ซินจ่าว (จ้าว) ยังคงอยู่กันที่เวียดนามเหนือครับ Blogsที่แล้ว...เรานั่งรถจากซาปาถึงฮานอยช่วงบ่าย มีเวลาเที่ยวจนถึง 17.00 ของอีกวันก่อนกลับไทย มาดูกันว่า 24 ชั่วโมงในฮานอย เรากินอะไร? เที่ยวที่ไหน? รับรองว่าอิ่มและสนุกแน่นอน
ใครสนใจการเดินทางและแพลนเที่ยวในซาปา กดลิงค์นี้เลยครับ >> https://th.readme.me/p/42509
ฮานอยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่แห่งหนึ่งในเอเชีย ในปี 2012 พึ่งมีการฉลองครบ 1,000 ปี จึงทำให้ฮานอยยังคงมีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเก่าแก่ของเวียดนามหลงเหลืออยู่
เรามีเวลาไม่เยอะเพราะวันลาจะหมดแล้ว 😂 เลยเลือกไปแค่แลนด์มาร์คของฮานอย แพลนก็ประมาณนี้ครับ
Day1
- โบสถ์เซนโจเซฟ (St Joseph Cathedral)
- Hànội mói newspaper
- Hànội Opera house
- ทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake)
Day2
- ย่านเมืองเก่า (Hanoi Old Quarter)
- วัดเนินหยก (Ngoc Son Temple)
- วิหารวรรณกรรม (Temple of Literature)
- สุสานโฮจิมินท์ (Ho Chi Minh Mausoleum)
- วัดเจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda)
- Phung Hung Mural Street
- สะพานลองเบียน (Long Bien Bridge)
รถตู้ออกจากซาปาตอน 08.00 ระหว่างทางจอดให้เข้าห้องน้ำและซื้ออาหาร 2 รอบ ถึงฮานอยตอน 14.00 รถแวะส่งนักท่องเที่ยวบางคนที่สนามบินแล้วค่อยมาส่งที่โรงแรมในย่านเมืองเก่า
มาถึงฮานอยก็บ่ายแล้ว วันนี้คงเดินเล่นและหาของอร่อยๆ ในย่านเมืองเก่าก่อน จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางเพราะการจราจรช่วงเย็นในฮานอยไม่ต่างจากกรุงเทพ
เริ่มที่เฝอร้าน Pho 10 (เฝอเหม่ย) ติดอันดับร้านเฝอที่ดีที่สุดในฮานอยทุกครั้งที่มีการสำรวจ
ปักหมุด: Pho 10 Ly Quoc Su เดินจากเมืองเก่าเพียง 10 นาที
ระหว่างทางผ่าน Dong Kinh Nghia Thuc Square แหล่งพักผ่อนของชาวฮานอย มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ จะปิดถนนให้จัดกิจกรรมต่างๆ
ตึกนี้คล้าย Cafe Apartment ที่โฮจิมินห์ มีร้านอาหารและคาเฟ่ทุกชั้นของตึก (ขอเรียกว่าตึกคาเฟ่นะคับ)
ด้านข้างตึกคาเฟ่เป็นจุดขึ้นรถ Hanoi City Tour
Cong Caphe ไปที่ไหนก็เจอ
มองเห็นวิวทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม หรือบางคนจะเรียกว่าทะเลสาบน้ำเขียว
เมื่อเลี้ยวเข้าถนน Ly Quoc Su 50 จะเห็นร้านเป็นตึกสีส้มสดใสตั้งอยู่
สั่ง Pho Tai (half done beef) ราคา 65K เนื้อจะสุกด้วยการราดซุปร้อนๆลงไป เนื้อสุกกำลังดีแถมเพิ่มความเข้มข้นให้กับซุปด้วย
