ทริปเที่ยวสปป.ลาวนี้เกิดขึ้นเพราะแค่อยากนั่งรถไฟ EMU ขบวนล้านช้าง ด้วยความที่เราไปเที่ยวก่อนวันหยุดยาวของไทย เดินทางวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2565 ออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ก่อน 6 โมง และถึงอุดรธานี 7 โมงเช้า ออกจากสนามบินด้วยรถตู้ไปที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 ดูเวลาแล้วข้ามฝั่งได้เลย ใช้ Passport ฝั่งไทยไม่ต้องเขียนใบข้ามแดนนะ (ตอนนี้ช่องทางอัตโนมัติยังไม่เปิด) ค่ารถข้ามจากฝั่งไทยไปฝั่งสปป.ลาว ขึ้นจาก 15 บาท เป็น 30 บาทแล้ว พอมาถึงฝั่งลาวขอใบข้ามแดนได้ที่ตู้ แต่พอเราไปขอเจ้าหน้าที่เขียนให้เสร็จสรรพเรียบร้อย มีค่าธรรมเนียม 20 บาท (ปกติเราต้องซื้อบัตรผ่านประตู ตอนนี้ไม่ต้อง) ประทับตราเข้าประเทศสปป.ลาว เรียบร้อยแล้วก่อนจะตรงไปแลกเงิน ซื้อซิม หรือไปไหนต่อจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตราประทับอีก 1 จุด ซื้อซิมที่ตู้แรกที่เจอได้เลย เราโอเคกับสัญญาณของลาวเทเลคอมมาก ไปกี่วันแจ้งเขาได้เลย เขาจะได้จัดแพคที่เหมาะสมให้ ของเราแพค 10 วัน 10 Gb. มาก่อนเวลาฝั่งสปป.ลาวประกาศอัตราแลกเปลี่ยน ธนาคารตรงนั้นยังไม่ให้แลก เราเห็นมีคนไทยมุงร้านหนึ่งอยู่ เราก็เข้าไปแลกด้วยเรทที่ 1 บาท = 460 กีบ 

มาคนเดียวแล้วอยากลองนั่งรถบัสไปเรื่อยๆ เพราะ ไม่ทันไปซื้อตั๋วรอบเช้าแล้ว เดินออกจากจุดที่มีคนเรียกเราเหมารถไปโน้นไปนี่ มองไปด้านขวามือเราเดินตรงไปจุดที่มีรถบัสจอด จะมีรถไปตลาดเช้า และมีรถต่อไปสถานีรถไฟ คนขับรถตลาดเช้าบอกว่าจะมีรถบัสมารับที่จุดนี้ไปสถานีรถไฟโดยตรงเลย จะมาก่อนบ่าย 2 นิดหน่อย เพื่อให้ทันรถไฟรอบ 15:05 

รถไปตลาดเช้าคันที่เรานั่งเป็นรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ค่าโดยสารจะเป็นราคา 10,000 กีบ ถ้าเป็นรถน้ำมันจะอยู่ที่ 12,000 กีบ (ปกติ 8,000 กีบ)

พอขับไปได้สักพัก คนขับแจ้งคนเก็บปี้ให้แจ้งว่าใครจะไปสายใต้กับสถานีรถไฟ ไม่ต้องลงต่อรถ เดี๋ยวไปส่ง และทั้งรถเหลือเราคนเดียว ค่ารถที่จ่ายเพิ่ม 15,000 กีบ

จากตลาดเช้าผ่านเมืองและก็ออกมานอกเมืองพอสมควรเลย ยังแทบไม่มีอะไรรอบๆ เลย 

มาถึงแล้วใครจะไปต่อคิวรอซื้อตั๋ว หันหน้าเข้าตัวอาคารห้องขายตั๋วจะอยู่ขวามือ ตรงจุดที่มีคนเยอะที่สุดนั่นแหละ

เวลาขายตั๋วมี 3 รอบ 06:30-10:00 / 13:30-16:30 / 18:30-20:00

โดยความชอบถาม เราถามเจ้าหน้าที่ว่าเดินทางวันนี้ยังมีตั๋วไหม เจ้าหน้าที่แจ้งว่ายังมีอีกเยอะมาก ว่างทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ให้มาหาเขาที่จุดนี้ตอน 13:30 (ตอนที่ถาม 10:30) มีกำลังใจในการนั่งรอทันที ทริปนี้พอมีแต้มบุญที่ walk in มาซื้อตั๋วได้ ถึงเวลาถ่ายรูปตามที่หลายๆ คนถ่าย แอบเก็บมุมภาพของหลายคนมาเลียนแบบด้วย

