Le Meridien กรุงเทพฯ เป็นโรงแรม 5 ดาว บนถนนสุรวงศ์ เรียกได้ว่า อยู่ในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ และ สถานบันเทิงยามราตรี ทั้งพัฒน์พงษ์ ธนิยะ และ สีลม
ความดีงามของ Le Meridien กรุงเทพฯ คือ การผสมผสานบรรยากาศของงานศิลปะ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่าย ภาพวาด ประติมากรรม และ รายละเอียดอื่นๆ อาที key card / อาหาร / เครื่องดื่ม ฯลฯ
+ + + + + + + +
fatreview มา CHECK IN ที่นี่ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ที่โรงแรมเพิ่งกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ปิดตัวไปในช่วง Covid โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ก็มีการ renovate บางส่วนของโรงแรมควบคู่ไปด้วย
ผมเข้าพักที่นี่ โดยใช้ "เราเที่ยวด้วยกัน" ที่รวม Platinum Benefit ในราคาดีทีเดียว (ช่วงนั้น ยังไม่ได้เป็น Plat )
ถึงแม้ว่า Club Lounge ยังไม่เปฺด แต่ที่นี่ จัดหนัก จัดเต็มทั้งอาหาร / เครื่องดื่ม ดีงามจริงๆ บอกตามตรงว่าประทับใจมาก
* ทราบมาว่า ตอนนี้ทางโรงแรมได้เปลี่ยน display รูป Man with Poodle ที่ประตูหน้าแล้วนะครับ ก็เลยรีบลงรีวิวให้ (หลังจากดองไว้ 5 เดือน
+ + + + + + + +
เราไปชมภาพต่างๆกันดีกว่าครับ
#LeMeridien #LeMeridienBKK #LeMeridienBangkok
#เลอเมอริเดียนกรุงเทพฯ
ลงจาก BTS ศาลาแดง แล้วเดินทะลุซอยพัฒน์พงษ์
เมื่อมาถึง ถ.สุรวงศ์ หันไปทางซ้ายมือ จะพบกับอาคารของ Le Meridien กรุงเทพฯ ตามภาพ
*อันที่จริง แถวนี้ เต็มไปด้วยเสาไฟฟ้า + สายไฟสื่อสาร ยุ่งเหยิงมาก ต้องหามุมหลบสายไฟ แล้วลบออกด้วย Photoshop 😁
งานศิลปะ 2 ชิ้นที่หน้าประตู คือภาพถ่าย Man with Poodle โดย Ralph Gibson ช่างภาพชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง
งานอีกชิ้นเป็นประติมากรรม ชื่อ การเดินทางของไอ้จุด โดย คุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปินชาวไทย ทายาทของ“เถ้าฮงไถ่” โรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่คู่เมืองราชบุรี และยังเป็นเจ้าของ หอศิลป์ร่วมสมัย d Kunst (ดีคุ้น) แห่ง จ. ราชบุรี
ชอบการออกแบบ Lobby ของที่นี่มาก - ใช้พื้นที่ด้านหน้าอาคาร สูงประมาณ 3 ชั้น กรุด้วยกระจกแบบไร้โครงอลูมิเนียม ปล่อยให้แสงสว่างเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน
พอดีกับที่ต้องมารับประทาน Afternoon Tea ที่ Tempo บนชั้นลอย และ Evening Cocktail ที่ Latest Recipe บนชั้น 2 (ช่วงนั้น Club Lounge ยังไม่เปิด) - จึงมีโอกาสเห็นการเปลี่ยนแปลงของแสง และ สีในช่วงเวลาต่างๆ - ผมได้เก็บภาพมาให้ชมกันหลายรูปเลยครับ
ฝั่งซ้ายของ Lobby เป็นบันไดทางขึ้นไปยัง Tempo บนชั้นลอย
และ Latest Recipe ห้องอาหารหลักของโรงแรม บนชั้น 2
ความเท่ของ Lobby คือ เคาน์เตอร์เช็คอิน ที่ดีไซน์คล้ายๆก้อนโลหะ free form สีเงิน
ข้างเคาน์เตอร์เช็คอิน เป็นโซนจัดวางงานศิลปะต่างๆ ทั้งเพื่อโชว์ และ จำหน่าย
โดยเฉพาะ"ไอ้จุด" ผลงานของคุณวศินบุรี ฯ
การเดินทางของไอ้จุด โดย คุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์
ในบริเวณเดียวกัน ยังมี Lobby Bar ชื่อ Latitude 13 จำหน่ายเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ ชา / กาแฟ
#Latitude13
มี Welcome Drink เป็น Nitro Coffee ที่ Latitude 13
*โปรดสังเกต keycard ของที่นี่ เท่มากๆครับ (มี key card แบบต่างๆ จัดแสดงไว้ที่โซนแสดงงานฯด้วย)
โถงทางเดินไปยังลิฟท์ มีงานอีกชิ้นของ Ralph Gibson
*Eye Bastienne, 1987
Silver gelatine print
200 x 140 cm.
