ถ้าคุณมองหาที่เที่ยวในวันหยุด ลองไปเชียงรายสิคะ เพราะแค่3วัน2คืนก็เที่ยวได้แล้ว บินเพียงชั่วโมงกว่าจากกรุงเทพฯ หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองไปนอนโฮมสเตย์ชิลๆ บนเขา ตื่นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ดูหมอกยามเช้า โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ภูเขาลูกเล็กลูกน้อย และอากาศที่เย็นกำลังดีทำให้ทริปนี้มันฟินมากเลย...

เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงรายด้วยเครื่องบินไฟลท์เช้า เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวกันเยอะมากขึ้น 

มาถึงสนามบินเชียงรายปุ๊บ ก็ติดต่อรถมอเตอร์ไซค์ที่เราเช่าไว้ซึ่งพี่เขามีบริการส่งรถให้ที่สนามบินเลย สะดวกมาก แล้วพากันขี่รถหามื้อเช้าทานใกล้ๆสนามบิน ก่อนออกเดินทางกันอย่างจริงจัง จุดหมายแรกของเราก็คือ " ไร่ชา " 

ไร่ชา 101 ดอยแม่สลอง วิวสวย คนไม่เยอะมาก มีพร๊อพไว้ให้เราใช้ถ่ายรูป ฟรีด้วย แถมตอนขี่รถภายในไร่จะได้กลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ซึ่งหอมมากกก และยังมีชาหลากหลายชนิดให้เราทดลองชิมอีกด้วย

ไปต่อกันที่ " ไร่ชาฉุยฟง " อันนี้แวะไปเฉยๆ ไม่ได้ลองชิมขนมหรือชาเลยเพราะคนเยอะมาก จุดถ่ายรูปสวยๆก็เยอะมากเช่นกัน ไว้โอกาสหน้าจะมาชิมเค้กชาเขียวให้ได้ ^^

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปผาฮี้กัน ระหว่างทางขึ้นเขาอากาศจะเย็นขึ้นเรื่อยๆ และเราขี่มอเตอร์ไซค์ไปกันก็โดนลมปะทะหน้าเย็นฉ่ำกันไปจ้าาา ถนนค่อนข้างชันแต่มอเตอร์ไซค์เวฟที่เราเช่ามาก็ยังไหวอยู่ ขี่ไปดูวิวธรรมชาติไปชิลๆ

หมดเวลาไปกับการจอดรถถ่ายรูปกันซะส่วนใหญ่ :) มองไปทางไหนก็มีแต่ เขา

แล้วเราก็มาถึง สวนคุณปู่ Life Museum ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่เราเลื่อนเจอรูปรีวิวในโซเชียลมุมนี้บ่อยมากๆ จนเราอยากมีรูปตัวเองมุมนี้บ้าง ...ตอนเดินขึ้นจะเมื่อยๆหน่อยเพราะทางเดินชันม๊ากกกก

อีกนิดนึงก็จะถึงบ้านผาฮี้แล้ว แต่เราเป็นนักแวะ ไหนๆก็มาแล้วก็แวะมันให้หมดไปเลย ฐานปฎิบัติการดอยช้างมูบ ไปค่ะ..!! 

ถึงแล้ว " ฐานปฎิบัติการดอยช้างมูบ " แนวเขตชายแดนไทย-เมียนมา ขี่ผ่านก็เจอเพราะอยู่ติดริมถนนเลย แค่เดินขึ้นมานิดหน่อยก็จะพบกับวิวที่อลังมาก เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเลยกลายเป็นจุดที่วิวภูเขาดูสะอาดตามาก แล้วเราไปถึงที่นั่นช่วงเย็น คือแสงสวยมาก 

วิวภูเขาตัดกับท้องฟ้าถ่ายรูปออกมาแล้วเหมือนภาพวาดเลย นั่งมองเพลินมาก

ก่อนกลับเข้าที่พัก สถานที่ที่ตั้งใจมาเชียงรายแล้วจะแวะให้ได้เลย ก็คือ พระธาตุดอยตุง สถานที่ศักดิ์ประจำจังหวัดเชียงราย พระธาตุประจำผู้เกิดปีกุน นักท่องเที่ยวจะมากราบสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล เราไปถึงช่วงเย็น บรรยากาศเงียบสงบและคนไม่พลุกพล่าน

