![](/f/41820/630371e87965433555340c5c.jpg)
ในที่สุดก็ได้ไปเที่ยวสักที !!! หลังจากห่างหายไปนานถึง 2 ปี เราจะไปเวียดนามกันครับ อีกหนึ่งประเทศที่กำลังฮิตเพราะเที่ยวแบบไม่กักตัว ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้ยุ่งยาก ปลายทางของเราในทริปนี้คือเวียดนามกลาง อีกภูมิภาคที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพราะเดินทางสะดวก สถานที่ท่องเที่ยวก็หลากหลาย ทั้งหมู่บ้านพักตากอากาศบนเขา พระราชวังโบราณ และเมืองมรดกโลก และที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่จะไปเที่ยวกับทัวร์เพราะเป็นทริปของบริษัท (ขอกราบผู้บริหาร) แต่ก่อนจะเดินทางเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนครับ
1. เอกสารสำหรับการเดินทาง: อัพเดท 08/2022 การผ่านเข้าเวียดนามใช้เพียงแค่พาสปอร์ตที่มีอายุเกิน 6 เดือนนับจากวันเดินทาง ส่วน Vaccine Passport ใช้ check in ก่อนขึ้นเครื่องที่ไทย (แนะนำให้สอบถามกับสายการบินก่อน)
2. การแลกเงิน: ใช้เงินสกุล VND เป็นหลัก บางสถานที่รับ USD หรือเงินบาท ให้แลกจากไทยเลย สะดวกดี
3. ซิมการ์ด: มีขายที่สนามบิน ถ้าไม่อยากยุ่งยากให้ซื้อจากไทย ราคาไม่ต่างมาก สัญญาณดี (บนบานาฮิลล์ก็ใช้ได้ปกติเลยครับ)
4. เครื่องแต่งกาย: เสื้อแขนยาว แว่นกันแดด หมวกและร่มต้องพร้อม เพราะเวียดนามกลางอากาศร้อนและแดดแรงมาก
5. ปลั๊กไฟมีทั้งแบบ 2 ขาและ 3 ขาเหมือนไทย กระแสไฟ 220 V
6. ใช้เขตเวลาเดียวกัน ไม่ต้องปรับนาฬิกา แต่พระอาทิตย์จะขึ้นเร็วกว่าไทยประมาณ 1 ชั่วโมง
ถ้าพร้อมแล้ว เราไปลุยเวียดนามกันครับ !!!!
![](/f/41820/630372997965433555340c5d.jpg)
Bana Hill เมืองพักตากอากาศบนยอดเขาบานา ที่ถูกเนรมิตให้เป็นหมู่บ้านฝรั่งเศส ด้านบนมีสวนสนุก สวนดอกไม้ และมีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะ โดยเฉพาะสะพานมือยักษ์ที่เป็นจุดดึงดูดให้นักเที่ยวขึ้นมาบนบานาฮิลล์
![](/f/41820/630373f263c0d635823278d8.jpg)
Hue (เว้) คนเวียดนามจะออกเสียงว่า เ(ห)ว่ เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นนครแห่งจักรพรรดิ เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในช่วงปี ค.ศ. 1802-1945 และเป็นศูนย์กลางการปกครองของราชวงศ์สุดท้ายในเวียดนาม
![](/f/41820/6303741ca37f9a3569247fb4.jpg)
Hoi An(ฮอยอัน) เมืองขนาดเล็กในจังหวัดกว่างนัม ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในฐานะเมืองท่าที่เก่าแก่ ทั้งเมืองเต็มไปด้วยอาคารเก่าสีเหลืองมัสตาร์ด จนกลายเป็นเสน่ห์ของเมืองนี้
![](/f/41820/6303743c6be99e355d4362dd.jpg)
Da nang (ดานัง) ประตูสู่เวียดนามกลาง ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางผ่านไปยังเมืองอื่นอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของเวียดนาม
![](/f/41820/63037469a37f9a3569247fb5.jpg)
เราเดินทางสู่เวียดนามด้วยสายการบิน Vietjet ขั้นตอนการ check in เจ้าหน้าที่จะขอตรวจ Vaccine Passport ใครเดินทางช่วงนี้อาจจะต้องเตรียมเผื่อไว้ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1.5-2 ชั่วโมง ก็เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเมืองดานัง
![](/f/41820/630374d6a37f9a3569247fb6.jpg)
พิธีการผ่านเข้าเมืองก็สบายครับ ตม.ไม่ตรวจเอกสารเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเลย ใช้แค่พาสปอร์ต หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อย เราก็นั่งรถบัสมุ่งหน้าสู่เมืองเว้ จากดานังไปเว้ ใช้เวลาประมาณ 90 นาที ไกด์เล่าว่าการเดินทางสมัยนี้สะดวกขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเจาะอุโมงค์ทะลุผ่านภูเขา ทำให้การเดินทางไปยังเมืองเว้ประหยัด เวลามากขึ้น เทียบกับสมัยก่อนที่ต้องขับอ้อมขึ้นภูเขา ซึ่งช้าและเส้นทางอันตรายมากกว่า
