รีวิวแบบเต็มๆ สำหรับทริปบาหลีของพวกเรา
- บาหลี เป็นเกาะหนึ่งของประเทศอินโดนิเซีย มีพื้นที่ประมาน 5,780 km² เมืองหลวงคือเมือง เดนปาซาร์ การเที่ยวบาหลีเนี่ยไม่ต้องขอวีซ่า แต่อยู่ได้ไม่เกิน 90 วันเด้อราคาตั๋วเครื่องบินจะอยู่ที่ 5k – 7k เป็นราคาปกติ เท่าที่เจอมานะ ส่วนสำหรับทริปเราโดนไป 6kใช้เวลาเดินทางจากดอนเมือง ไป Ngurahrai Airport ประมาณ 4 ชม. ซึ่งเวลาที่บาหลีจะเร็วกว่าที่ไทย 1 ชม.
- ที่บาหลีจะใช้เงิน IDR หรือ รูเปี๊ยะ ค่าเงินก็ 1 บาทไทย จะได้ประมาณ 440 IDR คือไปเที่ยวทีพี่พกเงินล้านนะครับผมโครดรวยเลยยย 5555
- เราแลกเงินไปจาก Super rich เลย เพราะอ่านรีวิวมาว่าไปแลกที่นู่นเรทดีก็จริงแต่โกงกันเยอะ ไม่เอาไม่เสี่ยงดีกว่า ค่าครองชีพที่บาหลีค่อนข้างถูกมากกก
- ปลั๊กไฟจะใช้เป็นแบบรูกลม (กำลังไฟเท่าไทย)
- สำหรับอาหารที่บาหลี ถ้าเป็นโลคัลเลยจะค่อนข้างรสจัด เผ็ดแต่ไม่เผ็ดเท่าไทยนะ 555. เครื่องเทศหนักๆ ส่วนมากก็จะเป็นไก่ ปลา เนื้อ กรุ้ปเราไม่มีปัญหาเรื่องอาหารเลยสุดยอดไหมละกินไม่เลือก 5555
มาเริ่มทริปของเรากันดีกว่า ทริปนี้เราไปทั้งหมด 6 วัน 5 คืน สมาชิก 4 คน เช่ารถพร้อมคนขับตลอดทริป ประมาณ 2.200.000 IDR
ก่อนไปเราก็ช่วยกันวางแผนที่ๆจะไป รวมถึงจองที่พักไว้เรียบร้อย จริงๆแล้วเราตั้งใจว่าจะใช้รถพร้อมคนขับแค่ไม่กี่วัน เพราะมีบางวันที่น่าจะใช้รถไม่เยอะ ก็กะว่าจะใช้แกร้บหรืออูเบอร์แทน แต่สุดท้ายเราได้Contactคนขับจากพี่ที่รู้จัก บวกกับความขี้เกียจแล้ว ก็เอ้า! เช่ารถพร้อมคนขับทุกวันไปเลยแล้วกัน จบจบพอเอาเข้าจริง ก็เวิร์คสุดแล้วนะ เพราะแทบไม่เห็นรถสาธารณะเลย(นอกจากแทกซี่ ซึ่งโก่งราคาสุด) การเดินทางคิดว่าค่อนข้างยากพอสมควรเลยแหละ
ครั้งนี้เราได้ไปแค่โซนขวาล่างของเกาะเท่านั้น แค่นี้ก็เที่ยวกันแทบไม่ไหว แต่จากการไปเยือนบาหลีครั้งนี้ เราก็ตัดสินใจได้ว่า มันต้องมีอีก แน่นอน
ข้อมูลต่างๆเราจะเล่าไปพร้อมๆกับรูปเลย
อันนี้คือตารางการเที่ยว (จริงๆ) ของเรา ซึ่งก็คล้ายๆกับที่เราวางกันไว้แต่แรกแหละ แค่มีสลับๆ ลดๆ เพิ่มๆ เปลี่ยนแปลงนิดหน่อย
เราออกจากดอนเมืองประมาน 6 โมงเช้า ไปถึง Ngurahrai Airport ตอนประมาน 11.30 กว่าจะรอกระเป๋า ออกมาก็เที่ยงได้
พอเจอกับคนขับรถ (ชื่อพี่สุกี้) ก็ไปแวะกินข้าวกลางวันกันก่อน พี่สุกี้แกก็ถามก่อนเลยว่าอยากกินแบบไหน พวกเราก็หนักแน่นไปเลย ขอ Local Food and Cheap! ร้านแรกก็ออกจะเป็นเหมือนร้านข้าวแกง เดินเข้าไปนี่ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลย แอบเงิบ คนที่นี่พูดไม่ได้เลยหรอวะ แย่แล้ว ยังดีที่มีพนักงานคนนึง พอพูดได้ งูๆปลาๆ ไอ้เราก็เลยงูๆปลาๆ ตามเขาไป สรุปก็ได้กินอะนะ โดนไปประมาน 300 กว่าบาทสำหรับมื้อแรกที่บาหลี
