ยอขนาดใหญ่กลางทะเล ฉากด้านหลังเป็น ก้อนเมฆรูปแปลกตา ดวงตะวันขนาดใหญ่กำลังโผล่พ้นขอบน้ำลอยขึ้นท้องฟ้า พร้อมส่องแสงแรกอรุณ เป็นภาพถ่ายที่เราเห็นผ่านตาและรู้สึกชอบมาก อยากจะมาสัมผัสบรรยากาศเหมือนในภาพถ่ายที่เห็น จึงเป็นที่มาของการเดินทางไปเที่ยวที่แห่งนี้ "ปากประ พัทลุง"



หลังจากนั้นเราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่ จึงทราบว่าไม่ใช่ทะเลแต่เป็นคลองขนาดใหญ่ที่สำคัญของจังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่บ้านปากประ อำเภอควนขนุน คลองปากประมีแม่น้ำสายต่าง ๆ ไหลมาบรรจบกัน เพื่อไหลออกสู่ทะเลสาบต่อไป คลองปากประจึงเหมือนปากแม่น้ำเป็นที่ชุมนุมของสัตว์น้ำต่าง ๆ กลายเป็นแหล่งประมงพื้นบ้าน โดยชาวบ้านปากประจะหาสัตว์น้ำตามวิถีดั้งเดิม ที่เห็นสะดุดตา คือ ยอยักษ์" หรือยอขนาดใหญ่จำนวนมากมายแห่งเดียวในประเทศไทย จึงเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของที่นี่ก็ว่าได้



เราออกเดินทางไปพัทลุงช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา เดินทางโดยเครื่องบินลงสนามบินหาดใหญ่ เพื่อรับเพื่อนที่หาดใหญ่ด้วย จริง ๆ ลงที่สนามบินตรังจะใกล้กว่านะคะ ใช้เวลาเดินทางจากหาดใหญ่มายังพัทลุงประมาณ 2 ชั่วโมง สถานที่แรกของเรานั้นคือ "สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 สร้างเชื่อมระหว่างสองจังหวัดตามแนวทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ ทะเลหลวง อ.ระโนด จ.สงขลา สะพานมีความยาวกว่า 8 กิโลเมตร เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย


สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ยังเป็น 1 ใน 24 แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว "เขาเล่าว่า..." ของ ททท. ปี 2559 นี้ โดยมีแนวคิดว่า ทุกที่ในประเทศไทย มีเรื่องราวเรื่องเล่ามากมายรอให้ออกไปเห็นออกมาสัมผัส ซึ่งสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขาเล่าว่า... เป็น "สะพานแห่งความสุข" ตลอดสองข้างทางขนาบไปด้วยทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา พร้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีนกนานาชนิด ควายเล่นน้ำ อากาศที่บริสุทธิ์ แค่เพียงได้ผ่านเส้นทางนี้ความรู้ที่เหนื่อยล้า ก็กลายเป็นพลังแห่งความสุขได้ ซึ่งเราได้มาพิสูจน์แล้ว เป็นอย่างที่เขาเล่าว่าจริง ๆ อยากให้ลองมาสัมผัสเองนะคะเป็นเหมือนกันไหม


ตลอดเส้นทางสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มีเลนสำหรับจักรยานด้วย หากได้มาปั่นจักรยานเส้นทางนี้สักครั้งนึงคงจะมีความสุขไม่น้อย


บ้านแฝดร้างหลังคาแดง ในทะเลสาบข้างสะพานเฉลิมพระเกียรติ เดิมสร้างเป็นที่พักชั่วคราวขณะกำลังก่อสร้างสะพานแห่งนี้ เมื่อสร้างสะพานเสร็จแล้วทางจังหวัดเห็นว่าเข้ากับบรรยากาศที่แห่งนี้ จึงไม่ได้รื้อออก ใครผ่านไปผ่านมาสะพานเฉลิมพระเกียรติมักจะแวะถ่ายรูป กลายเป็นสัญลักษณ์คู่กับสะพานแห่งนี้ไปด้วย