![](/f/41820/630375d07965433555340c5e.jpg)
สถานที่แรกในเว้ที่เราไปก็คือ ตลาดดงบา แต่ยังไม่ทันได้สำรวจตลาดก็โดนตกด้วย แหนมเนืองซะก่อน 😆
รสชาติคล้ายกินที่ไทยแต่น้ำจิ้มจะหวานกว่า ทีเด็ดของที่นี่คือหมูย่าง ต้องคารวะฝีมือการย่างของคนเวียดนามเลย ราคาไม้ละ 10,000 VND ส่วนแป้งที่ห่อผักมาให้ก็คำละ 10,000 VND เช่นกัน
![](/f/41820/6303760a7965433555340c5f.jpg)
ต่อด้วย แจ่ (Che) ขนมหวานของเวียดนาม มีความคล้ายขนมหวานที่ใส่กะทิของไทย มีเครื่องให้เลือกเยอะ ราคาแก้วนี้ 25,000 VND
![](/f/41820/6303763a63c0d635823278d9.jpg)
ถ้าเลือกไม่ถูกให้สั่ง ถัดก๋ำ (Thap Cam) แปลว่ารวมมิตร รสชาติจะหวานกว่าขนมที่ไทยมากๆ
![](/f/41820/6303765963c0d635823278da.jpg)
ตลาดดงบา (Cho Dong Ba) เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เป็นแหล่งรวมของสินค้าทุกอย่าง ของก๊อปเกรดเอ ของฝากต่างๆ และมีโซนด้านหลังที่เป็นตลาดขายของสดด้วย
![](/f/41820/63037758a37f9a3569247fb7.jpg)
ด้วยภูมิประเทศที่อยู่ติดทะเล อาหารทะเลที่นี่จึงสดและราคาถูกมาก ส่วนผักและผลไม้ต่างๆ ดูขนาดใหญ่กว่าที่ไทยเยอะเลย
![](/f/41820/630377986be99e355d4362df.jpg)
![](/f/41820/630377786be99e355d4362de.jpg)
ขนาดใหญ่มากถ้าเทียบกับที่ไทย
![](/f/41820/630377c36be99e355d4362e0.jpg)
ไกด์สอนเทคนิคการต่อราคา ถ้าไม่ได้ราคาตามที่ขอ ให้เราเดินหนี เดี่ยวแม่ค้าจะวิ่งตามพร้อมลดราคาให้เอง
ปล. ต้องระมัดระวังทรัพย์สินมีค่าระหว่างเดินในตลาดด้วยนะครับ ถ้าเก็บไว้ข้างหลัง มันอาจจะไม่ใช่ของเราอีกต่อไป 😂
![](/f/41820/630377ef63c0d635823278dc.jpg)
จากตลาดดงบานั่งรถเพียง 5 นาที ก็ถึงพระราชวังเมืองเว้ (Imperial Citadel city) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการเมืองเว้ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถูกสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ยาลอง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน (Nguyen) การออกแบบวังได้รับอิทธิพลจากพระราชวังกู้กงของจีนภายในมีตำหนักมากมาย ใช้เวลาเดินทั้งวันก็อาจจะยังไม่ทั่ว
เวลาเปิด-ปิด 08.00-17.00
ค่าเข้าชม 150,000 VND
![](/f/41820/6303782e7965433555340c60.jpg)
สมัยสงครามเวียดนาม พระราชวังได้รับความเสียหายมาก ภายหลังสงครามจบก็ยังไม่ได้รับการบูรณะ เพราะชาวเวียดนามมีความเชื่อว่าพระราชวังเป็นสัญลักษณ์ของระบบศักดินาในอดีต ต่อมาความคิดทาง การเมืองได้เปลี่ยนไป สถานที่นี้จึงได้รับการบูรณะและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเว้
![](/f/41820/630378607965433555340c61.jpg)
ทางเข้าวังมีปืนใหญ่ 9 กระบอก เป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 และอีก 4 กระบอกเป็นตัวแทนของฤดูกาลทั้ง 4 ฤดู ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าของวัง มีลานกว้างและป้อมหอสังเกตุการณ์และธงชาติเวียดนามขนาดใหญ่
![](/f/41820/6303787f7965433555340c62.jpg)
ความพีคเกิดขึ้นตอนที่เดินมาถึงหน้าพระราชวัง ถึงรู้ว่าพระราชวังปิดเพื่อทำการบูรณะ 😭 เศร้ามากๆ เลยทำได้แค่ถ่ายรูปจากด้านหน้าพระราชวังเท่านั้น รอให้บูรณะเสร็จจะกลับมาซ่อมที่นี่แน่นอน
![](/f/41820/630378b663c0d635823278dd.jpg)
