สวัสดีเพื่อนๆๆๆใน readme ทุกคน
แหมะ...จั่วชื่อกระทู้มาบางคนคงนึกว่า
นี่มาตามหาเต้าหมิงซื่อคู่แข่งซันไช่ในรักใสใสหัวใจสี่ดวงหรือเปล่า?? 555555
แต่ปะปะเปล่าน๊าาเราจะมาเล่าประสบประการณ์ลุยเดี่ยวเที่ยวพะเยา-น่าน ทั้งหมด 4 วัน (ช่วงเดือน กรกฎาคม) และนี่ก็เป็นการรีวิวครั้งแรกของเราด้วย ><
ตอนช่วงที่เราไปคือช่วงปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นวันหยุดยาว (คือดองงงงไว้นานมาก55555)
แต่คือเราเห็นบรรยากาศตอนนี้ช่วงจะปลายฝน จะต้นหนาว ซึ่งมันเหมาะกับการเที่ยวอะไรแบบกรีนๆๆเป็นที่สุด
เราเลยอยากแบ่งปันความสวยของธรรมชาติในสายตาเรา ถ่ายถอดออกมาจากเลนส์กล้องให้เพื่อนๆได้ชมกัน
เรื่องการเดินทางของเราส่วนใหญ่เน้นรถโดยสาร จั๊ก(จักรยาน)และก็เดิน เนื่องจาก เราขับรถยนต์ไม่เป็น มอเตอร์ไซด์ก็ไม่แข็ง TT
ส่วนใครอยากหลบหนีความวุ่นวาย และใครอยากลองเที่ยวคนเดียวบ้าง เชื่อเราสิทริปนี้คือคำตอบบบบบบบ
ยังไงก็ลองติดตามรับชมมมมมกันดูนะ เป็นกำลังไตให้เราด้วย แฮร่:>
**แก้ไขเพิ่มเติม : ฝากกระทู้ที่สองของเราด้วยนะ :>
"แบกเป้กับสองสาว - นั่งรถไฟ - โบกรถ - ตะลุย " เ นิ น ม ะ ป ร า ง " ดินแดนแห่งสวรรค์ :>"
http://pantip.com/topic/34183805
สนใจข้อมูลตรงไหนสอบถามได้เสมอนะ
เฟส
https://www.facebook.com/wawow.afnow
เพจ
https://www.facebook.com/LifeBraryjourney
ก่อนการเดินทางครั้งนี้เราต้องบอกเลยว่า เราเป็นพวกประเภทชีพจรลงเท้า ขั้นหนักมากกกกก คือเสาร์อาทิตย์มีโอกาสไปแจมกับใครเขาเราก็ไป
ไปคนเดียวไปจอยกับคนอื่นเราก็สู้ แต่อยู่ดีดี เกิดเหตุการณ์ดาร์กกกกกกของชีวิตขึ้น....
คงเดาไม่ยาก อาการประมาณหวิวๆ เหมอๆ นอยๆ เซ็งๆ เห้ยเดี๋ยวๆ นี่มุงติดยาหรออาการแบบนี้
โอ๊ยจะบ้าหรอ ช้านอกหักเฟร้ยยยย TT
ความรู้สึกดาร์กครั้งนั้นมันทำให้เรารู้สึกไม่อยากออกเดินทางไปไหนเลย อยากอยู่เฉยๆ ร่วมสองเดือน
จนมีประโยคจากเพื่อนสนิทประโยคนึงว่า "เห๊ยยยย มุงจะมาเพ้อ โอดครวญแบบนี้ไม่ได้นะ ชีวิตแม่มต้องเดินต่อสิวะ..."
เราก็แบบ เออใช่หวะ!!! ชีวิตแม่มต้องเดินต่อสิวะ…!!!
มันก็เลยทำให้เรากลับมาเป็นสาวบางแคชีพจรลงเท้า คนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือไขมัน อีกครั้ง 5555
หลายคนเริ่มสงสัย นี้มันกระทู้ชวนเที่ยวหรือชวนดราม่ากันแน่ 5555 เออหน่าก็ขอเกริ่นบ้างอะไรบ้างเน๊อะะ :>
หลังจากเริ่มฟื้นตัวจากอาการดาร์กชีวิตได้นั้น เราก็มานั่งคิด….หยุดยาวตั้ง 4 วันไปไหนดี ที่คนน้อยน๊อยยยย ไม่วุ่นวายไปเรื่อยๆ เดินทางง่ายๆ
และอะไรไม่รู้ดลใจมาว่า น่านไง ไม่ได้ชี้อะไรนะ เราหมายถึง จังหวัด “น่าน" ไง
เราก็เริ่มหาข้อมูลนิดๆหน่อยๆ เลยได้ข้อสรุปว่า เราจะไป “พะเยา-น่าน" ในวันหยุดยาว 4 วัน
เราว่า สองจังหวัดนี้เที่ยวง่าย เดินทางสะดวก เหมาะสำหรับสาวๆ(หนุ่มๆ) ในการเริ่มต้นการท่องเที่ยวคนเดียวนะ :>
เกริ่นมานานแล้ว เรามาเริ่มเก็บความทรงจำดีดีแบบ Special jounerys กันดีฟ่าา แล้วจะรู้ว่า
"เที่ยวคนเดียวมันเวรี่ง่ายมากกกกกกกกก (กอไก่ล้านตัว)"
ทริปคร่าวๆของเรา
เชียงคำ(พะเยา) --> ภูลังกา(พะเยา) --> ปัว(น่าน) --> เวียงสา(น่าน) --> ดอยเสมอดาว(น่าน) --> ตัวเมือง(น่าน)
บางชื่ออาจแปลกๆ แต่รับรอง บรรยากาศ เด็ด ฟิน ชิค คูล จ๊าบ เจ๋ง สุโค่ย แน่ๆๆ
ปล.หากกระทู้ใช้คำไม่เหมาะสม หรือศัพท์วัยรุ่นมากเกินไปขออภัยไว้ ณ บัดนาวด้วยนะ :>
คำเตือน เช็คเน็ตแรงๆเพราะกระทู้นี้รูปเย๊อออออออออออออะมาก 5555555
Special No : 1
เริ่มต้นการเดินทาง
โอเคเริ่ม!!! เราเดินทางคนเดียวแบบใสใส พร้อมหัวใจที่กับมาเต็มร้อยเปออออออออเซนต์เหมือนเดิม (มั้งง)
เราเลือกเดินทางด้วยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ สายกรุงเทพฯ-เชียงของ (ต้องขึ้นที่วิภาวดี)
เราจองผ่านคอลเซนเตอร์ของสมบัติทัวร์ เค้าจะแจ้งเลขมาและก็ปริ้นใบสำหรับธนาคารที่เราจะไปจ่าย เราก็สามารถจ่ายที่ธนาคารได้เลย
เนื่องจากที่ทำงานเราไม่ไกลจาก วิภาวดีเท่าไหร่ เราเลยเก็บของมาจากบ้านเลย พอเลิกงานปุ๊บ เย้ๆๆๆ เตรียมตัวออนเดอะเวย์
เรารีบขึ้น bts ลงหมอชิต ภาพที่เห็นคือรถติดมากกกกก
เราเห็นพี่วิน (มอเตอร์ไซด์) เลยรีบโบก ถามพี่เขาไปสมบัติทัวร์(วิภาวดี) คิดเท่าไหร่??
