Sobta Café & Co : ร้านคาเฟ่สุดฮิพของชาวNFT พร้อมมุมทำงาน และCo-working Space ที่ลงตัว

Sobta Café & Co : คาเฟ่สุดฮิพของชาวNFT

นิยามคำว่า “ร้านคาเฟ่” สำหรับใครหลายๆคน อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะคิดว่า ร้านคาเฟ่ คือร้านกาแฟที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ แต่งร้านแนวชิคๆ หรือบางคน ร้านคาเฟ่ อาจจะหมายถึง ร้านที่คัดสรรเมล็ดกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกที่ดี เพื่อให้คนที่ได้มาลิ้มลองได้สัมผัสกับความนุ่มจากคุณภาพของเมล็ดกาแฟ หรือแม้กระทั่ง ร้านคาเฟ่คือสถานที่นั่งทำงานและนัดพบปะของเพื่อนฝูง เพื่อปลีกวิเวกจากความร้อนและการจราจรอันแสนจะวุ่นวายของเมืองหลวง แต่จะดีกว่าไหม หากนิยามของร้านกาแฟที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด สามารถพบเจอได้ในร้านคาเฟ่เพียงร้านเดียว ซึ่งร้านนั้นมีชื่อว่า “Sobta Café & Co"

ร้าน Sobta Café & Co ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ใกล้กับ ห้าง Big C สะพานใหม่ เขตบางเขน โดยจะตั้งอยู่ในซอยโรงพยาบาลเซ็นทรัล(CGH)ประมาณ50เมตรจากปากซอย เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าBTSสายสุขุมวิท 250เมตรจากสถานีสายหยุด และรถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดหน้าร้านได้

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้าน สิ่งแรกที่พบเลยคือ ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับสีไม้วอลนัท ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ปลีกตัวออกจากความร้อนที่ภายนอก เข้ามาสู่ภายในร้านที่เย็นสบาย ร้านสบตาจะมีพื้นที่ด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น

1.ชั้นล่างเป็นบริเวณสั่งเครื่องดื่มกับBarista และมีบริเวณพื้นที่นั่งทาน ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม

2. พื้นที่ชั้น2 จัดเป็นพื้นที่นั่งทำงานทั้งหมด

3. พื้นที่ชั้น4 เป็นห้องประชุมให้เช่า จุคนได้มากถึง 20 คน

ส่วนพื้นที่ชั้น3นั้น เป็นพื้นที่ของร้านทำผมมาเช่าใช้พื้นที่อยู่ร่วมกัน

สิ่งต่อมาที่ได้สัมผัสได้คือ กลิ่น ,ทั้งกลิ่นจากกาแฟที่หอมเตะจมูก, กลิ่นของขนมปังที่อบใหม่ๆร้อนๆ และ กลิ่นของชาที่หอมละมุน

ร้านสบตา มีเมนูเด็ดหลากหลายเมนู ทั้งชา กาแฟ และขนมปังเบเกอรี่ ซึ่งแต่ละรายการก็มีความพิเศษที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี โดยกาแฟนั้นจะทำการคัดเฉพาะเมล็ดกาแฟอราบิก้า 100% เกรดพรีเมียมไม่มีเมล็ดแตกหักผสม คั่วกลาง จากดอยปางขอน จังหวัดเชียงราย และ กาแฟคั่วอ่อน สำหรับคนที่ไม่ถนัดกาแฟคั่วกลาง จากดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่

กาแฟดอยปางขอนนี้ จะถูกปลูกโดยชาวเขา ที่ความสูงกว่า 1,280 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อีกทั้งปลูกอยู่ใต้ต้นพญาเสือโคร่ง ซึ่งจะทำให้การปลูกยาวนานกว่าต้นกาแฟทั่วไป แต่ก็ทำให้รสชาติที่ได้นั้น มีความโดดเด่นเฉพาะตัวต่างจากเมล็ดกาแฟอื่นๆ การที่ร้านใช้เมล็ดกาแฟจากดอยปางขอนนี้ ยังเป็นการช่วยสนับสนุนทางอ้อมให้ชาวเขามีงานทำ และยังเป็นการอนุรักษ์การทำเกษตรอย่างยั่งยืนอีกด้วย

ส่วนชาเขียวเองเองก็มีความพิเศษไม่แพ้กัน เพราะทางร้านใช้ใบชาเขียวมาจากภาคเหนือ หรือชาไทยก็ใช้ใบชาที่ปลูกโดยเกษตรกรจากทางภาคใต้ หรือมัทฉะ สั่ง Uji Matcha นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และโกโก้ที่นำมาใช้ชงในเมนู ก็เป็นโกโก้ที่นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส เรียกได้ว่า ทุกเมนูเครื่องดื่มล้วนแต่ใช้วัตถุดิบที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีที่สุดมาใช้ในการทำเครื่องดื่มให้ลูกค้าได้ทาน