ระหว่างทางบอกพี่สุกี้ว่า ร่างกายต้องการกาแฟมาก พี่แกก็ถามกลับว่าจะเอาแบบ Coffee shop or Luwak Coffee ไอ้เราก็ไม่รู้ไง ลูวัคคือไรวะ ลูวัคก็ลูวัค พอไปถึงหน้าร้านก็ อ้อออออ กาแฟขี้ชะมดนั่นเองงงงง คือเคยอ่านรีวิวมา แต่ไม่รู้ว่าเค้าเรียกลูวัค 55555. สไตล์ร้านก็จะเหมือนๆกันหมดนะ เป็นเหมือนสวนเล็กๆ เดินชม มีคนนำ อธิบายๆๆๆตามสคริป นี่คือต้นกาแฟ ส่วนนี้คือต้นวานิลลา ต้นนู่นต้นนี่ และนี่คือ ลูวัคค่ะ (ชะมด) ซึ่งเราไปถึงตอนกลางวัน .
เซ็ทชิมจะมีทั้งหมด 13 แก้ว เป็นชาและกาแฟ 13 ชนิด ซึ่งแบบที่ 1 หมด เลยมีมาแค่ 12 แก้ว (คือถาดมันใส่ได้ 12 แก้ว แก้วนึงที่ไม่มีเนี่ยมันจะไม่มีตลอดเลยปะวะ 55555.) ก็ไล่ชิมกันไป กินได้บ้างไม่ได้บ้าง อร่อยบ้าง ยี้บ้าง แปลกบ้าง นู่นนี่ สุดท้ายมาถึงกาแฟขี้ชะมดพระเอกของงาน คือตามปกติเวลาเรากินกาแฟ ก็จะต้องคนๆ แล้วค่อยดื่ม ปัญหาคือ ไอ้กาแฟขี้ชะมดเนี่ย มันมาทั้งกากเลย ซึ่งพอคน กากมันก็ลอยฟุ้ง ดื่มเข้าไปก็นั่นแหละ กากเต็มปาก จบกัน ไม่กินแล้ว .
ประมาณ 1 ชม.ต่อมา ในที่สุดก็มาถึง Uluwatu เสียค่าเข้านิดหน่อย ผญ.หยิบโสร่ง กับผ้าผูกเอวสีส้ม เพราะใส่ขาสั้น ส่วนผช.ใช้แค่ผ้าผูกสีส้ม ผูกเอวไปก็พอ แต่ตอนถ่ายรูปแอบถอดออก 555
เราเข้าไปถึงส่วนที่เป็นหน้าผา ก็ถ่ายรูปๆกัน ซึ่งก็นะ นักท่องเที่ยวเยอะ ถ่ายรูปยาก พี่สุกี้แกเลยพาเดินไปจุดถ่ายรูป ซึ่งจุดที่พี่แกพาไปต้องปีนกำแพงไป คือดีย์ ไม่มีคนอื่นเลย แต่หวาดเสียวอยู่นะเอาดีดี 555555
ต่อด้วย Blue Point หรือ Single Fin เรารู้สึกว่าเป็นคล้ายๆกับ Community มีร้านอาหาร บาร์เยอะ เป็นบาร์แบบริมผา บรรยากาศก็จะดี ราคาก็จะนักท่องเที่ยวแหละ
พวกเราไม่ได้นั่งที่ Single Fin เพราะตั้งใจจะเดินสำรวจก่อน ก็เลยเดินลงไปเรื่อยๆ จนไปถึงหาดด้านล่าง มันจะเป็นซอกเล็กๆ มีพวกนักเซิร์ฟแบกบอร์ดมาเล่นอยู่บ้าง ไม่ได้ว้าวมากเท่าไหร่ ก็เลยเดินขึ้น เพราะอยากไปช๊อปปิ้งที่ OUTLET และต้องไป CHECK IN โรงแรมแถว SANUR ซึ่งก็ต้องใช้เวลาเดินทางพอสมควร ก็เลยเลือกที่จะไม่นั่งที่นี่แล้วไปต่อเลยดีกว่า
สำหรับวันที่สอง วันนี้เรามีแพลนจะไป NUSA PENIDA ซึ่งเป็นเกาะ ที่อยู่ห่างจากเกาะหลักประมาน 45 นาที โดย SPEED BOAT เราต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ SANUR ซึ่งเราก็เลือกโรงแรมที่ใกล้กับท่าเรือแบบ 5 นาทีถึง แต่ความซวยคือดันรถติด จาก 5 นาทีเลยกลายเป็นเกือบ 30 นาที!!