พี่เขาคิด 60 บาท เราต่อเหลือ 50 บาทก็ไม่ให้ เสียใจจุง 5555
ใช้เวลาไม่นานเพียง 10 กว่านาทีก็มาถึง สมบัติทัวร์วิภาวดี เหลือเวลาตั้งเยอะ รองท้องกันหน่อย...
จัดอาหารญี่ปุ่นไป 1 ถ้วย(มาม่า) ขนมจีบปู 4 ลูก
คือต้องรีบกิน ถ้าเกิดปวด...จะได้รีบปล่อยก่อนขึ้นรถ 55555
-คนหนาแน่นมากกกกกกก
รอไม่นานสักพักรถทัวร์ก็มา ตอนแรกคิดว่าจะเรท แต่ไม่เลย เวลาตรงเป๊ะ
(คือโชคดีมากๆ ที่ได้ขึ้นที่วิภาเพราะพี่เราบอกว่าหมอชิตกว่าจะออกมาได้ เล่นเอาเป็นชั่วโมง)
คืนนี้นอนบนรถทัวร์นะ ยาวปายยยยาวววววปายยยยยย
Zzzzzzz
Zzzzzzzzz
Zzzzzzzzzzz
Special No : 2
ถึงพะเยาาาแล้ว เช้านี้ที่เชียงคำ
ถึงเชียงคำประมาณ หกโมงเช้าได้ เราตั้งสติเล็กน้อยเพราะพึ่งตื่น เข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง ล้างหน้าแปรงฟัน เอ้าพร้อมมมลุย!!! แฮร่
คือรถที่จะไปภูลังกามาที่ขนส่งเชียงคำ ประมาณ 11 โมง เราก้มมองดูนาฬิกานี่มันพึ่งจะ 6 โมงเช้าเองหรอ...
เราเลยสะพายเป้และเดินออกมาเรื่อยๆ รู้ว่าที่นี่มีวัดแต่ไม่รู้ชื่อว่าวัดอะไร
เราเลยถามทางคนแถวนั้นไปเรื่อย เค้าก็แนะนำให้มาวัดนันตรานาม เดินจากขนส่งประมาณ 2 กิโลได้มั้ง เรื่อยๆร้อนดี
-เมืองเขาสงบดีเนอะ :>
ถึงแล้วว วัดนันตรานาม
-
-
- ขอมุ้งมิ้งหน่อย
พอไหว้เสร็จ ชักหิว... เลยถามคนแถวนั้นว่าอะไรเด็ดๆ อร่อยๆ
เค้าแนะนำมาว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวเดินไปอีก 200 เมตร อร่อยนะไอ้หนู ...
จัดไปดิรออัลไลลลลล
เพื่อนๆเคยมีกลิ่นก๋วยเตี๋ยวในดวงใจกันปะ คือเราชอบก๋วยเตี๋ยวแบบหอมๆ อารมณ์แบบกลิ่นก๋วยเตี๋ยวริมคลองอะ
คือได้กลิ่นทีไร นัมลายยายไหลย้อยทุกกกกกที
หลายคนสงสัยก๋วยเตี๋ยวริมคลองกลิ่นเป็นยังไง 5555
คือเราไม่รู้อะ แต่เราได้กลิ่นและรู้สึกถึงความมีอัตลักษณ์ในตัวก๋วยเตี๋ยวมาก ฮ่าๆ
หลังจากนั้นเลยออกมาเดินเล่น ตอนเดินก็คิดในใจ แหม่ถ้ามีเสื้อยีนคลุมสักตัวคงจะชิคกาปู้น่าดู 555555
เดินไปเดินมา เจอร้านขายเสื้อยีนส์เฉย เหยยยรู้ใจอะแกรร เลยถอยมาหนึ่งตัว ทีแรกก็จะไม่ใส่เลยหรอก แต่...
พี่คนขายยุให้ใส่เลย เขาบอกใส่แล้วสวย (อันหลังมโนเองแรงมาก 555555)
ใส่เลยกะด้ะ แฉะอวดลงโซเชี่ยลสักหน่อย
เหลือเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงกว่ารถเชียงราย-น่านจะมา เราก็ขี้เกียดเดินแล้วหละ
เลยหาร้านกาแฟนั่งชิลๆ กินกาแฟไม่เป็น เลยจัดไปชาเย็นแก้วนึง
11 โมงนิดๆ รถเชียงราย-น่าน ก็มาถึง แต่...รถเต็ม!!!! วอทเดอะฟ๊าคคค
คือมีสายนี้สายเดียวที่ผ่านภูลังกาด้วย ทำไงฟะเนี่ยย TT
พี่คนขับเลยบอกงั้นไปคันนี้แทนนะหนู (ประจำสายนี้ไม่ผ่านนะ)
แต่นั่งตรงนี้โอเคไหม (พร้อมชี้ไปที่นั่งพิเศษ) ดีกว่าตกรถ นั่งมันตรงบรรไดนี่ละ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนถึงรีสอร์ทเราบอกพี่เจ้าของว่า นั่งรถเชียงราย-เชียงคำมา เพราะ เชียงราย-น่าน รถเต็ม
พี่เจ้าของบอก ประจำรถสายนี้ไม่วิ่งผ่านทางนี้นะ สงสัยคนจะเยอะจริงๆ
เพื่อนๆอย่าเผลอไปขึ้นผิดละ เราฟลุ๊คคคคคเอง 555555
ก่อนขึ้นรถมีผู้หญิงคนนึงทักเรามาว่า
นิวแก๊ง 1: เธอเธอ ไปภูลังกาเหมือนกันหรอ
เรา : ช่ายๆๆๆ เธอมาคนเดียวหรอ
นิวแก๊ง1: ช่ายๆๆๆๆ เรามาคนเดียว
เห๊ยยยยยย เย้ เราได้เพื่อนร่วมทริปแล้วว :> นั่งมันด้วยกันตรงบรรไดนี้หละ
คุยกันตลอดทางเหมือนรู้จักกันมาเป็นแรมปี (เขาชอบดนตรี เราก็ชอบดนตรี เนื้อเรื่องเลยมีแต่ดนตรี5555)
ชิลๆ
-
ใช้เวลา ชั่วโมงกว่าๆ ถึงแล้วภูลังการีสอร์ท
หลังจากเก็บเสื้อผ้าเสร็จ เลยออกมาเดินเล่น เจอผู้ชายคนนึงนั่งกินข้าวคนเดียว เลยยิ้มทักทาย
และคือ พี่เขาก็มาคนเดียวเหมือนกัน 5555 สรุป เราสามคนต่างมาคนเดียว
เลยคุยกันว่า เดินลงเขาไปถ่ายรูปเล่นกันดี เจอรถโบกก็โบกไปเรื่อยๆดีก่าาา
และระหว่างกำลังหารถลง มีคนขับรถออกมาจากภูลังการีสอร์ท และถามว่าจะไปไหนกันหรอ
เราบอกเขาไปว่า ไม่รู้ดิพี่ไปเรื่อยๆ555
พี่เขาเลยถามว่าไปด้วยกันไหม (พี่เขามาคนเดียว)
ไปสิ่รออัลไลลล๊าวววว รีบเลยยยเอ๋
สรุป นิวแก๊งเรามี 4 คนสำหรับทริปภูลังกา และต่างคนต่างมาคนเดียว และคือห้องที่เรานอนติดกันด้วย ชักกสนุกแล้วววจิ 55555
พี่เขาบอกเพื่อนส่งรูปนึงมาให้ดู และบอกตามหาวิวนี้ให้หน่อย....