สั่งปาท่องโก๋มาด้วย (จานละ 15K) แนะนำให้ฉีกแล้วแช่น้ำซุปก่อน ถ้ากินเลย !! เหนียวมาก 😭 มื้อนี้ค่าเสียหายอาจจะแพงกว่าร้านข้างทาง แต่อร่อยและให้เนื้อเยอะมาก
ออกจากร้านเฝอ เดินตามถนน Ly Quoc Su เพียง 3 นาทีก็ถึงโบสถ์เซนโจเซฟ
โบสถ์เซนโจเซฟ (St. Joseph Cathedral) สิ่งปลูกสร้างที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุคอาณานิคม
หลังจากที่ฝรั่งเศสได้ยึดเวียดนามก็สร้างโบสถ์แห่งนี้แทนที่เจดีย์บ่าวเทียน
โบสถ์นี้ถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล โดยมีต้นแบบจากโบสถ์นอทเทอร์ดาม ประเทศฝรั่งเศส ด้านหน้ามีหอนาฬิกาขนาดใหญ่
ภายในโบสถ์ตกแต่งด้วยกระจกสีต่างๆจากประเทศฝรั่งเศส
นอกจากเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมทางศาสนา โบสถ์เซนโจเซฟได้กลายเป็นอีกแลนด์มาร์คของฮานอยไปแล้ว
เดินมาที่ทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม(ทะเลสาบคืนดาบ) ตำนานเล่าว่าจักรพรรดิเล เหล่ยแห่งราชวงศ์เลได้พ่ายแพ้ในสงครามให้กับกองทัพจีนหลายครั้ง วันหนึ่งพระองค์ได้ล่องเรือมายังทะเลสาบแห่งนี้และพบกับตะพาบยักษ์ที่โผล่ขึ้นจากน้ำและมอบดาบวิเศษให้ จนทำให้พระองค์ได้รับชัยชนะจากกองทัพจีน
ภายหลังจากที่ได้ชัยชนะ จึงได้นำดาบมาคืนยังทะเลสาบแห่งนี้ จนเป็นที่มาของชื่อ "ทะเลสาบคืนดาบ" ซึ่งจุดที่เชื่อว่ามีการคืนดาบก็คือบริเวณหอคอยเต่า (Turtle Tower) ที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบนั่นเอง
ฝั่งตรงข้ามของหอคอยเต่า (Thap Rua ทาพรัว) คืออาคารสำนักพิมพ์เก่า Hànội mói newspaper (ออกเสียงว่า ฮานอยเหมย) เป็น IG spot ที่นิยมมากในวัยรุ่นเวียดนาม เราเดินไปถามวัยรุ่นที่กำลังถ่ายรูปว่าทำไมที่นี่ถึงฮิต คำตอบก็คือ "The Old Vibe" คงคล้ายวัยรุ่นไทยที่ชอบความวินเทจของตึกเก่า
ว่าแล้วก็ขอสักหน่อย เดี่ยวจะตกเทรนด์ 😂
เดินตามทะเลสาบไปเรื่อยๆ แยกนี้มีห้างสรรพสินค้า Trang Tien Plaza หรูหรามาก ร้านแบรนด์เนมเพียบ
P. Trang Tien ย่านนี้มีแต่ตึกใหม่ดีไซน์ทันสมัย ร้านอาหารและคาเฟ่ก็เยอะ
ระหว่างทางผ่านร้านไอศรีมชื่อดัง Kem Trang Tien (Kem = ไอศครีม)
สั่งรสช็อคโกแลตและวนิลา โคนละ 15K อันนี้ไม่ชอบ !! โคนเหนียว ไอศครีมเป็นเกล็ดน้ำแข็ง รสชาติสังเคราะห์ไปหน่อย
เดินไม่ไกลก็ถึงโรงละครฮานอย (Hanoi Opera house) สถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่สร้างโดยฝรั่งเศสในปี 1901 ที่นี่เป็นหนึ่งในสามของโรงละครที่ชาวฝรั่งเศสสร้างขึ้นในเวียดนาม อีกสองแห่งคือโรงละครที่โฮจิมินห์และไฮฟอง
กลับมาที่ตรอกเล็กๆริมทะเลสาบ เพื่อมากินขนมจีนน้ำจิ้มกะปิ (Bun Dau Mam Tom) ร้านลับ !!!