ตอนแรกตั้งใจว่าจะรอชม และถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินที่นี้ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด และเผื่อเวลาเข้าที่พัก เราจึงต้องลาที่นี่ไป จากสะพานเฉลิมพระเกียรติเราเดินทางต่อไปยัง "ทะเลน้อย" ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก

"ทะเลน้อย" หรือ อุทยานนกน้ำทะเลน้อย สิ่งที่โดยเด่นที่นี่ คือการชมทะเลบัวแดง มีทั้งล่องเรือ และขึ้นไปชมยังหอชมวิว เรามาตอนเย็นดอกบัวหุบแล้ว จึงเดินชมรอบ ๆ และขึ้นไปยังจุดชมวิว


ข้างบนหอชมวิวนี้มองเห็นวิวได้สุดสายตา สวยงามมาก และสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นอาคาร สะพาน หอชมวิว สร้างได้เข้ากับธรรมชาติที่นี่มาก สวยงามจริง ๆ ค่ะ


ก่อนดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า เราเดินทางไปยังที่พักของเราในคืนนี้ค่ะ "ลุงสนั่น โฮมสเตย์ ปากประ" เราเลือกพักที่นี่เพราะรู้จักตามรีวิวต่าง ๆ และเห็นในรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ทางช่อง ThaiPBS เป็นโฮมสเตย์น่ารัก เจ้าของใจดีเป็นกันเอง เหมือนมาบ้านญาติ ลุงสนั่นเจ้าของที่พักยังเป็นไกด์อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้เราฟัง และพาเราไปล่องเรือในวันพรุ่งนี้ด้วย


ที่พักและอาหารที่เรียบง่าย ความน่ารักเป็นกันเองและใจดีของคุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ ทำให้เรารู้สึกว่ามาเที่ยวบ้านญาติจริง ๆ มีความสุขมากที่ได้พักที่นี่ ถึงแม้จะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครันเหมือนตามรีสอร์ทโรงแรม โฮมสเตย์ของลุงสร้างและต่อเติมขึ้นเองตามภูมิปัญญาท้องถิ่น มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร


ลุงสนั่นจบปริญญาโทด้านการท่องเที่ยว และทำโฮมสเตย์นี้มากว่าสามสิบปีแล้ว ปัจจุบันอายุ 73 ปี กำลังอธิบายเสน้าทางที่เราจะล่องเรือเที่ยวในวันพรุ่งนี้ และเล่าเรื่องราวประวัติเมืองพัทลุงให้เราฟัง



5.30 น. เราตื่นไปล่องเรือกัน คุณลุงเตรียมเสบียงอาหารมื้อเช้าไปด้วย ไฮไลต์สำคัญที่เรามาที่นี่ คือ ถ่ายภาพยอยักษ์พร้อมกับแสงแรกของวันใหม่ นั่งเรือจากท่าเรือไปประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว ภาพแรกที่เราเห็นด้วยตาตัวเอง คลองปากประมีขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ขอบน้ำจรดกับขอบฟ้า เต็มไปด้วยยอขนาดใหญ่ ท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์รุ่งแจ้งสวยงามมาก สมกับที่ว่า ที่แห่งนี้คือ สวรรค์ของนักถ่ายภาพอย่างแท้จริง

ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น ลุงสนั่นให้เราลองสังเกตก้อนเมฆและจินตนาการลักษณะวาเหมือนอะไร ลุงบอกว่าเห็นเหมือนตัวละครหนังตะลุง อ้ายเท่ง อ้ายหนูนุ้ย เราก็มองตามก็เหมือนจริง ๆ นะคะ เป็นกลุ่มก้อนเมฆที่สวยมาก ๆ เปลี่ยนรูปลักษณะตลอดเวลา ทำให้จินตนาการได้หลายอย่างเลย เพลินดีค่ะ