คือในรูปที่เราเห็นเป็นภูเขา ออกแนว ภูเขาไฟฟูจิ (มโนหนักมาก) เรากับเพื่อนเลยมองหาวิวระหว่างพี่เขาขับ
มองซ้าย
มองขวา
สักพักหันหลัง
ก็...เห๊ยยๆๆๆๆๆๆพี่จอดๆๆๆๆ นี่ไงๆๆๆ ใช่เลยๆๆฟูจิพะเยา จอดๆๆพี่ถ่ายกับฟูจิพะเยาหน่อย
คือตื่นเต้นมากกกก
-แฉะ
(เหมือนฟูจิไหม หรือเรามโนแรงไป55555)
เรามารู้ที่หลังว่า ตรงนี้เป็นเขตจังหวัดน่านแล้ว แต่คือเรากับเพื่อนก็ยังเรียกกันอยู่ว่า ฟูจิพะเยา
อย่างว่าเนอะคนเรามักจะจำได้ดีกับความรู้สึกแรกเสมอ ... :> (ไม่เอาไม่ดราม่า แงงงงง)
บอกแล้วว่าไม่มีที่หมาย เลยขับรถต่อไปเรื่อยๆ ก็เจอจุดชมวิวอีกที่นึง
คือวันนี้อาการแปลกๆนิดนึง 5 นาทีฝนตก 5 นาทีแดดออก 5 นาทีหมอกลง
เป็นแบบนี้จริงๆ สงสัยฟ้าฝนประจำเดือนจะมา
อากาศแปรปรวนจังปรับสภาพร่างกายไม่ถูกเลย เดี๋ยวๆมุงงนี้มันประเตทไต ทำอย่างกะอยู่สวิซเซอร์ 5555555
-ทางขึ้น
-วิวถนน
พี่เขาบอกอยากไป วนอุทยานภูลังกา ขับไปไกลอยู่เหมือนกัน แต่เรามาช่วงไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว
ต้นไม้เลยปล่อยรก มองไม่ค่อยเห็นอะไร
-
เราเดินทางด้วยรถคันนี้กัน ขึ้นเนินที กลั้นหายใจทั้งคัน (คือคิดว่าการกลั้นหายใจทำให้น้ำหนักลดลงชั่วคราว555มโนผิดๆ)
ตะลอนมาทั้งวันถึงเวลากลับที่พัก ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำ
(คือตั้งแต่ลงรถทัวร์ตอนเช้าจนเย็นเท่าที่จำความได้คือ แต่ละคนยังไม่ได้อาบน้ำกันเลย เที่ยวจนลืม5555 ซกมกกเนอะ)
ลืมเล่าให้ฟัง ตอนขึ้นไปที่วนฯภูลังกา เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดไม่คาดฝันเกิดขึ้น!!!
คือเราดันทำมือถือตกพื้นจ้า หลายคนคงแบบแล้วไงใครๆก็เคยทำตก ตะตะตะแต่คือ มือถือกุวววจอแตกกกกกไม่มีชิ้นดี TT
ร้อง Here หนักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
และคือก่อนหน้านี้เราพึ่งทำตกทะเลมาด้วย TT เสียใจจุง เสียตังอีกและหรอ
ร้าวรานไม่พอ สีเพี้ยนอีก TT ชีวิต...
ส่วนคืนนี้มีภารกิจ ก็คือ จิบเบยเล็กน้อย นอนสบายเลย อากาศก็ดี เบยก็เย็นเย๊นนนนนนนนนนนนน บรรยากาศมันน่า....คร๊อกฟี้Zzzzz
*** เดี๋ยวคืนนี้มาต่อนะ :>
มาต่อแร๊นนนนนนนน
Special No : 3
ติ๊ดตะริ๊ดติ๊ดติ๋ดดดดดดด... ตี 5 เสียงนาฬิกาปลุกดัง พร้อมกับเสียง ซู่ ซู่ ซู่ ...