ปักหมุดว่า: Bún Đậu Cô Tuyến Mắm Tôm Hàng Khay
Bun = ขนมจีน, Dau = เต้าหู้ทอด, Mam Tom = กะปิ เดิมกินแค่นี้ ต่อมามีการเพิ่มเครื่องเคียงอีกหลายอย่าง ในถาดที่สั่งจะมีขนมจีน เต้าหู้ทอด ไส้กรอกเลือด (Doi Heo) หมูยอทอด ปอเปี๊ยะทอด คิดราคาตามจำนวนคน ชุดละ 40K (มา 2 คนก็ 80K)
ทีเด็ดคือน้ำจิ้มกะปิ บีบส้มจี๊ดเติมพริกแล้วคนให้เข้ากัน คำเตือน: กะปิมันฮาร์ดคอร์ เค็มและกลิ่นคาวค่อนข้างแรง ใครที่ไม่ชอบทานกะปิ ไม่แนะนำเมนูนี้นะครับ
เดินย่อยกันที่ทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดเล็ก (ประมาณสนามฟุตบอล) ที่ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า
เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองฮานอย ช่วงเช้าและเย็นจะเห็นคนออกมาวิ่งหรือออกกำลังกายกัน
เหมาะกับการมาเดินถ่ายรูปแบบชิวๆ ยิ่งตอนเย็น บรรยากาศยิ่งดี
อีกกิจกรรมยอดนิยมรอบทะเลสาบก็คือ การถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง เจอทุกๆ 100 เมตร
เดินผ่านโรงละครแสดงหุ่นกระบอกน้ำ (Water Puppet) การแสดงขึ้นชื่อของฮานอย
มานั่งชมวิวยามเย็น ที่ร้าน Coffee Club ร้านอยู่ในตึกฝั่งตรงข้ามกับตึกคาเฟ่
กดลิฟท์มาชั้น 4 วิวระเบียงของร้านสวยมากๆ
สั่งชาพีชมากลบกลิ่นกะปิสักหน่อย 😂 แก้วละ 49K
มากินหอยที่ร้าน Oc Nong Ha Trang (ยังจะกินอีกหรอ😂) ร้านนี้ฮิตทั้งคนเวียดนามและนักท่องเที่ยว
สั่งเมนูแนะนำ หอยโข่ง (Oc Mit) ราคา 90K, หอยตลับ (Ngao Hap) ราคา 80K, แหนมหมูทอด (Nem Chua Ran) ราคา 60K
ล้างปากด้วย แจ่ (Che) ขนมหวานสไตล์เวียดนาม
ปักหมุด: Chè Hương Hải 93
แจ่คูบัค (Che Khuc Bach) ราคา 30K พุดดิ้งนม ทานคู่กับลิ้นจี่และอัลมอนด์อบ
Kem Xoi (ไอศครีม/ข้าวเหนียว) ราคา 25K ไอศครีมกะทิกับข้าวเม่า ไม่ใช่ข้าวเหนียวใบเตยนะครับ
โรงแรมที่เราพักติดกับถนนสายเบียร์ (Bia Pho Co) บรรยากาศตอนกลางคืนครึกครื้นมาก
กินอิ่มก็รีบนอน พรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้าไปเที่ยวกันต่อ
เช้าวันสุดท้ายในฮานอย เรามาเดินถ่ายรูปที่ถนน Ta Hien กันก่อน จุดนี้ฮิตสุดในย่านเมืองเก่า บรรยากาศตอนเช้าช่างแตกต่างจากเมื่อคืน
ย่านเมืองเก่า (Old Quater) เริ่มขึ้นตั้งแต่มีการอพยพเมืองหลวงจาก Hoa Lu (นิงห์บิงห์) มายัง Thang Long (ฮานอย) ทำให้กลุ่มช่างฝีมือมารวมตัวกันรอบวัง ช่างฝีมือแขนงเดียวกันจะรวมเป็นชุมชน (คล้ายไทยที่มีบ้านบาตร บ้านหม้อ) ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแหล่งการค้าและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของฮานอย
ทานมื้อเช้าที่ร้าน Xoi Yen ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ วิธีสั่งให้เลือกข้าวเหนียวก่อน ทุกแบบราคา 20K เท่ากัน แบบธรรมดา (Xoi Trang), ข้าวเหนียว+ข้าวโพด โปะถั่วเหลืองนึ่ง (Xoi Ngo) และข้าวเหนียวผสมผงขมิ้น (Xoi Xeo)
