พี่สุชาติได้กล่าวไว้ว่า “การเดินทางคือการเรียนรู้”
และถ้าลองพิเคราะห์ดูว่าเราได้เรียนรู้ครั้งล่าสุด นานมาแล้วแค่ไหน
- อารัมภบท
เนื่องด้วยมีภารกิจที่มีโอกาสได้เดินทางไปถ่ายภาพงานอุปสมบท ณ วัดทรายงาม จังหวัดจันทบุรี ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตรเพื่อไปยังจุดหมาย สภาพบ้านเมืองตึกรามสูงตะหง่านค่อยๆ ลดลง คงเหมือนกับอีโก้ในใจคนที่เริ่มปล่อยวาง ภาพข้างทางเปลี่ยนเป็นป่าเขาตามระยะทางที่ค่อย ๆ ห่างออกจากชานเมือง ความสบายตาเริ่มทำหน้าเยียวยาสิ่งที่อยู่ภายใน นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้ออกห่างจากจอที่มีแสงสีฟ้า รถลาที่ผู้คนต่างแก่งแย่งแข่งขัน ต้องเจอกับความเบียดเสียดคับคลั่งของคมนาคมในสังคมเมือง
(ในยุคปัจจุบันสามารถโชว์รวยด้วยการเติม 95 เต็มถัง)
12.00 น. แล้วแวะหาอะไรรองท้องในปั๊มแถวระยองกันหน่อย
2. ความเงียบที่ครอบงำ
สถานที่และสิ่งแวดล้อมอาจมีผลต่อกิจวัตรและการปฏิบัติตน ลมเย็นพัดโชยนำความสงบมาเยือน และนำเราไปสู่นิทราระหว่างรอพิธีการจะเริ่มขึ้น เวลาเหลือพอสมควรเพราะเรามาถึงที่หมายก่อนกำหนดเป็นเรื่องปกติของการแสดงความเป็นมืออาชีพ กิจกรรมถูกดำเนินไปอย่างเรียบง่าย และรวดเร็ว สำเนียงบาลีแบบที่ไม่เคยได้ยินการเอื้อนเอ่ยแบบนี้จากที่ใดมากก่อนเสียงภาคกลางจะลงท้ายว่า “เวรมณี” แต่ที่นี่ลงท้ายออกเสียงว่า “เวระมะนอย” ซึ่งสาระภาพตามตรงว่าถึงกับแอบอมยิ้มนิด ๆ เพราะมันแตกต่างออกไป (แต่หากไป ค้นหาในอินเทอร์เน็ตก็จะมีคำอธิบายอยู่)
3. เข้าเรื่อง - เจดีย์ทอง
เกริ่นน้ำแกงมาเสียนานกว่าจะเข้าสถานที่ที่จะแนะนำให้รู้จักกับที่แรก ก็ในวัดทรายงามนั่นแหละ เพราะวัดนั้นอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้สูงใหญ่รวมกันมาก ๆ ทำให้บริเวณพื้นที่รอบ ๆ มีบรรยากาศที่ร่มรื่นชวนชื่นใจ และจุดไฮไลท์กับสถานที่ลับที่ไม่ใช่ความลับ ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาด้านหลังวัด มีบันไดปูนเป็นเส้นทางพาให้เราก้าวเดินทอดยาวไปบนยอดเขาที่หมาย ที่ที่มีเจดีย์สีเหลืองทองเห็นยอดสุกอร่ามตั้งเด่นชัดอยู่ไกล ๆ ด้านในเป็นที่บรรจุอัฐิธาตุของพระเกจิหลาย ๆ รูป และยังเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองอีกด้วย
เจดีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2505 โดยพระครูญาณวิโรจน์ (ปทุม ธนปาโล) สมัยเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านของผู้คนที่อยู่ในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาก็ต่างแวะเวียนกันขึ้นไปสักการะบูชาตามความเชื่อความศรัทธา ด้วยความสูงของยอดเขาทำให้เราสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นสีเขียวชอุ่มชุ่มชื้นกระแทกตากันเลยทีเดียว หากญาติโยมท่านใดผ่านไปจังหวัดจันทบุรี วัดแห่งนี้ก็นับเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่ามาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ควรพาด เพราะนอกจากจะได้ทั้งความร่มรื่นแล้ว ยังจะได้ความสงบที่แบบน้อยแต่มากอีกด้วย หากท่านใดจะมาถวายเพลอาจต้องติดต่อสอบถามทางวัดเข้ามาก่อน เพราะวัดแห่งนี้พระฉันมื้อเดียวนะจ๊ะ
4. เนินนางผู้เป็นใหญ่
