สวัสดี คุณผู้อ่านทุกท่าน
หลายๆท่านอาจจะรู้จัก เกาะบาหลี เกาะดังที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซียกันอยู่แล้ว เป็นที่ใครๆก็อยากจะมาเที่ยว เล่นน้ำ เล่นเซิฟ ความเจริญ วัฒนธรรม แต่!! วันนี้ เราจะมาพาท่านไปรู้จักกับอีกเกาะ นั่นก็คือเกาะnusa penida หรือ penida island นั้นเอง เป็นเกาะที่อยู่ไม่ห่างจากตัวบาหลีมากนัก การเดินทางไปยังเกาะก็สะดวก นั่งเรือข้ามไปประมาน 1 ชั่วโมง และมีแลนด์มาร์คที่น่าสนใจหลายจุดมาก
เราได้เคยมาที่เกาะนี่แล้ว เมื่อ4 ปีที่แล้ว ช่วงสมัยเริ่มหัดเที่ยวใหม่ๆ ชอบและหลงรักเกาะนี้เอามากๆ จึงได้เพลนที่จะกลับมาเยือกที่เกาะนี้อีกรอบ ครั้งนี้ทิ้งตัว เทใจไปกับทะเลกันทั้งหมด 6 วันเลยทีเดียว อยู่กับให้อิ่ม ให้จุก ให้ดำกันไปข้าง ว่าแล้ว เราก็เริ่มต้นออกเดินทางกันเลย กับทริปที่มีชื่อว่า "แบ็คแพ็คกำเงิน 6,500 เที่ยวเกาะnusa penida 6 วัน ชิวล์จัด แบบพักร้อนที่แท้ทรู "
DAY 1 มุ่งหน้าสู่ทะเล
เราเดินทางกันด้วยสายการบิน Airasia รอบเช้า 6 โมง เดินทางไปยังบาหลี ใช้เวลาในการเดินทางประมาน 4 ชั่วโมง เราก็มาถึงสนามบิน DPS ที่บาหลี ที่สนามบินจะยังใช้เอกสารการฉีดวัคซีนในการเข้าประเทศอยู่นะ แต่พวกแอบอื่นๆไม่ต้องโหลดต้องใช้แล้ว ออกมาจากสนามบินช่วงเที่ยง ก็เปิดแอปgrab เพื่อตั้งจุดหมายไปยังท่าเรือ นั่นคือที่ sanur beach harbour ซึ่งในแอปเรากดจากในสนามบินมันราคาประมาน 250,000ps แต่เราต่อกับเกรปแถวนั้น ได้ 100,000 rp ไปส่งยังท่าเรือ
ใช้เวลาประมาน 40 นาทีก็เดินทางมาถึง ท่าเรือ sanur beach harbour
เดินเข้าไปในซอยเรื่อยๆ จนถึงหาด จะเห็นบริษัทเรือหลายเจ้าเลย เลือกได้ตามชอบเลย
เราเดินมาจนถึงสุดถนน หัวโค้ง จะเจอร้านขายตั๋ว public fast boat พอดี ก็เลือกซ์้อตั๋วที่นี่เลย
เราเลือกซื้อเป็นตั๋วไป-และกลับ เลยทีเดียว ราคาคนละ 300,000 rp โดยขาไปได้รอบ บ่ายสอง ส่วนขากลับเป็นตั๋วแบบopen เรากลับกี่โมง ก็เดินทางไปยังท่าเรือแล้วแจ้งพนักงานได้เลย ตารางรอบเรือ Fast boat ก็ตามนี้เลยจ้า
หลังจากได้ตั๋วมาแล้ว พนักงานก็จะพาเราไปเช็คอินก่อนขึ้นเรือ เราก็จะได้ป้ายคล้องคอกับ ใบเสร็จบอร์ดดิ้งพาสเรือ เมื่อถึงเวลาก่อนเรือออกประมาน 20 นาทีที่ท่าเรืออีกแห่ง
Advertisement