ช่ายแล้ว... ฝนตกแต่เช้าเลยจ้า T___T
แต่บรรยากาศก็แปลกไปอีกแบบ หมอกจับตัวยากมาก วิ่งไวกว่าจรวดอีก
ขอบรรยายด้วยภาพละกันเน๊อะ :>
-
อยากมีโมเม้นแบบนี้บ้างจุงงง
อันนี้เค้าบอกว่า คือ มุมซ่อนกิ๊ก 5555555
-
เหมาะในการจู๋จี๋จริงๆๆๆ อะ
ยาวปายยาวปายยยย
-
-
ก่อนกลับจากภูลังกา ขอแวะมุมมหาชนหน่อยนะ :>
นิวแก๊งงงเราเอง พี่อีกคนไปไหนม่ายรู้วววววว><
เจอเด็กน้อยพูดกับพ่อว่า "พ่อฮับขอกล้องถ่ายรูปหน่อยยยฮับบบบ"
น่ารักจังลูกกกกกกก
บะบ๊ายยน่ะภูลังกาา รูปนี้คือวันแรกที่มาถึงเลย
ตั้งขา เล็งมุม ตั้งเวลา และวิ่งสิเอ๋รออัลไลลลล
เนื่องจากแต่ละคนมีจุดหมายต่างกัน
นิวแก๊ง 1 : จะไปตัวเมืองน่าน
นิวแก๊ง 2 : จะไปบ่อเกลือ
นิวแก๊ง 3 : จะกลับเชียงรายเพราะมีทำงานต่อ
ส่วน เรา นิวแก๊ง 4 : จะไปปัววววววววววววววววววววววววววววว
คือประมาณ เที่ยง จะมีรถโดยสารเชียงราย-น่าน (ที่เรานั่งมาจากพะเยา) ผ่านหน้ารีสอร์ทไปถึงตัวเมืองน่าน**
แต่.... ถ้ารอรถโดยสารรอบเที่ยง พี่นิวแก๊ง 2 ไปบ่อเกลือไม่ทันแน่ๆ
เราเลยคุยกันว่า เดินไปเรื่อยๆ ละกันเนอะ เจอรถผ่านมาค่อยโบกกกกกกก!!!!!
ลงกันที่ท่าวังผา และต่างคนค่อยแยกย้ายไปจุดหมายของตัวเองละกัน
โบกคันแรก เขาต้องไปทำสวน ....เลยอด
รถวิ่งผ่านเส้นทางนี้น้อยมาก หรือยังเช้าอยู่ก็ไม่รู้ (เก้าโมงฟ่า)
สักพักได้ยินเสียงแหว่วๆ เย้ มีรถผ่านมา โบกอีกที
ถามน้องคนขับว่าไปไหน ... น้องบอกไปท่าวังผา
เห๊ยยยย ไปจุดหมายเราพอดี ขึ้นสิเอ๋รออะไรลูกกกกกกก
ผ่านฟูจิพะเยาอีกแล้ววววววว
-
น้องขับแรงมากกกกกกก ซิ่งสุดติ่งกระดิ่งแมวเลย
ซิ่งเร็วมาก แค่ชั่วโมงนิดๆก็มาถึง ท่าวังผา (ถ้ารถโดยสาร มีสองชั่วโมงอัพ)
แรงไม่แรงดูรูป แบลคกราวจรวดมากก 5555555
ถึงท่าวังผาแล้วว นี่ต้องแยกย้ายกันแล้วหรอ TT บะบายนะทุกคนนนนนน แล้วแจกันใหม่
แลกไลน์ แลกเฟสบุ๊คกันเรียบร้อย ชื่อกรุ๊ป แจกันที่ภูลังแก ฮ่าๆ
เตรียมลุยเดี่ยวต่อออแล้วสินะ ....
Special No : 4
มุ่งหน้าสู่ ปัววววว
เราเลือกมาที่นี่เพราะเรามีโจทย์ให้กับตัวเองว่า
“อยากเห็นอะไรกรีนๆ อยากได้รูปที่มี ทุ่งนา ภูเขา หมอก และตัวเรา อยู่ในองค์ประกอบเดียวกัน!!!"
55555555 โจทย์ยากไหมอะ แต่เราอยากได้โมเม้นนี้ จริงๆๆนะ ><
จากท่าวังผา มีรถโดยสารไปปัว รอรถได้ตรงป้อมตำรวจ ถ้าจำไม่ผิดรถน่าจะมาทุกๆ 30 นาทีมั้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตรงนี้ก็สามารถรอรถไปตัวเมืองน่านได้เหมือนกันนะ รถมีเยอะ ไม่ต้องกลัวเน๊อ
ไม่นานรถก็มา ....
คลาสสิคดีเนอะ:>
-
หลังจากเรานั่งรถโดยสาร ท่าวังผา-ปัว ไม่นานก็มาถึงปัว
พี่ที่ไปบ่อเกลือ ก็ต่อรถไปบ่อเกลือที่นี่แหละ
ส่วนเราเดินมุ่งหน้าไปที่พักที่ได้จองไว้ก่อนหน้านี้ 2 วัน
ซอยที่พักเราอยู่เยื้องกับ โลตัสปัว สามารถเดินได้สบายๆ
ถึงแล้ว ปวินท์ศิลป์ รีสอร์ท
ที่นี่ตกแต่งด้วยภาพศิลปะน่านสะส่วนใหญ่ ใหม่เอี่ยมมากๆ
-
-
นั่งพักสักพัก เลยลงไปถามพี่เจ้าของรีสอร์ทว่า สามารถเที่ยวในปัวได้อย่างไรบ้าง
พี่เขาบอก มีมอเตอร์ไซด์กับ จั๊ก(จักรยาน) เราเลยขอเลือกจั๊ก เพราะขับมอไซด์ไม่แข็ง TT
พี่เขาบอกให้ไปขับฟรีเลยน้อง ขับได้ใช่ไหม
ปากก็บอกขับได้พี่ แต่ในใจ ทำไมเบาะมันนนนสูงจัง TT
เนื่องจากที่พักจะติดกับทุ่งนา เราเห็นมีทางลงไปทุ่งนา จัดไป เข็นจั๊กลงไปกลางทุ่งนา
คิดในใจ จะได้เป็นฮิปสะเตอร์แล้วเหวยยยยยย 55555
ทางเดินเป็นทางดินแดงทั้งหมด ทั้งทุ่งมีเราคนเดียว นี่ถ้าเจ้าของมาเห็นจะคิดว่ามาขโมยข้าวไหมเนี่ย 555555
เราก็เดินๆหามุมถ่ายรุปไปสักพัก อยู่ดีดีก็
ยวบบบบบ!!!!! โคลนนนนนนนดูดดดดขากุวววววจ้า
ดูดแบบครึ่งแข้งง พยายามดึงขา ดึงงงแล้ว ดึงอีก ขาก็หลุดออกมาจากดินโคลน
แต่!!!! รองเท้าช้านนนนน จมลงไปในโคลนน TT
สรุปคือ เดินเท้าเปล่า รอบทุ่ง โหวยย ยังไม่ได้เป็นฮิปซาเตอร์เลยยยย แง
- จุดเกิดเหตุ
- ถ่ายไปเรื่อยๆ
- เรื่อยยๆ
- และเรื่อยๆ
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ คิดในใจ กุจะไปล้างขาที่ไหนดีฟะเนี่ยยยยยยย...
