บาท
4. วัดใหญ่ชัยมงคล
“วัดใหญ่ชัยมงคล” เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะอยุธยา หรือตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบันค่ะ ซึ่งวัดใหญ่ชัยมงคลนั้นสร้างขึ้นมาในสมัยอยุธยาตอนต้น คือรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง พระมหากษัตริย์ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยใช้ชื่อว่า “วัดป่าแก้ว” ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดใหญ่ชัยมงคล” เพื่อเฉลิมพระเกียรติยศของพระองค์ที่ทรงได้รับชัยชนะจากการทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชแห่งพม่า และวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะเรื่อยมา แต่เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วัดใหญ่ชัยมงคลได้ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง แต่ต่อมาก็มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์นั่นเองค่ะ
ภายในวัดใหญ่ชัยมงคลมีเจดีย์องค์ใหญ่อย่าง “เจดีย์ชัยมงคล” เป็นจุดเด่น และถือว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งเจดีย์องค์นี้สันนิษฐานว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2135 เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในสงครามยุทธหัตถีและความมีน้ำพระทัย/พระเมตตาที่พระองค์มีต่อทหาร และพระราชทานนามว่า “เจดีย์ชัยมงคล” แต่ประชาชนส่วนใหญ่มักเรียกกันว่า “พระเจดีย์ใหญ่” จึงทำให้เชื่อกันว่าเจดีย์องค์นี้เป็นที่มาของชื่อวัดใหญ่ชัยมงคลนั่นเองค่ะ นอกจากจะมีพระเจดีย์ชัยมงคลที่เป็นจุดเด่นแล้ว ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น “พระพุทธชัยมงคล” พระประธานภายในพระอุโบสถ, “พระพุทธไสยาสน์” พระนอนสีขาวห่มคลุมจีวรตลอดทั้งร่าง และ “พระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ที่มีพระบรมราชานุสาวรีย์ให้กราบไหว้สักการะค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: 40/3 หมู่ที่ 3 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/PdTxx23ZYHJ3g29o6
📞 โทร. 035-242-640
🏡 เปิด: ทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
5. วัดมหาธาตุ
“วัดมหาธาตุ” ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา บริเวณเชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของพระราชวังโบราณและวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) เมื่อช่วงปี พ.ศ. 1917 แต่ทว่าสร้างไม่เสร็จดี พระองค์ก็สวรรคตซะก่อน ต่อมาก็สร้างต่อเติมจนเสร็จในสมัยสมเด็จพระราเมศวร ถือได้ว่าวัดมหาธาตุเป็นวัดที่เก่าแก่และสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร อีกทั้งยังเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราช รวมไปถึงเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้นมาตลอดจนสิ้นกรุงศรีอยุธยากันเลยทีเดียว หลังจากเสียกรุงฯ ครั้งที่ 2 วัดแห่งนี้ก็ได้ถูกทำลายลงจนเหลือเพียงซากปรักหักพังและถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไว้นานหลายร้อยปีค่ะ
ภายในวัดมหาธาตุมี “เศียรพระพุทธรูปในรากต้นโพธิ์” เป็นจุดเด่นของวัดที่สร้างความสวยงามแปลกตาและน่าอัศจรรย์จนโด่งดังไปทั่วโลก ชนิดที่ว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างต้องแวะมาถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งเศียรพระพุทธรูปที่ว่านี้มีลักษณะเป็นเศียรพระพุทธรูปหินทรายศิลปะสมัยอยุธยาที่แตกหักจากองค์พระลงมายังโคนต้นโพธิ์ข้างพระวิหารในสมัยเสียกรุงฯ และรากต้นโพธิ์ขยายโอบล้อมพระเศียรไว้จนเหมือนเป็นเนื้อเดียวกันค่ะ นอกจากนั้นภายในวัดแห่งนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นพระปรางค์ขนาดใหญ่, เจดีย์แปดเหลี่ยม, พระปรางค์ประธาน, วิหารที่ฐานชุกชี ของพระประธานในวิหาร, วิหารเล็ก, พระปรางค์ขนาดกลาง และตำหนักพระสังฆราชค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: วัดมหาธาตุ ถ.นเรศวร ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/in4JajuKyvZdaVai8
📞 โทร. องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 0-3579-6447
🏡 เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30 - 17.00 น.