รอขึ้นเรืออีก 1 ชั่วโมง เลยนั่งหาอะไรกิน รองท้องก่อน มีหลายร้านให้เลือก ราคาไม่แพง
ไกล้ถึงเวลาทางบริษัททัวร์เรือ ก็เรียกรวมพล แล้วพาไปที่ท่าเรือ
ใช้เวลาเดินทางประมาน 1 ชั่วโมง ก็ถึงเกาะnusa penida เมื่อลงเรือ ก็จะมีชาวบ้าน แท๊กซี่มาถามให้ไปส่งโรงแรม ส่วนเรานั่นเลือกจะเช่ามอเตอร์ไซค์ ก็ตกลงเช่ากัน 4 วัน วันละ85,000 rp รวม 4 วัน 340,000 แต่ต่อราคาลดหลือ 300,000 rp ได้เช่ารถเล็กเป็น honda click มีเช่ารถไหญ่พวก Nmaxด้วยนะ แต่ไม่ทราบราคาเหมือนกัน เห็นฝรั่งชอบเช่ากัน
เมื่อได้รถแล้ว ก็ขับแว๊นส์ไปเช็คอินที่พัก เราพักกันที่ Nusa sedayu hotel โรงแรมดี สะอาด แอร์เย็น สระวิวดี มองเห็นภูเขาไฟบนเกาะบาหลี
เก็บข้าวของเสร็จ ก็ขับรถออกไปหาอะไรกินกันแถวๆ ทางขวาของเกาะ มารำลึกถึงร้านเกาะที่เคยมา ที่ร้าน warung beach corner เป็นร้านที่ตั้งอยู่บนเนินมองเห็นวิวทะเลแบบไม่มีอะไรมาบัง ที่สุดแห่งการนั่งชิวชมพระอาทิตย์ตก มีหาดเล็กๆ Mona's beach อยู่ด้านข้าง
ลาแล้วสำหรับค่ำคืนแรกบนเกาะ นูซาเปอร์ดา
Day 2 อรุณสวัสดิ์เช้าวันฝนตก
ตื่นมาทานอาหารเช้าของโรงแรม ซึ่งเป็นเมนู ให้เราเลือก คนละ1 ชุด หลังทานเสร็จ ฝนก็เริ่มซาลง ให้พอได้ออกไปแว๊นส์ เที่ยวรอบเกาะในวันนี้
โปรแกรมวันนี้ จะเป็นทัวร์ไปเที่ยวฝั่งด้านขวาของเกาะ ซึ่งจุดหมายแรกก็คือ Teletubbies hill
เป็นเนินเขา สลับซ้อนไปมา เหมือนบ้านของ Teletubbies
จุดหมายต่อไป คือไปถ่ายรูปบ้านต้นไม้ ที่ Thousand Islands Viewpoint
แต่เรามาถึงสายแล้ว คนต่อแถวถ่ายรูปเป็นล้าน เลยต้องยอมแพ้ ไม่เอาดีกว่า
เอารูปปีเก่า ไปชมก่อนนะหะ ตรงด้านล่างก็จะประมานนี้ เมื่อก่อนไม่ต้องไปต่อแถวอะไรมาก ไม่มีการเก็บเงินใดๆในการเข้าถ่ายรูป หรือจอดรถ เดี่ยวนี้เก็บตังหมดแล้ว ทั้งจุดถ่ายรูปต่างๆหลายๆจุดและที่จอดรถ
ขับออกมาจาก Thousand Islands Viewpoint มาสัก10 นาที ก็มาถึงหาดยอดฮิต Diamond Beach
ฮิตจนต้องเก็บตังค่าเข้าสถานที่แล้ว งงมาก 555
ทางลงไม่ค่อยเหมาะกันคนที่ ข้อเข่าไม่ดี และคนกลัวความสูง บางช่วงจะเสียวๆหน่อย
เสร็จจากหาด Diamond Beach เราก็เดินไปอีกฝั่ง นั่นคือฝั่งซ้ายลงไปอีกหาดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Atuh Beach เป็นหาดที่ไม่ค่อยมีใครลงมากัน ทั้งๆที่ติดกับหาด Diamond Beach(แค่คนละฝั่ง) อาจเพราะว่าหาดนี้ ไม่ได้มีทรายงาม เพราะAtuh Beach จะเป็นหาดหินสะส่วนใหญ่