ถ้าไปรีสอร์ทเขาจะด่าไหม ขาเละไม่พอ จั๊กเค้าเละด้วย
ทำไงดีฟะ...
เหมือนสายตาคลใจให้เห็นอะไรบ้างอย่าง
ทุ่งนาติดวัด...
ใช่!!! วัดดดดดดไง
เรารีบปั่นจั๊กที่เลอะโคลน พร้อมเท้าเปล่าปั่นเข้าไปหาห้องน้ำวัด
คำเดียว เละ!!!!
กลับมาสะอาดสดใสเหมือนเดิมแล้ว ขอบคุณน่าค่าาาา ><
แต่!!! ไม่มีรองเท้า
เลยขับจั๊กต่อด้วยเท้าเปล่าเข้าไปในตัวเมืองปัวว เห็นเซเว่นแหล่งรวมเอเวอร์รี่ติง
เดินเท้าเปล่าเข้าเซเว่น... นี่ถ้ามอมแมมหน่อยเขาคงคิดว่าเรา.... 5555555555
ก่อนเข้าเซเว่นมีพี่ผู้ชายคนนึงทัก
พี่ : น้องงง ทำไมเดินเท้าเปล่าอย่างงี้ละ
เรา : รองเท้าโดนจุ่มโคลนพี่
พี่ : เขาขำหนักมาก... (น่าขำตรงไหนฟะ) 555555
เดินเท้าเปล่าเข้าเว่นแบบใสใส
สาบานนี่ล้างเท้าแล้วว ฮ่าๆ
ถอยมาแล้วรองเท้าคู่ใจคู่ใหม่ จัดไปสีเขียว เหมาะกับกรีนซีซั่นฝุดๆ
หลังจากออกจาเซเว่นไม่นาน ฝนก็ตก
เลยนั่งแถวนั้น หาไรกินเล่นๆ
ไส้อั่ว อร่อยมากกกกกกกก ไม้โต 15 บาทเอง
หมูปิ้งรสชาติใช้ได้
แถมอะไรเขียวๆๆๆ 55555
สักพักฝนก็หยุดตก เลยขับจั๊กเล่นๆ
ขับไปเรื่อยๆ เงยหน้ามองฟ้า เห๊ยยยยย รุ้งกินน้ำ
ว๊าววววววววววว ตื่นเต้นนนนนน55555555 (ใครตื่นเต้นไหมไม่รู้ เราตื่นเต้นนมากกก)
-
-
อารมณ์รุ้งสวยๆ บรรยากาศทุ่งนา และภูเขา
ของจริงสวยมาก แต่เราสามารถถ่ายออกมาได้แค่เนี่ยแหละ แงงงง TT
ตากแดดทั้งวันเหนื่อยละงะ กลับที่พักหาไรเย็นๆกินดีฟ่า
เลยจัดไปป๋อง... 55555555555
ตาจาปิด พุ่งนี้มาต่อน่ะ
ตกดึกชักหิว พี่เจ้าของรีสอร์ทบอก แถวนี้มีตลาดโต้รุ่ง
แต่เมื่อตอนเย็นฝนตก ทำให้ของขายน้อย
เราเลยขับออกมา เห็นร้านนึง เมนูแปลกดี
ถ้าจำไม่ผิดชื่อร้าน "ล้านข้าวปั้น" มั้งง
จัดไป สอง จาน
-
เมนูที่เราสั่งจะเป็นเหมือน แป้งข้าวเกรียบปากหม้อ และ มีไส้ข้างใน
เราสั่งไปสองเมนู ไส้ผัดไท กับอีกอันผัดแบบธรรมดา
ถามว่ากินหมดไหม
ขอตอบเลยว่า ไม่เหลือสากกกกกก
เหลือแค่ จานและช้อนส้อมเท่านั้น 5555555
หนังท้องตึง หนังตาเริ่มหย่อน
คืนนี้นอนยาวยาว พรุ่งนี้ค่อยลุยต่ออเน๊อออออ Zzzzzz
Special No : 5
เช้าๆบรรยากาศแบบปัวปัว
เราตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้าตรู่ เปิดประตูระเบียงออกมา
เปิดมาก็เจอแบบนี้เลยย โอยยยวิวดีดี๊ แต่เสียอย่างเดียวไร้คู่แงงงงงง
-
-คู่ใจ เช็ครถพร้อมก่อนออกตะลุยโลกสีเขียววววว
ไหนๆบรรยากาศดีแบบนี้ เราต้องตอบโจทย์ตัวเองที่อยากมาปัวให้ได้ นั้นคือ
อยากเห็น เรา ภูเขา ทุ่งนา หมอก รวมเป็นองค์ประกอบเดียวกัน....
ยังไม่ล้มเลิกนะ ฮ่าๆ
ขับจั๊กไปเรื่อยๆๆ มองนู้นนี่ไปเรื่อย และสักพัก เห็นอะไรเขียวๆที่หางตาในซอยเล็กๆๆ
เลี้ยวจั๊กอย่างไว้ เข่าแทบติดพื้น (อันนี้เวอร์เอง55555)
ก่อนเข้าไปขออนุญาติเจ้าของบ้านก่อนนะ
เดี๋ยวโดนนปืนลั่นนน555555
พอเดินเข้าไป...
โหหหหหหหบรรยากาศหลังบ้านหลังนี้ดีมาก อิจฉาเวอร์ๆ
ลมมันเย็นโชว์สักหน่อยยฮ่าๆๆๆ (ได้รูปแล้วเย้)
เป็นไง เรา ภูเขา ทุ่งนา หมอก องค์ประกอบเดียวกัน ฮ่าๆ
คู่หู
ถ่ายรูปสักพัก เรารู้สึก อยากเห็นภูเขาเมฆหมอกแบบใกล้ๆๆ
เลยขับจั๊กไปลึกอีก ลึกอีก ลึกจนไปเจอ... เจ้าถิ่นจ้า !!!
ไม่ต้องถามว่าเปนใคร ตรูเจอน้องมะหมาสี้ขาคร๊าบเต็มซอยย
เห่าสะประหนึ่งตรูเปนโจรขโมยกะทะเจ้าของมันน
รออยู่ใย ปั่นสิเอ๋ปั่นเท้าเป็นระวิงเลย TT
พอหนีหมาสักพักเงยหน้าไปสิ่งที่เห็นคือ...วิวนี้
สดชื่นจริงๆ
วิวนี่หลักล้านนน
บางแคหาไม่ได้นะ 55555
ขอเล่าด้วยภาพยาวยาวววว
-
-
ขับจั๊กไปซ้ายมองวิว ขวามองน้องหมา กลัวมันไล่ เยอะจริงๆ
ขอบคุณน๊าาาน้องมะหมาที่ไล่เราาาา ฮ่าๆ
หนีพวกแกเหนื่อยยอะมะหมา ขอสงบกายสงบใจที่วัดแปบ...