นอกเหนือจากเครื่องดื่มแล้ว เบเกอรี่ร้านนี้ก็ยังเด็ดไม่แพ้กัน จากประสบการณ์ส่วนตัวจากการไปใช้บริการร้านอื่น หลายๆครั้งร้านมักจะใช้ขนมปังที่ผลิตสำเร็จรูปพร้อมรับประทานมาขายให้ลูกค้าเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งก็แลกมากับรสชาติที่ดร็อปลงของขนมปัง แต่ไม่ใช่กับที่นี่ ที่ร้านนี้เลือกใช้วิธินำขนมปัง ทั้งครัวซองต์ และ พายชนิดต่างๆ มาอบให้ลูกค้าแบบวันต่อวัน เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีและคงความสดใหม่ของวัตถุดิบ ซึ่งถือว่าเยี่ยมมากๆ

ทางร้านเตรียมขนมปังครัวซองต์ โดยอบสดๆใหม่ๆแบบวันต่อวัน

ขนมปังอบฟูฟ่อง น่ารับประทานยิ่ง

ในวันนี้ เลือกรับประทานเมนูเด็ดหนึ่งในเมนูที่ขายดีที่สุดของทางร้าน โดยพนักงานเป็นคนเลือกให้ ซึ่งประกอบไปด้วย Sobta ชาไทย และ Sobta ปังเนยนม ซึ่งถ้ามาทานในช่วงนี้ (ณ.เดือน ส.ค. 65) จะได้รับแก้วพิเศษ LONELYPOP ที่ Sobta มีแค่ 1000 ใบเท่านั้น ห้ามพลาดกันเลย

เมื่อรับประทานแล้วก็พบว่า รสชาติดีและคุณภาพคับแก้วจริงๆ ชาไทยหอมละมุน รสชาติเข้มข้นไม่หวานมาก กินคู่กับ ขนมปังปิ้งเนยนม โดยร้านจะใช้วิธีการอบด้วยหม้อลมร้อน ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานในการทำมากกว่าขนมปังปิ้งทั่วไป แต่ขนมปังจะกรอบทั่วทั้งชิ้นอย่างเท่าๆกัน และไม่แห้ง นอกจากนี้ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นเนยแท้ๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆของนมข้น กินพร้อมกันแล้วเข้ากันได้ดี ราคาของอาหารก็ถือว่าไม่แรงด้วย ชาไทยเย็นราคา45บาท และขนมปังปิ้งราคา30บาท ณ ปัจจุบัน หาร้านกาแฟที่คุ้มค่าคุ้มราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพแบบนี้ หาได้ยากนัก

เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว ก็ต้องขอเดินสำรวจร้านกันสักหน่อย

เริ่มกันที่ชั้นแรก มีที่นั่งให้เลือกนั่งมากมาย ทั้งบริเวณกระจกติดประตูหน้าร้าน บริเวณบาร์นั่งเดี่ยวด้านข้าง หรือ จะนั่งโต๊ะเก้าอี้โซฟายาวบริเวณด้านในของร้าน ถึงแม้ว่าจะนั่งบริเวณใดก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกที่นั่งมีเหมือนกันคือ ปลั้กไฟ ซึ่งถือว่าตอบโจทย์คนที่ต้องการมาคาเฟ่เพื่อทำงานเป็นที่สุด นอกเหนือไปจากนี้ ทางร้านมีบริการ Free Wi-Fi ให้ใช้บริการทุกพื้นที่ของร้านเช่นกัน จึงจะเห็นได้ว่า ร้านนี้ให้ความสำคัญกับลูกค้าที่ต้องการมาใช้บริการเพื่อการทำงาน อ่านหนังสือ หรือติวสอบ แนะนำเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่ต้องการหาพื้นที่นั่งทำงานดีๆสงบๆ

พื้นที่นั่งแบบโซฟายาว พร้อมปลั้กไฟให้บริการ

สิ่งหนึ่งที่สะดุดตามาก และจะไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือ รูปมากมายที่แขวนเอาไว้ และlogo mascot ประจำร้าน ที่เรียกว่า รูป NFT

หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า NFT (Non-Fungible Token)คืออะไร โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้สนใจสินทรัพย์ดิจิตอลอย่าง Cryptocurrency จึงจะขออธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด โดย NFT คือ สินทรัพย์ดิจิตอลที่ไม่สามารถทำซ้ำได้ มีเพียงชิ้นเดียว ส่วนมากมักใช้ในการยืนยันความเป็นเจ้าของ ของภาพวาดนั้นๆ

ร้านสบตา เป็นNFT Community ที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆของประเทศ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่มีรูปภาพจากหลากหลายศิลปิน แขวนไว้หลายรูปบริเวณฝาผนังละลานตา

ที่เด่นที่สุดเลยก็น่าจะเป็น Mascotของร้านอย่าง MetaWarden ยืนทักทายลูกค้าอยู่หน้าBar นอกจากนี้ ทางร้านก็ยังสามารถรับชำระผ่านสกุลเงินCryptocurrencyได้อีกด้วย แจ๋วมากๆเลย