ด้านล่างมีน้องงงง เด๋วๆ!! มีร้านค้า เตียงผ้าใบ ใครซื้ออาหารร้าน ก็ถามด้วยนะว่าฟรีเตียงใหม บางร้านก็ฟรี บางร้านก็อาจจะเสียเงิน ซื้ออาหารร้านเค้าหน่อย ขอๆเค้าก็ให้นั่งฟรีแหละ เหมือนเรา
วันนี้ฟ้าไม่เปิดเพราะฝนตก เมฆครึ่ม แต่ได้นั่งชิว ทานข้าวอิ่ม ลมพัดเย็นๆ หนังตาก็หย่อน หลับเฉย
หลับได้สักพักก็มีคนมาปลุก ขอขนมกิน
หินที่เป็นเอกลักษณ์ของหาดนี้ คล้ายๆเหมือนเขาไดโนเสาร์ ที่เห็นก็รู้เลยว่าเป็น Atuh Beach
น้ำใสอยู่นะ แต่แค่ฟ้าไม่เปิด ไม่มีแสง เลยดูมืดๆหน่อย
ท่านได้เสียรองเท้าไปคู่นึงแล้วเรียบร้อย
เรานั่ง นอน โง่ๆอยู่หาดนี้ ตลอดทั้งบ่าย จนถึงพระอาทิตย์ไกล้ตก มันเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริงของเรา ไม่ต้องรีบเร่งไปไหน ไม่ต้องมีอะไรให้คิด ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับชายหาด เสียงคลื่น และน้องหมา เริ่มจะมืดแล้ว เราก็เดินทางกลับเข้าเมือง
ทานอาหารค่ำบาร์ริมทะเล กับบทเพลงสากลเก่าๆ ที่เราฟังมาตั้งแต่เด็ก พร้อมกับBintangสักขวด ก่อนเข้านอนไปในค่ำคืนนี้
Day 3 แปปๆ หายใจเข้าหายใจออก ก็เข้าสู่วันที่3 แล้ว มันไวจังว๋าาาา
ตื่นเช้าวันนี้ ท้องฟ้าสดใส เมฆฝนบางตา นั่งทานอาหารเช้าโรงแรม เช่นเคย เพลนในวันนี้ เราจะไปเที่ยวทางฝั่งซ้ายของเกาะกัน ป่ะเริ่มเลยยย
จุดหมายแรกของเราในวันนี้คือ หาดCrystal Bay เป็นหาดที่รอบที่แล้วเราไม่ได้มาเลยอยากมาเก็บตก
เป็นหาดที่ครึ่กครื่น คล้ายๆหาดตาแหวนบ้านเรา คนนักท่องเที่ยวมาพักผ่อน เล่นน้ำ เยอะเต็มไปหมด
นั่งพัก กันสักครู่ ก็ออกเดินทางกันต่อที่ Kelingking Beach
ถึงแล้วววว หาดKelingking Beach หรือที่ชอบเรียกกันว่า หาดทีเร๊ก เพราะมีรูปร่างลักษณะคล้ายเจ้าใดโนเสาร์ทีเร๊กนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งหาดไฮไลท์ของเกาะnusa penida เลยก็ว่าได้
ทีเร๊กนั่นชอบงั๊บคุนนนนน!!! เป็นหาดทีมีนักท่องเที่ยวมาเยอะมาก แต่เอาเข้าจริงๆจะมีสักกี่คนที่ลงไปที่หาดนั่นจริงๆ
ใช่แหละห่ะ ครั้งก่อนเรามาก็ไม่ได้ลงไปที่หาด วันนี้เราเลยจัดเต็ม ลงไปปิกนิกที่หาด นอนอาบแดดแบบสายฟอ ให้ดำกันไปข้าง