เรือที่นั่งไปเป็นเหมือน SPEED BOAT ขนาดใหญ่ มีสองชั้น แต่ชั้นบนไม่ได้ให้คนนั่งเท่าไหร่
เป็นเรือแบบปิดแต่ไม่มีแอร์ คือหน้าเรือมีหน้าต่างบานเบ้อเริ่ม แต่ ไม่เปิด ! สิ่งที่เข้ามาได้จึงมีแต่ แดด!!!!
ส่วนหน้าต่างข้างๆ เปิดได้ แต่เหมือนไม่ได้ทำมาเพื่อรับลมอะ ขอสรุปสั้นๆว่า ร้อนโคตรๆเลยโว้ยยยยยยยยย
พอไปถึงเกาะ ก็เจอกับคนขับรถที่จะพาเที่ยวเกาะวันนี้จากท่าเรือใช้เวลาเกือบ 1 ชม.ไปถึงที่แรก
คือ ANGEL BILLABONG มันจะมีจุดที่เราสามารถลงเล่นน้ำได้ ซึ่งน้ำจะใสมาก แต่ด้วยความที่พวกเรามาเลท เลยต้องทำเวลา เดี๋ยวจะไป SNORKEL ไม่ทัน
เราเดินต่อไปติดๆกันคือ BROKEN BEACH ตอนเราดูในรีวิวรอบแรก นึกว่าเป็นแค่โพรงเล็กๆ ของจริงคือใหญ่ อลังการมากมากกกกก ความคลื่นซัดตู้ม ฮือชอบ แต่ความสถานที่ท่องเที่ยวอะเนอะ จุดถ่ายรูปก็ต้องต่อแถวรอถ่ายกันไป 5555.
ทางเดินกลับเราผ่านหน้าผาที่มองลงไปในทะเลเห็น ปลากระเบน MANTA ซึ่งหลายๆคนจะมา SNORKEL แถวๆนั้น แต่น่าเสียดายเราไม่ได้ไปดำตรงนั้น ไม่เป็นไร NEXT TIME LIST ADDED.
ต่อไปเราไปกันที่ KELINGKING BEACH พี่สุกี้บอกว่า KELINGKING แปลว่า นิ้วก้อย คือเป็นเหมือนนิ้วก้อยยื่นออกมาจากเกาะนั่นเองง ที่นี่เห็นรูปมาเยอะมากก่อนจะไป แต่ก็เช่นเคย ตอนที่เดินไปเห็น มันคือว้าว น้ำทะเลสีฟ้า ท้องฟ้าก็ฟ้า มีไดโนเสาร์สีเขียวนอนหลับอยู่ ฮืออออดีเหลือเกิน ด้วยความรีบ เราก็เลยไม่ได้ปีนลงไป เอาจริง เห็นทางปีนก็ไม่คิดจะลงแล้วครับ น่ากลัวมากกก
เรากินข้าวกล่องกันบนรถ เนื่องจากเดี๋ยวเวลาจะไม่ทัน แล้วก็มุ่งหน้าไปหาดเพื่อไป SNORKEL จ้า หลังจากเพื่อนๆ เลือกฟินกัน (ผมไม่ลง55) เปลี่ยนเสื้อผ้า ซื้อขนมปัง (ไว้ให้ปลา) ก็ไปขึ้นเรือได้ นี่สิเรือที่ต้องการ 555555.