หลังจากเข้าวังไม่ได้เลยเปลี่ยนโปรแกรม ไปนั่งรถซิกโลหรือรถสามล้อชมวิวรอบวังแทน อาคารที่อยู่รอบวังจะเป็นอาคารขนาดเล็กๆ เนื่องจากไม่สามารถสร้างสูงเกินพระราชวังได้ ทำให้อาคารขนาดใหญ่ ย่านธุรกิจ รวมถึงโรงแรมหรู จึงตั้งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำหอมแทน
![](/f/41820/630379047965433555340c63.jpg)
![](/f/41820/6303791b63c0d635823278de.jpg)
บรรยากาศยามเย็น รอบๆพระราชวัง
![](/f/41820/630379397965433555340c64.jpg)
เสร็จจากที่พระราชวังเว้ เราก็นั่งรถข้ามฝั่งแม่น้ำหอมเพื่อมาล่องเรือมังกรและชมการแสดงดนตรีบนเรือ
แม่น้ำหอม ชื่อในภาษาเวียดนามคือ ซงเฮือง (Sông Hương) ที่มาของชื่อเกิดจากป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำ อุดมไปด้วยดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เมื่อดอกร่วงหล่นและลอยมาตามน้ำจึงทำให้เกิดกลิ่นหอมขึ้น
![](/f/41820/6303798e63c0d635823278e0.jpg)
แต่เดิมการแสดงดนตรีบนเรือมังกรที่ล่องไปตามแม่น้ำหอม เป็นการแสดงเฉพาะสำหรับเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ต่อมารัฐบาลอนุญาติให้การแสดงนี้ สามารถจัดให้คนทั่วไปรับชมได้ การล่องเรือมังกรจึงกลายเป็นอีกไฮไลท์ของการมาท่องเที่ยวที่เมืองเว้
![](/f/41820/63037a4a63c0d635823278e3.jpg)
นักร้องส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่มาจากมหาวิทยาลัยศิลปะชื่อดังของเว้ นอกจากเพลงเวียดนามแล้วยังมีเพลงไทยด้วยนะครับ ... ปลูกกุหลาบแดงไว้เพื่อเธอ 9999 ดอก
![](/f/41820/63037a7da37f9a3569247fba.jpg)
จบการแสดงด้วยเพลงลอยกระทง ก่อนจะให้นักท่องเที่ยวปล่อยกระทงลงสู่แม่น้ำหอม
![](/f/41820/63037a927965433555340c65.jpg)
ปิดท้ายวันแรกด้วยร้านอาหารแถวโรงแรม รสชาติของอาหารภาคกลางจะค่อนข้างจืด ถ้าชอบทานรสจัดอาจจะไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ โชคดีที่เป็นคนกินง่าย กินอะไรก็อร่อย 😆
![](/f/41820/63037aaf6be99e355d4362e2.jpg)
หลังจากแยกย้ายเข้าโรงแรมแทนที่จะพักผ่อน ก็หาทำด้วยการออกมาคาเฟ่ เป็นร้านดังที่มีสาขาทั่วเวียดนาม ชื่อร้าน Highlands Coffee
พนักงานแนะนำกาแฟดำใส่นมข้น ภาษาเวียดนามเรียก กาแฟเสือด๊า ( Ca Phe = กาแฟ; Sua = นม; Da = น้ำแข็ง )
ราคา: แก้วเล็ก 35,000 VND แก้วใหญ่ 39,000 VND
![](/f/41820/63037ad46be99e355d4362e3.jpg)
เช้าวันที่ 2 หลังทานอาหารเช้าเสร็จก็ขอแวะคาเฟ่หน้าโรงแรมสักหน่อย คาเฟ่ที่เวียดนามไม่ค่อยเปิดแอร์ ลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบมานั่งเก้าอี้เตี้ยๆ ที่หน้าร้านแทน จนกลายเป็นภาพที่ชินตา
![](/f/41820/63037af56be99e355d4362e4.jpg)
ก่อนเดินทางไปยังบานาฮิลล์ เราแวะอีกสถานที่สำคัญของเมืองเว้คือ วัดเทียนมู่ (Thien Mu Pagoda) เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธนิกายเซน ด้านหน้าวัดมีเจดีย์ทรงเก๋งจีนแปดเหลี่ยม สูง 7 ชั้นเป็นตัวแทนชาติภพทั้ง 7 ของพระพุทธเจ้า
เวลาเปิด-ปิด 08.00-18.00
ไม่เก็บค่าเข้าชม
![](/f/41820/63037b157965433555340c66.jpg)
การสร้างวัดแห่งนี้ เกิดจากเรื่องเล่าของชาวบ้านแถบนี้ มีคนเห็นเทพธิดาสวมชุดสีแดงนั่งอยู่บริเวณวัด และบอกกับชาวบ้านว่าจะมีผู้ยิ่งใหญ่มาสร้างเจดีย์ที่นี่และนำสันติสุขมาสู่เมือง จนเมื่อกษัตริย์ Nguyen Hoang ได้ผ่านมาและทราบเรื่องเข้าจึงสร้างเจดีย์ขึ้น และให้ชื่อว่า Chua Thien Mu มีความหมายว่า เจดีย์นางฟ้านั่นเอง
![](/f/41820/63037b577965433555340c67.jpg)