เดินลงไปข้างล่างนั่นมันจะสักแค่ไหนเชียวววววว ฮึฮึ
ก่อนลงไป เห็นมีนักท่องเที่ยวเดินลงมาจากป่าฝั่งขวา ด้วยความอยากรู้จึกได้ลองตามเค้าไป
เป็นมุมถ่ายรูปใหม่นี้เอง
ก่อนจะลงเดินลงไป ก้ไปซื้ออาหาร น้ำเปล่า เตรียมให้พร้อม
สวยสู้แดด
ทางเดินลงไป แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเดินลงไปตามสันเขาแบบนอร์มอล ช่วงนี้สองแอดวานส์ขึ้นมาหน่อย มีบางจังหวะปีนเขา ไต่เชือกลงไป
วิวคือดีย์งาม
รอก่อนนะ ข้ากำลังลงไป
หันมองขึ้นไป ทางที่พึ่งลงมา ขากลับกูจะไหวไหม
ใช้เวลาประมาน 40 นาที เราก็เดินลงมาถึงหาด Kelingking Beach จริงๆสะที แบบที่เท้าได้เหยียบบนทราย
วิแรกที่ลงมาถึง ก็พูดกับตัวเองว่า ทำไมมันไม่เห็นสวยเหมือนมองลงมาจากข้างบนเลยว่ะ
เท่านั่นแหละ ความสวยก็เข้ามาอย่างจังๆ
น้ำใสนะ แต่พวกเศษไม้คือเยอะมาก อาจจะเพราะเป็นช่วงหน้าฝนด้วยแหละ พวกเศษไม้เลยเยอะมากๆ
เดินไปหาที่ปิกนิก หลบแดดร้อนๆ
เอาจริงๆ เหมือนหลุดออกมาอีกประเทศจริงๆ เหมือนอยู่เมืองฝรั่ง มีแต่ฝรั่งเต็มไปหมด และแต่ละคนคือ สุดมาก ไอดอลเลย นอนตากแดดแบบไม่ต้องมีอะไรให้ต้องคิดในหัว ปล่อยตัวไปกับธรรมาชาติ กลมกลืนไปกับหาดทราย นี้คือนิพานแห่งการพักผ่อนที่แท้ทรู ที่เราอยากให้เข้าถึงแบบเค้าให้ได้สักครั้ง จึงได้เกิดเป็นทริปเที่ยวชิวนี้
ได้กลับมาใช้ชีวิตแบบวัยเด็กอีกครั้ง ที่มีแค่ความสนุกในชีวิต
ลืมทิ้งทุกอย่างในชีวิต (ต่อให้มันจะสู้กลับก็เหอะ555)
เล่นน้ำ กินข้าว เล่นน้ำ นอน เล่นน้ำ นั่งชิวล์ กันตลอดทั้งบ่าย จนเย็น
ได้เวลาลาหาดนี้กันแล้ว แต่ลืมบอกไปว่า ด้านล่างมีร้านน้ำ ขนมขายนะ แต่น่าจะไม่มีอาหาร และก็ไม่รู้ว่าขายทุกวันไหมด้วย ทางที่ดีคือทางลาดยาง ตึงโปีะ!! พกอาหาร น้ำลงมาด้วย ดีที่ส๊วด
ใช้เวลาในการเดินขึ้นไปประมาน 40 นาทีเหมือนเดิม ที่มันเท่าเดิมก็เพราะว่า ตอนที่ลงช่วงคนเยอะ ต้องคอยหลบ สลับกันขึ้นสลับกันลง แต่ตอนที่กลับมันช่วงเย็นมากแล้ว แทบไม่เหลือนักท่องเที่ยว เลยเดินขึ้น แบบไม่ชิวล์ แต่ไม่ต้องคอยสลับขึ้นลงกับคนอื่น ปีนเขาไปเลยจ้าาาา รองเท้าสำคัญนะ เอาแบบที่คล่องตัว
ค่อยๆเดินขึ้นไป เหนื่อยก็พัก ว่างก็ถ่ายรูป
ใช่ไหมห่ะ พ่อหนุ่มใจดี ถามว่า อาร์ยูโอเค๊ แต่ไม่ดูทรงตัวเองเลย