ได้ห้องพักบนชั้น 14
ความเก๋ คือ ช่องแสงข้างลิฟท์ จะมีพิกัดแผนที่ติดอยู่บนกระจก - ลองทายดูสิครับ ว่าพิกัดไหน เป็นที่ตั้งของ Le Meridien กรุงเทพฯ 🙂
2 ภาพแรกของห้องพัก เห็นงาน built in ด้วยผิวไม้สีนี้ แล้วนึกถึง Hilton Sukhumvit และ Pullman Kingpower - แต่ช่องทางเดินของ Le Meridien ดูกว้างกว่า
สไตล์การตกแต่งภายใน มีความ Marriott the Surawongse + Le Meridien Chiang Mai (โซฟาติดหน้าต่าง)
และ Marriott Marquis (คำกลอนที่หัวเตียง) 🙂
ดูทันสมัย / สะอาด / สวยงาม ตามท้องเรื่อง
โต๊ะทำงาน และ TV
มีชุดกระดาษเขียนจดหมาย + ซองจดหมาย ให้ด้วยนะครับ เป็น item แทบจะไม่มีโรงแรมที่ไหน มีให้แล้วในปัจจุบัน
ในส่วนของวิวจากห้องพัก ที่โดดเด่นเลย คือ อาคารมหานคร
มุมนี้สวยมาก ♥
Minibar และ ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ตามสไตล์โรงแรม 5 ดาว
ห้องนํ้าใหญ่โต โอ่อ่า ใช้วัสดุที่ premium มากๆ โดยเฉพาะอ่างอาบนํ้า
Amenities ครบชุด ทุกสิ่งอย่าง
ได้เวลา Afternoon Tea ที่ Tempo บนชั้นลอย
ช่วงนั้นเป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆ แสงแดดกำลังสวย
สำหรับ Tempo ไม่ว่าจะเก็บภาพจากมุมไหน ก็สวย โดยเฉพาะ โต๊ะยาวสีทอง กลางห้อง
อันที่จริง ผมกดชัตเตอร์ไปทั้ง 4 มุมเลยนะครับ เลือกมาให้ชม 2 มุม
เต็มใจโดน Nitro Coffee อีกเป็นแก้วที่ 2 / เซ็ท snack +ของหวานดีมาก
บนชั้น 6 ของโรงแรมจะเป็นที่ตั้งของ สปา / fitness และ สระว่ายนํ้า
เปิดลิฟท์มาก็อึ้งไปเลย กับงานศิลปะบนผนัง ของชั้นนี้ - ที่ใช้ก้อนหินโทนสีขาว/ครีม/นํ้าตาล มาประดับผนังแบบจากพื้นจนจรดเพดานเลย
fitness กว้างขวางเลยครับ
สระว่ายนํ้าขนาดปานกลาง ท่ามกลางไม้ใบเขียวชะอุ่ม
สระสำหรับเด็กเล็ก ใกล้ๆกันมีสระบัว ดอกบัวกำลังบานพอดี งามมาก(y)
* มี Pool Bar ชื่อ Plunge
ช่วงเย็น มีแสงแดดสวยๆ
*ทราบมาว่า ตอนนี้มีการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ริมสระยกชุดเลยนะครับ ทั้งร่มบังแดด Day Bed และ เพิ่มเก้าอี้นอนเล่นแบบใหม่ๆ เข้าไปอีกหลายชุด
before Sunset
ห้องนํ้าของชั้น 6 ก็เท่
ได้เวลาของ Evening Cocktail ช่วงใกล้คํ่า ที่ Latest Recipe บนชั้น 2 ที่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกับ Tempo
อย่างที่บอกว่า บริเวณนี้แสงสวยมาก และเปลี่ยนไปได้ตลอดวัน
โชคดีที่วันนั้นไม่เจอฝน จึงอดไม่ได้ที่จะมาเก็บภาพ แดดสีทองในช่วงเย็น
Evening Cocktail ที่ Latest Recipe
*ตอนนี้เปลี่ยนไปจัดที่ Club Lounge แล้วนะครับ
แสงงามๆ ยามคํ่า
เครื่องดื่มพร้อม กับแกล้มก็พร้อม 🙂
ภาพเล่าเรื่อง 🍷🍸🥂🥃🍹😋♥
เป็น evening cocktail ที่ดีมาก ♥
Man with Poodle และ ไอ้จุด ในช่วงคํ่า
อาหารเช้าที่ Latest Recipe
โซนนี้จ๊าบมาก
ไลน์อาหารจัดหนัก จัดเต็ม / มีมากกว่านี้อีกนะครับ
Signature Dish ช่วงนั้น คือ ไข่คนต้มยำกุ้ง และ ผัดไทยไร้เส้นห่อไข่
*มีจานตัวอย่าง ของจริง วางไว้ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้ทำความรู้จักด้วย
อาหารเช้าแบบเบาๆ
น้องคนนี้มาเสิร์ฟ Prosecco เรียกนํ้าย่อยให้ด้วยนะครับ
สลัด+ โยเกิร์ต + ไอศกรีม (มีให้เลือก 8 รส ! พร้อม topping อีกเพียบส์ )
*เสียดายที่วันนั้นติดธุระ ต้องเช็คเอาท์แต่เช้า เลยจัดมาได้แค่นี้ 🙂
หากมีโอกาสจะกลับมา CHECK IN ที่นี่อีกครั้งแน่นอนครับ
ขอขอบคุณที่ติดตาม fatreview และ fatreview-CHECK-IN ครับ
https://www.facebook.com/fatreview
https://www.facebook.com/fatreview-CHECK-IN
fatreview : CHECK IN
วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 20.47 น.