แสงอาทิตย์ยามเย็น ที่พระธาตุดอยตุง

ถึงแล้วบ้านผาฮี้ " ผาฮี้วัลเลย์ PHAHEE Valley " ที่พักคืนแรกของเรา ค่าที่พักรวมอาหารมื้อเย็นและมื้อเช้าแล้ว โฮมสเตย์บ้านหลังๆมีระเบียงส่วนตัว วิวด้านหน้าระเบียงเป็นสวนกาแฟและภูเขา อากาศดีมากกกก  

อาหารเย็นจะเป็นเซ็ทอาหารชนเผ่าอาข่า (บางเมนูที่ไม่ทานสามารถเปลี่ยนได้) ตอนแรกคิดว่าจะกินกันได้มั้ยนะ พอได้ชิมไปเท่านั้นแหละ โอ้โห อร่อยมาก!! และอาหารที่นี่จัดเต็มมากมาเต็มโต๊ะเลยจ้า ...ซี่โครงหมูอบคือนุ่มมากนะ นั่งกินไปมองวิวไปเจริญอาหารกันสุดๆ :) 

สวัสดียามเช้า ตื่นมาก็เจอเขา :) แต่ไม่เจอหมอกแฮะ 

ได้เวลากินมื้อเช้าแล้ว นี่คือเซ็ทอาหารต่อหนึ่งท่าน อิ่มจุกๆกันไป

เครื่องดื่มเราเลือกได้จากเมนูหน้าร้านเลย มีทั้งชา กาแฟ และมีชุดดริปกาแฟให้เลือกด้วย เลยจัดมาหนึ่งเซ็ท มีความอยากถ่ายรูปกาแฟดริปแหละ :)

จะบอกว่าเราติดใจพิซซ่าที่นี่ เราสั่งกันมากินกันทั้งตอนมาถึงที่พักแล้วก็มื้อเช้าก่อนกลับเลย

อยากตื่นเช้ามานั่งกินข้าววิวนี้ทุกวันจัง :)

เช็คเอ้าท์ ก่อนกลับก็จะได้แผ่นไม้คนละ 1 แผ่น เพื่อเขียนความประทับใจ บันทึกความทรงจำกันสักหน่อย

เราออกจากที่พักกันแต่เช้า แวะอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนกันสักหน่อย ที่นี่จะมีอุปกรณ์จริงที่ใช้ในเหตุการณ์ครั้งนั้นจัดแสดงอยู่บริเวณทางเข้าถ้ำ และยังมีภาพจำลอง 3D ภายในถ้ำให้เราดูด้วย 

จุดหมายถัดไปของเราก็คือ ภูชี้เดือน ป่ะ เริ่ม!! 

จากบ้านผาฮี้ไปภูชี้เดือน ระยะทางค่อนข้างไกล ถนนทางตรงซะส่วนใหญ่ ด้วยเพื่อนร่วมทางของเราเป็นชาวอีสาน เรานั่งมอเตอร์ไซค์กันจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก และเพื่อนก็จะคอยถามเราอยู่เสมอว่า " เมื่อไหร่จะถึงวะ " แล้วเราก็ตอบไปว่า " สิฮอดแล่ว " ซึ่งแปลว่า ใกล้ถึงแล้วในภาษาอีสาน ตอบแบบนี้ทุกครั้งตั้งแต่ร้อยกิโลเมตรแรกจนถึงกิโลเมตรสุดท้ายที่จะถึง 555

เราใช้เส้นทางประตูสู่ภูชี้ฟ้า พอเห็นป้ายปุ๊บก็เลี้ยวซ้ายปั๊บ แล้วทางก็เป็นอย่างที่เห็น ชันมาก ขึ้นก็ขึ้นสุด ลงก็ลงสุด ทั้งโค้งตัว U ตัว S มาหมด ตูดระบมกันไป แต่พอเห็นวิวระหว่างทางนั้นคือ สุดจริง สวยมากจริงๆตอนแสงอาทิตย์สีส้มส่องมากับอากาศเย็นๆ ขี่รถกันฟินมาก

ตอนถึงที่พัก เรามารู้จากชาวบ้านทีหลังว่า เส้นทางประตูสู่ภูชี้ฟ้าที่เรามานั้นเขาไม่ค่อยนิยมไปกันหรอกนะ เพราะมันชันมากและโค้งเยอะมาก เอ้า...555 แต่วิวข้างทางสวยมากจริงๆนะ