พระอาทิตย์ ไกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว
เราขับรถไปทานอาหารเย็น นั่งชมพระอาทิตย์ตกกันที่ Greenkubu Penida
เรามาถึงมืดเกินไป จริงๆถ่ายรูปตรงเสา ช่วงพระอาทิตย์ตกและมีแบคกราวด์เป็นภูเขาไฟจากฝั่งบาหลี มันจะออกมาสวยมาก(ถ้ามีเหลือแสงอ่ะนะ) จบค่ำคืนนี้ ไปกับการแสดงโชว์ศิลปะพื้นบ้าน ของน้องๆ ตรงเวทีนี้แหละ เราก็ขับรถกลับเข้าเมือง
Day 4 วันพักผ่อน
ตื่นเช้ากับอากาศที่สดใส ขั้นสุด เมฆฝนได้ลาจากเกาะนี้ออกไปแล้วเรียบร้อย (มั้ง)
หลังจากทานอาหารเช้าจากโรงแรมเช่นเคย วันนี้ เรามีเพลนเที่ยวทัวร์เกาะแค่รอบเย็น ช่วงเช้าเลยว่าง ก็ขับรถออกมาแถวชายหาดริมถนน ก็ได้ถึงบางอ้อว่า ถ้าจะเล่นน้ำละก็ ไปเล่นน้ำตรงหาดริมถนนสะนะ
ขับผ่านทุกวัน แต่มองข้าม น้ำใสขนาดนี้ไปได้ไง คงเป็นเพราะวันนี้ ฟ้าเปิดแบบสุดปัง
จุดนี้ อยู่แถว Pantai Sental Nusa Penida มีร้านค้า ชาวบ้าน ขายอาหาร ราคาน่ารักน่าคบอยู่ด้วย ริมถนน
จัด bakso และ mie ayam กันคนละฉาม
ราคาถูก ฉามละ 15,000 rp สายประหยัด แนะนำ อาหารlocal นี้เลยห่ะ
กินอิ่มแล้ว ร่างกาย ก็อยากปะทะกาแฟขึ้นมา จนต้องไปตามหาคาเฟ่
แวะมานั่งชิวล์ ริมเลกันที่ Secret Penida Cafe
นั่งชิวล์กันพักใหญ่ๆ ก็เริ่มหิว เลยลองไปกินอาหารร้านอื่นบ้าง
ขับออกมาไม่นาน ก็มาสะดุดตากับการร้านนี้ NOMÉ BEACH แต่งร้านไม้ไผ่ สวยมาก และยังสามารถเดินลงไปเล่นน้ำที่หาดได้ด้วย
อาหารอร่อย
จุดนี้ยังเป็นจุดดำน้ำตื้นอีกด้วย น้ำใส น่าเล่นจริงๆ
ช่วงเย็น 4 โมง เราก็ขับมอไซต์มาเที่ยวที่ Broken Beach
เป็นสะพานหิน ซึ่งเราสามารถเดินบนนั้นได้
พระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้ว เด๋วเรามีแวะไปอีกจุดไฮไลท์นึ่งที่ไม่ควรพลาด ถ้ามาที่นี่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากBroken Beach มากนัก สามารถเดินไปได้ ประมาน 50 เมตร
ถึงแล้ว Angel Billabong เป็นสระน้ำธรรมชาติ ที่ยื่นออกไปทะเล บางครั้ง เมื่อมีคลื่นแรงก็สามารถพัดซัดน้ำทะเลเข้ามา
น้ำจึงใสอยู่ตลอด
มาช่วงเย็นแบบนี้ แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ไม่ต้องต่อคิว ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องแย่งถ่ายรูปกับใคร ไม่ถ่ายติดคนอื่น แต่อย่ามาช่วงมืดมากนะ เพราะระยะทางมันไกล กว่าจะขับเข้าเมือง เส้นทางจะมืดมาก อันตราย อยู่สักช่วง 5โมง ถึง5โมงครึ่งก็พอแล้ว แค่นี้ก็ได้เห็นพระอาทิตยสวยไกล้ตก สวยแล้ว ง