ลุงให้คนขับเรือพาเราไปดูต้นลำพูก่อนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน เพราะเรายังพอมีเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ต้นลำพูกลางน้ำของที่นี่กำลังเป็นที่นิยมของช่างถ่ายภาพ เพราะด้วยความแปลกตาที่เหมือนอยู่กลางทะเล มีที่นี่ที่เดียวอีกแล้ว ลุงบอกต้องไปถ่ายรูปให้ได้

มีทั้งต้นเดี่ยว และต้นคู่ แปลกและสวยงามมากค่ะ ต้นลำพูที่เห็นอยู่ใกล้ฝั่ง แต่เมื่อถ่ายออกไปจากฝั่ง จะเหมือนอยู่กลางน้ำ


จากนั้นเราก็กลับมาใกล้ ๆ กลุ่มยอเพื่อรอถ่ายภาพยอตักตะวัน ระหว่างรอชมพระอาทิตย์ขึ้น เราได้เห็นวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน ลุงเล่าว่าด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน สามารถทำยอขนาดใหญ่ และยกยอขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากได้แม้เพียงคนเดียว โดยแม่บ้านจะมายกยอเก็บปลา พ่อบ้านก็ไปทำงานอย่างอื่น ช่วยกันทำมาหากิน บ้านแต่ละหลังจะทำยอเป็นของตัวเอง


เป็นภูมิปัญญา และวิถีชีวิตที่มีมานาน และยังคงรักษาไว้ แม้ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างเข้ามาอำนวยความสะดวก แต่วิถีดั้งเดิมเหล่านี้คือ มนต์เสนห์ และยังคงรักษาสมดุลของธรรมชาติไว้



ลุงบอกว่าวันนี้โชคดี ท้องฟ้าเปิดและสวย แต่เราก็ยังพลาดมุมดี ๆ ไป ต้องมาอีกแน่นอน หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราล่องเรืองต่อตามโปรแกรม 2 เล 4 คลอง 2 ป่าพรุ ของลุงสนั่น คลองปากประเชื่อมกับทะเลน้อยสามารถนั่งเรือจากที่นี่ไปได้เลยค่ะ



ผืนแผ่นดินในทะเลสาบคล้ายแพลอยน้ำ สวยงามแปลกตา มีนกนานาพันธุ์ ปกติจะมีควายมากินหญ้าบริเวณนี้ แต่วันนี้เราไม่เจอเลยค่ะ ลุงให้เรือจอดให้เราไปเดินเล่นด้านบนกันค่ะ


เส้นทางล่องเรือ ลอดผ่านสะพานเฉลิมพระเกียรติที่เราแวะถ่ายรูปเมื่อวานด้วย


ระหว่างล่องเรือ ได้ชมธรรมชาติ และวิถีชีวิต ลุงสนั่นทอดแหให้ถ่ายรูปด้วย ไม่ได้ขอ แต่ลุงอยากจัดให้ น่ารักมากค่ะ


ลุงมียาเเก้เมา เเก้เวียน แก้ปวด แก้เมื่อย เตรียมให้ลูกเรือพร้อม แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ใช้ ลุงใช้เองเพราะปวดหลัง หลังจากที่ทอดแหเมื่อสักครู่ ^^


วันนี้ไม่เจอควายน้ำ เจอแต่ควายกินหญ้าอยู่ไกล ๆ ลุงจอดให้เราถ่ายรูป และแวะซื้อปลาดุกสด ๆ จากชาวบ้านที่กำลังงมอยู่


เราล่องเรือชมนกชมธรรมชาติตามเส้นทางไปเรื่อย ๆ เข้าสู่ป่าพรุเสม็ดลุงบอกว่าจะพักรับประทานอาหารเช้ากันที่นี่


