ความเดินตอนที่แล้ว https://th.readme.me/p/43745


     หนาวนี้ มาถึง จ.แม่ฮ่องสอน แล้วก็คงต้องมาเยือนหมู่บ้าน กลางหุบเขาที่นี่ ไม่มาเดี๋ยวว่ามาไม่ถึง

                       "บ้านรักไทย" 

     การเดินทางที่ต้องผ่านโค้งมาหลักพันโค้ง อันอาจทำให้ท่านๆปวดเศียรเวียนเกล้าถึงขั้นต้องแวะอาเจียนกันเลยทีเดียว แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ท่านจะลืมความเหนื่อยล้ากับการเดินทางไป ท่านจะรู้สึกแปลกตาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน หรือ ‘จีนฮ่อ’ ซึ่งเป็นทหาร ก๊กมินตั๋ง ที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน

       เดิม ทหารจีนเหล่านี้เคยสู้รบกับทหารคอมมิวนิสต์จีนแต่สู้ไม่ไหวกลายเป็นกบฏเจียงไคเชคถอยร่นมาอยู่ พม่า ลาว ไทย โดนพลักดัน สู้รบกันไปมา ย้ายกลับไปไต้หวัน กำลังบางส่วนไม่กลับก็อยู่แนวชายแดนที่ พม่า ไทย เข้าไทยก็ไม่ได้ พม่าก็ไม่ได้ ก็ค้าฝิ่น(ในสมัยที่ถูกกฎหมาย)ตามแนวชายแดนเพื่อนำเงินซื้ออาวุธ เป็นกองกำลังติดอาวุธ เพราะคอมมิวนิสต์จีนก็ตามกวาดล้างหนัก และขยายอิทธิพลไปต่างประเทศ นานวันเข้าบางส่วนก็ถอยร่นเข้ามาเขตไทย เพราะไทยขอให้ไปรบกับ ผกค ที่เพชรบูรณ์ ที่แผ่อิทธิพลเข้าไทย เพราะเห็นว่าทหารกลุ่มนี้รบในป่าเขาเก่ง เอาไปเป็นกำลังป้องกันตอนสร้างถนนที่ น่านและเชียงราย ด้วย

"ร้านอาหารจาต๋า" เป็นร้านอาหารและกึ่งจะเป็น ‘พิพิธภัณฑ์สงคราม’ แล้ว เพราะเจ้าของร้านแกเป็นทหารก๊กมินตั๋งนี่แหละ แกชื่อ จาต๋า แซ่ข่วง พ่อของแกเป็นพลทหารของก๊กมินตั๋ง ช่วงนั้นคอมมิวนิสต์ยึดประเทศจีนได้แล้ว พ่อแม่แกก็เลยพาแกหนีเข้ามาอยู่พม่าในป่าตั้งแต่2ขวบ จน11ขวบ แกก็โตพอที่จะรู้เรื่องทหารจึงได้เข้าเป็นทหารของก๊กมินตั๋ง สังกัดกองพล 93 ต่อมาเมื่อการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ในไทยหมดลง ไทยก็เลยตอบแทนโดยการให้ที่อยู่อาศัยให้ที่ทำกิน เช่นที่ ฝาง แม่สลอง เทิง และบ้านรักไทยที่นี่ 

    ที่ร้านรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในสมัยนั้นของทหารก๊กมินตั๋งที่เคยใช้งานที่พอรวบรวมได้มาจัดแสดงโชว์และรูปถ่ายต่างๆก็มีให้เห็น

หลังคายังคงเป็นใบตองตึงแบบสมัยก่อนอยู่ ถึงแม้บางส่วนจะเริ่มปรับปรุงเป็นแบบร่วมสมัยแล้ว

   เป้ อาวุธ วิทยุ กุญแจมือ อุปกรณ์ภาคสนามถูกเอามาจัดแสดงโชว์ไว้ให้เห็น

ร้านนี้นอกจากขายอาหารแล้วก็ยังมีผลไม้ดอง บ๊วย และชา อันขึ้นชื่อของที่นี่ด้วย

     เราเลยฝากท้องไว้กับร้านนี้ซะเลย  ต้มไก่สมุนไพรจีน อันนี้อร่อยดีทีเดียวเลย แต่ราคาก็แอบแพงอยู่ 250 บาท

     ต้มจืดร้อนๆกับข้าวสวย แล้วก็หมั่นโถอีกสักลูกก็อิ่มแล้ว...สำหรับมื้อนี้

    ที่พักของเราครับ จูจู โฮมสเตย์ รักไทย คืนละหนึ่งพัน จองที่อื่นไม่ทัน เต็มเรียบ แฮะๆ

ส่วนมากที่พักขึ้นชื่อจะเปิดให้จองกันตั้งแต่กลางปี ปลายปียันต้นปีนี่จะถูกจองเต็มตลอด ต้องรอห้องหลุด ซึ่งมีหลุดก็จองไม่ทัน555

   แต่ที่นี่ก็ดีนะ ถึงจะเป็นห้องพัดลม เล็กๆ ไม่ใหญ่ รวมอาหารเช้าด้วย สำหรับสองท่าน อาบน้ำเก็บของ นอนแป๊ปเดียวก็ไปแล้ว นอนไม่ปวดหลังพอ ที่นอนก็โอเคอยู่  ที่พักนี้อยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำใกล้ๆโซนขายหมูกระทะอีกต่างหาก ไม่ต้องเดินไกล  แต่ที่จริงเราก็เดินเล่นทั้งหมู่บ้านแหละ อากาศเย็นเดินสบาย 