💸 เสียค่าเข้าชม:
คนไทย >> เด็ก, นักเรียน, นักศึกษา ไม่เสียค่าเข้าชม / ผู้ใหญ่ ราคา 10 บาท / บัตรรวม (6 วัด) 40 บาท
ชาวต่างชาติ >> เด็ก ราคา 30 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 50 บาท / บัตรรวม (6 วัด) 220 บาท
*บัตรรวม สามารถเข้าชมโบราณสถานในอยุธยา 6 วัด ได้แก่ วัดมหาธาตุ, วัดราชบูรณะ, พระราชวังโบราณและวัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดพระราม, วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงคณ์ (ใช้ได้ภายใน 30 วัน)
6. วัดราชบูรณะ
วัดราชบูรณะ เป็นพระอารามหลวงในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดกับวัดมหาธาตุค่ะ ซึ่งสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1967 บนสถานที่ถวายพระเพลิงพระศพของเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา พระเชษฐาทั้งสองที่ทรงทำยุทธหัตถีแย่งชิงราชสมบัติของพระราชบิดาจนสิ้นพระชนม์พร้อมกัน ส่วนบริเวณที่สิ้นพระชนม์ก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ก่อเจดีย์ทั้ง 2 องค์ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ เรียกว่า “เจดีย์เจ้าอ้ายพระยาเจ้ายี่พระยา” ปัจจุบันถือว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเลยทีเดียวค่ะ
ภายในวัดราชบูรณะมีโบราณสถานสำคัญที่เป็นจุดเด่นและน่าสนใจอย่าง “พระปรางค์ประธาน” ค่ะ ซึ่งพระปรางค์ประธานนี้ก่อด้วยศิลาแลงขนาดสูงใหญ่บนฐานสี่เหลี่ยม มีเจดีย์อยู่ทั้งสี่ทิศและบันไดขึ้นสู่องค์พระปรางค์ทางทิศตะวันออก มีหน้าปรางค์เป็นมุขใหญ่ที่ยื่นออกมาเป็นห้องคูหา ส่วนยอดสูงเรียวคล้ายฝักข้าวโพดและยอดมีฝักเพกาให้เห็นด้วยเช่นกันค่ะ เมื่อเข้าไปในองค์พระปรางค์ก็จะมีห้องกรุลับชั้นใต้ดินทั้งหมด 3 ห้องใหญ่ด้วยกันเรียงตามลำดับในแนวดิ่ง เพื่อใช้เก็บทรัพย์สมบัติและสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ในสมัยนั้น ปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวลงไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้นอีกด้วยค่ะ
ส่วนโบราณสถานที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือ “วิหารหลวง” ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าวัด มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ก่อด้วยอิฐ ส่วนหลังคาได้พังหมดแล้ว แต่ยังคงหลงเหลือซากเสาและฐานชุกชีของพระพุทธรูปค่ะ เมื่อมองจากข้างนอกก็จะเห็นพระปรางค์อยู่ในกรอบประตูพอดีและเห็นเจดีย์บางองค์อยู่ในกรอบหน้าต่าง ซึ่งการสร้างวัดราชบูรณะจะเป็นแบบที่นิยมสร้างกันในสมัยอยุธยาตอนต้น คือ ด้านหน้าเป็นพระวิหาร ถัดไปเป็นองค์พระปรางค์ประธาน และด้านหลังเป็นพระอุโบสถค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: วัดราชบูรณะ ถ.ชีกุน ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/74xAcuQKFbthG6dh9
📞 โทร. 035-246-076-7
🏡 เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.30 น.
💸 เสียค่าเข้าชม:
คนไทย >> เด็ก, นักเรียน, นักศึกษา ไม่เสียค่าเข้าชม / ผู้ใหญ่ ราคา 10 บาท / บัตรรวม (6 วัด) 40 บาท
ชาวต่างชาติ >> เด็ก ราคา 30 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 50 บาท / บัตรรวม (6 วัด) 220 บาท
*บัตรรวม สามารถเข้าชมโบราณสถานในอยุธยา 6 วัด ได้แก่ วัดมหาธาตุ, วัดราชบูรณะ, พระราชวังโบราณและวัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดพระราม, วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงคณ์ (ใช้ได้ภายใน 30 วัน)
7. พระราชวังโบราณและวัดพระศรีสรรเพชญ์
“วัดพระศรีสรรเพชญ์” ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา บนถนนศรีสรรเพชญ์ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใกล้กับวิหารพระมงคลบพิตรค่ะ ซึ่งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1991 ถือได้ว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่สำคัญสูงสุดในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นอดีตวัดหลวงประจำพระราชวังโบราณที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาภายในวัด เทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในกรุงเทพฯ และวัดมหาธาตุในจังหวัดสุโขทัย รวมทั้งยังเป็นต้นแบบของวัดพระแก้วในปัจจุบันอีกด้วยค่ะ โดยในอดีตวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นสถานที่สำหรับพระมหากษัตริย์ทรงใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญทางศาสนาต่าง ๆ มากมาย รวมถึงพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาและเป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์บางพระองค์ค่ะ
ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์มีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่าง “พระเจดีย์ใหญ่จำนวน 3 องค์” ซึ่งมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกาหรือทรงระฆังคว่ำวางเรียงรายกันจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกเป็นสัญลักษณ์อย่างสวยงามค่ะ โดยในปี พ.ศ. 2035 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่ 2 องค์คือ องค์แรกอยู่ทางทิศตะวันออกเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระราชบิดา และพระเจดีย์องค์กลางเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระบรมเชษฐา ต่อมาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (สมเด็จพระหน่อพุทธางกูร) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์องค์ที่สามที่อยู่ทางทิศตะวันตกขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ค่ะ นอกจากพระเจดีย์ใหญ่ทั้ง 3 องค์แล้วยังมีซากปรักหักพังของพระวิหาร หอระฆัง พระอุโบสถ ฯลฯ ที่ล้วนแล้วแต่คงความเก่าแก่และสวยงามอย่างยิ่งจนทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างเข้ามาแวะชมกันอย่างไม่ขาดสายค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: วัดพระศรีสรรเพชญ์ ถ.ศรีสรรเพชญ์ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/tbawdAbAY1ncPu4GA
📞 โทร. 035-242-501, 035-242-448
🏡 เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น.