ด้านข้างเจดีย์มีระฆังสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ หนัก 2ตัน เมื่อตีระฆังเสียงจะดังไกลถึง 16 กม. ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางวัดไม่อนุญาติให้ตีระฆังแล้ว เพราะทนเสียงไม่ไหว 😆
![](/f/41820/63037b70a37f9a3569247fbd.jpg)
เดินได้สักพักก็หลบแดดมาหาของกินแทน 😆 หน้าวัดมีร้านขายเต่าหู (Tau Hu) คล้ายเต้าฮวยน้ำขิง แต่กินแบบเย็น เนื้อเต้าฮวยเด้งคล้ายพุดดิ้ง แล้วราดด้วยน้ำเชื่อมใส่ขิงนิดหน่อย กินตอนอากาศร้อนๆ แล้วสดชื่นมาก หวานๆ เย็นๆ ราคาถ้วยละ 20,000 VND
จบโปรแกรมที่วัดก็ถึงเวลาต้องบอกลาเมืองเว้แล้ว เรานั่งรถลอดผ่านอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในอาเซียนเพื่อมุ่งหน้าไปยังบานาฮิลล์
![](/f/41820/63037baa7965433555340c68.jpg)
บานาฮิลล์เคยที่พักตากอากาศของขุนนางฝรั่งเศสในสมัยอาณานิคม เดิมชื่อว่าบานาน่าฮิลล์เพราะบนภูเขามีต้นกล้วยเยอะแต่ชาวบ้านออกเสียงเพี้ยนจนกลายเป็นบานาฮิลล์ เมื่อสิ้นสุดการปกครองของฝรั่งเศสที่นี่ก็ถูกทิ้งให้ร้างมานาน จนปี 2009 บริษัทอสังหาริมทรัพย์Sunworldได้เข้ามาปรับปรุงพื้นที่และสร้างโรงแรม แต่ช่วงแรกก็ยังไม่เป็นที่นิยมเพราะการขับรถขึ้นเขาค่อนข้างลำบาก กระทั่งมีการจ้างบริษัทผลิตกระเช้าจากออสเตรียและสวิสเซอร์แลนด์ทำให้การขึ้นบนบานาฮิลล์ง่ายขึ้น เมื่อเดินทางง่ายขึ้นทำให้บานาฮิลล์กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมจนถึงปัจจุบัน
![](/f/41820/63037c64a37f9a3569247fbe.jpg)
เส้นทางกระเช้าบนบานาฮิลล์ตอนนี้ทั้งหมดมี 5 สาย เดี่ยวแปะแผนที่และเส้นทางแต่ละสายให้ในรูปถัดไปนะ
สำหรับแขกที่พักโรงแรมจะได้นั่งกระเช้าสายยาวที่สุดขึ้นไปถึงหมู่บ้านฝรั่งเศสเลย เป็นกระเช้าสายเดี่ยวแบบไม่มีสถานีพักที่มีระยะทางถึง 5,801 เมตร (เคยเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก แต่ตอนนี้โดนล้มแชมป์ไปแล้ว)
![](/f/41820/63037ca66be99e355d4362e5.jpg)
เส้นทางกระเช้ามี 5 สาย แต่จะไม่ได้เปิดบริการพร้อมกัน ลองดูคู่กับแผนที่แล้วจะพอนึกภาพได้ง่ายขึ้นครับ
1. Suoi Mo station -> L' indochine station
เส้นทางสำหรับแขกที่พักโรงแรม กระเช้าจะขึ้นไปถึง French village โดยไม่แวะพัก
2. Toc Tien station -> Bana station
เส้นทางเก่าที่ใช้ขึ้นไปด้านบน กระเช้าจะจอดที่จุดพักกึ่งกลาง ต้องนั่ง Tram ไปสวนดอกไม้แล้วเดินไปที่สะพานมือยักษ์ ก่อนจะนั่งกระเช้าขึ้นไปที่ French village
3. Morin station -> Debay station
เส้นทางเชื่อมต่อ French village กับจุดพักกึ่งกลาง ถ้าไปจะสะพานมือยักษ์ต้องต่อ Tram
4. Hoi An station -> Marselle station
เส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักโรงแรม ปลายทางจะถึงที่สะพานมือยักษ์
5. Bordeaux station -> Louvre station
เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสะพานมือยักษ์กับ French Village
6. D' Amour station -> Le Jardin station
เส้นทางนี้เป็น Tram ที่วิ่งไต่เขา เชื่อมต่อระหว่างจุดพักกึ่งกลางและสวนดอกไม้ Le Jardin
![](/f/41820/63037d99a37f9a3569247fc1.jpg)
ระหว่างที่นั่งบนกระเช้า ก็ชมวิวเมืองดานังที่อยู่ทางด้านหลัง ด้านหน้าก็มีวิวป่าและน้ำตกให้ดู นั่งเพลินๆไป 15-20 นาที ก็ถึงหมู่บ้านฝรั่งเศส ยกเว้นถ้าฝนตกหรือมีลมแรงกระเช้าจะเคลื่อนที่ช้าลง
![](/f/41820/63037dca7965433555340c6b.jpg)
ออกจากสถานีกระเช้า L' Indochine จะเจอลานกว้างด้านหน้าหมู่บ้านฝรั่งเศส อีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ 😆
![](/f/41820/63037deb7965433555340c6c.jpg)