“ภารกิจรองจบไปต่อไปคือภารกิจหลัก” “งานที่มาทำนั้นเรื่องเล็ก หากทำงานเสร็จเรื่องเที่ยวนี้เรื่องใหญ่” (เราเลือกพักห้องพัก ใบไผ่รีสอร์ท เพราะหลายครั้งที่มาแถว อำเภอขลุง ก็จะแวะมาพักที่นี่ด้วยราคาที่ไม่แรงและห้องที่สภาพนับว่าโอเคร (ไม่ได้ค่าโฆษณานะ) อ๋อลืมบอกไปหลังจากกลับจากวัดที่อยู่อำเภอเมือง แอบแวะไปหาเพื่อนที่อำเภอขลุงก่อน เลยแวะพักที่นี่ไม่ใช่ในตัวเมือง)
เช้าวันใหม่กำหนดการสดใส “วันฟรีสไตล์” หนึ่งในสถานที่แลนด์มาร์กของจังหวัดจันทบุรี สำหรับขาร่องกลับ กรุงเทพ ฯ ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ก่อนเข้าอำเภอเมืองก้แวะร้านข้างทางจัดมื้อเช้ากันก่อน รสชาติถือว่าโอเครเลย ร้านอยู่ตรงบริเวณเลยแยกคุ้งวิมานมาหน่อย
ท้องอิ่มแล้วไปต่อที่ ๆ เราจะพาทุกท่านไปแวะกันนั้นก็คือ เนินนางพญาหรือจุดชมวิวเนินนางพญา ถนนเลียบทะเลที่เขาว่าสวยที่สุดที่หนึ่งในประเทศไทย ลองนึกภาพตามนะครับ เบื้องหน้าคือถนนคอนกรีตเส้นหนึ่งคดโค้งแบบเลข 3 กลับด้านอยู่ ตัดผ่าแยกภูเขากับทะเลออกจากกันแบบ symmetry เราว่านี่เป็นความงามที่ลงตัวเลยทีเดียว ยิ่งถ้าหากมาช่วงพระอาทิตย์ตกแล้วหละก็คงน่าจะสวยมาก ๆ เลยทีเดียว และปัจจุบันที่นี่มีการปรับปรุงทำพื้นที่บริเวณนี้ใหม่แล้วด้วย มีที่กันตก ที่จอดรถ ป้ายสำหรับถ่ายรูป และที่จำเป็นสุด ๆ มีห้องน้ำ (ราคา 5 บาท) ใกล้ ๆ มีร้านขายของอยู่หลายร้าน ให้เราจับจ่ายละลายทรัพย์ สอยของฝากกลับบ้านพักกันได้เลย เราว่าช่างดูเหมาะกับการเป็นจุดพักจอดรถก่อนยิงยาวกลับ กทม. ได้ดีเลยทีเดียว
5. แลนมาร์กกลางน้ำ
ห่างออกไปไปสัก 500 เมตร แลนด์มาร์กจุดต่อไปที่ใครๆ ก็ต้องไปแวะกันต่อแบบ non stop แสดงว่าตรงนี้อาจจะไม่ได้แค่พักรถเฉย ๆ แล้วงั้นเราถือว่าเป็นจุดท่องเที่ยวต่อเลยก็แล้วกัน จากจุดชมวิวเนินนางพญา หากจอดรถแล้วไม่อยากเสียม้า ก็สามารถนั่งรถ 3 ล้อไปต่อได้ (ราคาไม่แพง) หรือจะขับไปจอดตรงพื้นที่ทางเข้าก็ได้มีค่าจอดนิดหน่อย แล้วนั่งสามล้อบริเวณตรงนั้นเข้าไป แต่อันที่จริงก็สามารถเอารถเข้าไปด้านในได้เช่นกัน แต่มันจะคับแคบและอาจไม่มีที่จอด พูดมาเนิ่นนานยังไม่ได้บอกว่าที่นี่คือที่ใด
สถานที่ที่มีสะพานไม้ทอดยาวไปในทะเล ผ่านโขดหินน้อยใหญ่ระยะทางกว่า 50 เมตร ใช่แล้วที่พูดถึงที่นี่คือ “เจดีย์บ้านหัวแหลม” หรือจุดชมวิวเจดีย์บ้านหัวแหลม มีเจดีย์สีขาวโพลนมีอายุกว่า 200 ปี ตั้งอยู่บนโขดหินเป็นจุดสำคัญ เชื่อกันว่าสร้างไว้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวประมง หากใครมีความศรัทธา ก็สามารถเดินมาสักการบูชา ถวายธูปเทียน พวงมาลัย ดอกไม้กันได้ และวิวสะพานไม้ที่ตัดกับสีของฟ้าและน้ำทะเลแล้วก็ยังนับว่าเป็นที่ถ่ายรูปที่สวยงามอีกที่หนึ่งเลยดีเดียว และยิ่งหากเป็นช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกนะ น้ำน่าจะสะท้อนกับแสงเป็นประกายแสงระยิบระยับ คงสวยมาก ๆ เป็นแน่เชียว ลมทะเลพัดพานปะทะหน้า อาจจะหอบความเย็น ๆ ร้อน ๆ แบบเหนียวตัวมาบ้างประมาณหนึ่ง แต่นี่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกชัดเจนกับเราว่า เนี่ยแหละคือทะเลจริง ๆ เราไม่ได้ฝันไปนะ เกลียวคลื่นทะเลที่กระทบโขดหินเห็นน้ำแตกกระจายเป็นฟอง เป็นภาพที่มีเสียงพอจะเยียวยาหัวใจของได้เป็นอย่างดี
สถานที่ต่อไป จังหวัดใกล้ ๆ "ทุ่งโปรงทอง"
- เสือซ่อนยิ้ม -
เสือซ่อนยิ้ม
วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 16.34 น.