    บริเวณหน้าห้องพักเราเห็นมีป้ายถนนคนเดิน ไอเราก็ว่าตอนเย็นๆคงจะมีตลาด อ้อเขามีเฉพาะช่วงปีใหม่เมื่อปีก่อนๆ   ร้านขายของที่เห็น ขายของถูกนะ เป็นร้านขายของชำ มีผักผลไม้ หมูสด ขายด้วย ชา กาชงชาก็มี ชาร้านนี้ขายถูก

 

      เดินเล่นสักหนึ่งรอบ

   เดินดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อยจนลืมถ่ายรูปอ่ะ ว๊าปกลับไปนอนแปป

  หน้าหนาวมืดไว หกโมงครึ่งมืดแล้ว เราก็ออกมานั่งกินหมูกระทะริมน้ำกัน ชุดละห้าร้อย

  หมูกระทะยืนกิน  คือเตาพอวางบนโต๊ะแล้วมันสูงไป เมื่อยแขน เลยต้องยืนกิน555

     อุณหภูมิที่นั่งกินข้างเตานี่ 19.8 องศา เราต้องตัดความหนาวด้วยน้ำอัดลมใส่น้ำแข็ง ฮิฮิ

  นั่งกินไปก็ชมแสงไฟจากร้านค้า จากรีสอร์ท ห้องพัก ลีไวน์รักไทย ชาสารักไทย และอื่นๆ เรือที่ลอยลำอยู่กลางน้ำ แสงที่ตกลงกระทบน้ำ บรรยากาศมันเหมาะ มันสวย กว่าในรูปถ่ายเยอะ

  อิ่มแล้วเราก็เดินเล่นอีกสักรอบ


             โซนนี้โคมไฟสีแดงถูกตกแต่งไปทั่วท้องถนน 

  ประมาณสามทุ่มครึ่ง สี่ทุ่มนี่แต่ละร้านก็ทยอยปิดแล้ว

   ที่นี่มีปั้มหลอด ไว้บริการด้วยนะ  เดินเล่นครบรอบแล้วก็กลับที่พักนอน...

       ตื่นแต่หกโมงมาดูหมอกยามเช้า อ้าวมีเรือพายกันออกแต่เช้าเลยแฮะ  หมอกลอยเหนือน้ำพัดผ่านพร้อมอากาศที่เย็นเจี๊ยบบบ ซะใจดีเหลือเกิน

ดูดิ ตอนเจ็ดโมงนี่อุณหภูมิยัง 14 องศาอยู่เลย ตีสี่ ตีห้า นี่ไม่ต้องพูด นอนคุดอยู่ในผ้าห่มอย่างสบายใจ555

  เจ็ดโมงครึ่ง แดดเริ่มส่องแสงให้เราอบอุ่นบ้าง

  เกือบๆแปดโมงก็จะมีพระบิณฑบาตร ตรงนี้จะมีชุดใส่บาตรจำหน่ายด้วย

  เขื่อนในหมอก  หรือ หมอกในเขื่อน

   ร้านค้าเหล่านี้ก็เริ่มเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวยามเช้า ชา กาแฟ หมั่นโถ ติ๋มซำ โจ๊ก นั่งกินปะทะไอหมอกเย็นๆกันได้เลย

    แต่เรากลับมาที่พักของเรา เพราะที่นี่มีอาหารเช้าไว้ให้เราแล้ว 

     หมอกยังคงกระจายอยู่รอบหมู่บ้านเลย นี่เก้าโมงแล้วนะ

ชา กาแฟ โอวัลติน ข้าวต้ม ไข่ต้ม หมั่นโถ ขนม

กินให้เต็มที่ไปเลยเพราะคนอื่นเขากินไปหมดแล้ว555

   อาเจ้เจ้าของห้องผู้ที่พูดไทยสำเนียงจีน ซึ่งอาจจะพูดจีนถนัดกว่าพูดไทย แกเอาหมั่นโถไปอุ่นให้ แต่กลับมาพร้อมกับหมั่นโถทอดด้วย จ๊าปไปเลย อร่อยด้วย...

  ขนมนี้ก็อร่อยดี แกว่ามาจากไต้หวัน  คล้ายคอร์นพัฟฟ์บ้านเราเมื่อก่อน 

    ของกินขึ้นชื่อ ณ บ้านรักไทยแห่งนี้ ก็ต้องขาหมูยูนนาน แต่เราไม่ได้กิน... 555  ไว้ไปใหม่คราวหน้าคงต้องลอง

    มาเยือนตรงนี้ได้สัมผัสบรรยากาศ อันแปลกหูแปลกตา อากาศอันยอดเยี่ยม รสชาติอาหารที่อร่อย วัฒนธรรมการใช้ชีวิต สำเนียงเสียงพูด การตกแต่งสร้างร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก บ้านคน อาจจะไม่ได้มีรูปมุมมหาชน ไม่ได้มีรูปไร่ชาที่นี่  ก็ไม่ได้เข้าไปเนอะ555 แต่ที่สัมผัสก็คุ้มกับค่าผ่านทางพันๆโค้งที่ดั้นด้นกันมาแล้วล่ะ ใครยังไม่เคยพาตัวเองมาที่นี่ อยากให้ลองมาสัมผัสกันสักหนึ่งคืนสองวันนะ...  

พิกัด บ้านรักไทย GPS: https://goo.gl/maps/QHpzpUpUeb...


+++++ฝากเพจไว้ให้ติดตามกันด้วย เผื่อมีอะไรดีๆที่คุณสนใจ+++++

https://www.facebook.com/travel1night2days


Sikhorn Palanan

 วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 00.46 น.

ความคิดเห็น