ด้านหน้า French Village มีโบสถ์ Saint Denis ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโบสถ์ Notre Dame ในฝรั่งเศส เสียดายที่โบสถ์ปิดเลยไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปข้างใน 😢
![](/f/41820/63037e0d6be99e355d4362e6.jpg)
ใครที่มาถึงเร็วแนะนำให้ไปเล่นเครื่องเล่นใน Fantasy park ก่อน รอสักบ่าย 3 ค่อยออกมาเดินเล่น เพราะนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ค้างจะทยอยกลับและแสงสวยเหมาะกับการถ่ายรูป
![](/f/41820/63037e29a37f9a3569247fc2.jpg)
French village จำลองแบบจากหมู่บ้านในฝรั่งเศส บวกกับอากาศด้านบนที่เย็นสบาย ทำให้ได้ฟีลลิ่งเหมือนไปเที่ยวยุโรปจริงๆ
![](/f/41820/63037e626be99e355d4362e7.jpg)
มีโซนน้ำพุที่พึ่งสร้างเสร็จอยู่ด้านหลัง Beer Plaza ก็เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปสวย โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือเย็นที่แสงพระอาทิตย์เป็นสีทอง
![](/f/41820/63037e9763c0d635823278e9.jpg)
ด้านหลังหมู่บ้านฝรั่งเศสจะมีวัดจีน ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของบานาฮิลล์ พรุ่งนี้เช้าเราจะมาถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่
![](/f/41820/63037eaf7965433555340c6d.jpg)
หลังจากเดินถ่ายรูปจนเย็น ก็ถึงเวลาลงมาถ่ายรูปกับสะพานมือยักษ์แล้ว วิธีการลงไปยังสะพานมือแบบต่อเดียวถึง ให้ลงกระเช้าที่สถานี LOUVRE อยู่ด้านข้าง Fantasy Park
![](/f/41820/63037ece63c0d635823278eb.jpg)
เส้นทางกระเช้าสายนี้ไม่ยาว นั่งแปปเดียวก็ถึงสะพานมือยักษ์แล้ว
![](/f/41820/63037ee96be99e355d4362e8.jpg)
สะพานมือยักษ์ (Golden Bridge) แลนด์มาร์คสำคัญของบานาฮิลล์ที่ฮอตตั้งแต่เปิดตัว เป็นสะพานที่มีความยาว 150 เมตร แรงบันดาลในการออกแบบคือ "เส้นด้ายสีทองในหัตถ์ของพระเจ้า"
เราชอบบรรยากาศตอนเย็นมากกว่า อาจจะมีคนบ้างแต่อากาศเย็นสบายและสีท้องฟ้าก็สวย หลังจากถ่าย รูปกันจนเต็มอิ่มก็นั่งกระเช้ากลับมาพักเอาแรง เพราะพรุ่งนี้เราจะตื่นเช้ามากเพื่อไปดูพระอาทิตยขึ้นกัน
![](/f/41820/63037f1f6be99e355d4362e9.jpg)
เราตื่นตั้งแต่ 04.30 เพื่อมาให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นตอน 05.24 จุดแนะนำคือชั้นบนสุดของหอระฆังที่อยู่ในวัดจีน (หันหน้าหาโบสถ์แล้วเดินตามถนนด้านซ้าย) แนะนำให้เผื่อเวลาสักนิดจะได้มีเวลาเตรียมตัว เพราะบันไดทางขึ้นหอระฆังทำเอาเหนื่อยพอสมควร
![](/f/41820/63037fa56be99e355d4362ea.jpg)
05.24 พระอาทิตยก็มาตามนัด ตรงเวลามากๆ นอกจากจะได้เห็นวิวมุมสูงของบานาฮิลล์แล้ว ยังมองเห็นวิวของเมืองดานังได้อีกด้วย
![](/f/41820/63037fc2a37f9a3569247fc4.jpg)
วิวนี้คือดีมากๆ อากาศก็เย็นสบาย คุ้มค่าการกับการตื่นตั้งแต่ 04.30 หลังจากนี้คือ Golden period ในการเดินถ่ายรูปเล่นใน French village เพราะแสงเช้าจะสวยช่วง 06.00-07.00 แถมคนก็น้อย ถ่ายตรงไหนก็ปัง
![](/f/41820/63037fec63c0d635823278ed.jpg)
กระเช้ารอบแรกจะเปิด 07.30 ใครที่อยากเก็บภาพสะพานมือในบรรยากาศโล่งๆ แนะนำให้ต่อคิวตั้งแต่ 07.15 เลย ถ้ามาถึงคนแรกก็จะได้ภาพสะพานแบบนี้เลยครับ
![](/f/41820/6303801563c0d635823278ef.jpg)
เดินจากสะพานมือยักษ์ ก็ถึงสวนดอกไม้ Le Jardin d' Amour สวนสไตล์ยุโรปที่ดอกไม้ในสวนจะมีการหมุนเวียนตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีโรงบ่มไวน์ Debay Wine Cellar
จากสวนดอกไม้เราจะเห็นสะพานมือยักษ์จากระยะไกล มุมนี้ก็สวยไปอีกแบบ
![](/f/41820/630380586be99e355d4362eb.jpg)