เลือกเครื่องเคียง ถ้าเลือกไม่ถูกแนะนำ Thap Cam (ถัดก๋ำ) แปลว่ารวมมิตร จะได้กินทุกอย่างเลย 555 ราคา 45K (ค่าข้าวเหนียวอีก 20K)
ไก่บ้านผัดกับเห็ดหูหนู (Ga Xao Nam) ราคา 30K ( ค่าข้าวเหนียวอีก 20K)
เดินแค่ 2 นาทีก็ถึงร้าน Cafe Giang (คาเฟ่จาง) ต้นตำรับของกาแฟไข่ที่แพร่หลายไปทั่วเวียดนาม ทางเข้าร้านเล็กมากๆ เนื่องจากการเก็บภาษีสร้างบ้านในสมัยก่อนจะคิดจากความกว้างของบ้าน ชาวเวียดนามจึงนิยมสร้างบ้านให้แคบแต่สูงเพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีนั่นเอง
เมนูนี้เกิดในช่วงสงครามอินโดจีนทำให้นมสดขาดตลาดและแพง เจ้าของร้านจึงคิดสูตรกาแฟไข่มาทดแทน โดยใช้ไข่แดง นมข้นหวาน เนย ชีส มาผสมเป็นครีมไข่ราดกาแฟแทนนมสด
Ca Phe Trung (กา เฟ จึ๋ง) แบบร้อนคือ Nong แบบเย็นคือ Da ราคา 30K เท่ากัน
เดินมาเรื่อยๆ จนถึงวัดเนินหยก (Ngoc Son Temple) วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูแม่ทัพ เฉิน ฮัง โด๋ว (Tran Huang Dao) ผู้นำการต่อต้านราชวงศ์หยวนในศตวรรษที่ 13
ค่าเข้า : 30,000 VND/คน
เวลาเปิด-ปิด: 08.00-18.00 (เปิดทุกวัน)
วัดเนินหยกได้รับอิทธิพลการสร้างและศิลปะแบบจีน ในวัดเป็นวิหารชั้นเดียว มีแท่นบูชาเทพเจ้าและศาลากลางน้ำให้นั่งพักผ่อน
อีกแลนด์มาร์คคือ สะพานเทฮุก (The Huc Bridge) ชื่อไทยคือสะพานแสงอาทิตย์ เป็นสะพานไม้สีแดงสดใสที่ใช้ข้ามจากฝั่งไปยังวัดเนินหยกที่อยู่กลางทะเลสาบ
ในวัดมีตู้จัดแสดงตะพาบยักษ์ที่สตาฟไว้ เป็นตะพาบยักษ์แยงซีเกียง (Rafetus Swinhoei) ที่ใกล้สูญพันธ์ุ
ถึงเวลาลุ้นระทึกกับการเรียก grab ที่ฮานอยต่างจากซาปาโดยสิ้นเชิง กดปุ๊บ รับปั๊บ ใครมาเที่ยวฮานอยขอแนะนำ grab เลย ไม่ต้องกลัวเรื่องการสื่อสาร ค่าโดยสารก็คิดตามระยะทางจริง
จุดหมายถัดไปคือ วิหารวรรณกรรม ชื่อในภาษาเวียดนามคือ Van Mieu
ค่าเข้า: 30,000 VND/คน
เวลาเปิด-ปิด: 08.00-17.00
วิหารวันเหมียวเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม สร้างขึ้นในปี คศ 1070 สมัยจักรพรรดิเล แถง ตง เพื่ออุทิศให้กับขงจื้อ ต่อมามีการสร้างโรงเรียนขุนนางขึ้นก่อนและในสมัยราชวงศ์เจิ่นจึงเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเรียนได้
โครงสร้างภายในวิหารได้แรงบันดาลใจจากวัดในเมืองเกิดของขงจื้อ ข้างในมีลานกว้าง 5 ลาน
ลานแรกเป็นสวนที่ร่มรื่น เข้ามาแล้วเย็นสบายต่างจากด้านนอกที่ร้อนอบอ้าว
ลานที่ 2 จะพบกับ Khue Van Cac เป็นศาลาไม้เก่าแก่สีแดง ที่เห็นในปัจจุบันเป็นของที่ถูกสร้างใหม่ เนื่องจากของเดิมได้รับความเสียหายจากสงคราม
เดินเข้ามายังส่วนต่อไป จะเจอสระน้ำ Thien Quang Tinh รอบสระมีแผ่นหินจารึกชื่อของจอหงวนในอดีต วางอยู่บนรูปปั้นเต่า(เต่าเป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญา)