💸 เสียค่าเข้าชม:
คนไทย >> เด็ก, นักเรียน, นักศึกษา ไม่เสียค่าเข้าชม / ผู้ใหญ่ ราคา 10 บาท / บัตรรวม (6 วัด) 40 บาท
ชาวต่างชาติ >> เด็ก ราคา 30 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 50 บาท / บัตรรวม (6 วัด) 220 บาท
*บัตรรวม สามารถเข้าชมโบราณสถานในอยุธยา 6 วัด ได้แก่ วัดมหาธาตุ, วัดราชบูรณะ, พระราชวังโบราณและวัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดพระราม, วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงคณ์ (ใช้ได้ภายใน 30 วัน)
8. พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์
“พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์” ตั้งอยู่ตรงแยกโรงเรียนประตูชัย บนถนนอู่ทอง ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นของ รศ.เกริก ยุ้นพันธ์ อดีตอาจารย์ประจำสาขาวิชาเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งครูเกริกได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปรับรางวัลนอมา (Noma) ประจำปี พ.ศ.2525 ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ของเล่นคีตาฮารา (Kitahara Tin Toy Museum) ที่จัดแสดงของเล่นสังกะสีจำนวนมาก เมื่อครูเกริกกลับมาเมืองไทยจึงเริ่มเก็บสะสมของเล่นมาเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี และค่อย ๆ สร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาจนเกิดเป็นพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์ถึงทุกวันนี้ค่ะ
ภายในพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ ส่วนที่จัดแสดงภายในอาคาร กับส่วนพักผ่อนกลางแจ้งค่ะ ซึ่งอาคารที่จัดแสดงนั้นเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังใหญ่ 2 ชั้น ทาสีขาวทั้งหลัง ยกเว้นประตูกับหน้าต่างที่ทาสีฟ้า ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์ทั้ง 2 ชั้นกว้างขวางโปร่งสบาย โดยชั้นล่างจัดแสดงของเล่นไทยยุคเก่าตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา มาเรื่อย ๆ จนถึงรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังจัดแสดงนิทรรศการวิถีชีวิตคนไทยผ่านสิ่งของเครื่องใช้โบราณต่าง ๆ รวมถึงกรอบภาพวาดฝีมือครูเกริกอีกด้วยค่ะ เมื่อขึ้นไปชั้นบนก็จะจัดแสดงของเล่นเก่าต่าง ๆ จากทั่วโลกที่ล้วนแต่เป็นของเล่นสากลที่เด็กทุกยุคทุกสมัยชื่นชอบค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโมเดลการ์ตูนขนาดใหญ่จัดแสดงและมีภาพวาดของครูเกริกที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอยุธยาบนกำแพงยาวสีขาวค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: 45 หมู่ 2 ถ.อู่ทอง ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ตรงแยกโรงเรียนประตูชัย
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/qH7nyxqtYqBHTLpMA
💻 เว็บไซต์: http://www.milliontoymuseum.com/
📞 โทร. 035-328-949- 50, 081-890-5782, 086-334-4581
🏡 เปิด: ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ แต่หากวันจันทร์เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดราชการจะเปิดทำการเป็นปกติ
💸 เสียค่าเข้าชม: เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท และชาวต่างชาติ 100 บาท
9. วัดหน้าพระเมรุราชิการาม
“วัดหน้าพระเมรุราชิการาม” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดหน้าพระเมรุ” เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ริมคลองสระบัวในตำบลท่าวาสกุรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง ตามตำนานกล่าวไว้ว่าพระองค์อินทร์ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2047 และพระราชทานนามว่า “วัดพระเมรุราชิการาม” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตรงที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งค่ะ ด้วยความที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง พม่าจึงใช้เป็นที่ตั้งค่ายหรือกองบัญชาการรบในช่วงศึกสงคราม เช่น ครั้งพระยาละแวกยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2100 และเมื่อครั้งพระเจ้าอลองพญา กษัตริย์พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2303 จึงไม่ได้ถูกพม่าเผาทำลาย ถือได้ว่าวัดหน้าพระเมรุเป็นวัดโบราณเพียงวัดเดียวในอยุธยาซึ่งยังคงสภาพสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาที่สมบูรณ์มากที่สุดค่ะ