สถานที่ต่อมาคือ วัดหลินอึ๋ง (Linh Ung) ด้านในวัดมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาว หันหลังให้ภูเขา หันหน้าไปเมืองดานังเพื่อปกป้องคุ้มครองเมืองดานัง คนนิยมมาขอพรเรื่องงานให้ประสบความสำเร็จ
ที่เมืองดานังจะมีวัดชื่อหลินอึ๋งทั้งหมด 3 แห่งคือ บนบานาฮิลล์ เกาะเซรินเต่า และที่ภูเขาหินอ่อน
![](/f/41820/6303807aa37f9a3569247fc5.jpg)
นกที่ตื่นเช้าคือนกที่ได้รูปแบบไม่ติดคนแต่นกจะร้อนมาก เพราะแดดแรงมาก 😂 ตรงสวนดอกไม้ คิดว่ามาหลัง 4 โมงเย็นน่าจะดีกว่า อาจจะมีคนบ้างแต่แสงละมุนกว่าและไม่ร้อน
![](/f/41820/630380aa6be99e355d4362ec.jpg)
อีกกิจกรรมที่อยากให้ลองคือ Alpine Coaster (รถรางเลื่อน) ถ้าไม่อยากร้อนและรอคิวนานให้เล่นแต่เช้าเลยครับ แต่ถ้าวันไหนฝนตกหรือมีพายุก็จะไม่เปิดให้บริการนะครับ
![](/f/41820/630380c47965433555340c71.jpg)
ถึงเวลาเก็บกระเป๋านั่งกระเช้าลงไปด้านล่างแล้ว ที่นี่น่าจะเป็นสวรรค์สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป มีมุมให้เลือกเก็บภาพมากมาย แถมตอนนี้กำลังสร้างโซนใหม่เพิ่มเติมอีก ดูแล้วน่าจะได้กลับมาอีกรอบแน่ๆ 😂
![](/f/41820/630380df63c0d635823278f0.jpg)
ลงจากเขามาปุ๊บ ไกด์ก็พามากินหม้อไฟทะเล อาหารทะเลที่นี่สดมากๆ โดยเฉพาะหอยตลับ บอกเลยว่าถ้ามาเวียดนามแล้วต้องลอง สำหรับการกินหม้อไฟ (Lau = หลาว) คนเวียดนามนิยมกินคู่กับเส้นขนมจีน (Bun = บุ๋น) รสชาติน้ำซุปมีความคล้ายแกงส้ม
![](/f/41820/6303810d7965433555340c72.jpg)
ปิดท้ายด้วยไอศครีมรถเข็น ขูดทุกรสรวมกันไปเลย สีเหลืองที่เห็นคือทุเรียนนะครับ
![](/f/41820/6303814263c0d635823278f3.jpg)
จุดหมายถัดมาคือเมืองฮอยอัน เป็นเมืองท่าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอาณาจักรจามปา มีแม่น้ำทูโบนไหลผ่านและเชื่อมต่อกับทะเล ทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาค้าขายและตั้งรกรากเป็นจำนวนมาก
ปล. คนท้องถิ่นจะออกเสียงชื่อเมืองว่า โฮ่ยอัน
![](/f/41820/63038166a37f9a3569247fc6.jpg)
เมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามา ทำให้ฮอยอันมีการผสมผสานวัฒนธรรมจากหลายเชื้อชาติทั้ง จีน ญี่ปุ่น ดัชต์และอินเดียเข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิมของเวียดนาม
![](/f/41820/6303817da37f9a3569247fc7.jpg)
สะพานญี่ปุ่น (Japanese covered bridge) แลนด์มาร์คของฮอยอัน เราอาจจะคุ้นตากับรูปสะพานนี้จากธนบัตรมูลค่า 20,000 VND
สะพานแห่งนี้ถูกสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นเพื่อใช้ข้ามคลองเล็กๆ ที่แบ่งฝั่งชุมชนชาวญี่ปุ่นและชุมชนชาวจีน อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงมิตรไมตรีที่มีต่อกัน ที่ปลายสะพานมีรูปปั้นสุนัขและลิงเป็นสัญลักษณ์ว่า สะพานนี้สร้างในปีวอกและเสร็จในปีจอ
![](/f/41820/6303819ba37f9a3569247fc8.jpg)
เมืองเก่าฮอยอันยังมีสถานที่สำคัญอีกหลายจุดนอกจากสะพานญี่ปุ่นเช่น สมาคมฮกเกี้ยน สมาคมกวางตุ้ง, Tan Ky house ด้วยเวลาที่จำกัด เราเลยขอแบ่งเวลาที่เหลือไปซึมซับกับบรรยากาศในเมือง เดินหามุมถ่ายรูปสวยๆ หาร้านกาแฟนั่งชิวๆบ้าง
![](/f/41820/630381ba6be99e355d4362ed.jpg)
ร้านแรกที่เราแวะก็คือ MOT อีกร้านยอดฮิตใน Social
![](/f/41820/630381e86be99e355d4362ee.jpg)
ตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวมาต่อคิวซื้อน้ำดอกบัวกันตลอดทั้งวัน รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ มีกลิ่นอบเชยนิดๆ กินแล้วสดชื่นดี
ราคา 12,000 VND
![](/f/41820/63038214a37f9a3569247fc9.jpg)