อาจจะคุ้นตากับวิวนี้ เพราะรูปของ Kheu Van Cac ถูกนำไปพิมพ์บนธนบัตรมูลค่า 100,000 VND
ลานที่ 4 คือวิหารที่ใช้เคารพท่านขงจื้อ ชาวเวียดนามนิยมมาขอพรเรื่องการเรียน
ลานสุดท้ายเป็นลานกว้างที่ใช้สอบบัณฑิตที่เดินทางมาจากต่างเมือง เหมือนในซี่รี่ย์เปาบุ้นจิ้นเลย
ตอนนี้กลายเป็นอาคารที่ใช้จัดแสดงนิทรรศการแล้ว
ชุดประจำตำแหน่งของผู้ที่สอบได้จอหงวน
นั่ง Grab ไปต่อที่สุสานโฮจิมินท์ มีทางเข้าหลายทางแนะนำให้ปักหมุดที่ Presidental palace
เนื่องจากเป็นสถานที่สำคัญ เครื่องกายต้องสุภาพ (งดขาสั้น เสื้อแขนกุด เสื้อกล้าม) ก่อนเข้าจะมีการตรวจกระเป๋า ไม่อนุญาตให้นำไฟแช็คเข้าไป
สุสานโฮจิมินห์ (Lăng Chủ tịch Hồ Chí Minh) ตั้งอยู่ในจตุรัสบาดิญ (Quảng Trường Ba Đình) ซึ่งเคยเป็นสถานที่ใช้ประกาศอิสรภาพในปี ค.ศ. 1945
ฝั่งตรงข้ามคืออาคารรัฐสภาของเวียดนาม
โฮจิมินห์ คือผู้นำคนสำคัญที่ชาวเวียดนามให้ความเคารพ เป็นผู้ก่อตั้งกองทัพประชาชนเวียดนาม (เหวียตมิญ) และเป็นผู้ประกาศอิสรภาพหลังจากญี่ปุ่นแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2
อาคารออกแบบคล้ายกับสุสานของเลนินในรัสเซีย สร้างด้วยหินอ่อน หินแกรนิตและไม้เนื้อดีจากเมืองต่างๆในเวียดนาม ทางเดินรอบๆ ประดับด้วยดอกไม้และต้นไม้หลากหลายชนิด ส่วนร่างของโฮจิมินห์ถูกเก็บรักษาอยู่ในโลงแก้วใจกลางสุสาน สามารถเข้าชมได้แต่ไม่อนุญาติให้มีการถ่ายภาพหรือบันทึกวีดีโอ
สุสานโฮจิมินห์มีทหารกองเกียรติยศยืนรักษาการณ์ตลอด โดยจะมีการผลัดเวรทุกต้นชั่วโมง (มาทันพอดี)
ด้านหลังของสุสานเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Museum; Bao Tang Ho Chi Minh) ภายในจัดแสดงเรื่องราวของโฮจิมินห์
เวลาเปิด-ปิด: 08.00-12.00, 14.00-16.30
ค่าเข้า 40,000 VND/คน
ปิดวันจันทร์, วันศุกร์ (มาได้แค่วันศุกร์ เสียดาย 😭)
อีกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ก็คือ วัดเจดีย์เสาเดียว (CHUA MOT COT)
ตำนานเล่าว่า พระเจ้าลี ไท โต รอคอยพระโอรสมานาน คืนหนึ่งทรงฝันว่าเห็นเจ้าแม่กวนอิมปรากฎกลางสระบัวและประธานดอกบัวให้พระองค์ จากนั้นไม่นานพระองค์ก็ได้พระโอรสสมดังหวัง จึงสร้างเจดีย์แห่งนี้ถวายให้เจ้าแม่กวนอิม
เจดีย์ถูกออกแบบให้คล้ายกับดอกบัวกลางสระน้ำ จึงถูกตั้งอยู่บนเสาเพียงต้นเดียว
คนส่วนใหญ่นิยมมาขอพรเรื่องบุตรกัน
นั่ง grab กลับมาที่โบสถ์เซนโจเซฟ แวะกินกาแฟที่ร้าน La Place วิวชั้นสองของร้านมองเห็นวิวโบสถ์
สั่งกาแฟนม (Ca Phe Sua Da) ราคา 45K เราพยายามไม่เป็นชะโงกทัวร์แล้ว !!! แค่ครึ่งวันก็เก็บแลนด์มาร์คเกือบครบแล้ว
ถึงเวลามื้อเที่ยง...มาที่ร้าน Bun Cha Duc Kim ร้านอยู่ที่ถนน Hang Manh เดินมาจากโบสถ์แค่ 5 นาที
เมนูบุ๋นจ๋า (Bun Cha) ขนมจีนหมูย่างที่ใส่น้ำซุปรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆจากมะละกอดอง นิยมทานคู่กับปอเปี๊ยะทอดไส้ปู