ภายในวัดหน้าพระเมรุมีสิ่งที่น่าสนใจอย่าง “พระพุทธรูปนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ” ซึ่งเป็นพระประธานขนาดใหญ่ในพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริด ประทับนั่งปางมารวิชัย และทรงเครื่องแบบเหมือนกษัตริย์ ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาที่งดงามสมบูรณ์มากที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ปรากฏให้เห็นมาจนถึงปัจจุบันค่ะ นอกจากนั้นยังมีสิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ “องค์พระคันธารราฐ” พระประธานในพระวิหารน้อยหรือพระวิหารเขียนที่อยู่ข้างพระอุโบสถ มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ศิลปะทวาราวดี แกะสลักด้วยศิลาเขียว ประทับนั่งห้อยพระบาทบนบัลลังก์ พระหัตถ์ทั้งสองข้างวางคว่ำอยู่บนพระชานุ (เข่า) เบื้องพระปฤษฎางค์ (เบื้องหลัง) มีพนักพิง และเหนือขึ้นไปหลังพระเศียรมีประภามณฑลหรือรัศมีและสลักลายที่ขอบ ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปศิลาที่ใหญ่ที่สุดและงดงามองค์หนึ่งในโลก มีอายุประมาณ 1,500 ปี ปัจจุบันเหลือเพียง 1 ใน 6 องค์ที่อยู่ในประเทศไทยค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: 76 หมู่ 4 ต.ลุมพลี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/QNo7N9m6rDEuKC727
📞 โทร. 035-328-709, 080-668-1070
🏡 เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น.
10. วัดไชยวัฒนาราม
“วัดไชยวัฒนาราม” เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทางตะวันตกนอกเกาะเมือง ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2173 เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายให้พระราชมารดา และอีกประการหนึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัดค่ะ ถือได้ว่าวัดไชยวัฒนารามเป็นวัดหลวงที่สำคัญมาก ๆ เนื่องจากเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงใช้สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศลและใช้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระศพทั้งของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์ รวมถึงเป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลาย และเจ้าฟ้าสังวาลย์อีกด้วย ทำให้วัดแห่งนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชสมัยค่ะ
ภายในวัดไชยวัฒนารามมีสิ่งน่าสนใจที่พลาดไม่ได้เลยนั่นคือ “พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ” ที่เป็นพระปรางค์ประธานของวัดค่ะ ซึ่งพระปรางค์ที่ว่านี้มีลักษณะเป็นปรางค์ทรงจตุรมุขที่มีมุขยื่นออกมาทั้ง 4 ด้านตั้งอยู่บนฐานประทักษิณสูงบริเวณกลางวัด และมีบันไดทางขึ้นสู่มุขทุกด้าน ยอดขององค์ปรางค์ทำเป็นรัดประคดซ้อนกัน 7 ชั้น ส่วนบนสุดขององค์ปรางค์เป็นทรงดอกบัวตูม โดยพระปรางค์นี้มีรูปแบบคล้ายกับพระปรางค์ในสมัยอยุธยาตอนต้นค่ะ ส่วนสิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งภายในวัดคือ “ระเบียงคต” ที่เป็นส่วนเชื่อมต่อเมรุทั้ง 4 ทิศเข้าด้วยกัน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่เคยลงรักปิดทองจำนวน 120 องค์ เปรียบเหมือนกำแพงเขตศักดิ์สิทธิ์ แต่ปัจจุบันเหลือพระพุทธรูปที่ยังมีพระเศียรอยู่เพียง 2 องค์เท่านั้นค่ะ
📍 ปักหมุดได้ที่: วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000
🚘 GPS: https://goo.gl/maps/rSRFGVT6qucXGwHV6
📞 โทร. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา 0-3524-2286
🏡 เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น.
นอกจากอยุธยาจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เรายกตัวอย่างมาทั้งหมด 10 แห่งแล้ว ยังมีสถานที่อื่น ๆ อีกตั้งมากมายหลายแห่งให้เพื่อน ๆ ได้เที่ยวชมกันค่ะ รับรองได้ว่าเที่ยวทั้งวันก็เที่ยวไม่หมดอย่างแน่นอนค่ะ และหากมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอยุธยาล่ะก็... เราจะรีบมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักเลยล่ะค่ะ ^^
Windy_love_Travel หญิงสาวผู้รักการท่องเที่ยว
วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 00.00 น.