ตรงนี้เป็นมุมที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเดินเข้ามา เป็นประตูวัดเก่าที่ออกแบบโดยช่างฝีมือท้องถิ่น เหมาะกับการใส่ชุดอ่าวหญ่ายมาเดินถ่ายรูปมากๆ
ปักหมุดตรงจุดนี้ว่า Cổng chùa Bà Mụ
![](/f/41820/6303823263c0d635823278f4.jpg)
นอกจากจุดหลักๆที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปกันแล้ว เราไม่ควรมองข้ามตรอกซอกซอยเล็กๆ เพราะถ้ามองดีๆ ก็อาจจะกลายเป็นมุมที่ถ่ายรูปสวยเหมือนกัน
![](/f/41820/6303824da37f9a3569247fca.jpg)
ส่วนใครที่ไม่อยากเดินหรือปั่นจักรยาน ก็มีรถซิกโลให้บริการนะครับ แต่ราคาก็แอบแรงอยู่ คิดเป็นเงินไทยประมาน 400 บาท/30 นาที แล้วต้องทิปคนขับอีก 30,000 VND
![](/f/41820/6303828c7965433555340c73.jpg)
อีกสิ่งที่ควรทำในฮอยอันคือการนั่งจิบกาแฟ สำหรับคนที่อยากลองขอแนะนำ 2 เมนูนี้เพราะเราจะหาได้แค่ที่เวียดนามเท่านั้น
- กาแฟดริป โดยใช้อุปกรณ์ดริปเปอร์ที่เป็นเอกลักษณ์คือ Phin (ฟิน) ซึ่งจะมีการแช่กาแฟแล้วกรองก่อนนำมาเสริ์ฟ (49,000 VND)
- กาแฟไข่ (Ca Phe Tung) ใช้ไข่แดงผสมกับครีม ทำให้เป็นคัสตาร์ดแล้วราดบนกาแฟดำ มีความคล้ายคาปูชิโน่แต่จะเข้มข้นและครีมมี่กว่า (55,000 VND)
![](/f/41820/630382b66be99e355d4362ef.jpg)
สำหรับคนที่ไม่อยากไปต่อคิวขึ้น Roof top ที่ร้านสุดฮิตอย่าง Faifo Coffee ให้ลองมานั่งที่ร้าน Tamy Coffee Hoi AN อีกร้านที่เราสามารถขึ้นไปนั่งชิวที่ดาดฟ้า มองวิวมุมสูงของเมืองฮอยอันได้เหมือนกัน
![](/f/41820/630382f163c0d635823278f5.jpg)
![](/f/41820/630382fe7965433555340c74.jpg)
มุมอื่นๆ ในร้านก็สวยครับ มีการจัดมุมถ่ายรูปสวยๆไว้ ระเบียงที่ชั้น 2 ก็มองเห็นวิวสวยๆ เหมือนกันครับ
![](/f/41820/6303833ea37f9a3569247fcc.jpg)
ชั้นดาดฟ้าของร้านจะมองเห็นวิวของเมืองเก่า ทำให้เห็นว่าอาคารในเขตเมืองเก่าจะเป็นอาคารเล็กๆ ขนาดใกล้เคียงกัน ทาด้วยสีเหลืองมัสตาร์ดเหมือนกัน หลังคามุงกระเบื้อง คาดว่าได้รับอิทธิพลจากฝั่งตะวันตก
แต่สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นเสน่ห์ของเมืองนี้ที่รัฐบาลพยายามอนุรักษ์ไว้ ถึงกับออกมาตราการให้อาคารที่จะสร้างใหม่ทุกหลังในเขตเมืองเก่า ต้องสร้างตามแบบตึกเก่าเท่านั้น
![](/f/41820/6303839aa37f9a3569247fcd.jpg)
สำหรับคนที่ไม่กินกาแฟขอแนะนำเมนูอะโวคาโด้ปั่น นุ่มนวล ละมุนมากๆ เพราะเค้าใส่อะโวคาโดให้เยอะจริงๆ
เมนู: ซินโต๊ เบอ (Sinh To = น้ำปั่น / Bo = อะโวคาโด) ราคา 62,000 VND
![](/f/41820/630383d863c0d635823278f6.jpg)
ถ้ามาฮอนอัยแล้วไม่ได้ลองนั่งเรือตะกร้า (Basket boat) ถือว่ายังมาไม่ถึง
เรือตะกร้าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของเวียดนามในสมัยฝรั่งเศสปกครอง เพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีการต่อเรือประมง โดยใช้ไม้ไผ่มาสานแล้วทาทับด้วยน้ำมันจากต้นยาง ต่อมาเรือตะกร้าก็มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในเวียดนามกลาง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ไปแล้ว
![](/f/41820/630384487965433555340c75.jpg)
เห็นเรือเล็กๆแบบนี้แต่พายยากอยู่นะครับ ถ้าจ้วงน้ำไม่ถูกวิธี เรือก็จะหมุนเป็นวงกลมติ้วๆๆ เลยทีเดียว
โปรแกรมการนั่งเรือตะกร้าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เรือจะล่องผ่านป่าจากเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงกลางแม่น้ำ ระหว่างทางคนพายจะเอนเตอร์เทนไปตลอด
![](/f/41820/630384ada37f9a3569247fce.jpg)