เหล่าบรรดา NFT Artist ที่เคยแวะมาเยี่ยมเยียนร้านแห่งนี้

ต่อมา ชั้นที่2(ชั้นลอย) มีพื้นที่นั่งอยู่พอประมาณ แต่จะได้ความสงบส่วนตัวมากกว่าชั้นล่าง โต๊ะนั่งเน้นนั่งคนเดียว แต่หนึ่งในสิ่งที่ประทับใจที่สุดในร้าน คนอื่นอาจจะชอบพื้นที่นั่ง แต่ส่วนตัวชอบ ที่วางแก้ว!! โดยปกติเวลาเรานั่งทำงานบนโต๊ะ โดยเฉพาะโต๊ะนั่งทำงานในร้านกาแฟแบบนั่งคนเดียว โต๊ะมักจะเล็ก เวลาวางเอกสารหรือคอมพิวเตอร์ก็จะใช้พื้นที่บนโต๊ะจนเต็ม จนไม่มีที่วางแก้ว หรือมีก็อาจจะเผลอวางเอกสารไปโดนจนกระดาษเปียกอยู่บ่อยๆ แต่ถ้ามานั่งทำงานที่นี่ปัญหานั้นจะหมดไปเพราะมีที่วางแก้วยื่นออกไปข้างโต๊ะ เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์จริงๆ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของร้านสบตา

ประทับใจมากกับที่วางแก้ว นึกไม่ถึงกับความเก๋แบบนี้

เมื่อเราขึ้นไปที่ชั้น 4 จะพบกับห้องประชุมขนาด 20 ที่นั่ง มีจอทีวีใช้พรีเซนต์งาน มีอุปกรณ์ไมโครโฟน ลำโพงให้ครบครัน เหมาะมากกับการจัดEventประชุมต่างๆในขนาดผู้เข้าร่วมไม่เกิน20ท่าน ส่วนราคาเช่าใช้ห้องจะอยู่ที่ 150 บาท/ 1 ชั่วโมง หรือ เหมา 8 ชั่วโมงที่ 1,000 บาท ซึ่งก็ราคาคุ้มค่ามาก ใช้ห้องประชุมแล้ว ยังสามารถสั่งชากาแฟเบเกอรี่ จากร้านด้านล่างขึ้นมาทานได้อีกต่างหาก สะดวกสุดๆ ห้องน้ำเองก็มีให้บริการทั้งชั้นล่าง และชั้น4 เรียกได้ว่ามีให้เพียงพอกับผู้ที่มาใช้บริการอย่างแน่นอน

ห้องประชุมขนาด20ที่นั่ง พร้อมจอพรีเซนต์ และอุปกรณ์เครื่องเสียงครบครัน

สำหรับใครที่อาจจะไม่สะดวกเดินทางมาใช้บริการ ทาวร้านก็สามารถจัดส่งให้ได้ทาง Delivery เช่นกัน Packagingก็ดีเยี่ยมมาก แม้จะคว่ำแก้วแล้วเขย่า แต่น้ำไม่หกออกมาแม้แต่นิดเดียว หมดกังวลเวลาสั่ง Deliveryผ่านRider ผ่านแอปที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่าง Lineman, Robinhood หรือ ShopeeFood ได้เลย

สรุปโดยรวม

ร้านคาเฟ่ Sobta เป็นร้านกาแฟที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับคนที่ต้องการหาพื้นที่นั่งทำงานแบบสงบๆ โดยที่สามารถรับประทานเครื่องดื่มและขนมที่ผลิตจากวัตถุคุณภาพสูงที่คัดสรรมาอย่างดี อาทิ เมล็ดกาแฟจากดอยปางขอน, ชาไทยที่ได้มาจากทางภาคใต้ และการปรุงอย่างพิถีพิถัน อย่างการใช้หม้ออบลมร้อนกับขนมปังปิ้งเพื่อรสชาติที่อร่อยถูกปาก ในราคาที่คุ้มค่า นอกจากนี้ยังเหมาะสมกับคนที่หาพื้นที่จัดงานอีเว้นท์เล็กๆความจุไม่เกิน20คน พร้อมอุปกรณ์พรีเซนเทชั่นครบครัน มีเบเกอรี่ชากาแฟให้บริการเป็นขนมพักเบรคได้พร้อมสรรพ ราคาเช่าใช้ย่อมเยา อีกทั้งการเดินทางยังสะดวก ด้วยรถไฟฟ้าBTSสถานีสายหยุด หรือ จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็มีที่จอดสะดวกสบาย นอกเหนือไปจากนี้ทางร้านสบตายังมี ปลั้กไฟพร้อมให้ใช้งานได้ทุกโต๊ะ Wi-fiฟรีให้บริการ และที่วางแก้วน้ำแบบพิเศษเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการนั่งทำงานของลูกค้า สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้อาจจะดูเหมือนไม่ใช่สิ่งจำเป็นของร้านคาเฟ่ที่จะต้องมีนัก แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจกับลูกค้าที่มาใช้บริการแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย ประทับใจในความใส่ใจในรายละเอียด จากที่เล่ามาทั้งหมดข้างต้น คงจะพอสรุปได้ว่า ร้าน Sobta Café & Co เป็นหนึ่งในร้านกาแฟ ที่ห้ามพลาดในละแวกสะพานใหม่ และควรจะเข้ามาลิ้มลองใช้บริการของทางร้านกันครับ