ไปถึงจุดแรกเพื่อนๆก็โดดตู้มมม (เราไม่ลงนะขี้เกียด) พี่ไกด์แกก็พาเพื่อนๆ(ลาก)ไปดูนู่นนี่ๆ นู่นปลา ดูสิ นั่นก็ปลา ดูเร็ว
วันที่สาม เรามีแพลนเที่ยว UBUD จริงๆแพลนแรกของเราคือไป TIBUMANA WATERFALL แต่พี่สุกี้บอกว่าคนเยอะ จะพาไปที่อื่นที่สวยเหมือนกัน
เช้าวันนั้นเราตื่นมาก็อาบน้ำแต่งตัว ออกไปกินกาแฟร้านข้างๆโรงแรม
TUKAD CEPUNG WATERFALL ซึ่งต้องเดินๆ ลงไปพอใกล้ถึงก็จะต้องลุยน้ำเข้าไปหน่อย ซึ่งเราไปถึงแต่สายๆ แดดยังไม่แรง หนาวแหละ น้ำก็เย็น เดินๆเข้าไปจนเจอน้ำตก คือสวย มันอยู่ในถ้ำ เป็นซอกลงมาจากข้างบน แสงแดดส่องมาถึง กระทบละอองน้ำเป็นเส้น ดีมาก แต่ ละอองน้ำแรงมาก
อาหารเที่ยง ที่นี่เป็นโจทย์ที่เราบอกพี่สุกี้ไปแต่แรกว่าอยากไปกินข้าวชมวิวภูเขาไฟ KINTAMANI คือมีสมาชิกคนนึงในกลุ่มอยากไปภูเขาไฟ แต่จะไปปีนก็ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ เลยอ่ะ เดี๋ยวพาไปนั่งกินข้าวชมภูเขาไฟไปนะจ้ะ 555555. จากที่อ่านรีวิวมา ส่วนใหญ่ก็จะไปกินเป็นบุฟเฟ่ต์กัน ซึ่งหลายๆคนก็บอกว่าแพงและไม่อร่อย เราก็นึกว่ามันจะมีอยากอื่นบ้าง สรุปแล้วก็นั่นแหละ มีแต่บุฟเฟ่ต์ แต่ตกหัวละ 200 บาท ก็ไม่แย่ กินก็กินอาหารไลน์บุฟเฟ่ต์ทุกร้านคิดว่าเหมือนกันหมด (จากที่คุยกับเพื่อนมา) ซึ่งเป็นอาหารโลคัล แต่รสชาดทัวร์ริสท์ คือจืด แต่หวาน มีทุกรส ยกเว้นรสอร่อย 5555555555 กล้วยทอดยังไม่อร่อยเลยอะ แต่วิวดี บวกคะแนนให้หน่อย อากาศดีด้วย เพราะอยู่บนเขาด้วยแหละ ละอยู่ดีดีฝนก็ตก เลยหนาวไปใหญ่เลย แถมพื้นลื่น 5555
วันที่สาม เรามีแพลนเที่ยว UBUD จริงๆแพลนแรกของเราคือไป TIBUMANA WATERFALL แต่พี่สุกี้บอกว่าคนเยอะ จะพาไปที่อื่นที่สวยเหมือนกัน
ระหว่างทางเจอหินลาวาภูเขาไฟ วิวสวยน่าถ่ายรูปเลยแวะลงไปถ่ายรูปกันนิดหน่อย
TOYA DEVASYA เราชอบความรู้สึกของที่นี่มาก เหมือนในหนังอะ เราจ่ายค่าเข้า คนละ 200.000 มัดจำค่าริชแบนด์ 50.000 สามารถใช้ซื้ออาหารเครื่องดื่มข้างในได้ ถ้าเหลือก็มาแลกคืน เข้าไปถึงก็แยกย้ายกันเปลี่ยนชุด เอาของเก็บในล็อกเกอร์แล้วก็ออกมาลงสระ ซึ่งที่นี่มีสระให้เลือกลงประมาณ 6 สระ (มั้ง) สระที่เป็น SIGNATURE ก็คือสระที่อยู่ติดกับทะเลสาบ ถ่ายรูปออกมาก็จะสวยๆ สระก็จะเหมือนสระว่ายน้ำนี่แหละ แต่น้ำในสระเป็นน้ำอุ่น (คือเค้าเคลมว่าเป็นน้ำแร่อะไรนี่แหละ) คือเราเคยฝันว่าอยากได้สระว่ายน้ำที่เป็นน้ำอุ่นมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะขี้หนาว เวลาไปเที่ยวแล้วว่าย SWIMMING POOL ก็จะไม่ชอบเวลาน้ำในสระมันเย็นๆ พอมาเจอที่นี่ก็เหมือนความฝันที่เป็นจริงหน่อยๆ (เบอร์นั้น5555.) แต่คืออากาศมันร้อนไง แล้วต้องการความสดชื่น เจอน้ำร้อนอีก ร้อนไปหมด 5555555555555.