หลังจากพักเหนื่อยแป๊บนึง
ปั่นสักพักหิวแล้วสิ ไปสะดุดร้านนึง
เพราะคำว่า กับแกล้ม
คาดว่าขี้เมา กับข้าวต้องเด็ด สั่งเลย คะน้าหมูกรอบ
อร่อยเด็ดจริงงแถมคุยถูกคอกับพี่เจ้าของร้าน
พี่เขาทิ้งเบอร์ไว้ให้และบอกว่า ถ้ามาอีกพาแก๊งมา เดี๋ยวพี่พาทัวร์ คนน่านนี่ใจดีชริงๆ
น้ำตกหน้าร้าน
จินตนาการล้ำมาก
ก่อนกลับขอตะลอนรอบปัวอีกสักหน่อยละกันเนอะ :>
ร้านตัดผมที่คลาสสิคมากๆ ชอบบบบจัง
หนูยังต้องหัวเกรียนอีกนานลูกกกก
-
แวะทำบุญวัดปรางค์ก่อนกลับสักหน่อย
ไหนๆก็แอบไปใช้ห้องน้ำวัดมาละ ><
ขอบคุณนะค่า สาาาาาาาธุ
ธนาคารกสิกรไทย สไตล์น่าน
-
เวลาล่วงมาสักพัก ใกล้ถึงเวลาเช๊คเอ้า ที่พักแล้วสินะ
ขอนั่งชมวิวตรงที่พักสักหน่อย
-
กรีนดีจริงๆ
ชอบจุงงง
หลังจากเช็คเอ้าเสร็จ ก็มาศาลารอรถโดยสารตรงข้ามวัดปรางค์ (วัดที่เราเข้าไปใช้ห้องน้ำ ฮ่าๆ)
เพื่อหารถโดยสารไป อ.นาน้อยต่อ
สถานนีต่อไปคือ ดอยเสมอดาว
เราต้องนั่งรถจากปัวไปในตัวเมืองน่านก่อนเพื่อหารถต่อไปเวียงสา และ ค่อยไปนาน้อยต่อ
รถจากปัวไปตัวเมือง มาทุก ๆ 15-30 นาที มีรถสองแบบคือ แบบสองแถวและแบบรถเมล์ท้องถิ่น
รอสักพักรถสองแถวก็มา
-
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงแล้ววววว บขส น่าน
หิวมากเลยหาอะไรรองท้องสักหน่อย
อร่อยทุกอย่างเลย
คนเดียวก็ฟาดเรียบนะจ๊ะ
มีแรงแล้วพร้อมเดินทางต่อ
จากบขส มีรถตู้ไป อ.เวียงสา (คันซ้ายนะ 555555)
-
ใช้เวลา 30 นาทีก็มาถึงเวียงสา
ถามคุณลุงคนนึง ว่า รถไปนาน้อย ออกกี่โมง คุณลุงบอก ออก 4 โมงเย็น(รถมีทุกๆหนึ่งชั่วโมง และสี่โมงคือรอบสุดท้าย)
และลุงบอก ลุงเองหละเป็นคนขับ
ณ ตอนนั้นนาฬิกาเราประมาณ บ่ายสามนิดๆ
เราพอทราบมาว่า ที่เวียงสา มีพิพิธภัณฑ์จักรยานเก่าอยู่ (เมืองน่านเมืองจักรยานนิเนอะ)
เลยถามทางคุณลุง คุณลุงบอก พิพิธภัณฑ์ชื่อ “เฮือนรถถีบ"
เดินตรงไป เลี้ยวขวาไม่ไกล อยู่ในปั้มเชลล์เลย
และ คุณลุงบอกให้รอลุงที่ปั้มเชลล์ก็ได้นะ เดี๋ยวลุงต้องไปเติมน้ำมันอยู่ดี
โอเคจัดไป เราฝากกระเป๋าเป้ไว้ที่รถ พกกล้องและของมีค่าไป
ระหว่างทางเดิน
โอ๊ยย อยากมีโมเม้นนี้บ้างจุง
ถึงแล้ววว เฮือนรถถีบ
-
-
-
จักรยานรุ่นเก่าๆเยอะมาก
เราว่าใครชอบจักรยาน หรือของเก่าๆ น่าจะชอบที่นี่นะ
คนน้อยไม่วุ่นวายด้วย
พี่คนดูแลบอกว่า ถ้าเกิดมาแล้วเห็นประตูปิด สามารถไปตามพี่เขาได้ที่บ้านเรือนไทยข้างๆได้
พี่เขาจะมาเปิดประตูให้
ใครผ่านมาเวียงสาก็อย่าลืมแวะไปนะ :>
หลังจากเดินเล่นสักพัก มองดูนาฬิกายังไม่สี่โมงเลย
เราเลยจะเดินกลับทางเดิมเพื่อไปที่ท่ารถ
แต่…คุณลุงแว๊นมอเตอร์ไซด์มารับที่ปั้มเชลล์จ้า
ตกใจเล็กน้อย คุณลุงบอกว่า ลุงบอกทางเดินไปอีกทาง
แต่รถลุงต้องออกอีกทาง กลัวหนูเดินสวนทางกันและตกรถ
ลุงเลยยืมมอไซด์คนแถวนั้นมารับหนู
ซึ่งไตตนัมไตตคนน่าน TT ขอบคุณมากๆๆค่าคุณลุง
เตรียมพร้อมไป นาน้อยแล้ว
คุณลุงสวมบทโชเฟอร์
ช่วงบ่ายของวันนี้เดินทางทั้งวันจริงๆ
แต่เราชอบนะ บรรยากาศข้างๆทำให้ลืมเรื่องเวลาในการเดินทางไปเลย
อากาศเย็นๆ มองไปทางไหนก็กรีนนนนไปหมด
แถมเจอแต่คนใจดี หลงรักเมืองน่านจัง :>
-
ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ จากเวียงสา มา นาน้อย
หลังจากถึงนาน้อยก็หาที่พัก ไปเจอที่พักนึงมา ติดถนนใหญ่แต่จำชื่อไม่ได้หงะ
มีร้านกาแฟเล็กๆใต้ที่พัก แต่งร้านน่ารักดีจัง
-
วันนี้เดินทางทั้งวันพักผ่อนเตรียมขึ้นดอยเสมอดาวพรุ่งนี้ดีกั่ววววววว Zzzzzzz
*ลืมบอก ตอนเราไปเป็นช่วงน่าฝน ดอยเสมอดาวก็เลยไม่ให้ขึ้นไปกางเตนท์
แต่เรามารู้ที่หลังว่า ผาชู้ ที่อยู่ใกล้ๆดอยเสมอดาวกางเตนท์ได้ TT เสียดายจุง
Special No : 6
สวัสดี ดอยเสมอดาวอเกน ทั้งดอยมีเราคนเดียว :>
เราตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตี 5
แต่คือ ฝนยังตกอยู่เลย และข้างนอกก็ไม่มีรถวิ่งสักแอ๊ะ
สักประมาณ 6 โมงเช้าข้างนอกเริ่มเช้าแล้ว
เรากะจะโบกรถขึ้นดอยเสมอดาวสะหน่อย
แต่…
รถแทบไม่มีวิ่ง เงียบเหงามากกกกก
เลยเดินไปที่ศาลาริมทาง เห็นป้ายเขียนว่า มอเตอร์ไซด์รับจ้างขึ้นดอยเสมอดาว
มีให้เลือก 3 คนด้วยกัน
เราโทรหาพี่คนแรก พี่เขาไม่ว่างเพราะต้องไปทำสวน
ก็เหลือ คนที่สองและสาม
เราเห็นรูปคนที่สองยังหนุ่มอยู่ เลยกลัวนิดๆ 555555 (เหมือนกรุจาสวยยยยยยยย)
เลยเลือกคุณพี่คนที่สาม เพราะดูไม่วัยรุ่นไปไม่แก่ไป
เซฮาโหลเลยจ้า รอคุณพี่มารับ นัดกันที่ศาลานี่ละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ราคาถ้าไปอย่างเดียว 200 บาท แต่เราขอไปกลับ และพาแวะเที่ยว เค้าคิด 300 บาท)
มีพี่คนนึงเดินมาที่ศาลาและถามเราว่า
พี่: จะไปไหนหรอน้อง
เรา : จะขึ้นไปดอยเสมอดาวค่าพี
พี่ : ไปยังไง เหมารถกระบะไปไหม
เรา : ไม่เป็นไรๆค่ะ หนูโทรหาคุณพี่คนที่สามแล้วค่ะ (พร้อมชี้ไปที่รูปที่พ่วงด้วยเบอร์โทร)
พี่ : โวยน้อง กล้าไปได้ยังไงเนี่ยลุงแล้วไม่ใช่พี่ เผลอๆตาด้วยมั้ง ลุงแกอายุจะ 80 ปี อยู่แล้ว กล้าไปได้ยังไง พี่นี่ยังไม่กล้าซ้อนแกเลย ฝนตกถนนลื่นด้วย ฮึ่ยยยยยยพี่กลัว
เรา : ………. กรรมมมมมมและจะพูดให้กรุกลัวทำไมแจ๊ะะ
จะโทรไปยกเลิกคุณลุงก็ไม่ทัน คุณลุงมาสะและ แหม่…ในรูปดูหนุ่มเชียวนะลุง
คุณลุงขอแวะเติมน้ำมันแปบ
เอาวะ ไหนไหนก็ไหนไหน ไปก็ไปเชื่อใจในลุง ลุงต้องแก่ประสบการณ์แน่ๆ
คุณลุงพร้อมมมลุยยย!!!!!
-
ขับไปสักพัก เห็นอะไรฟุ้งๆขาวๆ ทีแรกนึกว่าหมอก
แต่เปล่าจ้า รถลุงควันออก โอยยยยยยยยย กรุมาทำอะไรที่นี่
แต่ลุงไม่สนใจ เร่งเครื่องต่อไป โอเคคคคค เชื่อใจลุงนะ TT
ในที่สุดก็มาถึง ดอยเสมอดาว อย่างปลอดภัย
แต่… สิ่งที่ทึ่งคือ
ทั้งดอยมีเราคนเดียว...
เพื่อนๆฟังไม่ผิดหรอก ทั้งดอยไม่มีใครเลย เราคนเดียวจ้า
ตอนแรกคุณลุงเป็นห่วงบอกไปเป็นเพื่อนไหมหนู แต่คือเราเป็นห่วงลุงมากกว่า เราเลยเดินขึ้นไปคนเดียว
อากาศแปรปรวนลมแรง มองไม่เห็นทาง
รู้สึกกลัวซอมบี้โผล่กลางหมอกขาวๆนี้จังเลยหวะ แหม่ นี่มันประเตทไตนะ...
-
-
ตั้งขาต้งกล้อง 12 วิ และวิ่งงงงงงงงงงงงง แฉะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราจำได้ครั้งแรกที่ได้มาเยือนคือเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน จุดไฟเย็นเคาดาวน์ช่วงปีใหม่
หมอกสวย ฟ้าใส บรรยากาศดีมาก แต่คนก็เยอะมากๆๆ และมันก็นานมากแล้ว แทบจำอะไรไม่ค่อยได้
แต่บรรยากาศแบบวันนี้ก็แปลกไปอีกแบบ
และแน่นอนว่า เราจะกลับมาดอยเสมอดาวครั้งที่ 3 อีกแน่นอนน ฮิฮิ
มีบ้านพักของเจ้าหน้าที่อยู่หลังนึง พี่เขาชื่อพี่วีระ เราเลยขอเบอร์พี่วีระไว้
และบอกแกว่า เดี๋ยวสัก 10 โมงหนูโทรมาใหม่ ถ้าฟ้าเปิดหนูอาจจะขึ้นมา :x
โอเคเราไปจุดหมายต่อไปดีกว่า คุณลุงพามา เสาดินนาน้อย
แน่นอน มีแต่เราคนเดียวเช่นเดิม ชอบจังไม่ต้องไปแย่งวุ่นวายกับใคร :>
นั่งมอไซด์กับลุงนี่เมื่อยตูดใช่เล่นนะ ไม่ใช่มันไกลอะไรหรอก
แต่แบบ เราเกร็งไง นั่งไปลุ้นไป กลัวลุงแกวูบ ฮ่าๆ
-
เอารูปแอบเซลฟี่คุณลุงมาอวด
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ คุณลุงงงง ><
สรุปคือเราก็ไม่ได้ขึ้นไปดอยเสมอดาวอีก เพราะเราโทรไปหาพี่วีระ
พี่แกบอกว่า อากาศแบบเดิมเลยฟ้าไม่เปิด เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกตลอดทั้งคืน
คอมเม้นนี้ให้ลุงเป็นพระเอกเลยละกันนะ 5555555
เตรียมตัวเดินทางต่อดีกว่า วันนี้ต้องเตรียมตัวกลับแล้วสินะ … เวลาเดินไวจุง TT
พร้อมลุยยยยยยยยยย!!!!