บะบาย พระอาทิตย์ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่นะ เป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก จะเก็บไว้ในเมมโมรี่ โฟร์เดอร์ พระอาทิตย์ตก ไปตลอดกาลฃ
Day 5
เข้าสู่วันที่ 5 แล้ว ความรู้สึกเหมือนพึ่งผ่านไปไม่กี่วันมานี้เอง การมาเที่ยวต่างประเทศแล้วคุณยังคิดถึงบ้าน แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจการเที่ยวมากพอ ถ้าคุณผา่นจุดนั่นมาได้ ต่อให้คุณเที่ยวเป็นเดือนคุณก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะกลับบ้านเลย
วันนี้ เราตื่นสาย เก็บของเก็บกระเป๋า เช็คเอ๊าท์ ออกจากโรงแรม 11 โมง ขับรถมอไซต์แวะกินกาแฟ อาหารก่อนกลับขึ้นเรือ ซึ่งเราตั้งใจว่าจะนั่งตอนรอบ บ่าย2
นั่งชิวล์ ร่ำลา เกาะนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกไหม ซึ่งจริงๆเราก็คุยกันแล้วว่า คงจะไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะโลกนี้ยังมีที่ให้เราได้พจญภัยอีกมากมาย เราชอบและรักที่นี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องกลับมาหามันซ้ำๆ แต่เราจะเก็บมันไว้ในเม็มกล้อง 555 ในความทรงจำของเราตลอดไป อย่าให้ความรู้สึกดี ในทุกๆสถานที่ ที่คุณเคยไปเป็นตัวกำหนดคุณหรือแรงจุงใจคุณให้กลับไปหาเค้าซ้ำ จงแสวงหาที่ใหม่ๆอยู่เสมอ แล้วหัวใจคุณจะเบ่งบาน
ขับเอามอไซต์มาคืน ตรงท่าเรือเดิมที่เราเช่ามา พนักงานไม่อยู่ แจ้งคนแถวนั้นแล้วทิ้งรถได้เลย หลังจากนั้นก็เดินไปลงทะเบียน รับบัตร แล้วก็รอเรียกขึ้นเรือ
เราเดินทางกลับมาถึงฝั่งบาหลีประมานช่วง 3 โมง เดินไปนังกินไก่ KFC แล้วก็เรียกรถไปที่หาด KUTA Beach เพื่อเข้าไปยังที่พัก ที่ได้จองไว้ที่ Kuta Beach Hotel เราต้องนอนที่ kuta หนึ่งคืนเพราะพรุ่งนี้เรามีบินกลับไฟลท์เช้า ซึ่งรอบเรือที่มาจาก nusa penida ไม่น่าจะทัน ไฟลท์บิน เลยต้องกลับมานอนที่kuta ก่อน1คืน
หาด Kuta ไม่ต่างจากหาด พัทยา บ้านเรามากนัก นักท่องเที่ยวเยอะ มีของกินเยอะ กิจกรรมเยอะ ที่พักเยอะ ห้างร้านค้าเยอะ
ร่ำลา แสงสุดท้ายที่บาหลี