สุดท้ายสำหรับวันนี้คือบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ PURA TIRTA EMPUL ที่เห็นจากตามรีวิว แต่กว่าเราจะไปถึงก็ค่อนข้างเย็นแล้ว บวกกับความตัวเปียกปอน โดนแอร์บนรถ ก็หนาว เลยไม่ได้ลงไปอาบ เดินถ่ายรูป ชมพื้นที่รอบๆ สวยมากๆ
ผู้ชายก็ต้องเรียบร้อยนะครับที่นี่ 55555
เช้าวันที่ 4 แล้ว วันนี้แพลนคือไปตลาด น้ำตก และ CHECK IN POOL VILLA ที่ CANGGU และไป SURF
เริ่มด้วยตลาด UBUD (ไม่มีรูปแฮะ) เราก็แยกย้ายกันเดินดูของ ซื้อบ้างอะไรบ้าง แต่เราไม่ได้ซื้อเพราะไม่ชอบต่อราคา 555555. จะจ่ายแพงก็ใช่เรื่อง ตัดปัญหาโดยการไม่ซื้อเลยแล้วกัน เลยไปหากาแฟกิน แถวนี้ร้านค้ารอบๆก็จะเป็นร้านกระจก ห้องแอร์ แพงๆหน่อย ร้านกาแฟก็ดูหรูๆ เก๋ๆ พวกเราสรุปกันว่า UBUD ถ้าเทียบกับไทยก็คงเหมือน เชียงใหม่ แถวนี้ที่เรามาเดินก็เหมือน นิมมาน ประมานนั้นแหละ
ไปต่อกันที่ TEGENUNGAN WATERFALL
เป็นน้ำตกที่อยู่ห่างออกไปประมาณครึ่งชม. ต้องเดินลงไป ใหญ่โตอลังการ แต่ด้วยความที่มันอยู่ใกล้เมือง คนก็จะเยอะหน่อย และน้ำตกมันใหญ่ ตรงช่วงใต้น้ำตกเขาห้ามเข้า เนื่องจากมันเป็นน้ำวน อันตราย ก็จะมีทุ่นกั้นไว้
เราไม่ได้ลงไปเล่น เดินข้ามไปอีกฝั่ง มีชิงช้าให้นั่งถ่ายรูป 25.000 มีแกว่งด้วย พี่แกก็แกว่งให้เพื่อน ไอเราก็เป็นคนถ่าย ไอต้นที่ชิงช้ากลับมานี่เกือบโดนเลนส์กล้องแตก 55555
ได้เวลาเข้า CANGGU ใช้เวลาประมาน ชม.นึง ก็ไปถึง POOL VILLA ที่จองไว้ผ่าน AIRBNB
VILLA ที่เราเลือกจะแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น OUTDOOR ห้องนอน 3 ห้อง สระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้านเลย
แต่ละห้องนอนมีห้องน้ำในตัว (แต่จะเป็น outdoor หน่อยๆ) มีอ่างและฝักบัวทุกห้อง
ครัวมีเครื่องใช้ให้ครบ กะทะ หม้อ เตาอบ เครื่องปรุง เราเลยตัดสินใจว่าจะโดดน้ำไปแล้วทำอาหารกินกันมื้อเย็น (เซ็นเซอร์สิ่งที่ไม่ดีออก555)
เช้าวันที่ 5 เราตื่นสาย 5555555555. นัดพี่สุกี้ไว้ 9 โมง ตื่นมา 9 โมง 55555. ดีตั้งใจจะไปเซิร์ฟเลย เราก็ไปกันที่หาด CANGGU ปรากฏว่า ตอนนี้คลื่นแรงเกินไป ไม่เหมาะสำหรับ CLASS ต้องมาเล่นตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น หรือวันนี้ตอน 7 โมงเช้า คุยไปคุยมาก็เลยสรุปว่าเดี๋ยวกลับมาเรียนตอนประมาณบ่ายสาม เลยต้องหาที่ไปกัน