เราเดินมาหลบแดดหาที่นั่งรอ แต่พื้นดีที่สุด เก้าอี้เต็มหมดแล้ว 

คำเตือน: ร้อนมาก หลังคาตัวอาคารไม่สามารถบังแดดหลัง 11 โมงได้เลย ขนาดเราชอบแดด ยังไม่ไหวเลย และที่สำคัญของกินมีแค่ที่รถขาย ส่วนใหญ่เป็นน้ำ ผลไม้ ลูกชิ้น มีข้าวกล่องอยู่ที่ร้านลูกชิ้น มื้อแรกที่ฝั่งสปป.ลาว ได้ผัดกะเพรา ปากหม้อ และสับปะรด 

ใครกินยาก หรือไม่มั่นใจว่าจะกินแถวนั้นได้ให้เตรียมเสบียงมาด้วย รอจนถึง 13:00 แถวเริ่มยืนแล้ว เราก็เลยไปยืนต่อด้วย ได้ความว่าถ้าไปวันนี้ให้อยู่แถวขวามือ (แถวสั้น) ถ้าไม่ใช่วันนี้แถวจะอยู่ติดกระจก แถวที่เดินทางวันนี้จะได้เข้าซื้อก่อน ตอนซื้อตั๋วระบุว่าจะไปไหน ชั้นไหน เดินทางกี่คน เราแจ้งว่าไปลงหลวงพระบาง รถไฟชั้น 2 เดินทางคนเดียว รถไฟที่นี่จะไม่สามารถเลือกที่นั่งได้ ระบบจะสุ่มให้เอง ค่าตั๋ว 242,000 กีบ ขั้นตอนซื้อตั๋วเขาจะไม่ดู Passport ค่าตั๋วต้องจ่ายเป็นเงินกีบเท่านั้น ไม่รับบัตร ไม่มี scan QR code ใดๆ ทั้งสิ้น เงินสดเท่านั้น และเงินกีบเท่านั้น 

เดินออกมาจากห้องขายตั๋ว ไปที่ทางเข้ากลาง จุดนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจตั๋วโดยสาร (ต้องเป็นตัวจริงเท่านั้น) Passport และ Vaccine Passport เตรียมให้เรียบร้อย ถ้ายังไม่พร้อมอย่าไปยืนขวางทางคนอื่นเลย ด้านนอกร้อนมาก ผ้านจุดตรวจมาจะเจอป้ายของต้องห้าม

 ผ่านเข้าประตูไป scan กระเป๋าทุกใบ ใบเล็กใส่ Passport ก็ต้อง scan เราเดินผ่านเครื่อง scan ไม่มีเสียงก็ต้องไปยืนกางแขนให้เขาใช้ไม้ตรวจอีกรอบ ถ้ามีขวดน้ำดื่มเข้ามาจะต้องเปิดดื่มให้เจ้าหน้าที่ดูด้วยว่าขวดนี่คือน้ำดื่มจริง เสร็จไปรับกระเป๋า เราโดนยึดแอลกอฮอล์สเปรย์ ตามป้ายที่แจ้งเลย ในโถงรอขึ้นรถแอร์เย็นสบายมาก ยังไม่มีของกินขาย แต่มีตู้เติมน้ำดื่ม มีทั้งร้อนและน้ำธรรมดา (ไม่เย็น) 

โถงอาคารสวยดี โล่งโปร่งมาก

ใกล้ๆ ตู้กดน้ำจะมีตู้ขายน้ำกับขนม อันนี้ไม่ได้ลองกด ไม่มีอะไรน่ากิน ถึงเวลาไปสำรวจห้องน้ำชายกันหน่อย สะอาดมาก ห้องสุขาจะมีแบบชักโครก กับแบบที่เราเจอเวลาไปจีน ห้องชักโครกไม่มีสายชำระ ไม่มีกระดาษ เวลากดน้ำ น้ำไหลเบามาก คอยดูให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำก็จะดี

เวลาเรียนขึ้นรถไฟ คนที่ซื้อตั๋ว VIP จะได้เข้าไปยืนรอก่อน ได้ขึ้นรถไฟก่อนด้วย ทุกคนถ่ายรูปกัน เราก็รีบฉวยจังหวะที่คนขยับออกกดมาได้ 1 รูปถ้วน รอบ 15:05 จะจอดแค่วังเวียงและหลวงพระบาง ตั๋วเราระบุว่าได้ตู้ที่ 5 

ขึ้นมาเจอที่นั่งที่ได้ 10F ริมหน้าต่าง สุ่มได้ถูกใจมาก และได้นั่งหันหน้าไปทางหัวขบวนด้วย แต่เราดันได้กลางขบวนมีโต๊ะตรงกลาง เก้าอี้หันหน้าชนกัน รู้สึกแคบกว่าที่นั่งปกติ กระเป๋าเก็บด้านบนที่นั่งได้ เก็บสายและตัวกระเป๋าให้อยู่ในช่องเก็บให้หมดด้วยไม่งั้นอาจต้องวุ่นวายเก็บใหม่ ขวดน้ำทั้งหมดต้องเอาลงมาไว้กับตัว ห้ามไว้ด้านบนที่เก็บกระเป๋า 