เราบิดกันมาเต็มที่เพราะใกล้จะมืดแล้ว น้องเวฟมอเตอร์ไซค์คู่ใจก็ร้องอืดๆเต็มที สุดท้ายก็มาถึงที่พัก " ภูชี้ดาวยอดวิวรีสอร์ท " เช็คอินปุ๊บก็จัดเต็มด้วยเซ็ทหมูกระทะชุดใหญ่สองชุดแน่นๆ นั่งกินฟินๆรับลมหนาวกันไป (น้องเขาบอกว่าบนดอยไฟฟ้าดับอยู่บ่อยๆ แต่ดับไม่นานค่ะ) ...ที่นี่สัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยมีนะ

เราแจ้งที่พักไว้ตอนมาถึงว่าจะขึ้นภูชี้เดือนกัน ที่นี่มีบริการรถโฟร์วีลรับ-ส่งถึงที่พัก ตีห้าครึ่ง!!!! ตื่นปุ๊บรีบใส่เสื้อกันหนาวถุงเท้าถุงมือ คิดไว้ว่าตอนนั่งรถต้องหนาวมากแน่ๆ แล้วก็เดินงัวเงียมายืนหน้าที่พักรอรถมารับ บรรยากาศรอบตัวมืดมากจนมองเห็นดาวเต็มท้องฟ้าเต็มไปหมด

ช่วงแรกทางขึ้นจะเทปูน พอหมดทางที่เป็นปูนเท่านั้นแหละ นั่งหัวโยกกันไปจ้า มือขวามือซ้ายเกาะให้แน่น ทั้งชันทั้งหลุมเล็กหลุมใหญ่มาครบหมด ไปถึงปุ๊บก็เดินกันต่อ เดินไปสักพักก็ถึงจุดหมาย เราขึ้นไปถึงตอนพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นพอดี

พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า กับทะเลหมอกที่ไหลมาเรื่อยๆ การขึ้นเขาครั้งแรกของเราเราชอบสุดๆ ประทับใจมาก ข้างบนอากาศเย็นและลมแรงมากกก... ยืนถ่ายรูปเพลินจนมือชา 555 

แล้วเราก็กลับมากินมื้อเช้าที่ที่พัก ข้าวต้มที่นี่เสิร์ฟมาเป็นโถ!!!! เครื่องแน่น เห็ดหอมเยอะมากกกก บอกเลยว่า อร่อย..!! ละดูวิวหน้าระเบียงห้องสิ อิ่มทั้งท้องทั้งใจ :)  

ระหว่างทางลงจากเขา เลยแวะพักร้านกาแฟกันสักหน่อย กาแฟหลักสิบกับวิวหลักแสน 

ที่ร้านมีกล้องส่องทางไกลให้เล่น เราก็หยิบมาส่องๆไปเจอเจอไร่กะหล่ำปลีกำลังโตหัวเล็กๆ น่ารัก :)

เข้าเมืองแล้ว ก็ขอแวะวัดร่องขุ่นกันก่อนกลับกันสักหน่อย เราแพลนที่เที่ยวในเมืองก่อนขึ้นเครื่องกลับกันไว้หลายที่เลย สุดท้าย รถยางรั่วจ้า!! หมดเวลาไปกับการปะยางเกือบหนึ่งชั่วโมง นั่งรอกันใจแทบขาด 5555

อากาศเย็นๆกับวิวที่มองทางไหนก็เจอแต่เขาทำให้เชียงรายเป็นจังหวัดหนึ่งที่น่าไปใช้ชีวิตอยู่มาก ทั้งอาหารอร่อย สตรอเบอร์รี่ก็หวานฉ่ำ ...ไปแล้วอยากไปอีก :)

ปล.ครั้งหน้าจะไปฝั่งดอยช้างบ้าง ^^

Tips and Tricks
- ถ้ารถพร้อมและอยากสัมผัสกับความตื่นเต้น แนะนำให้ลองขึ้นทางประตูสู่ภูชี้ฟ้า ทางชันและโค้งเยอะ แต่วิวข้างทางสวยมากจริงๆ

- การรอปะยางรถในเมืองนั้นเลือกร้านให้ดีๆ เพราะร้านที่เราไปเปลี่ยนสโลว์ไลฟ์มาก รอใจแทบขาด 555

- ถ้าเช่ารถมอเตอร์ไซค์หาถุงมือไปด้วยก็ดีเพราะลมเย็นมือจนบางทีก็มือชา 🤣

---

📷 รูปภาพทั้งหมดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