My New Journey begins...
หลังจากที่สถานการณ์โควิด 19 ค่อยๆ ดีขึ้น ช่วงนี้หลายประเทศต่างทยอยเปิดประเทศอ้าแขนรับนักท่องเที่ยว โดยที่ขั้นตอนการเข้า-ออก ไม่ยุ่งยากอีกต่อไป
ทริปเที่ยวต่างประเทศในรอบ 3 ปี ของเราจึงเกิดขึ้น โดยมีจุดหมายปลายทางที่ "สวิตเซอร์แลนด์" ดินแดนในฝันของใครหลายคน รวมถึงตัวเราและครอบครัว เมื่อมติเป็นเอกฉันท์แล้ว เราจึงเริ่มหาข้อมูลทั้งเรื่องการขอวีซ่า และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
เนื่องจากปี 2022 เป็นปีที่ผู้คนเริ่มออกไปท่องเที่ยว ทำให้เกิดความล่าช้าในการขอวีซ่า สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ จึงอนุญาตให้ขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ก่อนเดินทาง 180 วัน จากเดิม 90 วัน ทางเราจึงไม่รอช้า เข้าไปจองคิวขอวีซ่าผ่านทาง VFS ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ขนาดว่ารีบแล้ว กว่าจะได้คิวว่างก็คือ 15 สิงหาคม ระหว่างนี้เราก็เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน น่าเชื่อถือที่สุด เพราะทริปนี้เป็นทริปครอบครัว ไปกัน 5 คน แต่มีคนเดียวที่ทำงานประจำ อีกคนเป็นนักเรียน นอกนั้นคือทำธุรกิจส่วนตัวที่ไม่มีใบจดทะเบียนพาณิชย์ และเราที่เป็นแม่บ้าน การเตรียมเอกสารให้ทางสถานทูตพิจารณาจึงสำคัญมาก
เมื่อถึงวันนัดหมาย เราและผู้ร่วมทริปไปถึงที่จามจุรีสแควร์ก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย หลังจากยื่นเอกสารทั้งหมด ถ่ายภาพ เก็บลายนิ้วมือ จ่ายเงิน ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กลับมานอนรอผลที่บ้านประมาณ 4 วัน ก็มีข้อความแจ้งมาว่าให้ไปรับเล่มคืน เมื่อได้วีซ่าแล้ว เราค่อยจองตั๋วจริง ซึ่งราคาตั๋วช่วงที่เราจะไปค่อนข้างพุ่งสูงมาก เราเลยจองตั๋วที่คิดว่าราคาดีที่สุด (คืออยู่ในงบ) ได้มาในราคาเกือบ 3 หมื่นบาท โดยขาไปบินไปกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ ต้องแวะทรานสิทที่สิงคโปร์ ส่วนขากลับ บินตรงกับการบินไทย
และแล้ววันที่เราเดินทางก็มาถึง เราใช้เวลาบินไปสิงคโปร์ประมาณ 2 ชม.ครึ่ง และมีเวลาถึง 12 ชม. กว่าที่ไฟลท์ต่อไปจะบินไปซูริค เวลาเยอะขนาดนี้ เราเลยแวบออกไปสำรวจเกาะสิงคโปร์ซัก 5-6 ชม. ก่อนจะกลับเข้ามาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลาจน์ที่สนามบิน จากนั้นก็ขึ้นเครื่อง นั่งไปยาวๆ 12 ชม.กว่าๆ เอ๊ง จนถึงสนามบินซูริค
"ถ่ายรูปพอกรุบกริบกับแลนด์มาร์คของสิงคโปร์"
Day 1
เมื่อมาถึงสนามบินซูริค กรุ๊ปเราได้เจอกับต.ม.สุภาพสตรี ซึ่งเค้าก็จะถามเราเล็กน้อย ว่ามาทำอะไร มาครั้งแรกใช่ไหม และมาอยู่กี่วัน เราก็ตอบไปตามความจริง ไม่มีปัญหาอะไร ผ่านฉลุย พร้อมเที่ยว แต่ก่อนอื่นเราต้องไปรับรถที่จองไว้กับบริษัท Europcar ยุโรปคาร์ เป็นรถยนตร์ 7 ที่นั่ง ค่าเช่า 7 วันบวกประกัน เป็นเงินไทยประมาณ 4 หมื่นบาทนิดๆ (เรทเงินตอนนั้น 1 CHF สวิสฟรังค์ เท่ากับ 38 บาทกว่า)
แพลนวันแรกของเรา คือการเดินทางจากสนามบินซูริค มุ่งหน้าสู่เมือง "Bern เบิร์น" เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ แต่ปรากฏว่าวันนั้นฝนตกหนักมาก ตกตั้งแต่ซูริคถึงเบิร์น ทำให้การเที่ยวในเมืองเบิร์นที่วางแผนมาต้องฝันสลาย ได้แค่เดินเล่นตากฝนย่านเมืองเก่า เข้า Coop (อารมณ์เหมือน Lotus บ้านเรา) และแวะทานข้าว ถึงอย่างนั้น สวิตเซอร์แลนด์ในวันฝนตกก็ยังสวย สวยงาม สวยมากอยู่ดี
"ร้านอาหารในเมือง เบิร์น"