ทุกที่นั่งจะมีรูปลั๊กให้เสียบ แต่พอมีโต๊ะมาขวางทางแล้ว กว่าจะเสียบได้ต้องมุดโต๊ะ

ระหว่างที่รถวิ่งจะมีเสียงประกาศตลอดเวลา และจะมีรถเข็นของรถไฟมาขายน้ำกับขนมด้วย ขาไปไม่ได้เข้าห้องน้ำเพราะเข้า-ออกยากมาก 

วิวข้างฝั่ง F ระหว่างทางจะมีมาตรวจตั๋วด้วย 

2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้วสถานีรถไฟหลวงพระบาง ทางออกจะตรวจตั๋วอีกรอบ

คำเตือน: จะต้องเก็บตั๋วโดยสารไว้ตลอดจนออกจากสถานีปลายทางไปแล้ว ถ้าตรวจแล้วไม่มีจะต้องจ่ายค่าตั๋วใหม่ และเสียค่าปรับเพิ่มอีกด้วย

ลงจากสถานีมาด้านขวาจะมีโต๊ะขายปี้เข้าตัวเมืองหลวงพระบาง ส่งทุกจุดในหลวงพระบาง ค่าโดยสาร 35,000 กีบ 

เรายังจองขากลับไม่ได้ ให้จองล่วงหน้าได้แค่ 3 วัน แต่เราไป 4 วัน ทริปเที่ยวเดี๋ยวขอรีวิวแยก 

ขากลับเราใช้บริการคนรับจ้างจองตั๋ว ร้านที่เราใช้บริการอยู่ติดร้านกาแฟประชานิยม ร้านนี้จะมีค่าจ้างเพิ่ม 30,000 กีบ แต่ช่วงคนไทยเที่ยวเยอะ วันหยุดฝั่งไทย แถวยาวมากจะโดนค่าบริการ 50,000 กีบ

เรานัดรับตั๋วที่สถานีรถไฟ เราออกจากหลวงพระบางไปหนองเขียวและเมืองงอยต่อ ร้านนี้น่ารักมาก เรารู้ว่าระบบตั๋วสุ่มที่นั่ง แต่เราก็บอกว่าถ้าได้ริมหน้าต่างได้ก็จะดีมาก สรุปวันนั้นเขาจองหลายใบ และคนไปคนเดียวเยอะ เขาจัดที่นั่งฝั่ง F ให้เราได้ด้วย แต่อย่าตกใจว่าจะไม่ได้ตั๋ว เขาต๊ะต่อนยอนมาก เราโทรตาม ไลน์ตาม เพราะกลัวไม่ทัน ปรากฏแกเข้าแถวซื้อตั๋วให้คนอื่นอยู่ 

สถานีหลวงพระบางเราอยากได้รูปแบบเวียงจันทน์ แต่ไม่มีโอกาสเลย มีคนตลอดเวลา ไม่สามารถตั้งมือถือได้เลย ก็ได้แค่รูปอาคารสถานีพร้อมผู้คน

เข้าโถงอาคารมา scan กระเป๋า ขากลับไม่โดนยึดแอลกอฮอล์สเปรย์ที่ซื้อใหม่ ห้องน้ำที่สถานีหลวงพระบางไม่สะอาดเท่าที่เวียงจันทน์ แต่สวยมาก

บนรถได้นั่งที่นั่งปกติ กว้างมาก สบาย รูปลั๊กก็เสียบง่าย


คนด้านหน้าก็ปิดม่าน-เปิดม่านตลอดเวลา เราเข้าใจคนไม่ชอบแดด เราแค่เอามือถือไปแป๊ะกระจกหน้าต่างเฉยๆ ปิดม่านได้นะ ไม่ต้องเกรงใจมือถือเรา ถ้าทำให้รู้สึกรำคาญก็ขออภัยด้วยแล้วกัน

ขากลับได้ไปสำรวจห้องน้ำแล้ว ถือว่าดีเลยนะ

วิวระหว่างทางขากลับเวียงจันทน์

ถึงสถานีเวียงจันทน์ ขาออกตรวจตั๋วก่อนออกจากสถานี มีรถบัสมาจอดรอ เราขึ้นรถตลาดเช้า ค่ารถ 15,000 กีบ แนบตารางเส้นทาง และราคาค่ารถมาให้ดูด้วย

โดยรวมเราประทับใจรถไฟ EMU ล้านช้าง มาก สะอาด สะดวก ใช้เวลาในการเดินทางน้อยลงไปมาก รถออกตรงเวลามากๆ คุมเวลาได้ วางแผนไปต่อได้ง่าย แต่อยากให้มีขายออนไลน์ด้วย

ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 02.35 น.

ความคิดเห็น