สั่งเซทใหญ่จะได้หมูย่าง 1 ชาม ปอเปี๊ยะทอด 2 ชิ้น ราคา 120K ขนมจีนกับผักตักได้ไม่อั้น จะบอกว่าร้านนี้ให้หมูเยอะมากๆ
คุณป้าใจดีแถมปอเปี๊ยะให้อีก 1 ชิ้น
อิ่มมากๆ จากที่จะหาคาเฟ่นั่งชิว ขอเปลี่ยนแผนเดินย่อยแทน 😂 เราเดินไปยัง Street Art ที่อยู่ไม่ไกลมาก
Phung Hung Mural Street (ฟุ่งฮึ่ง) เป็นงานศิลปะที่วาดบนผนังในย่านเมืองเก่า เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากศิลปินชาวเวียดนามและเกาหลี ในโอกาสเฉลิมฉลอง 25 ปีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ภาพบนผนังบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชุมชนในย่านเมืองเก่า
จากตรงนี้เดินต่ออีก 10 นาทีก็ถึงสะพานลองเบียน
จุดที่แนะนำในการชมวิวสะพานลองเบียนคือ Serein Cafe ทางเข้าร้านจะลึกลับหน่อย ต้องกดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 3 ของตึก จุดชมวิวอยู่ที่ระเบียงชั้น 4 ครับ
เราสั่ง Iced latte ราคา 109K ราคาแรง แต่ถือว่าซื้อตั๋วขึ้นไปชมวิว 555
สะพานลองเบียน (Long Bien Bridge) สะพานที่เก่าที่สุดในฮานอย ใช้ข้ามแม่น้ำแดง มีความยาว 2.4 กม
เคยได้รับความเสียหายหนักจากสงครามเวียดนาม แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมจนใช้สัญจรได้จนถึงปัจจุบัน
นั่งพักตากแอร์จนหายร้อน...ได้เวลาเดินกลับมาที่ย่านเมืองเก่าแล้ว
ระหว่างทางเดินผ่าน O Quan Chuong ประตูเมืองเก่าทางทิศตะวันออก ถูกสร้างสมัยพระเจ้าเลอ เหียน ถง เป็นประตูเมืองเพียงแห่งเดียวที่ไม่ถูกฝรั่งเศสทำลายและยังคงอยู่จนถึงตอนนี้
ตลาดในย่านเมืองเก่า นึกถึงตลาดแถวบ้านสมัยที่ยังเป็นเด็ก (ผ่านมานานแล้ว 😂)
มานั่งต่อที่ร้าน High Land Coffee อีกร้านกาแฟชื่อดังในเวียดนาม สาขาที่นั่งอยู่ในตึกคาเฟ่ สั่งชาเย็นเม็ดบัว (Tra Sen Vang) ราคา 59k เหมือนกินขนมเลย
ตั้งใจจะออกไปนั่งชิวๆที่ริมทะเลสาบสักหน่อย แต่ฝนดันตกหนัก !!!! เลยต้องนั่งในร้านยาวๆ จนถึง 17.00
ถึงเวลาต้องกลับโรงแรมเพื่อเอากระเป๋า เตรียมเดินทางไปสนามบินแล้ว เราจองรถผ่านเอเจนซี่ในราคา 13 USD (นั่งได้ 3-4 คน) ใครบินกลับไฟล์ทเย็น แนะนำให้เผื่อเวลาเยอะๆนะครับ สนามบินอยู่นอกเมืองและช่วงเย็นรถติดมากๆ
ถึงเวลาบอกลาฮานอยแล้ว...สนุกกว่าที่คิดไว้มาก เดินทางสะดวก ที่เที่ยวเยอะ ยิ่งถ้าชอบประวัติศาสตร์น่าจะยิ่งถูกใจ เสียดายที่เวลาเราน้อยไป ยังมีอีกหลายที่ที่อยากไปทั้งตึก Lotte center อยากลองนั่ง MRT สายแรกในเวียดนามด้วย...งานนี้ต้องมีซ้ำ
อีกสิ่งที่ประทับใจคืออาหารเวียดนาม มีหลากหลายเมนู อร่อยแทบทุกเมนู Blogถัดไปจะรวบรวมเมนูอาหารที่ได้ชิมตลอดทริปเวียดนามเหนือให้ กดลิงค์ด้านล่างเลยครับ
>> https://th.readme.me/p/42548
สุดท้ายนี้...ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ ❤
CALL ME KG
วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 10.35 น.