ด้วยความยม ความเหนื่อย ความอยากอาบน้ำ เราใช้เวลาไม่ถึง 3 ชม.ที่เมืองเบิร์น (แต่ก็โดนค่าจอดรถไปหลายร้อย) ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังเมือง "Gruyeres" (ไม่แน่ใจว่าออกเสียง "กรุยแยร์" ถูกไม๊) คืนแรกในสวิตเซอร์แลนด์เราเลือกพักที่ "Hotel De Gruyeres" ซึ่งทริปนี้เราเปลี่ยนเมืองที่จะนอนแทบทุกวัน แต่เชื่อไม๊ว่าในบรรดาเมืองที่ไปทั้งหมด เรากลับชอบเมืองเล็กๆ ที่สร้างตั้งแต่ยุคกลาง แห่งนี้ที่สุด คือมันไม่ต้องวุ่นวาย แค่เดินออกมาจากโรงแรมนิดเดียว ก็เที่ยวทั้งเมืองได้เลย มีทั้งทิวเขา ปราสาท น้ำพุเล็กๆ กลางหมู่บ้าน โรงแรม ร้านอาหารน่ารักๆ สำหรับเราคือดีมาก ยืนหนึ่ง
- ช่วงรีวิวที่พัก
"Hotel De Gruyeres" เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง "Gruyeres" เราเลือกพักที่นี่ เพราะมีที่จอดรถฟรี ซึ่งทางที่พักแจ้งว่าที่จอดมีจำนวนจำกัด มาก่อนได้ก่อน ถ้าเต็มก็อาจต้องไปจอดแบบเสียตังค์ วันที่ไป เราเลือกจอง 2 ห้อง 1 คืน ราคารวมภาษีเมืองอยู่ที่ประมาณ 15,xxx ไม่รวมอาหารเช้า เฉลี่ยแล้วตกราคาห้องละ เจ็ดพันห้าร้อยกว่าบาท ห้องที่เราได้เป็นห้องที่มีระเบียง มองออกไปจะเห็นวิวทิวเขา น้องกวาง และปราสาทเก่า ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งทีวี ตู้เย็น ฮีทเตอร์ น้ำเปล่า ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ
เฟอร์นิเจอร์โรงแรมเป็นสไตล์โบราณ คิดว่าโรงแรมน่าจะสร้างมานานแล้ว แต่สะอาด และมีลิฟท์ ซึ่งการขึ้นลงลิฟท์ทุกครั้งก็จะเร้าใจหน่อยๆ พนักงานที่นี่บริการดีมาก มีความถามไถ่ เป็นมิตร ยิ้มแย้ม ถึงโรงแรมจะเก่าไปนิด แต่โดยรวมคือประทับใจมาก
"โรงแรม ห้องพัก และวิวจากระเบียงหลังห้อง"
เย็นวันแรกของเรา เราออกไปเดินสำรวจเมือง ร้านรวงต่างๆ ซึ่งวันธรรมดาในเมืองนี้ ค่อนข้างเงียบ นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก และเนื่องจากตอนเที่ยง เราได้ลองอาหารรสชาติสวิตไปแล้ว มื้อเย็นนี้เลยเลือกที่จะกินอาหารเกาหลีแทน นั่นก็คือรามยอน ที่แวะซื้อจากคูป กินแล้วก็งงมาก ว่าทำไมมันอร่อยกว่าที่ซื้อที่ไทย จากนั้นก็ลองชิมเบียร์สวิต กินไปเกือบหมดกระป๋อง ปรากฏว่าร่วง อาจจะด้วยเจทแล็ก รอต่อเครื่องนาน เลยทำให้เราสลบไปตั้งแต่หนึ่งทุ่มของสวิตเซอร์แลนด์
พอเที่ยงคืนกว่า หรือตี 5 กว่าตามเวลาไทย ปรากฏว่าเราตื่น ตื่นแบบนอนต่อไม่ได้ นั่งตาใสแป๋ว นอนมองดูดาวผ่านทางหน้าต่างริมระเบียง ใจหนึ่งก็อยากจะคว้าเบียร์ซักป๋องออกไปนั่งจิบทำทรง แต่ด้วยความที่อากาศหนาว เลยได้แต่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม นอนไถโทรศัพท์วนไปจนถึงรุ่งเช้า
ยังไม่ทัน 8 โมงเช้า เราอาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย พร้อมออกไปสำรวจเมือง และถ่ายรูป ซึ่งช่วงเช้าๆ เมืองจะเงียบมากกกก เราเดินถ่ายรูป แอคท่าแบบเงียบๆ ถ่ายไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณปราสาท ซึ่งจุดนี้เราเจอกรุ๊ปทัวร์ไทยที่มาเที่ยวแต่เช้า แถมเสียงดังอีก เราเลยรีบเดินกลับโรงแรม
"กรุยแยร์ เมืองโบราณเล็กๆ แต่เสน่ห์ไม่เล็ก"
"ปราสาทและวิวเมือง"
"วิวจากระเบียงที่พัก"
นั่งจิบกาแฟ ทำทรง ถ่ายรูปเบาๆ ที่ระเบียง ประมาณ 500 กว่ารูป จากนั้นก็เช็คเอาท์ ออกเดินทางพร้อมรถเช่าคู่ใจ มุ่งหน้าไปยังเมือง "Lausanne" (โลซาน) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เห็นหลายท่านที่ท่องเที่ยวใน สวิตเซอร์แลนด์ เดินทางด้วยรถไฟแล้วตกตะลึงกับวิวที่สวยงามของสองข้างทาง เราเองที่เดินทางด้วยรถยนตร์ก็เช่นกัน ระหว่างทางไปโลซานก็คือหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายวิดีโอรัวๆ เพราะมันสวยมาก สวยจึ้ง สวยจริงๆ เทือกเขา ทะเลสาป ท้องฟ้า เมฆ หมอก เมื่ออยู่รวมกัน มันช่างสดใส จนเราลืมความผิดหวังที่เมืองเบิร์นไปเลย...
ต่อ Part 2 Lausanne - Vevey- Montreux
Katy Natacha Romanov
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 14.10 น.