บอกพี่สุกี้ว่าอยากกินกาแฟ พี่แกก็พาไป SEMINYAK ร้าน REVOLVER ESPRESSO BOUTIQUE CAFÉ ซึ่งเป็นร้านที่มีตั้งแต่ กาแฟ เบียร์ ไปยันเหล้าตั่งต่าง อาหารก็มี แต่เป็นพวกอาหาร HEALTHY ขนมปัง ผัก ซึ่งแพงแหละ สไตล์ร้านก็จะดูเท่ๆหน่อย มืดๆ ด้วยความเพลียของร่างกาย เพื่อนๆก็ขอนั่งพักอยู่ที่นี่ยาวๆ
ไฟนัลลี่ !!! ได้เซิร์ฟแล้วววววววว นี่คือร้านที่เราจะเรียนกัน อยู่ตรงหาด CANGGU เลย
พอไปถึงก็ใส่เสื้อแขนยาวที่ทางร้านให้ยืม แล้วก็เริ่มคลาส เริ่มจากเรียนทฤษฎีบนฝั่งก่อน ขั้นแรกต้องทำยังไง ท่านอนยังไง ยืน หนึ่ง สอง สาม ขาอยู่ตรงไหน นู่นนี่ ประมานครึ่งชม. แล้วก็ลุยยยยย ลงน้ำโลดดด
บอร์ดที่เราจะเล่นวันนี้เป็นบอร์ดยาง ไว้สำหรับฝึก
คืนสุดท้ายก่อนกลับบ้านของเรา พี่สุกี้พาเราไปที่ LEGIAN STREET โซนนี้ก็จะมีร้านขายของเรียงรายสองข้างทาง ร้านนั่งชิล ผับ บาร์ เป็น NIGHT LIFE STREET อะแหละ เราก็เดินดูนู่นนี่ จนไปถึงจุดที่เกิดรูปนี้ขึ้นมา ก็คือ SKY GARDEN เป็นบาร์ที่ติดท็อปของโลกอะไรนี่แหละ ซึ่งใหญ่โตอลังการ มีแบ่งโซนเป็น ผับ รูฟท็อปบาร์ อะไรประมานนั้น แต่เสียค่าเข้า (ค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับเงินในกระเป๋าของพวกเรา)
สรุปเลยไปเข้าร้านตรงข้ามแทน 555. ซึ่งเป็นผับเหมือนกัน แต่ไม่เสียค่าเข้า (ไม่อลังเท่าอยู่แล้ว ค่อนไปทางบ้านๆ) แต่เออเพลงมันส์ โดนลากขึ้นไปเต้นบนเวทีนู่นนี่ๆ ยาวๆไป กลับโรงแรมนอน หมดสภาพ 5555555.
วันต่อมา เราก็ตื่นแต่เช้ามืด เดินทางไปสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯ
จบแล้ว สำหรับทริปบาหลีครั้งแรกของเรา
สำหรับพวกเราก็ถือว่าเป็นทริปที่คอมพลีทนะ ครบตามที่ต้องการ ไปจนถึงดีกว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ
แต่ก็ยังไม่หนำใจแหละยังมีอีกหลายที่ที่ยังต้องไปเก็บ ไปซ้ำอีกแน่นอนนนน
สรุปงบคร่าวๆสำหรับทริปนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทไทย (รวมค่ารถ ค่าที่พัก ค่าทัวร์ ค่ากิน ค่าเซิร์ฟ)
ไม่รวมตั๋วเครื่องบินอีก 6,000 หน่อยๆ
สรุปว่าถูก คุ้มมมมมมม
ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะ
Wuttichai Nawamawatand
วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.40 น.