ในทริปนี้ โจ้เพื่อนผมจับ Yamaha Aerox ติดกล่องหลัง GIVI อย่างรถทัวร์ริ่ง ส่วนผมก็จับเจ้าคุณปู่ Honda S90 พร้อมมุ่งหน้าไปตัวอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
ปักหมุดไม่ต้อง GPS ไม่ใช้ เพราะจำทางได้ดี เราใช้เส้นทางรองด้านหลังเพื่อเลี่ยงรถบรรทุก กับความเร็วประมาณ 60 – 70 กม. / ชม. ผ่านแลนมาร์คหลักๆ อย่างเช่นตลาดน้ำไทรน้อย วัดต้นเชือก The Salaya มหาวิทยาลัยมหิดล Makro ศาลายา และแวะปั๊มเติมน้ำมันคันละ 100 บาท
จากนั้นประมาณอีก 20 นาทีเราก็มาถึงจุดหมายที่ตัวอำเภอนครชัยศรี หรือ “ตลาดท่านา” ที่ชาวบ้านเรียกกัน ตลาดแห่งนี้อยู่ติดริมแม่น้ำนครชัยศรี จึงมีการค้าขายเกิดขึ้นกันทางเรือตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นับนิ้วจนถึง พ.ศ. นี้ก็ถือว่าเป็นตลาดสดที่มีอายุมากว่า 150 ปีแล้ว ส่วนของขึ้นชื่อที่นี่ก็ต้องเป็นเป็ดพะโล้ แต่ร้านประจำหน้าตลาดคนเพียบ พวกเราเลยมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณกันในตลาด ส่วนตัวผมชอบบ้านแถวเรือนไม้บริเวณนี้มากๆ เพราะยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ได้อย่างดี วิถีแบบบ้านๆ มีเพียงสีที่ทาขึ้นใหม่ให้ดูสดใสเท่านั้นเอง
พวกเราจัดก๋วยเตี๋ยวไปคนละชาม ค่าเสียคือ 100 บาท (รวมน้ำเปล่า) ก่อนออกจากร้านได้เจอกับ ช้าง รุ่นน้องขาแรงที่ปั่นจักรยานโดยความบังเอิญ ผมเลยแซวเขาไปว่า...พี่ขับมอเตอร์ไชค์มา จะได้ขี่ทันช้างเวลาปั่นจักรยาน (ฮา)
เราสองคนจัดแจงเข็นรถมอเตอร์ไซค์ หามุมดีๆ ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ก่อนบิดต่อไปที่ “เจษฎาเทคนิคมิวเซียม” ห่างจากตลาดนี้เพียง 3 กม. และก่อนเข้าไปที่นี่ ก็ต้องถ่ายรูปกับป้ายแลนมาร์คที่มีรถไฟโบราณอยู่ด้วย ถึงจะมาถึงจริงๆ
ดูเวลาประมาณ 9.30 น. พวกเราจอดรถและเดินเข้า “เจษฎาเทคนิคมิวเซียม” พิพิธภัณฑ์รถโบราณที่ทรงคุณค่าที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย เข้าไปดูได้เลยนะครับ ไม่เสียค่าใช้จ่าย แค่กรอกเอกสารลงทะเบียนเท่านั้นเอง (เปิด 9.00 – 17.00 น. ปิดวันจันทร์) คุณค่าของที่นี่เกิดขึ้นจากคุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ นักธุรกิจที่ชอบเรื่องเครื่องกลไก พอเดินทางไปต่างประเทศก็เห็นพิพิธภัณฑ์รถเก่า จึงอยากทำแบบนี้ที่เมืองไทยบ้าง จากนั้นก็ค่อยๆ สะสมจนเปิดเป็นเจษฎาเทคนิคมิวเซียมได้ในปี พ.ศ. 2549 ได้ ทุกวันนี้ก็ผ่านมาเกือบ 16 ปีแล้ว รถหลากสัญชาติ 500 กว่าคันถูกดูแลเป็นอย่างดี เพื่อให้คนไทยอย่างเราๆ ได้ศึกษา ทั้งรถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์และ Moped (รถจักรยานที่ปั่นเป็นมอเตอร์ไซค์ได้) หรือรถยนต์ต่างๆ มากันทุกยี่ห้อ ตั้งแต่โฟล์ค แดมเลอร์ เวสป้า และอีกมากมาย เอาเป็นว่าถ้าเราเดินดูกันอย่างละเอียดจริงๆ วันเดียวไม่พอแน่นอน
เราใช้เวลากับที่นี่ไปชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะบิดไปปิดท้ายกันที่ “Jardin de Chaisri” ร้านกาแฟชื่อฝรั่งเศสที่แปลเป็นไทยได้ว่า “สวนแห่งนครชัยศรี” เกิดจากที่เจ้าของร้านซื้อที่ไว้เพื่อทำบ้านพักตากอากาศ วันเสาร์อาทิตย์ก็จะมาเที่ยวกัน และหาร้านกาแฟกินกันแถวนครปฐม ไปๆ มาๆ ชักเบื่อ จึงเปิดเป็นร้านกาแฟซะเลย จะได้ไม่ต้องออกไปไหนให้เสียเวลา (ฮา)
ผมกับโจ้เลยจัดกาแฟอเมริการ้อนและเย็นมาคนละแก้ว คู่กับเค้กมะพร้าวอ่อนมาชิ้นนึง สนราคาทั้งหมด 250 บาท ผมว่าคุ้มนะ กับบรรยากาศบ้านเรือนไทยท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ๆ ที่ร่มรื่นมากมาย กลางบ้านก็มีสระน้ำและศาลาให้ได้นั่งชิลล์ หรือจะไปนั่งใต้ถุนบ้าน ชมวิวริมแม่น้ำนครชัยศรีทั้งวันก็ได้...อ้อๆ ที่นี่เปิดวันพุธถึงอาทิตย์นะครับ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น โดยประมาณ
ส่วนเราเองก็คุยกันเพลินๆ ดูนาฬิกาผ่านมา 2 ชม. ที่เวลาเกือบเที่ยงแล้ว ผมและโจ้จัดแจงใส่อุปกรณ์ไบค์เกอร์สายชิลล์ให้เรียบร้อย ก่อนจะบิดยาวอีก 50 กม. เพื่อกลับไปยังจุดเริ่มต้น กับวันสบายๆ จบทริปแบบบังเอิญไม่เกินบ่ายโมง บนการเดินทางที่ช่วยชาร์จพลังให้คนออฟฟิศอย่างเรา...ทำงานได้ต่อวันจันทร์อย่างมีรอยยิ้ม ระยะทางวันนี้ประมาณ 120 กม.
และนี่คือสรุปค่าใช้จ่ายทริป “นครชัยศรี...ทริปนี้แค่ครึ่งวัน”
• ค่าน้ำมันรถ 2 คัน 200 บาท
• ค่าก๋วยเตี๋ยว ตลาดท่านา 100 บาท
• ค่ากาแฟและเค้ก 250 บาท รวม
เป็นเงิน 550 บาท หาร 2 คน = 275 บาท/คน
...
สามารถติดตามเส้นทางการเดินทางของ#GetRoute เพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/getroute292022
...
#การรับรู้เป็นประสบการณ์จริงด้วยการเดินทาง
GetRoute Official
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.25 น.