Day 6 เช้าวันสุดท้าย
ตื่นเช้า ลงมาหาอะไรกินแถวที่โรงแรม แล้วก็กลับไปเก็บของ เรียกรถ Grab ไปส่งที่สนามบิน ใช้เวลาไม่นานนัก เราก็เดินทางถึงสนามบิน เช็คอิน แล้วก็บินกลับมาที่ไทย
*Sim to fly 399 6gb 10 วัน แนะนำให้ซื้อซิมจากไทยไปนะ ถ้าไปซื้อที่ต่างประเทศ เราจะเสียเวลามาก ทั้งลงทะเบียน ต่อคิว ไหนจะพวกสัญญานอีก บางเจ้าใช้ได้เป็นวัน บางเจ้าใช้ได้แปปเดียว เราใช้ Sim to Fly AIS 6gb แถมฟรีอีก 4 gb เหลือบานเลย ใช้จริงๆไปแค่4 GB เอง ทั้งทริป แถมแชร์เน็ตเล่นกันได้ด้วย
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริป นูซาเปอรนิดา 6 วัน
Day 1
ค่าแท๊กซี่จากสนามบินไปท่าเรือ 100,000
ค่าเรือ ไปกลับ 600,000 2 คน
เช่ามอไซส 300,000 4 วัน
ค่าอาหารเย็น 200,000
ค่าห้องพัก 3 คืน 1,360,000
เติมน้ำมัน 20,000
อาหารค่ำ 118,000
Day 2
ค่าจอดรถวิว 5,000
ค่าเข้า ไดมอน+มอไซต 55,000
ค่าอาหารเที่ยง 120,000
ค่าอาหารเย็น 190,000
ค่าเบียร 81,000
Day 3
ค่าน้ำมัน 40,000
ค่าน้ำอัดลม น้ำเปล่า 35,000
ค่าเข้าคริตัส 5,000
ค่าเข้าไดมอน 5,000
ค่าสถานที่ถ่ายรุป 10,000
ค่าอาหาร 90,000
ค่าโค้ก น้ำเปล่า 25,000
อาหารค่ำ 208,000
น้ำเปล่า 20,000
Day 4
ขนม กาแฟ 75,000
อาหารเที่ยง 100,500
ค่าที่พัก คืนที่ 4 345,000
ค่าบักโซ 30,000
ค่าเข้าโบรก 5,000
ค่าอาหารค่ำ 105,000
บักโซ 35,000
Day 5
ค่าอาหารเที่ยง 115,000
ค่าน้ำ 10,000
Kfc 70,500
ค่ารถ 129,000
ค่ารร 365,000
ค่ามะพร้าว หมี่ 55,000
เบีอร 40,000
ค่าอาหารค่ำ 93,000
Day 6
อาหารเช้า 76,000
รถไปสนามบิน 89,000
เรากดเงินไปแลกกันคนละ 6,000 บาท แต่วันสุดท้าย มันไม่พอ เลยกดมาเพิ่มอีกคนละ 500 บาท
ทริปนี้2 คน ใช้เงินกันไปคนละ 6,500 บาท กับทริปเที่ยว 6 วัน5 คืน ที่เกาะnusa penida เอาจริงๆ มันหมดไปกับค่าโรงแรม ที่พัก ค่าเรือ ค่าเช่ามอไซค์แหละ ค่ากินเรากินกันน้อยมาก ไม่ได้อดอะไรนะ ก็กินปกตินี้แหละ ไปเที่ยวจะให้ใช้ตังอะไรเยอะแยะ 555
ทริปหน้า เดือนธันวาคม เป็นทริปสุดท้ายของปี จะไปที่ไหนกันนั้น รออ่านได้เลยจ้า ....
ฝากกดไลท์ กดแชร์ เป็นกำลังใจในการนั่งเขียนรีวิวให้ด้วยนะคะ ^^
ใจมันได้
วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.02 น.