Special No : 7
ลุยตัวเมืองน่านแบบ(อัน)สโลววววววไลฟ์
เราเดินมารอรถโดยสารจาก นาน้อย เพื่อไป เวียงสา
รอนานจนได้เพื่อนเป็นเด็กประถมแถวนั้นละ
น้องตกใจมากที่เรามาเที่ยวคนเดียว 5555555
สักพักรถก็มา เจอคุณลุงคนเดิมเลย นี่ทั้งคิวมีลุงขับอยู่คนเดียวเปล่าเนี่ย 555555
เหมือนเดิมเลย พอถึงเวียงสา ก็ต่อรถไปอำเภอเมืองน่าน
ถึงตัวเมืองน่าน ตอนบ่าย 3 โมง และรอบรถทัวร์ที่เราจองกลับ กทม.รอบทุ่มนึง
เหลือเวลาอย่างมากคือ 3 ชั่วโมงในการตะลอนตัวเมืองน่าน
เดินออกจาก บขส ซ้ายมือจะมีร้านเช่าจักรยาน
ซึ่งเค้าว่ากันว่าเมืองน่านเป็น เมืองที่ slow life ปั่นจักรยานแบบใสๆ แต่!!!! เราสโลไม่ไหวและ
เพราะมีเวลาแค่ 3 ชม. The fast life แบบเราเลยจัดมอเตอร์ไซแบบออโต้เลย
ขับก็ไม่แข็ง...เน้นใจกล้าเอาตัวรอดล้วนๆ ตื่นเต้นโค่ดๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ขับมอเตอร์ไซด์ฝ่าฟันถนนใหญ่แถมต้องขึ้นเขาอีก
พี่คนให้เช่าบอกว่ามอเตอร์ไซด์ เช่าครึ่งวัน 150 บาท
เราเลยขอเช่าครึ่งของครึ่งวัน 75 บาทได้ไหม 555555
พี่อึ่งสักพัก คงคิดในใจนี่มุงต่อกรุขนาดนี้เลยหรอ
กล้าขอคงกล้าให้ สรุปพี่ขอราคา 80 บาทแทน
โอเคจัดไปปปป เตรียมแว๊นมอไซด์ตะลอนเมืองครั้งแรก ตื่นเต่วเหวยยยย
สถานที่แรกของตัวเมืองน่าน เราเลือกไปวัดพระธาตุเขาน้อย
ตื่นเต่วววววว เป็นครั้งแรกที่ขับมอเตอร์ไซด์ฝ่าฟันถนนใหญ่แถมต้องขึ้นเขาแถมฝนตกอีก
-
ระหว่างขับลงเขา ฝนตกหนักมากกกกกก เลยแวะร้าน น.น่าน café หลบฝนก่อนละกัน
กินกาแฟไม่เป็นเช่นเดิม เลยสั่งโกโก้แก้วนุงงง
-
สโลววไลฟ์ไหมมมหละ จั๊กเต็มมเลย
-
ทำยังไงฝนก็ไม่หยุดตกสักที เราเลยรอฝนซาและเตรียมตะลุยต่อ
นี่ต้องขอบพระคุณกล้องถ่ายรูปเราจริงๆ ที่มันสามารถกันน้ำด้ายยยยยย ทนทานจริงๆดูโอ้ของช้านนนน
สถานที่ที่สองตัวเมืองน่านคือวัดพระธาตุแช่แห้ง
ซึ่งจะอยู่คนละฝั่งกับ วัดพระธาตุเขาน้อย
สงบมากๆ มีเราคนเดียวเช่นเคยที่สักการะอยู่
สถานที่ที่สามตัวเมืองน่านคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน
เช่นเคย…มีเราคนเดียว ไม่ต้องแย่งกับใครเลยย
-
พิพิธภัณฑ์ ปิดปรับปรุงอยู่
สถานที่ที่สี่ตัวเมืองน่านคือศาลหลักเมืองน่าน
สถานที่ที่ห้าตัวเมืองน่านคือ วัดภูมินทร์
-
เวลา 3 ชั่วโมงของการใช้ชีวิตแบบ the fast life ของเรา สามารถแวะที่เที่ยวขึ้นชื่อของเมืองน่านได้ถึง 5 ที่
หลังจากคืนมอเตอร์ไซด์เสร็จ เราก็นั่งรถทัวร์กลับ กทม. และมาทำงานต่อ สวัสดีวันจันทร์
การเดินทางในตัวเมืองน่านอาจจะไม่ละเอียดอะไรนะ
ในมือเรามีแผนที่ก็จริง
แต่ยังไงก้หลงอยู่ดี TT เราว่าแผนที่ที่ดีที่สุดคือ ปากของเราเนี่ยแหละ
ไปไหนไม่ถูกก้ถามเลย ขนาดไปตามทางที่บอกเรายังหลงได้เลย55555
เนี่ยละเสน่ห์อย่างนึงของผู้หญิง คือมีแผนที่อยู่ในมือ แต่มันก็สามารถหลงทางได้
Special No : 8
เราว่าการเดินทางของเราครั้งนี้ไม่ได้หวือหวาอะไรนะ
แต่มันคือการใช้ชีวิตอย่างนึงเลย
ที่มันทำให้สามารถลืมอะไรบางอย่างได้บ้างถึงมันจะแค่ชั่วคราวก้เหอะ…
ขอบคุณผู้คนน่ารักทั้งที่พะเยาและน่าน
ขอบคุณนิวแก๊งทั้ง 3 คน ที่ทำให้ทริปนี้มีสีสัน :>
ขอบคุณน้องหมาที่เห่าไล่ ทำให้ได้เห็นวิวสวยๆ
ขอบคุณกล้องถ่ายรูปดูโอ้คู่ใจ ที่ฝนตกแค่ไหนแกก็ไม่เป็นอะไร ลุยไปกับเราได้
ขอบคุณหัวไหล่ที่แบกขาตั้งกล้องหิ้วไปหิ้วมาได้สบาย
ขอบคุณอะไรบ้างอย่างที่ทำให้เราต้องออกเดินทางเพื่อให้ลืมอีกครั้ง
และ
ขอบคุณทุกๆๆคนที่ติดตามมานะค่า
LifeBrary journey
วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.33 น.