ลุงใช้ใบบัวแทนภาชนะใส่อาหาร กลมกลืมธรรมชาติมาก


หากอยากจะเข้าห้องน้ำ ลุงก็จะทำห้องน้ำธรรมชาติให้ ป่าพรุเสม็ดมีควายขึ้นมาพักบนนี้ รอยบนต้นไม้เกิดจากรอยไถควาย ที่ถูไถเพราะความคันตามลำตัว ^^


ทานอาหารเช้าเสร็จเราก็ออกเดินทางต่อไปยังทะเลน้อย


ลุงบอกว่าช่วงนี้นกเยอะ เพราะนกอพยพหนีหนาวมาจากไซบีเรีย มาหากิน หาคู่ วางไข่ พอหมดฤดู บ้างก็บินกลับ บ้างก็อยู่ที่นี่เลย


เนื่องจากความหลากหลายทางระบบนิเวศ นกนานาชนิด ทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ควรค่าแก่การรักษา ป่าพรุในทะเลน้อยจึงเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลกแห่งแรกของไทย

ลงเรือตั้งแต่ 5.30 น. มาถึงทะเลน้อยจุดชมทะเลบัวแดง เกือบเก้าโมงเช้า เป็นการล่องเรือที่ยาวนาน คุ้มค่า และประทับใจมาก เราลัดเลาะคลองกลับไปยังที่พัก ผ่านป่าพรุอากาศเย็นสบายมากค่ะ


9.30 น. เสร็จสิ้นภารกิจล่องเรือเที่ยว 4 ชั่วโมงเต็ม เป็นการล่องเรือที่มีความสุขและคุ้มค่ามาก ที่พักโฮมสเตย์ลุงสนั่น คิดเป็นรายคน คนละ 550 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ ค่าเรือเหมาลำ 1,500 บาท ล่องเรือชม 2เล 4คลอง 2ป่าพรุ ออกตั้งแต่ตีห้าครึ่งกลับถึงที่พักประมาณ 10 โมง


ชอบทานอะไรโทรบอกลุงได้ ลุงจัดให้ ลุงจัดแบบทริปแพคเกจด้วยนะคะ เที่ยวจากตรัง โทรสอบถามได้ราคาไม่แพง คุ้มค่าแน่นอนค่ะ

เบอร์ไทรโฮมสเตย์ 081-7388271

เพจโฮมสเตย์ มีคนใจดีทำให้ลุง ทำพิกัดGoogleให้ด้วย

https://www.facebook.com/homestaysananbanpakpra/?fref=nf


ลุงสนั่นพาไปทุกที่ที่มีมุมสวย ๆ เหมาะกับคนชอบธรรมชาติ หรือชอบถ่ายรูป รับรองได้ภาพดี ๆ กลับมาแน่นอนค่ะ และยังได้ความรู้ เรื่องราวต่าง ๆ ที่อาจหาไม่ได้ในตำรา

สรุปค่าใช้จ่าย

ตั๋วเครื่องบินไปกลับ 800 บาท

รถเช่า 1 วัน 700/2

น้ำมัน 600

ที่พัก อาหาร 550

ค่าเรือ 1500/2

ลากันด้วยภาพนี้นะคะ เป็นมากกว่าการมาเที่ยว นอกจากได้รับความสุขสนุกสนานแล้ว ยังเหมือนได้ญาติมิตรเพิ่ม ขอบคุณความน่ารักของคุณลุงคุณป้า เป็นทริปที่อบอุ่นและเป็นกันเอง มีโอกาสต้องกลับไปอีกแน่นอนค่ะ


พัทลุง เมืองรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ที่ที่เราไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพัทลุง ยังมีอีกหลายสถานที่ที่รอคุณไปสัมผัส ออกมาเที่ยวกันค่ะ แล้วคุณจะหลงรักประเทศไทย



ติดตามการท่องเที่ยว แนะนำติชมสอบถามได้เพจนี้นะคะ

https://www.facebook.com/talk2travels/



ขอบคุณที่เข้ามารับชมค่ะ

ความคิดเห็น