พอมาถึงตรงกลางแม่น้ำ จะมีแสดงโชว์พายเรือแบบผาดโผนด้วย ใครอยากลองนั่งก็ได้แต่ระวังโลกหมุนนะ
![](/f/41820/630384d563c0d635823278f7.jpg)
มีลานแสดงคอนเสริ์ต ซึ่งเพลงที่ร้องก็คือเพลงไทยหมดเลย ❤นอกจากค่าโดยสารแล้ว ตามธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่นี่ เราต้องทิปคนพาย ลำละ 30,000 VND
จบโปรแกรมสุดท้ายของวันนี้ เรากลับมาพักที่โรงแรมในดานัง ใช้เวลาเดินทางจากฮอยอันประมาณ 90 นาที
![](/f/41820/630384fc6be99e355d4362f0.jpg)
เช้าวันสุดท้าย เรามีเวลาในดานังเพียงแค่ 3 ชั่วโมง ก่อนบินกลับไทยตอนบ่าย เลยออกมาจิบกาแฟที่ร้านโลคอล นั่งเก้าอี้เตี้ยๆ จิบกาแฟเพลินๆ
![](/f/41820/6303852b7965433555340c76.jpg)
หลังเก็บสัมภาระเรียบร้อย ก็นั่งรถเลียบหาด My Khe ไปเรื่อยๆ ชายหาดที่นี่สวยมาก ทรายสีขาวน้ำทะเลใส เสียดายที่ไม่ได้แวะเพราะจุดหมายของเราคือวัดหลินอึ๋ง
วัดหลินอึ๋ง (Linh Ung) ตั้งอยู่บนเกาะเซินตร่าทางตอนเหนือของดานัง สร้างขึ้นจากการระดมทุนของชาวบ้าน เนื่องจากมีความศรัทธาต่อเจ้าแม่กวนอิมที่คอยช่วยปัดเป่าภัยธรรมชาติทางทะเล
![](/f/41820/630385447965433555340c77.jpg)
ภายในวัดมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ยืนหันหลังให้ภูเขา หันหน้าออกไปยังทะเลเพื่อปกป้องคุ้มครองชาวประมงที่ออกทะเล ไกด์เล่าว่าชาวเวียดนามนิยมมาขอพรเรื่องงาน ขอบุตร แต่ไม่แนะนำให้ขอเรื่องความรักที่นี่นะครับ ถ้าสำเร็จแล้วจะมาแก้บนหรือไม่ก็ได้แล้วแต่ความสะดวกครับ
![](/f/41820/6303858563c0d635823278f8.jpg)
มาถึงแลนด์มาร์คของดานัง สะพานมังกร (Dragon Bridge) เป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำฮาน (Han river) ช่วยให้การเดินทางจากสนามบินไปถนนสายหลักในเมืองง่ายขึ้น จุดเด่นของสะพานนี้คือมังกรทองขนาดใหญ่ที่อยู่กลางสะพานตลอดความยาว 666 เมตร
ถ้าได้มาช่วงกลางคืนก็ยิ่งสวย เพราะสะพานจะเปิดไฟสีต่างๆทำให้สวยขึ้นอีกเยอะ โดยเฉพาะคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 21.00 จะมีการมีการแสดงพ่นไฟและพ่นน้ำจากหัวมังกรด้วย
![](/f/41820/6303859d7965433555340c78.jpg)
ใกล้กับสะพานมังกร มีรูปปั้นมังกรพ่นน้ำหรือคาร์ฟดราก้อน (Ca Chep Hoa Rong) คาดว่าน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากสิงโตพ่นน้ำ (Merlion) ของสิงคโปร์ ด้านหลังมังกรพ่นน้ำคือ Danang Love Bridge สะพานที่ให้คู่รักทั้งหลายซื้อกุญแจมาคล้องกัน
![](/f/41820/630385cc6be99e355d4362f1.jpg)
โปรแกรมสุดท้ายของทัวร์คือการซื้อของฝากที่ตลาดฮาน แต่ด้วยเลือด Cafe Hopper ที่มันพลุ่งพล่าน เลยขอมานั่งคาเฟ่แทน
Cong caphe เป็นร้านกาแฟชื่อดังในเวียดนาม มีสาขาแทบทุกเมือง การตกแต่งในร้านจะคุมโทนเป็นธีมทหาร ขอบอกว่าร้านนี้ฮิตมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวเกาหลี
![](/f/41820/630385e96be99e355d4362f2.jpg)
เมนูแนะนำคือ กาแฟมะพร้าว (Coconut Coffee)
ราคา แก้วเล็ก 49,000 VND แก้วใหญ่ 59,000 VND
![](/f/41820/630386017965433555340c79.jpg)
ถึงเวลาต้องกลับแล้ว เป็นอีกทริปที่สนุกสนาน ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกไม่สุด 😂 เหมือนยังมีอะไรหลายอย่างที่อยากทำแต่ด้วยข้อจำกัดของการมากับทัวร์คงทำอะไรตามใจตัวเองมากไม่ได้
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ ทริปหน้าเราจะไปเวียดนามเหนือกัน กดลิ้งค์ด้านล่างได้เลยครับ
SAPA >> https://th.readme.me/p/42509
HANOI >> https://th.readme.me/p/42729
CALL ME KG
วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 20.38 น.